[พาร์ท : ฉลามดุ]นิ้งเมาจนพูดอะไรไม่รู้เรื่องผมโมโหไอ้วินที่ไม่มองแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมัน ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้กินค็อกเทล แต่คะนิ้งเอาแต่สะอื้นไม่หยุดตั้งแต่ที่ผมสละเสื้อมาเช็ดอ้วกที่เปื้อนพื้นให้เธอ ผมอยากเอาไปซัก แต่เพราะไม่มีเวลาคิดมากเลยตัดสินใจทิ้งลงถังขยะหลังร้านแล้วเดินเข้ามาจัดการกับเธอต่อคะนิ้งนอนซบแขนเจ๊เพทที่มีสีหน้าเป็นกังวลอยู่ ผมเลิกงานพอดีเพราะวันนี้มีเล่นแค่รอบเดียวก็เลยตัดสินใจช้อนตัวของเธอขึ้นอุ้มโดยไม่ใส่ใจว่าตัวผมไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ ทันทีที่เห็นหน้าผมคนตัวเล็กก็โผเข้ากอดทันที“ฉะ... ฉลาม” เธอเรียกชื่อผมซ้ำๆ “... ฉลาม”“อ่า อยู่นี่”ผมครางรับ เดาว่าเธอคงละเมอเลยไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น ผมบอกลาเจ๊เพทนิดหน่อยเพราะเธอจะอยู่เคลียร์ที่ก่อน ผมเลยกะว่าจะไปส่งนิ้งที่หอพักของเธอเลย ผมสนิทกับยามของที่นั่นตั้งแต่เกิดเรื่องไอ้โชแล้วไง เลยขึ้นลงห้องเธอสะดวกกว่าตอนแรกๆคะนิ้งร้องไห้ออกมาอีก เธอร้องไห้ตอนเมาด้วยเหรอวะ แต่ร้องหนักไป ผมไม่ชอบเวลาที่เธอร้องไห้เลย มันดูเหมือนจะขาดใจ“ฮึก...”“เลิกร้อง” ผมพูดสั้นๆ แล้วโน้มตัวลงไปจูบหน้าผากเธอหนักๆ ตอนที่เดินออกมาจนถึงลานจอดรถ หน้
ทำไมฉลามถึงไม่บอกฉันเลย?“ตอนนั้นมันเกือบติดคุก แต่เพราะพ่อมันเป็นตำรวจเลยรอดออกมาได้ จนมันโดนครอบครัวตัวเองแบนออกมา มันถึงไม่เหลือใครไง”“...”“เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ดีอย่างที่น้องคิดหรอกนะ”เสียงของคนที่ชื่ออักระยังคงดังก้องอยู่ในหัวฉัน แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกแย่ ฉันยืนรอฉลามอยู่ที่เดิมเงียบๆ อย่างน้อยฉันก็อยากให้เขาบอกฉันเอง ไม่ใช่ให้ฉันมารู้เรื่องของเขาจากคนอื่นแบบนี้“ถ้าสมมุติว่าเราเคยทำอะไรที่มันเหี้ยมากๆ จนไม่มีใครรับได้แม้แต่พ่อแม่เรา”“...”“นิ้งคิดว่าไง?”งั้นก็แปลว่าที่เขาถามตอนนั้นก็คงหมายถึงเรื่องนี้ใช่มั้ยละ... แล้วทำไมเขาถึงไม่พูดกับฉันล่ะ ฉันพร้อมจะเชื่อเขานะ ฉันจะฟังเขาฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉลามจะเป็นคนแบบนั้น“ถึงเราจะเคยชั่วกับใคร เธอเชื่อมั้ยว่าเราจะไม่ทำชั่วกับเธอ”ฉลามจะไม่ใช่คนแบบนั้น... ใช่มั้ยฉันยืนรอเขาอยู่ที่เดิมที่เคยรอ มือของฉันถือหนังสือเปิดอ่านเงียบๆ แต่ในหัวของฉันกลับมีแต่เรื่องของเขาที่เพิ่งรู้มา ฉลามดุมารับฉันทุกวัน วันนี้ก็เหมือนกัน ฉันก็แค่อยากรู้จากปากของเขาเองฉันจะไม่เชื่อคนอื่นนอกจากฉลามนะ... ถ้าเขาไม่โกหกฉัน[พาร์ท : ฉลามดุ]ผมขับรถเข้ามา
แล้วไม่นานฉันก็ได้คำตอบ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องฉันรีบเดินเป็นวิ่งไปเปิดประตูทันที แล้วก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฉลามจริงๆ ร่างสูงถือกล่องข้าวมาด้วยพร้อมกับถุงขนมเต็มไปหมด ฉันมองมันอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะแทรกตัวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอิดโรย เหมือนเพิ่งเหนื่อยจากงานมาแล้วเขาก็ซื้อข้าวมาให้ฉันเนี่ยนะ แค่ฉันบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยแค่นี้เนี่ยนะ?“ฉลาม” ฉันเรียกเขาตอนที่ร่างสูงวางถุงกล่องข้าวบนเคาน์เตอร์ในห้องครัว เขาหันมามองแล้วเลิกคิ้วใส่ แล้วฉันก็เพิ่งเห็นว่าหน้าเขาดู... โทรมลงนิดหน่อย“หิวเหรอไง?” เขาถามเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป ก่อนที่จะคว้าจานมาทำท่าจะใส่ข้าวให้ ฉันที่กลั้นความรู้สึกผิดในใจไม่ไหวก็เลยกลั้นใจเดินเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลังฉลามดุชะงักไป แล้วฉันก็ซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเขา“... ฉลามเหนื่อยมั้ย?” ฉันถามขึ้นมา แล้วเขาก็ชะงักมือที่จะคว้ากล่องข้าวออกมาจากถุงพลาสติก “วันหลังอย่าทำแบบนี้นะ นิ้งโตแล้วล่ะ นิ้งหาอะไรกินเองได้อยู่แล้วอ่ะ”“...”“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” ฉันขอร้องเขา “... นิ้งเป็นห่วง”“แค่นี้เอง คิดมาก” เขาพูดขึ้นมาสั้นๆ ตอนที่เอี้ยวตัวมาขยี้หัวฉันเบาๆ โดยไม่มองหน้า “หิ
[พาร์ท : ฉลามดุ]เอาจริงๆ มั้ย มันยากว่ะคนไม่เคยเจอมันไม่รู้หรอกว่าแม่งพูดยากแค่ไหน ผมอยากบอกนิ้งจะตาย แต่เพราะผมเคยทำแบบนั้นแล้วไง ผมเคยพูดแล้ว... พูดกับคนที่ผมคิดว่าเค้ารู้จักผมดีเพราะเขาเป็นคนเลี้ยงผมมาเองกับมือแต่เพราะแม้แต่คนที่ผมคิดว่าเขารู้จักผมยังรับมันไม่ได้ แล้วจะให้ผมหวังอะไรกับใครอีกไอ้เดี่ยวกับเจ๊เพทที่รับได้เพราะอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย แล้วถ้ามันไม่อยู่กันคิดว่าจะมีคนเชื่อเหรอ คิดว่ามันง่ายเหรอวะผมอยู่กับความกลัวมาหกปี แม่งเป็นหกปีที่ผมอยู่ตัวคนเดียวมันยากว่ะ... มันโคตรยาก นิ้งแทบไม่รู้จักผมเลย นิ้งแทบไม่รู้เรื่องของผมเพราะเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนหน้านั้น แต่ผมรักเธอ ผมรู้สึกเหมือนเธอเป็นทุกอย่าง เดือนกว่าๆ มันทำให้ผมรู้จักเธอมากกว่าที่เธอรู้จักตัวเองซะอีกแต่นั่นก็แค่ความรู้สึกของผมไง แต่กับนิ้งผมไม่รู้เอาตรงๆ ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตัวผมในความรู้สึกของเธอมันมีอยู่มากแค่ไหน มากพอที่จะรับในสิ่งที่ผมเคยทำได้รึเปล่าและผมก็ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรบ้างตอนที่ผมถามแบบนั้น เพราะต่อมาคะนิ้งก็เงียบไป เธอนิ่งไปจนผมใจกระตุกอยู่หลายครั้งผมกลัวคำตอบ“... ฉลามทำอะไรเหรอ” ผมชะงักไ
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเล่นสงครามประสาทอะไรกันอยู่ผ่านมาหลายนาทีแล้วที่ฉันนั่งอยู่ระหว่างตัวของฉลาม แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนคนข้างหลังกำลังโมโหใครอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะหลังจากที่ชินพูดประโยคนั้นที่ว่าเขามาช่วยงานเป็นเพื่อนฉันกับพลอย ฉลามก็นิ่งไปเลย แต่ฉันกลับรู้สึกว่าในใจเขากำลังเดือดจัดอยู่ยังไงก็ไม่รู้“เฮ้ยน้อง ปากดีนะเนี่ย” เพื่อนของฉลามดุเองก็ดูหงุดหงิด เขาวางโน้ตบุ๊คทันทีแล้วทำท่าจะเดินดุ่มเข้าไปหาชิน แต่ก็โดนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังฉันคว้าแขนไว้ แต่ฉันเห็นเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือของฉลามดุชัดเจนเหมือนเขากำลังโกรธ“ไม่ต้อง” เขาพูดชิดข้างหูฉันจนต้องสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงของฉลามนิ่งมาก ก่อนที่เขาจะเอนหลังพิงกับพนักพิงด้านหลังทั้งๆ ที่ยังรั้งเอวของฉันไว้ไม่ยอมปล่อย “แฟนกูอยู่ กูไม่อยากมีเรื่อง”ฉันเริ่มหน้าซีดเพราะน้ำเสียงเขาดูจะไม่เป็นอย่างนั้นเลย พลอยเองที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็หน้าเสียไปเหมือนกัน จนเพื่อนของฉลามดุยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย“ความจริงผมช่วยได้ไงพี่ คือผมไม่ได้พูดไรผิดปะ ก็เพื่อนกัน”“แน่ใจว่ามึงคิดกับแฟนกูแค่เพื่อน?” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อฉลามโพล่งถามขึ้นมาทันทีหลังจากที่ชินแย้งเขายืดยาว
ผมนั่งจ้องหน้าไอ้เด็กนั่นอยู่เกือบอีกมุมหนึ่งของห้องหลังจากที่ผมเกือบจะฟาดหน้ามันด้วยหมวกกันน็อคเพราะปากไอ้เด็กเวรนี่มันดีจริงๆ น้องพลอยก็ชวนคุยเรื่องโครงงานขึ้นมาก่อนเหมือนจะเปลี่ยนบรรยากาศ และเพราะเห็นว่านิ้งไม่อยากให้ผมมีเรื่องผมก็เลยไม่ได้ทำอะไรมัน พอฟังไม่รู้เรื่องผมก็เลยเดินออกมานั่งกดโทรศัพท์อยู่ตรงเคาน์เตอร์ในห้องครัวแต่อย่าคิดว่าผมจะไม่ระวัง ตรงนี้มันเป็นมุมที่เห็นนิ้งชัดที่สุด คือถ้ามันทำอะไรขึ้นมา อะไรใกล้ๆ มือกูนี่หยิบได้ต้องเขวี้ยงแน่นอนไอ้เอกก็ยังไม่มาสักที ผมโทรหามันเป็นรอบที่ล้านแปดจนแบตผมเกือบจะหมด มันถึงได้ทักผมมาเมื่อกี้ว่ากำลังซื้อบุหรี่อยู่มินิมาร์ทข้างล่าง ผมนี่เกือบจะทุ่มโทรศัพท์ทิ้งลงพื้นพิมพ์ด่าแม่งพี่หลามคนจริง : มึงคิดว่ากูจ้างให้มาช่วยงานแฟนกูหรือมาเที่ยวเล่น? มึงสนุกมากมั้ยAek_Jed : ให้เวลาส่วนตัวกูบ้างพี่หลามคนจริง : ส่วนตัวพ่องAek_Jed : น่า เอาเบียร์ปะ เดี๋ยวป๋าเลี้ยงพี่หลามคนจริง : ขึ้นมาก่อนที่กูจะลงไปเองAek_Jed : เออ กำลังขึ้นไป บอกมาก่อนว่าเอาเบียร์มั้ย ไอ้ห่าพี่หลามคนจริง : เอาAek_Jed : ก็แค่นั้นผมปิดเครื่องแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างห