#หมายเหตุ: ชื่อเมืองและสถานที่ไม่อิงประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองสมมุติทั้งหมดค่ะ ไป๋เหยาถูกสามีชั่วและพี่สาวหักหลังจนถึงแก่ความตาย เธอย้อนเวลากลับมาเพื่อแก้ไขเรื่องราวไม่ให้ซ้ำรอยเดิม โดยมีมู่เฉิน น้าเล็กจอมปากจัดคอยช่วยเหลือเธอ เขาบอกว่าจะช่วยเธอเลือกสามีที่ดี และคอยปกป้องเธอ แต่ไม่รู้ว่าเขาปกป้องเธอด้วยวิธีแบบไหน ถึงไม่มีผู้ชายคนใดกล้าเข้าใกล้เธอสักคนเดียว เธอสงสัยมากจริง ๆ จึงตัดสินใจถามเขา "น้าเล็กคะ ไหนน้าบอกว่าจะหาผู้ชายดีดีให้ฉัน" "ฉันก็ช่วยเธอเลือกอยู่นี่ไง แต่ไม่มีใครเข้าตาสักคน" "คนนั้นก็ไม่ดี คนโน้นก็ไม่เข้าท่า แล้วฉันจะเจอผู้ชายที่ดีพร้อมตอนไหนคะ" "ผู้ชายที่ดีพร้อมอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ฉันเอง" ไป๋เหยา "..." ให้ตายเถอะ! นี่มันเรื่องอะไรกันคะน้าเล็ก!
View Moreเพล้ง!
เสียงแก้วตกแตกที่พื้นดังก้องกระจายไปทั่วทั้งห้องนอน พร้อมกันนั้นปรากฏร่างของหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กำลังร่วงหล่นจากเตียงนอน สภาพของเธอในตอนนี้ค่อนข้างน่าสงสารเป็นอันมาก แต่ถึงแม้จะดูน่าสมเพชเวทนามากเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้ชายหญิงสองคนที่ยืนมองดูอยู่รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
"ไป๋เหยา เธอไปดีเถอะ อย่าได้ห่วงเลย กิจการทั้งหมดและเงินของเธอ ฉันสัญญาว่าจะดูแลมันเป็นอย่างดีแทนเธอเอง"
เสียงของชายวัยกลางคนตรงหน้าที่เอ่ยกับเธอช่างดูเย็นชาห่างเหิน ไม่หลงเหลือความรักใคร่ไยดีเช่นแต่ก่อนเลยแม้เพียงน้อย
ไป๋เหยามองชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยความเจ็บปวด พลางเยาะหยันในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เพราะความหน้ามืดตาบอดจึงทำให้เธอหลงเชื่อยอมแต่งงานกับเขา ทิ้งทางเลือกที่ดีทั้งหมดเพราะเขา ทั้งที่เธอควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
เธอช่วยสนับสนุนเขาทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับทรยศเธอและลอบคบชู้กับพี่สาวบุญธรรมที่เธอรักมากที่สุด ช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน!
เมื่อเห็นว่าไป๋เหยาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม หลัวจิ้งก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขายกเท้าขึ้นถีบไปที่ขาของไป๋เหยาอย่างดูแคลน
ก็แค่ผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่ง ไม่คู่ควรที่จะเป็นภรรยาของเขา เธอเทียบไม่ได้แม้กระทั่งเส้นผมสักเส้นของไป๋เย่รั่วเลยด้วยซ้ำ!
"พี่หลัวจิ้ง เมื่อไหร่ไป๋เหยาจะตายเสียที ฉันทนรอไม่ไหวแล้วนะคะ"
หญิงสาวที่ชื่อไป๋เย่รั่วถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาคล้องแขนหลัวจิ้งอย่างออดอ้อน ไป๋เหยาที่เห็นภาพบาดตาตรงหน้าก็อดที่จะเจ็บแค้นใจมิได้
ทำไมกัน ทำไมเธอถึงได้มอบความจริงใจให้สามีและพี่สาวที่มีนิสัยงูพิษแบบนี้ได้นะ!
ภาพเบื้องหน้าเริ่มเลือนรางลงไปทุกขณะ ไป๋เหยารู้สึกว่าเธอเหนื่อยเหลือเกิน ตลอดเวลาหลายปีมานี้เธอพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่กลับโดนหักหลัง สามีและพี่สาวบุญธรรมใจชั่วได้แย่งทุกอย่างไปจากเธอ
คุณพ่อคุณแม่ล้มป่วยก็เพราะตรอมใจเรื่องเธอจนตายจากไป คนรอบกายก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยเพราะเธอไม่ฟังคำเตือนของพวกเขา
แม้กระทั่งผู้ชายคนนั้นที่เคยกล่าวเตือนเธอเธอก็ยังผลักไสเขาให้จากไป
ไป๋เหยายิ้มอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ ชาตินี้เธอพ่ายแพ้อย่างยับเยินแล้ว
พ่ายแพ้อย่างไร้หนทางสู้ต่อแล้วจริง ๆ
...........
เมืองหลิงชุน ปี 1985
"เหยาเหยา เธอได้ยินฉันไหมเหยาเหยา"
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้องเรียกชื่อเธอทำให้ไป๋เหยาได้สติ หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เธอรับรู้ได้ว่ายามนี้มีสายลมพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างและกระทบกับแก้มขาวเนียนของเธอ ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกหนาวสั่นเป็นอย่างมาก
นี่เธอยังไม่ตายอีกเหรอ!
ไป๋เหยาลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพบว่าเวลานี้เธอกำลังนอนอยู่ในห้องห้องหนึ่ง
"เหยาเหยา เธอฟื้นสักทีฉันตกใจแทบแย่!"
ไป๋เหยารีบหันมามอง ก่อนจะพบกับคนที่เธอคุ้นเคย
มู่จิน เพื่อนรักของเธอ!
ฉับพลันไป๋เหยาก็รู้สึกตื่นตระหนก เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอล้มป่วยเพราะถูกสามีและพี่สาวชั่วลอบวางยา แม้แต่มู่จินก็ยังตัดขาดความเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะเธอไม่เชื่อคำเตือนของมู่จิน และเข้าข้างพี่สาวอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เรื่องราวในชาติก่อนวนย้อนกลับมาอีกครั้งราวกับภาพวาดเป็นฉาก ๆ มีทั้งภาพวันแรกที่คุณพ่อคุณแม่รับไป๋เย่รั่วเข้ามาในบ้าน ภาพที่เธอพบกับหลัวจิ้ง และวันที่เธอแต่งงานกับเขา รวมไปถึงวันที่เธอตายอย่างทรมาน ปรากฏชัดซ้ำไปซ้ำมาจนเธอรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
"เหยาเหยา เธอเป็นอะไรไป"
มู่จินที่เห็นว่าเพื่อนรักมีท่าทางลนลาน หน้าตาซีดขาวจึงรู้สึกเป็นห่วงเหลือเกิน
เสียงของมู่จินทำให้ไป๋เหยาได้สติ เธอมองไปที่มู่จินพลางถามขึ้นว่า
"มู่จิน ปีนี้ปีอะไร"
มู่จินมีท่าทางมึนงง ก่อนจะตอบ
"ปี 1985 เธอถามทำไมเหรอ"
1985 อย่างนั้นเหรอ!
ไป๋เหยายกมือขึ้นปิดปากตนเอง เมื่อคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ในปีนี้เธอจะมีอายุครบสิบแปดปี เพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จากนั้นเธอก็ได้พบกับหลัวจิ้งและได้เสียกับเขา จนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ทำให้คุณพ่อคุณแม่อับอายมากจำต้องให้เธอแต่งงานกับหลัวจิ้งอย่างรวดเร็ว และไม่นานเธอก็แท้งลูกคนแรกอีกทั้งไม่สามารถตั้งท้องได้อีก นับแต่นั้นมาครอบครัวสามีก็หมางเมินต่อเธอ แต่ไม่กล้าทำอะไรเธอมากนัก เพราะไป๋เหยามีฐานะดี คุณพ่อคุณแม่ของเธอก็มีกิจการหลายอย่าง พวกเขายังต้องพึ่งพาครอบครัวของเธอ
ไป๋เหยาหลับตาลงช้า ๆ ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว เธอได้ย้อนเวลากลับมาตอนตนเองอายุสิบแปดปี กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
ในยามที่เธอยังไม่ได้เดินทางผิด ไม่หลงใหลหน้ามืดตามัวกับผู้ชายเฮงซวยคนนั้น!
"เหยาเหยาเธอร้องไห้ทำไม อย่าร้องสิ"
มู่จินรีบปลอบโยนไป๋เหยา ตอนนี้ไป๋เหยาเอาแต่ร้องไห้ เธอดีใจมากเหลือเกิน ดีใจที่สวรรค์ยังมีเมตตาให้เธอได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมเดินทางผิด และจะเอาคืนสามีชั่วและพี่สาวบุญธรรมหน้าด้านให้จงได้!
เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ยามนี้แล้ว ไป๋เหยาก็ตั้งสติ และหันไปถามมู่จินว่า
"มู่จิน ทำไมฉันถึงมานอนอยู่ที่นี่ นี่มันโรงพยาบาลกาชาดไม่ใช่เหรอ"
มู่จินเมื่อได้ยินก็ตอบไป๋เหยา
"ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้น่ะเหรอ ก็เพราะก่อนหน้านี้พี่สาวตัวดีของเธอ อยากจะไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าตรงข้ามมหาวิทยาลัยก็เลยชวนเธอไปด้วย แต่ตอนที่กำลังข้ามถนนกลับมองไม่เห็นรถที่สวนมา เธอที่เห็นเหตุการณ์พอดีก็เลยวิ่งเข้าไปผลักพี่สาวออกไปจากกลางถนนจนปลอดภัย ส่วนตนเองกลับถูกรถเฉี่ยวชนโชคดีที่คนขับไม่ได้ขับมาเร็วมากนักจึงแค่หมดสติไปไม่ได้บาดเจ็บหนัก ฉันตามมาเห็นเข้าก็เลยรีบพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาล นี่เหยาเหยา เธอรักพี่สาวฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ไป๋เย่รั่วพี่สาวเธอน่ะ ฉันไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย เหมือนร้ายเงียบยังไงก็ไม่รู้ ฉันถึงขนาดคิดเลยนะว่า หล่อนจงใจเดินให้รถชนเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากเธอหรือเปล่า"
มู่จินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ครั้งนี้ไป๋เหยาไม่โกรธเพื่อนรักเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังนับถือมู่ จินเป็นอย่างมากที่ตาแหลมมองคนออกตั้งแต่แรก แตกต่างจากตัวเธอเองที่โง่งมเหลือเกิน
เมื่อเห็นว่าไป๋เหยาเงียบไป มู่จินก็คิดว่าเพื่อนรักคงจะไม่ชอบใจที่เธอไปต่อว่าพี่สาวบุญธรรม มู่จินถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพลางบอกกับไป๋เหยา
"เอาเถอะ ขอโทษละกัน ฉันไม่ว่าพี่สาวเธอแล้ว"
ไป๋เหยายิ้มแล้วตอบมู่จินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ฉันไม่ได้โกรธเธอเสียหน่อย บางครั้งฉันก็ควรเชื่อที่เธอพูดบ้าง คนเราน่ะรู้หน้าไม่รู้ใจ"
มู่จินเมื่อได้ยินไป๋เหยาพูดแบบนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะตบมือด้วยความชอบใจ
"ไป๋เหยา เธอตื่นแล้ว ฉันดีใจมากจริง ๆ"
"อะไรของเธอ"
ไป๋เหยาหัวเราะออกมาเล็กน้อย รู้สึกโชคดีที่เธอย้อนเวลากลับมาและได้เจอกับมู่จินอีกครั้ง
มู่จินเทน้ำใส่แก้วให้ไป๋เหยา เธอรับมันมาดื่มเพราะรู้สึกกระหายน้ำมาก
หลังจากดื่มน้ำจนรู้สึกว่าดีขึ้นมากแล้ว ไป๋เหยาจึงสอบถามมู่จินอีกครั้ง
"นี่มู่จิน เธอบอกว่าเป็นคนพาฉันมาโรงพยาบาล เธอพาฉันมาได้อย่างไรกัน"
มู่จินยิ้มน้อย ๆ
"น้าเล็กของฉันขับรถมารับฉันกลับบ้าน และเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ก็เลยพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาลน่ะสิ"
เมื่อได้ยินคำว่า "น้าเล็ก" หัวใจของไป๋เหยาก็พลันเต้นแรงขึ้นมา ภาพเก่า ๆ วนย้อนกลับมาอีกครั้ง
"ไป๋เหยา เธอไม่ควรหลงเชื่อคำพูดผู้ชายคนนั้นง่าย ๆ เธอยังอ่อนต่อโลกเกินไป"
"น้าเล็กคะ คุณเป็นเพียงน้าของเพื่อนสนิทฉัน แต่ไม่ได้เป็นน้าเล็กของฉันเสียหน่อย คุณจะพูดอะไรก็ช่วยคิดให้ดีดีหน่อยนะคะ"
"ที่ฉันเตือนก็เพราะว่าฉันหวังดี มู่จินเป็นหลานของฉัน เธอเป็นเพื่อนมู่จินก็เหมือนเป็นหลานของฉันอีกคนเหมือนกัน"
"เหอะ วางตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้งที่น้าเล็กก็อายุมากกว่าฉันและมู่จินไม่กี่ปีเท่านั้น หลีกไปค่ะ ฉันจะไปหาหลัวจิ้ง"
"ไป๋เหยาเธอคิดใหม่ได้ไหม เธออย่าเชื่อเขาเลยนะ"
"ทำไมฉันต้องเชื่อน้าด้วยคะ"
"เพราะฉันชอบเธอ"
"ว่าอะไรนะคะ"
"ฉันชอบเธอ!"
"ตลกสิ้นดี ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้อย่างน้าเล็กหรอกค่ะ"
ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากแน่น หากครั้งนั้นเธอเชื่อเขา เธอก็คงไม่ต้องพบจุดจบเช่นนั้น
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ชอบเขา ไม่อาจตอบรับคำรักของเขาได้ แต่เธอก็ไม่ควรพูดให้เขาเสียความรู้สึกขนาดนั้น
ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน
ตอนนี้ทุกอย่างที่เมืองตงฉางราบรื่นดี ใช้เวลาร่วมเดือนงานก่อสร้างก็คืบหน้าไปมาก มู่เฉินที่เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว จึงคิดจะเดินทางกลับเมืองหลิงชุน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่ตงฉางมากนัก ที่นี่เงียบเกินไปเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานปีจึงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักเขาพาไป๋เหยาและมู่จินขับรถกลับเมือง หลิงชุนด้วยกันในเช้าวันต่อมา มู่จินมองเพื่อนรักและน้าเล็กของตนพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย เรื่องระหว่างคนทั้งสองเธอรู้หมดแล้วและไม่ได้คัดค้านอะไร ออกจะดีใจมากด้วยซ้ำที่จะได้เพื่อนรักมาเป็นน้าสะใภ้ของตนเองคนทั้งสามกลับมาถึงเมืองหลิงชุนในช่วงเย็นของวันนั้น คุณนายไป๋ไม่ได้ซักถามอะไรลูกสาวบอกเพียงให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและมากินมื้อเย็นด้วยกัน ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากยังไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าช่วงที่อยู่เมืองตงฉาง เธอและมู่เฉินมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งแล้ว แม้จะมั่นใจว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่ไป๋เหยาก็ยังรู้สึกประหม่าเหลือเกินด้านมู่เฉินนั้นเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่เขาก็จัดการเก็บของตนเองเอาไว้ในห้องและไปอาบน้ำ หลังจากเปลี่ยนชุดและลงมาที่ด้านล่างก็พบว่าเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว
ท้ายที่สุดมู่เฉินก็ตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับสำนักงานตำรวจเมืองตงฉางและส่งตัวหลัวจิ้งให้ทางการทันที ตำรวจเข้าค้นที่เกิดเหตุและส่งหญิงสาวเหล่านั้นกลับบ้าน อีกทั้งยังเอาผิดพ่อแม่ของเธอที่ขายลูกสาวอย่างผิดกฎหมาย ถูกปรับหลายร้อยหยวน มู่เฉินที่ตามไปดูเหตุการณ์รู้สึกเวทนาพวกเขาไม่น้อย เพราะความยากจนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายแทนพวกเขาเป็นเงินหลายพันหยวน และหางานให้หญิงสาวเหล่านั้นทำ ตอนนี้ที่เมืองตงฉางมีโรงงานตระกูลมู่ที่สร้างเสร็จและกำลังเปิดรับคนเข้าไปทำงาน เขาจึงให้พวกเธอไปสมัครงานที่โรงงานของเขาจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวส่วนหลัวจิ้งนั้นยังคงไม่ซัดทอดไปถึงใครทั้งนั้น เขาปิดปากเงียบและถูกจับกุมตัวเอาไว้ทางด้านเฉียนฟานที่เพิ่งเดินทางมาถึงและทราบเรื่องก็ลอบก่นด่าหลัวจิ้งเป็นร้อยครั้งที่ทำงานได้อย่างบัดซบที่สุด ซ้ำยังถูกตำรวจจับตัวได้อีก ครั้งนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากต้องล่าถอยและรีบกลับเมืองหลิงชุนไปก่อนเดิมทีเขาคิดว่านอกจากจะมารับตัวหญิงสาวพวกนั้นไปแล้วยังคิดจะมาดูมู่เฉินเสียหน่อยว่ามันทำอะไรไปบ้าง ที่สำคัญเด็กสาวคนนั้นก็ตามมันมาด้วย เขาเองพอจะรู้
ทางด้านไป๋เหยานั้นหลังจากที่ได้สติกลับมาแล้ว เธอรู้สึกว่าปวดไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณศีรษะนั้นเจ็บมากที่สุด เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ไม่ไกลกันนักมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนที่นั่งรวมตัวกันอยู่อีกมุมหนึ่ง พวกหล่อนมองไป๋เหยาอย่างหวาดหวั่น มีบางคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดไป๋เหยาขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเรื่องอะไรกันเธอพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เดิมทีเธอออกมาเก็บผ้าพันคอ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนใช้ของแข็งฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เสียแล้วหัวใจของไป๋เหยาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและใครกันที่เป็นคนจับตัวเธอมาไป๋เหยาพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เธอไม่ใช่คนในพื้นที่ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่นี่แล้วทำไมถึงถูกจับตัวมากันนะ เธอมองพลางคิดจะหาทางหนีทีไล่ จึงขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวเหล่านั้นแล้วสอบถาม"ขอถามหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันเล่า"หญิงสาวเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี พวกเธอมองไป๋เหยาอย่างหวาดกลัว
สองวันต่อมามู่เฉินและไป๋เหยาก็เดินทางไปเมืองตงฉางพร้อมกัน การเดินทางครั้งนี้มีมู่ จินร่วมเดินทางไปด้วย มู่เฉินกลัวว่าระหว่างที่เขาต้องไปทำงานไป๋เหยาจะเหงา จึงให้มู่จินมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ อีกทั้งเขาต้องการให้คนบ้านตระกูลไป๋มั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเธอคุณนายไป๋ยิ้มแล้วมองลูกสาวที่ออกไปพร้อมมู่เฉินและมู่จิน เดิมทีเธอยังค่อนข้างหนักใจที่ไป๋เหยาตกลงคบหากับมู่เฉินที่มีอายุห่างกันหลายปี แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวมีความสุขและมู่เฉินก็ดูแลไป๋เหยาเป็นอย่างดี เธอและสามีก็พอจะวางใจลงได้ไม่น้อยระยะทางจากเมืองหลิงชุนและตงฉางนับว่าต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ไม่น้อย แต่มู่เฉินไม่ได้รีบร้อนเดินทางด้วยเครื่องบิน จึงถือโอกาสนี้นั่งรถส่วนตัวมาเพื่อจะได้ชมทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย "นี่เหยาเหยา เธอลองกินขนมอบดูสิ ร้านนี้อร่อยมาก"มู่จินเอ่ยพร้อมกับยื่นห่อขนมมาให้เพื่อนรัก ไป๋เหยารับมากินชิ้นหนึ่งพบว่ารสชาติดีจริง ๆมู่เฉินหันไปมองหลานสาวของตนเอง และพูดขึ้นมา"จินจินตัวแสบ เธอกินเยอะจนแก้มบวมแล้ว อย่ามาชวนเสี่ยวเหยาของฉันกินเยอะเหมือนเธอสิ"มู่จินหันมาถลึงตาใส่น้าเล็กของตนพร้อมกับยื่นมือมาตีแขนมู่เฉินอย่า
อากาศยามเช้าวันนี้ค่อนข้างดี มู่เฉินตื่นนอนแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินลงมารับมื้อเช้า เมื่อมาถึงห้องอาหารก็พบกับคุณพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งฝั่งตรงหน้าผู้เป็นพ่อพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม"ข่าววันนี้ไม่ดีเหรอครับ ทำไมพ่อหน้าเครียดแบบนั้น"มู่เฉิงพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับลูกชาย"หลายวันมานี้คล้ายพันธบัตรที่พ่อซื้อไว้เหมือนจะราคาตกลงไปไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคายังขึ้นอยู่เลย อย่างนั้นคงต้องพักเอาไว้ก่อน ไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว"มู่เฉินพยักหน้าช้า ๆ สมัยนี้คนชอบลงทุนซื้อพันธบัตรเก็บไว้ ช่วงไหนราคาขึ้นก็มีความสุขดีใจกันยกใหญ่ ช่วงไหนที่ราคาตกขาดทุนก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เขาเองก็มีซื้อเอาไว้บ้างแต่ไม่ได้ลงทุนมากนัก"การลงทุนล้วนมีความเสี่ยงพ่อก็ระวังด้วยครับ ว่าแต่แม่กับพี่ล่ะ ออกไปแล้วเหรอครับ""อืม ออกไปที่โรงแรมแต่เช้าแล้ว แกรีบกินเถอะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับแกหน่อย""ครับ"มู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับรีบกินอาหารเช้าหลังจากที่เห็นว่าลูกชายกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉิงก็เข้าเรื่องทันที"แกจะไปที
เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดว่ามู่เฉินคือลูกชายของเธอ ทุกคนในงานต่างแตกตื่นเป็นอย่างมาก แต่ไป๋เหยากลับมองด้วยแววตาที่เรียบเฉยชาติก่อนตอนที่เธอเริ่มจะล้มป่วยและยังไม่ได้นอนติดเตียงก็พอรู้ข่าวของมู่เฉินจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้วแม่ที่แท้จริงของเขามีชื่อว่าจ้าวเหมย เธอทำงานอยู่ในบาร์เหล้าและมีความสัมพันธ์กับประธานมู่จนตั้งครรภ์ จากนั้นพวกเขาก็บีบบังคับเอาลูกของเธอมาเลี้ยง และขู่จะทำร้ายเธอ อีกทั้งยังบอกให้เธอรับเงินไปและอย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่และเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ตระกูลมู่ไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ เพราะค่อนข้างส่งผลกระทบต่อหน้าตาของคนในตระกูลเป็นอย่างมากตอนแรกเธอรู้ว่าแม่ของเขาไม่ใช่คุณนายมู่ แต่ไม่เคยถามเขา เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เมื่อได้เปิดใจคบหากัน มู่เฉินก็เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทั้งหมด เธอรู้สึกสงสารเขามาก ทั้งที่มีแม่ แต่แม่กลับไม่เคยรักเขาซ้ำร้ายยังใช้เขาเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองอีกด้วยเธอมองจ้าวเหมยอีกครั้งและไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาประธานมู่และคุณนายมู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี มู่เฉิงพ่อของมู่เฉินถึงกับหันมามองคนใช้ในบ้านอย่างค
Comments