“เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้คุณแซนด์รู้ว่าพื้นที่ตรงไหนที่สามารถใช้งานได้บ้างนะคะ”
“ค่ะ” แซนด์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“เพนต์เฮาส์นี้มีสองชั้น ชั้นบนทางปีกขวาจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของท่านประธานทั้งหมด คุณแซนด์ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปจนกว่าท่านประธานจะบอกเอง ส่วนปีกซ้ายจะเป็นที่ตั้งของห้องหนังสือและห้องดูหนัง คุณสามารถใช้ได้”
ร่างบางช้อนสายตามองขึ้นไปบนชั้นสองเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับมามองจีน่าอีกครั้ง “แล้วห้องนอนของฉันล่ะคะ”
“ห้องของคุณแซนด์จะอยู่ชั้นล่างทางฝั่งขวาค่ะ ในส่วนของชั้นล่างทั้งหมดสามารถใช้ได้ตามต้องการ ประตูออกไปสระว่ายน้ำอยู่ด้านหลังของบันได ปกติที่นี่จะมีแม่บ้านประจำเข้ามาทำความสะอาดทุกสองวัน”
“มีห้องซักล้างมั้ยคะ”
“ไม่มีค่ะ แม่บ้านจะมาเก็บนำไปซักในวันนั้นเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะแจ้งแม่บ้านเกี่ยวกับคุณแซนด์อีกที”
เป็นครั้งแรกที่แซนด์รู้สึกว่าคลื่นอยู่เกินเอื้อมมากกว่าที่คิด จากเด็กผู้ชายที่เล่นดินจนเนื้อตัวมอมแมมกลายเป็นคุณชายที่มีคนคอยปรนนิบัติพัดวีให้
“คุณแซนด์สามารถเข้าอยู่ได้ตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ นี่เป็นคีย์การ์ดส่วนตัวของคุณค่ะ” จีน่ายื่นคีย์การ์ดกำมะหยี่สีแดงทองไปตรงหน้าแซนด์ พร้อมกับบัตรเครดิตสีดำแวววับไม่จำกัดวงเงิน “ท่านประธานมอบหมายให้คุณแซนด์เป็นคนทำอาหารเช้า ใบนี้เป็นเครดิตการ์ดสำหรับใช้จ่ายส่วนตัว”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“คุณแซนด์จะลองเข้าไปดูห้องส่วนตัวก่อนก็ได้นะคะ”
“ถ้างั้นขออนุญาตนะคะ” ว่าจบหญิงสาวก็เลี่ยงมายังห้องนอนใหม่ที่มีโดยไม่ได้ตั้งตัว กะจากสายเป็นห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าและค่อนข้างใหญ่
เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องดูใหม่จนเหมือนว่าไม่เคยมีใครใช้งานมาก่อน ซ้ำบางชิ้นยังถูกคลุมพลาสติกกันฝุ่นไว้อยู่เลย แซนด์เดินสำรวจมาถึงห้องน้ำ ตะลึงเป็นรอบที่สองเมื่อเห็นว่าห้องน้ำมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งในสามของห้องนอน มีอะไรอุปกรณ์ไอทีหลายอย่างที่ไม่ควรเอาตกแต่งในห้องน้ำ
แต่พอคิดว่าเจ้าของบ้านเป็นคลื่นก็ไม่แปลกใจ เพราะจำได้ว่าเขาชอบห้องน้ำเป็นพิเศษ สมัยก่อนเขาชอบเอาเครื่องนอนไปนอนในอ่างอาบน้ำ เสียงน้ำไหลทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย อันที่จริงเธอไม่เห็นกับตาหรอก แต่เวลาวิดีโอคอลไปปลุกตอนเช้ามักจะเห็นเขานอนอยู่ในห้องน้ำบ่อย ๆ
เมื่อสำรวจครบทุกกระเบียดนิ้ว แซนด์จึงเดินออกมาหาจีน่าที่ห้องโถงอีกครั้ง “เรียบร้อยแล้วค่ะคุณจีน่า”
“ถ้างั้นกลับเลยดีมั้ยคะ เผื่อคุณแซนด์ต้องกลับไปเอาของใช้ส่วนตัว”
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ” ก็ดีเหมือนที่ได้มาอยู่ที่นี่ เธอจะได้ไม่ต้องเอาเงินเก็บที่เหลืออยู่ไม่เท่าไรไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อหาคอนโดมิเนียมใหม่ ซ้ำภูธเนศยังแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากให้เธออยู่ที่บ้านหลังนั้น
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องสนใจท่าทีของพี่ชายต่างแม่เลยด้วยซ้ำ เพราะบ้านหลังนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากบ้านเธอ แต่ขอรีบย้ายออกเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตนดีกว่า
แซนด์เดินทางมาถึงบ้านโดยมีจีน่าเป็นคนมาส่ง ก่อนหล่อนจะขอกลับไปทำงานของตนต่อ เธอรีบขึ้นมาเก็บของใช้ส่วนตัวไม่กี่อย่างใส่กระเป๋าเดินทางสองใบที่นำมาจากประเทศอังกฤษ แล้วเรียกแท็กซี่จากแอปพลิเคชันให้มารับ
“น้องแซนด์จะไปไหนคะเนี่ย” แขไขเอ่ยถามเมื่อเดินลงมาจากชั้นสามของบ้านแล้วเห็นแซนด์นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ใกล้กันมีกระเป๋าเดินทางตั้งอยู่
“แซนด์จะย้ายออกค่ะ พอดีได้ที่พักแล้ว”
“อ้าว พี่คิดว่าจะอยู่ที่นี่ยาว ๆ ซะอีก”
แซนด์ไม่ได้ตอบอะไรพี่สะใภ้กลับไป เพราะสนใจกระเป๋าแบรนด์เนมหนังจระเข้ราคาใบละล้านบาทที่หล่อนหิ้วอยู่มากกว่า
“กระเป๋าสวยดีนะคะ พี่แขเพิ่งซื้อมาเหรอ”
“ใบนี้พี่ซื้อมานานแล้วนะ แต่ไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้”
“แล้วนี่จะออกไปข้างนอกเหรอคะ” ถ้าซื้อมานานแล้วก็แล้วไป ถึงจะตงิดใจอยู่ลึก ๆ เพราะเธอไม่เคยเห็นแขไขอัปโหลดภาพนี้ลงอินสตราแกรมเลย
“ใช่จ้ะ น้องแซนด์จะให้พี่ไปส่งมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ แซนด์เรียกแท็กซี่มาแล้ว”
“ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ” แขไขส่งยิ้มผ่านดวงตาให้กับน้องสาวต่างแม่ของสามี ก่อนจะเดินนวยนาดออกไปจากบ้าน โดยมีสายตาของแซนด์มองตามไปอย่างคลางแคลงใจ
18.00 น.
แซนด์กลับมาเหยียบเพนต์เฮาส์ของคลื่นเป็นรอบที่สองของวัน ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่เลยว่าเขาจะก้าวหน้าได้ถึงขนาดนี้ แต่นึกอีกทีก็ลืมไปว่าไม่ได้เจอกันมาตั้งสิบหกปีแล้ว
เหตุผลที่ทำให้กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันก็คงเริ่มมาจากที่คลื่นสารภาพรักกับเธออย่างไม่ได้ตั้งตัว พอถูกเธอปฏิเสธคลื่นก็หลบหน้า ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ เดินสวนกันที่โรงเรียนก็ทำเหมือนว่าเธอเป็นธาตุอากาศ
ตอนนั้นเข้าใจว่าคลื่นคงโกรธเกลียดที่เธอหักอกเขา เธอถึงได้เลือกจะเดินทางไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ คราแรกตั้งใจจะกลับบ้านเกิดหลังจากรับปริญญา แต่ดันได้ทุนเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย ระหว่างนั้นก็ทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น
แซนด์ลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องนอนส่วนตัว อันแพ็กของใช้นำไปจัดวางให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นก็มาแกะพลาสติกคลุมเฟอร์นิเจอร์แล้วถือมันออกมาทิ้งที่ถังขยะนอกห้อง
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงลิฟต์ดังขึ้น เจ้าของบ้านเดินถอนหายใจมาแต่ไกล ใช้มือข้างหนึ่งคลายเนกไทออกหลวม ๆ เมื่อแซนด์เห็นหน้าเขาก็นึกถึงข้อตกลงที่ระบุอยู่ในสัญญาขึ้นมาทันที
“คลื่น”
“หือ?” เจ้าของชื่อเผลอขานรับเสียงเรียกพลางหันมองไปทางต้นเสียง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกตนเองด้วยชื่ออย่างสนิทสนม “…ผมให้คุณเรียกชื่อเล่นได้ แต่ผมก็เป็นเจ้านายคุณนะครับ”
แซนด์ส่งเสียงเหอะในคอ “ค่ะคุณคลื่น”
“เรียกผมทำไมครับ แล้วนี่ย้ายมาแล้วใช่มั้ย”
“ฉันอยากคุยเรื่องสัญญาค่ะ”
“คุย? ผมว่ามันน่าจะจบตั้งแต่คุณเซ็นชื่อลงไปแล้วนะ” แค่เห็นสีหน้าก็เดาได้ทันทีว่าเธออ่านสัญญาทั้งหมดแล้ว คงจะติดใจข้อตกลงบางข้อที่ระบุในสัญญา แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อเธอไม่รอบคอบตั้งแต่แรกเอง ต่อให้จะจนตรอกแค่ไหนก็ควรอ่านให้ละเอียดก่อน
“สัญญาที่บอกว่าให้ฉันมาพักที่นี่ ฉันเข้าใจได้แล้วก็ไม่ติดอะไร แต่ข้อที่บอกว่าหน้าที่ของเลขาครอบคลุมถึงเรื่องบนเตียงด้วย…มันหมายความว่ายังไง” หญิงสาวสงสัยตั้งแต่เห็นสัญญาข้อนี้แล้ว อยากจะถามจีน่าว่าหล่อนต้องทำแบบนี้ด้วยหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว
“ก็ตรงตัวนี่ครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้แซนด์รู้สึกหัวเสียสุด ๆ
“พี่ไม่เข้าใจว่าคลื่นทำไปเพื่ออะไร แกล้งกันแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“อย่าสำคัญตัวผิดขนาดนั้นสิครับ ผมหาเลขาเพื่อทำหน้าที่อยู่แล้ว”
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้