“นิ้ง” ผมเรียกชื่อเธอ แล้วคะนิ้งก็กระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้เหมือนไม่สนใจเสียงผม แล้วเธอก็ทำท่าจะยกแก้วผมมากระดกอีก แต่แม่งจะห้าวไปล่ะ ผมเลยคว้ามันออกมาให้พ้นมือเธอ“เอามานะ” คะนิ้งทำหน้าบึ้งแล้วทำท่าจะแย่งจากผม แต่ผมก็เอาไปวางไว้ตรงอื่นให้ห่างจากมือเธออีก “ฉลาม! บอกให้เอามา”“เมาแล้ว ไม่ต้อง” ผมตอบสั้นๆ แล้วทำท่าจะอุ้มเธออีกเพราะถ้านิ้งเป็นแบบนี้แสดงว่าเธอเมา ครั้งที่แล้วก็อ่อยผม ครั้งนี้ก็ห้าวเป้ง สรุปเมียกูแม่งเป็นไงกันแน่แต่ยังไม่ทันจะได้อุ้มนิ้งก็ผลักมือผมออก แล้วตีไหล่ผมเสียงดัง“เฮ้ย”“ฉลามไม่ได้ยินเหรอ” เธอเอียงหน้ามึนๆ มาหาผมที่ลูบไหล่ตัวเองเพราะแม่งเจ็บ เสียงโคตรยานเลย “ว่าเราจะนั่งต่ออ่ะ”ผมจ้องหน้าเธอกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจ“ก็ไม่ให้นั่ง เข้าใจปะ” ผมกดเสียงต่ำแล้วคว้าต้นแขนเธอไว้แน่นให้อยู่นิ่งๆ ไม่สนใจสายตาของคนอื่นแล้วจะอุ้มเธอกลับอีก แต่นิ้งก็ดื้อไม่เลิก เธอตีหน้าผมซ้ำๆ จนผมอุ้มไม่ได้เลยหันไปมองเจ๊เพทให้เข้ามาช่วย แล้วมันก็พยักหน้าแล้วลุกออกมาดึงนิ้งที่เอาแต่ฟาดผมไปอีกทาง“น้องนิ้ง ใจเย็นๆ ตบจนหน้ามันช้ำหมดแล้วเนี่ย เดี๋ยวเจ๊พาไปล้างหน้า”“ก็คนนี้มันนิสัยไม่ดีอ่ะ” เธอพู
ให้พูดตรงๆผมแม่งสับสนว่ะเอาจริงๆ ผมก็ห่วงความรู้สึกนิ้ง คือถ้าผมแม่งไปทำงานนั้นขึ้นมาผมว่าถ้าเธอรู้นิ้งไม่มีทางโอเค เธอต้องโกรธผม ต้องด่า เผลอๆ อาจจะทะเลาะกันอีก ซึ่งผมแม่งก็ไม่อยากทะเลาะกับเธอแล้ว เข็ดแล้วไง ครั้งที่ผ่านมามันเป็นโมเม้นท์ที่เหี้ยมากจนผมไม่อยากกลับมารู้สึกงั้นอีกแต่ที่ไอ้เดี่ยวมันพูดมาแม่งก็ถูก เพราะงานที่มันแนะนำให้ก็ได้เงินไม่ใช่น้อยๆ เดือนนึงเป็นแสน ถ้าผมทำงานแค่ที่อู่กับที่ผับไอ้วิน ทำให้ตายยังไงมันได้แค่นั้น ได้แค่พอชีวิตผมไปวันๆถ้าไม่มีแฟน ยังโสดมันก็พอได้แต่ดันมีนิ้งไง ตอนนี้อ่ะผมไม่พูดอะไรแต่กลับมาที่โต๊ะ ผมเห็นนิ้งมองมาแต่ไม่ได้สบตาเธอกลับ เห็นไอ้เดี่ยวเหลือบมองร่างเล็กแล้วพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงให้ผมเก็บเรื่องที่มันพูดไปคิด ผมถึงได้ชงเหล้าแล้วยกขึ้นกระดกลงคออย่างเครียดๆก็คิดอยู่ไง ถึงไม่ได้พูดเหี้ยอะไรชีวิตผมไม่ค่อยมีทางเลือก ผมไม่ได้ฉลาด เรียนก็ยังไม่จบ มีดีแค่ขยัน ทำอะไรก็ได้ขอแค่กูได้เงิน แต่ถ้าผมไม่เอางานนี้ ขยันไปไงก็ได้กลับมาไม่คุ้มผมก็แค่กำลังคิดๆ อยู่“เฮ้ย เพียวเลยเหรอ เมียมึงก็อยู่นะอีหลาม” เจ๊เพทพูดกับผม แล้วผมก็ชะงักไป เพราะแม่งคิดเยอะจนลืม
ฉันถูกฉลามที่กำลังหงุดหงิดลากมาที่ลานจอดรถทันทีที่มาหยุดอยู่หน้ารถมอเตอร์ไซค์ของเขาได้ร่างสูงก็ยื่นโทรศัพท์ที่ขึ้นข้อความที่ฉันคุยกับชินมาจ่อตรงหน้าฉันทันที“ถ่ายแบบอะไร” เขากระแทกเสียง แล้วฉันก็สะดุ้งเฮือกเลย“ฉลามขึ้นเสียงใส่เราอีกแล้วนะ” ฉันพูดเสียงสั่น แล้วคนตัวใหญ่กว่าก็นิ่งไป “พูดดีๆ กับเราไม่ได้เหรอ”“ก็อยากรู้ไง” เขาพูดเสียงอ่อนลงตามที่ฉันบอก แต่ก็ยังไม่วายจ้องหน้าฉันอย่างคาดคั้น “ว่าถ่ายแบบอะไร คุยเรื่องไรกัน”“...”“ทำไม หรือแค่นี้บอกเราไม่ได้?”“ก็... ก็ชินมาชวนเรา” พอเห็นว่าเขาถามด้วยท่าทางจริงจังกว่าปกติฉันก็เลยตอบกลับไปเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาอีกถ้าไม่ตอบ เพราะฉลามเวลาโมโหเขาจะดูน่ากลัวมากเลย ฉันไม่อยากทะเลาะกับเขาแล้วนี่นา “ชินบอกเราว่าอยากให้ไปถ่ายแบบด้วย แต่ไม่ได้มีอะไรนะ ถ่ายแบบกับวิวอะไรพวกนี้แค่นั้นเอง”เขาเลิกคิ้วออกมา “แล้วไง?”“ก็...” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เราก็เลยอยากมาขอฉลาม...”“ไม่ให้” แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบด้วยซ้ำ เขาก็โพล่งแทรกขึ้นมาทันทีจนฉันต้องทำหน้าเอ๋อออกมาพราะยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเลย“ตะ... แต่ว่า”“ไม่ต้องมาขอ” เขาไม่ฟังฉันเลยอ่ะ ฉ
“เราน่ารักปะ”ฉันชะงักไปเมื่อทันทีที่กดวางฉลามก็หันมาส่งโทรศัพท์คืนให้ฉัน เมื่อกี้ฉันเพิ่งบ่นเขาไปเรื่องคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ ก็ฉลามน่ะดื้อ ฉันเตือนเขาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยฟังเลย“น่ารักตรงไหนกัน” ฉันถามกลับ แล้วกอดโทรศัพท์ตัวเองไว้แน่นเพราะจะไม่ให้เขายืมโทรตอนขับรถอีกแล้ว“ก็น่ารักที่เชื่อเธอไง” เขาพูด ก่อนที่จะขับต่อไปพอเห็นว่ารถว่างแล้ว ในขณะที่ฉันเองก็ทำหน้ามุ่ยตอนที่เขาหันมายักคิ้วใส่ “ดูดิ หาไม่ได้แล้วปะ แฟนอย่างเนี้ย”ขี้โม้จริงๆ เลย คนอะไรเนี่ย“หันหน้าไปเลยนะ” ฉันพูดแล้วดันหน้าเขาให้หันไปข้างหน้าเหมือนเดิม ฉันเห็นฉลามปรับกระจกมองหลังให้มองเห็นทั้งหน้าฉันแล้วก็เขาได้ด้วย พอฉันเอียงคอไปมองว่าเขาจะทำอะไรก็เห็นว่าฉลามกำลังทำสายตาเว้าวอนฉันผ่านกระจกฉันหน้าร้อนวูบขึ้นมาก่อนที่จะหันหน้าหนีทันที“โห่ นิ้ง” ฉลามทำน้ำเสียงโอดครวญออกมาตอนที่เห็นว่าฉันเมินหน้าไม่สนใจเขาเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ “เมื่อกี้เราแม่งรู้เท่าไม่ถึงการณ์อ่ะ เคยได้ยินปะ ไม่ได้ตั้งใจ อย่างอนดิ”ฉันทำหน้าบึ้งใส่เขาทันทีพอเห็นว่าเขาอ้าง แล้วตีไหล่เขากลับไป“ฉลามอายุเยอะกว่าเราอีกนะ” ฉันพูดเสียงเขียว จะมาอ้างว
“แล้วตกลงทำงานอะไรบ้าง ผมจะได้เตรียมตัว” ผมถามขึ้นมาตอนที่เธอลากผมมาถึงห้องๆ นึงแล้วปิดประตูห้องตอนที่กันเด็กๆ พวกนั้นออกไป แล้วเจ๊เพชรก็ทำท่าคิดหนัก“ขอเจ๊ดูก่อน” เจ๊พูดว่างั้น แล้วมองผมอีก “อูย แต่ยิ่งดูก็ยิ่งโดน น้องหลามนี่เบ้าดีกว่าที่เจ๊คิดเนอะ ตอนที่น้องเดี่ยวโทรมาเจ๊ก็นึกว่าจะแว๊นๆ หน่อย”“...”“ว๊ายตาย! แล้วยิ่งสักแบบนี้ไปอีก แซ่บเว่อร์ เดี๋ยวนี้สาวๆ กำลังนิยมแบดบอย แบบน้องหลามนี่ตรงคอนเซ็ปมากเลยนะ” เธอพูดแล้วคว้าแขนผมมาจับๆ ตรงรอยสัก เอาจริงๆ ผมว่าจะไปสักเพิ่มอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีเวลา ตังค์ก็ไม่มี “เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีแบดๆ มาให้หัวใจลูกค้าร้านเจ๊เหมือนโดยหยิกโดนข่วนบ้างเลย”แล้วทำไมต้องอยากได้อะไรขนาดนั้น ก็แค่คาเฟ่ต์ธรรมดาเองไม่ใช่ไง?“อ้อ” ผมครางรับส่งๆ “เหรอครับ”“ใช่ ว่าแต่น้องหลามถนัดทำโซนไหนล่ะจ๊ะ” ผมขมวดคิ้ว แม่งมีเป็นโซนด้วย“ผมอยากได้ที่มันได้วันละเจ็ดพันงี้ครับเจ๊” พอเห็นว่าอีกฝ่ายถามผมก็พูดตรงประเด็นแล้วส่งกระดาษนั่นให้เธอ แล้วเจ๊เพชรก็รับไปดู “เห็นเพื่อนผมบอกว่าโก่งค่าตัวได้เจ็ดพัน”เจ๊มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที“เอิ่ม... ถ้าน้องหลามจะทำโซนปกติไม่มีหรอกนะ วั
เออ ผู้ชายแม่งไม่มีอะไรมากหรอกว่ะ ก็แค่อยากได้คนเข้าใจ ที่ผ่านมาที่ผมคบมันไม่มีไง เหมือนคบกันเอาแค่หวานๆ ทำตัวเหมือนแฟนแต่ไม่เคยเข้าใจว่าชีวิตผมเป็นไง ลำบากยังไงอีกอย่างผมก็หวานไม่เป็น ถนัดทำให้เห็นมากกว่าพูด มันเลยไม่มีใครทนได้ บางทีผมเองก็ไม่ทนเพราะแค่ทำงานก็เหนื่อยพอแล้วว่ะ ต้องมานั่งเอาใจแฟนที่แม่งไม่เคยเข้าใจในงานของผมอีก แม่งก็พังนิ้งเป็นคนแรกที่ผมรู้สึกว่ามีเธอแล้วชีวิตไม่เหนื่อย ถึงเหนื่อยผมแม่งก็เต็มใจเพราะเธอน่ารัก ยิ่งตั้งแต่ที่คบมาแล้วนิ้งไม่เคยขออะไรจากผม ผมแม่งเสียเงินน้อยมากเพราะเธอไม่ช้อปไม่ไรเลย หน้าก็ไม่ค่อยแต่ง อย่างมากก็เวลาไปกินข้าวแล้วผมเลี้ยงแค่นั้นเอาจริงๆ ตอนนี้ก็อยู่ในสถานะแฟน นิ้งเองก็มีพ่อแม่คอยส่งเงินให้ ผมเคยคุยกับป๊าเธอโดยที่ไม่ได้บอกนิ้ง ป๊าบอกว่าลูกสาวทุกคนของบ้านนี้ถูกเลี้ยงมาดี ที่ยังไม่ปล่อยให้ทำงานเหมือนผมเพราะนิ้งเพิ่งอยู่ปีสองเลยอยากให้เรียนก่อน เรียนอย่างเดียว จนจบไปถึงจะให้ออกมาทำงานจริงจังผมแม่งก็เข้าใจ เพราะถ้าลองนิ้งได้มาทำงานตอนเธอยังเรียน ผมว่าไม่ไหวว่ะ หนัก ต้องใช้เวลา ถ้าบ้านไม่มีปัญหาหรือไรก็เรียนไปก่อนเหอะจบแล้วไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผ