"ที่เธอตอบไม่ได้เพราะเธอไม่รู้ว่า แผลที่แขนเพชรน้ำหนึ่งไปโดนอะไรมาใช่ไหม"ขนอ่อนพากันเรียงตัว เมื่อเขาเอ่ยชื่อเพชรน้ำหนึ่งออกมาเต็มปาก เหมือนเขารู้ว่าเธอไม่ใช่เพชรน้ำหนึ่ง
"ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแขนฉันไปโดนอะไรมา ฉันว่าคุณเมามากแล้ว เราแยกกันตรงนี้นะคะ"พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อจะหนีไปตั้งหลัก
"เมื่อสองคืนก่อนมีคนเห็นเธอในผับแถวๆทองหล่อ"พูดพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวอย่างจับผิด
"ค่ะ ฉันหนีคุณไปตอนคุณหลับ"พูดเพราะไม่อยากให้เขาถามเธออีก
"อือ...ปกติเธอก็เที่ยวเก่งจนฉันชิน"
"ก็ไม่แปลกนี่คะ ของมันเคยๆ"พลอยพัดชายังแถไม่หยุด เธอจะไม่ยอมจนมุม ต่อให้เขาต้อนจนไม่มีทางหนีก็ตาม ภารันยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองนิ่งมาที่หน้าเธอ
"ตอนที่เพื่อนฉันเจอเธอ มันเป็นเวลาเดียวกับที่...ฉันนั่งทานข้าวอยู่กับเธอ! มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม พลอยพัดชา! "ภารันพูดในต้นประโยค ก่อนจะตวาดลั่นเมื่อเอ่ยชื่อเธอออกมา ร่างบางยืนนิ่งอยู่กับที่ ตากลมโตมองเขาอย่างตกตะลึง
"คุณภารัน! "เรียกชื่อเขาก่อนจะถอยหนี แต่ก็ช้าไปกว่ามือแกร่งที่รวบเข้ามาที่เอวของเธอ แล้วออกแรงดึงจนร่างบางปะทะเข้ากับอกแกร่งอย่างแรง
"โกหกฉันทำไม! ต้องการอะไร! "ชายหนุ่มตวาดลั่น มือที่จับแขนเธอไว้ลงน้ำหนักบีบจนหญิงสาวเจ็บร้าวไปทั้งแขน
"คุณภารัน ปล่อยนะฉันเจ็บ! "ร้องบอกพร้อมกับดิ้นหนี รู้สึกเจ็บที่ต้นแขนเมื่อเขายังบีบลงมาอย่างไม่ปราณี
"สวมรอยเป็นเพชรน้ำหนึ่งทำไม เธอต้องการอะไรจากฉัน พลอยพัดชา!"เป็นอีกครั้งที่เขาเอ่ยชื่อพลอยพัดชาออกมาเต็มปาก
"ปล่อยนะฉันเจ็บ! "หญิงสาวดิ้นหนี เมื่อเขาทำให้เธอเจ็บ จะแก้ตัวตอนนี้ก็คงไม่ทัน เธอเองก็ยังไม่ได้คิดแผนเรื่องนี้เอาไว้ ไม่คิดว่าภารันจะจับได้เร็วขนาดนี้ มีตรงไหนบ้างที่เธอไม่เหมือนแฝดพี่ เธอทำจนเหมือนทั้งตัว
"ตอบมาว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน!"
"ฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น ฉันเองก็ไม่ได้อยากมาที่นี่เลยสักนิด! "คำตอบของเธอทำให้ภารันเดือดจัด
"ไม่อยากมาแล้วมาทำไม! พูด! "
"โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ"
"เจ็บก็พูดสิ พูดออกมาให้หมด! "
"ฉันไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แม่บอกให้ฉันมาดูแลคุณ ฉันก็มาตามคำสั่งของท่าน"
"โกหก! พวกคุณวางแผนอะไรกัน เพชรน้ำหนึ่งสั่งให้คุณมาทำอะไร! "
"คุณรัน ฉันเจ็บนะคะ ฉันไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับพี่เพชรมีเรื่องอะไรกัน ฉันมาตามคำขอร้องของแม่ ท่านให้ฉันมาดูแลคุณ ฉันรู้แค่นี้ ถ้าคุณอยากรู้อะไรก็ไปถามจากพี่เพชรโน้น ฉันไม่เกี่ยว! "
"ไม่เกี่ยวเหรอ ตอนนี้เธอเกี่ยวเต็มๆ แล้วทูนหัว กล้ามากนะที่เข้ามาเหยียบจมูกฉัน ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าคนอย่างไอ้ภารัน ไม่ใช่คนที่ใครที่ไหนมาหลอกได้ โดยเฉพาะเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอ! "พูดจบก็ออกแรงลากหญิงสาวเข้าไปในตัวบ้าน คนรับใช้ที่เห็นเหตุการณ์พากันแตกตื่น เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย ผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านมาแค่ไม่กี่วัน คนในบ้านก็วุ่นวายไปหมด
พลอยพัดชาเองก็ตกใจกับการกระทำของเขา ภารันทำเหมือนกับว่าเขาโกรธแค้นเธอมาสัก 100 ชาติ เขาไม่ยอมฟังคำอธิบายของเธอเลย แล้วจะทำอย่างไรจะร้องให้ใครช่วยก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะที่นี่คือบ้านของเขา ร่างบางดิ้นหนีเมื่อถูกโยนเข้ามาในห้องนอนของเขา
"คุณรัน คุณฟังฉันก่อนนะคะ เรื่องที่เกิดขึ้น ฉันอธิบายได้ ฉัน..."
"หุบปาก! ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รู้ไหมว่าคนที่หลอกลวงฉันมันต้องเจอกับอะไร ฉันวางแผนล่อพี่สาวเธอมาที่นี่ แต่เมื่อเธอมาแทนฉันก็จะให้เธอได้รับรู้ถึงบทลงโทษ ที่ฉันมีไว้สำหรับคนที่ทรยศฉัน"
"คุณจะทำอะไรพี่เพชร!"
"ห่วงตัวเองก่อนไหม เพราะตอนนี้คนที่จะได้รับโทษคือเธอ!"
"แล้วฉันไปทำอะไรให้คุณ ฉันมาที่นี่เพราะคำขอร้องของพ่อแม่ และฉันก็ดูแลคุณ ฉันสร้างความเดือดร้อนให้คุณตรงไหน!"พลอยพัดชาเถียงกลับ เพราะหมดความอดทนกับเขา เขาแค้นอะไรครอบครัวเธอนักหนา และคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเพชรน้ำหนึ่ง เขาใช้คำว่าล่อลวง เขามีแผนอะไรไว้จัดการพี่สาวเธอกันแน่
ร่างบางขยับถอยหนีจนไปติดเตียงกว้าง เมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเดินเข้าหา มือแกร่งแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดอย่างใจเย็น
"คุณภารัน คุณคิดจะทำอะไร"ถามเมื่อถูกต้อนเข้ามา
จนมุม"เธอเป็นคู่หมั้นฉันนี่ ถามได้ว่าฉันจะทำอะไร"พูดพร้อมกับสลัดเสื้อเชิ้ตออกจากบ่า เผยให้เห็นช่วงบนเปล่าเปลือยที่มีกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดี ภารันดูไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด ไม่มีแผลเป็นบนเนื้อตัวของเขา เรื่องอุบัติเหตุคงเป็นแผนล่อพี่สาวเธอให้มาติดกับ ยิ่งคิดก็ยิ่งหาคำตอบไม่เจอ ว่าระหว่างเขากับเพชรน้ำหนึ่งโกรธแค้นอะไรกัน
"ฉันไม่ใช่พี่เพชร รู้แล้วก็ปล่อยฉันกลับไปสิ มีอะไรก็ไปตกลงกับพ่อแม่ฉัน เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยว ถอยออกไปนะ ฉันสู้คุณจริงๆด้วย"พลอยพัดชาขู่ ทั้งที่ในใจกลัวจนลนลานไปหมด
"ฉันรู้ว่าเธอคือพลอยพัดชา แฝดน้องของเพชรน้ำหนึ่ง แล้วยังไงต่อ ในเมื่อเธอสวมรอยมาเป็นเพชรน้ำหนึ่ง เธอก็ต้องทำทุกอย่างแทน พูดพร้อมกับโถมเข้าใส่ จนร่างบางล้มลงไปบนเตียงกว้าง โดยมีร่างสูงของเขากดทับอยู่ด้านบน
"กรี๊ดดด!!! ปล่อยฉันนะ"พลอยพัดชาดิ้นรนกรีดร้อง เมื่อเขากระทำการอุกอาจกับเธอ
ก่อเกียรติเดินเข้าไปข้างใน ชานนท์ค้อมหัวให้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างในสุด ต้องรักมองหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นเหงื่อตามไรผมของเขา ก่อเกียรติไปทำอะไรมาใบหน้าถึงชื้นไปด้วยเหงื่อ ความสงสัยของเธอต้องถูกพับเอาไว้ เมื่อร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ จับมือของเธอ แล้วสอดนิ้วเข้ามาประสานกับนิ้วมือของเธอ ตากลมโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ จับและสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเขา “ทำไมไม่บอกว่าจะมา จะได้ให้คนไปรับ” ก่อเกียรติถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปรกติ แม้มันจะยากลำบากก็ตาม ลงวิ่งบันไดมาเกือบยี่สิบชั้น เพื่อมาดักรอเธอชั้นนี้ ไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกอย่างอายุเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ไม่ช็อคตายก็ถือว่าบุญ ต้องรักงงกับคำถามของเขา แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ก่อเกียรติต้องการให้ชานนท์เข้าใจแบบไหน เธอก็จะเล่นไปแบบนั้น เขาคบซ้อนได้ทำไมเธอจะคบซ้อนไม่ได้ แม้คนที่กำลังแสดงละครว่าคบกัน จะไม่น่าคบก็ตาม “อยากให้คุณเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ” ตอบเสียงหวานพร้อมกับซบลงที่อกของเขา
ก่อเกียรติมองคนที่เดินเข้ามาในอาคาร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอใส่เป็นชุดนักศึกษาก็จริง แต่วันนี้ดูดีขึ้นมาหน่อย กระโปรงรัดรูปยาวมาถึงเข่า ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อนักศึกษาอีกตัว รวม ๆ ก็พอไปวัดไปวาได้ จะติดก็ตรงที่รองเท้าที่ใส่มาเท่านั้น ต้องรักชอบใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนเธอก็จะใส่แต่ผ้าใบเท่านั้น แปลกในความคิดเขา แต่ก็น่ารักเพราะมันเป็นตัวตนของเธอ วันก่อนเขาติงเรื่องชุด แต่ลืมเรื่องรองเท้า ฝึกงานใส่ชุดสุภาพรองเท้าก็ควรสุภาพด้วย ส้นสูงหรือรองเท้าคัทชูน่าจะเหมาะสมกว่าร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน เมื่อกล้องวงจรปิดที่กำลังดูอยู่ จับภาพว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน “เกิดอะไรขึ้นคะท่าน!” พิศมัยถามเมื่อเห็นรองประธานบริษัทวิ่งออกมาจากห้อง ไม่มีเสียงตอบมีเมื่อก่อเกียรติวิ่งผ่านหน้าเธอไป “ท่านคะ! ท่าน!” เลขาวัยกลางคนยืนค้างอยู่กับที่ หัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ทำไมก่อเกียรติถึงรีบร้อนออกไปขนาดนั้น ต้องรักยืนรออยู่หน้าลิฟต์ พร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะขึ้นไปอีกชั้น เพราะคู่หมั้นรออยู่บนนั้น ชา
ก่อเกียรติอยู่คุยกับคุณอมรต่อ ในขณะที่ต้องรักแยกตัวไปเตรียมตัวมหาวิทยาลัย อมรถามถึงเหตุผลที่ก่อเกียรติมาเสียเวลากับลูกสาวเขา ก่อนจะต้องหัวเราะออกมา เมื่อได้รับคำตอบที่โดนใจ ก่อเกียรติหัวเราะในลำคอ เมื่อเอ่ยปากกับคุณอมรตามตรง ที่เหลือก็แค่รอเวลา ถ้ามันจะใช่ยังไงมันก็ใช่ ชุดนักศึกษาที่ต้องรักใส่สั้นและรัดรูปก็จริง แต่วันนี้เธอใส่เสื้อคลุมทับไปอีกตัว ชิดจันทร์เข้ามาหาลูกสาวเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมต้องรักไม่โวยวาย และไม่แสดงอาการอะไรออกมา “ต้อง มีอะไรจะคุยกับแม่ไหมลูก” ชิดจันทร์เดินเข้ามาหา พร้อมกับลูบมือลงบนศีรษะของลูกด้วยความรักและห่วงใย “ต้องไม่เป็นอะไรค่ะแม่” “ถ้าเจ็บปวด ก็อย่าฝืนนะลูก” “ต้องไม่เจ็บแล้วค่ะแม่ ต้องทำใจได้แล้ว” ถึงจะปฏิเสธ แต่น้ำตาก็รื้นหัวตา “แม่ดีใจนะที่เห็นต้องเข้มแข็ง ต้องโตขึ้นเยอะเลยรู้ไหม” “ต้องมาคิดดูแล้ว เรื่องหมั้นที่เกิดขึ้น มันคือความต้องการของต้องเพียงคนเดียว คุณนนท์เขาไม่ได้รักต้องเลยสักนิด ต้องบ้าไปเองคนเดียว ต้องก็ต้องทำใจค่ะแม่” “ต้องรัก หนูเ
บทสนทนาของเขาและเธอต้องจบลง เมื่อเด็กรับใช้ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ก่อเกียรติไม่พูดอะไร นั่งมองเธอตักข้าวต้มเข้าปากเงียบ ๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเขา ทำให้ต้องรักประหม่าไปกันใหญ่ เธอไม่ชอบให้ใครมองเวลาเธอกินอาหาร โดยเฉพาะเขา “คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ” ถามเมื่อเห็นเขายังไม่ยอมลุกไปไหน “รอไปพร้อมคุณ” “ไปพร้อมฉัน ไปไหนคะ!” “ไปส่งคุณที่บ้าน แล้วเลยไปส่งที่มหาวิทยาลัย แล้วเข้าบริษัทตอนบ่าย” “คนละทางกันเลยนะคะ คุณให้คนขับรถไปส่งฉันที่บ้านก็พอ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันนะคะ ถ้าไม่มีคุณฉันคงทำเรื่องที่ไร้สติไปแล้ว” “รีบ ๆ กินเข้าเถอะ ช้าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ก่อเกียรติตัดบท ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อย ฆ่าเวลารอคนตรงหน้า เขาตั้งใจไปบ้านเธอเพราะต้องคุยบางอย่างกับพ่อแม่ของเธอ ชานนท์เป็นคนมีความสามารถ พ่อแม่เธอจึงไว้ใจให้หมอนั่นดูแลลูกสาว ท่านทั้งสองอาจจะมองว่าเรื่องที่ชานนท์มีคนอื่น เป็นเรื่องปรกติ เพราะทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ต้องรักต้องทนอยู่ในสภาพนั้น วันนี้ทำได้ วันหน้าก
“ฝันดียายดื้อ” ก่อเกียรติพูดชิดหน้าผากมน มองดวงหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ต้องรักก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเอง เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ก่อเกียรติเข้ามาในนี้ บ่นให้เธอสองสามประโยค ก่อนจะจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกไป “บ้าไปแล้ว คุณก่อต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” พูดพร้อมกับตบมือลงบนหน้าผากตัวเอง ไอร้อนและกลิ่นมิ้นท์ยังติดอยู่บนนั้น เป็นไปได้ยังไง ก่อเกียรติไม่ชอบขี้หน้าเธอ สายตาที่เขามองมาแต่ละครั้ง ไม่ต่างจากมองขยะเปียก เขาเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจูบเธอทำไม “โอ๊ย! ทำไงดีต้องรัก คิดสิคิดสิ” คนเมาสร่างเป็นปลิดทิ้ง เมื่อถูกขโมยจูบหน้าผาก คิดไม่ออกเลยว่าเวลาเจอกันต้องทำหน้ายังไง ก่อเกียรติอาจจะเมาค้าง เขาคงไม่ได้ตั้งใจจูบเธอ หรือไม่เธอก็คงคิดไปเอง ร่างบางกระโดนลงจากเตียงนอน หอบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา ก่อเกียรติยกแก้วกาแฟค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน เสื้อที่เธอใส่เป็นเสื้
เช้านี้กรวิกามีเรียนแต่เช้า จึงรีบออกจากบ้าน ระหว่างนั้นเธอเห็นก่อเกียรติออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปทักทายและเอ่ยปากฝากเพื่อนกับเขา ก่อเกียรติปฏิเสธ แต่กลับถูกน้องต่อว่า สาเหตุที่ต้องรักเมาจนขาดสติ เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าเขาไม่พาไปดื่ม ต้องรักก็คงไม่เมามากขนาดนี้ “ทำเหมือนเพื่อนไม่เคยเมา” ก่อเกียรติย้อนเมื่อถูกน้องกล่าวหา “ก็เมาค่ะ แต่ไม่มากเท่านี้ ไม่รู้ล่ะพี่ก่อเป็นคนพาไป พี่ก่อต้องรับผิดชอบ เกลไปก่อนนะคะ มีเรียนเช้า ช้าเดี๋ยวรถติด” พูดจบก็เดินออกไป แต่ถูกพี่ชายเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวเกล” “คะ” “พี่บอกเรื่องที่เกลจะไปเรียนต่อให้ต้องรักรู้แล้วนะ” “พี่ก่อ! เกลบอกแล้วไงคะว่าเกลจะบอกเรื่องนี้กับต้องเอง พี่ก่อพูดทำไมคะ!” กรวิการ้องออกมาอย่างตกใจ ตัดพ้อพี่ชายที่ถือวิสาสะบอกเรื่องของเธอให้ต้องรักรับรู้ “ช้าหรือเร็วก็ต้องบอก พี่เลยบอกให้” ก่อเกียรติยักไหล่ ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ตาคู่คมมองใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของน้อง ที่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “รีบไม่ใช่เหรอ ไปสิเดี๋ยวรถติด” ไล่น้อง