มีความรู้สึกว่าคิ้วขวากระตุกอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ
ไม่รู้ว่านี่เป็นลางร้ายหรืออะไรรึเปล่านะ แต่รู้สึกไม่ดีเลย
“นิ้ง จะกลับหอเลยหรือไปหาอะไรกินก่อนดี มีเรียนอีกทีตั้งสี่โมงแน่ะ”
ฉันหันไปมองส้มหวานที่เก็บชีทเรียนใส่กระเป๋าสะพายอย่างไม่รีบร้อน หลังจากเรียนคลาสแรกของวันจบฉันกับส้มหวานก็ลงมานั่งคุยเล่นกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวประจำ เหลือเวลาอีกตั้งเยอะแยะกว่าที่จะเรียนคลาสต่อไป ฉันเลยสลัดความคิดเรื่องลางร้ายอะไรนั่นออกไปแล้วเริ่มครุ่นคิด
ฉันเองก็ยังไม่อยากกลับไปนอนที่หอด้วย เพราะอย่างนั้น
“นิ้งอยากกินนมปั่นอ่ะ”
“บังเอิญจัง! ส้มก็อยากกิน” ส้มหวานมีสีหน้าเปี่ยมสุขที่เจอคนที่ใจตรงกัน ในขณะที่จะกอดคอฉันแล้วลากให้เดินไปยังหน้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน “แล้วเดี๋ยวแวะร้านเค้กหน้ามหาลัยกันด้วยดีกว่า อยากกินชอตเค้กอ่ะ”
“กินเยอะๆ เดี๋ยวอ้วนนะส้ม”
“ไม่สนอ่ะ ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี” ฉันหัวเราะกับมุขตลกของเธอและยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะส้มเป็นคนสวยและน่ารัก ในขณะที่จะเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนออกนอกประตูมหาลัย แต่ก็ยังไม่วาย...
“เอ้ย นิ้ง” ส้มหวานกระตุกแขนฉันให้หันไปมองด้านซ้าย แล้วฉันก็ตกใจเมื่อเห็นคนที่นั่งสูบบุหรี่บนรถมอเตอร์ไซต์ที่คุ้นเคย ก็ฉลามดุนั่นแหละ ดูเหมือนเขามัวแต่มองไปทางอื่นเลยยังไม่เห็นฉัน ฉันเลยกระตุกแขนส้มหวานให้เดินเลี่ยงไปทางอื่น
คือฉันยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเขาอ่ะ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมัน...
“เอ้า! จะไปไหนเล่า มาทักทายคนคุยเธอก่อนสินิ้ง” แต่ดูเหมือนว่าส้มหวานจะไม่เข้าใจ เพราะต่อมาเธอก็ลากแขนฉันไปยังที่ที่ฉลามดุนั่งกดโทรศัพท์อยู่ เขามัวแต่จ้องมันแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนใจลอย จนกระทั่งเสียงของส้มหวานดังขึ้นมา “พี่คะ!”
ฉลามดุถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองทางเราอย่างสงสัย และทันทีที่เขาเห็นฉัน ร่างสูงก็รีบทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันเหมือนไม่คิดว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ ก่อนที่จะลงมาจากรถแล้วเดินดุ่มๆ มาหาฉันอย่างรวดเร็ว
“รอตั้งสองชั่วโมง!” ทันทีที่ถึงตัวเขาก็บ่นเสียงดัง ส่วนฉันก็ก้าวถอยหลังอย่างตกใจ “แต่พอเห็นนิ้งแล้วเกือบลืมไปเลยว่าเมื่อกี้รอนาน”
“หูย” เสียงแซวของส้มหวานดังอยู่ข้างๆ ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้างุด “นี่ใช่พี่ฉลามดุที่มาจีบนิ้งมั้ยเนี่ย?”
“อ่า ใช่” ฉลามดุหันไปมองส้มหวานเหมือนเขาเพิ่งสังเกตเห็น ร่างสูงเกาท้ายทอย ดูเหมือนเขาเขินๆ ที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่ฉัน “จะไปไหนกันปะ เดี๋ยวขับรถไปส่ง”
“ก็ร้านนมปั่นข้างหน้านี่อ่ะค่ะ เดี๋ยวก็ไปร้านเค้กข้างๆ ต่อ” ฉันหันไปตีแขนส้มทันที จะไปบอกเขาทำไม! “โอ้ย เจ็บนะนิ้ง เขินเหรอ ไม่คุยกับพี่หลามบ้างอ่ะ”
“มะ...!” ฉันตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาฉลามดุที่มองมาฉันก็พูดไม่ออก “... ไม่ได้เขินนะ”
แล้วฉันจะทำเสียงเบาไปทำไมเนี่ย
“เออ งั้นเดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ใกล้ๆ เองนี่” ฉันเบิกตากว้างเมื่อฉลามดุฉีกยิ้มอย่างเอ็นดู เขามองมือฉัน เหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่ร่างสูงก็หันหน้าหนีไปมองทางส้มหวานซะก่อน “อีกอย่างพี่อายุมากกว่าไม่กี่ปีเอง เรียกฉลามก็ได้”
“โอเค แต่ส้มขอเรียกพี่หลามละกัน” ส้มหวานตกปากรับคำ เธอตีสนิทกับฉลามดุอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จะดันฉันสุดแรงจนเซไปชนกับไหล่กว้างๆ ของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ “งั้นก็ไปกันเถอะ เอ้านิ้ง ไปยืนใกล้พี่หลามสิ เดี๋ยวรถชนนะ!”
“อะ... อะไรนะ” ฉันทำตัวไม่ถูก งุนงงไปหมด แล้วยิ่งหันมาเจอฉลามดุที่มองหน้าฉันที่แนบอยู่กับต้นแขนเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ฉันก็รีบเด้งตัวออกอย่างรวดเร็ว
“พี่หลามฝากดูนิ้งด้วยนะ นิ้งชอบเหม่อๆ ตอนเดินข้ามถนน จะโดนรถเฉี่ยวหลายรอบล่ะ” ฉันอ้าปากค้าง ถึงมันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆ แต่ทำไมส้มหวานไม่เดินไปกับฉันอ่ะ! “จูงมือกันข้ามถนนดีๆ นะจ๊ะ ไปรอที่ร้านเค้กตรงนู้นเลยนะ เดี๋ยวส้มไปซื้อนมปั่นให้”
พูดยืดยาวใส่จบเธอก็หมุนตัวแล้วเดินข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วทันทีโดยไม่รอฉันเลย ฉันมองหลังไวๆ ของส้มหวานที่ห่างออกไปอย่างตกใจ หน้าร้อนจัดในขณะที่หันกลับมามองฉลามดุที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ
เขาก้มลงมามองหน้าฉันเพราะตัวของเขาสูงมาก น่าจะร้อยแปดสิบกว่าๆ ได้เลย ก่อนที่ร่างสูงจะกระแอมไอ
“งั้นเราขอจับมือเธอหน่อยดิ” ฉันมองหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ฝ่ามือจะถูกเขาจับไว้โดยไม่รอคำอนุญาต ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่เมื่อเขาบีบมือฉันแน่นขึ้นแล้วออกแรงดึงให้เดินไปด้วยกัน ฉันมองรอยสักที่แขนของเขา มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ค่อยชอบเลย ถึงจะมีพี่ชายทำงานเป็นช่างสักก็ตาม
แต่ก็ดูเหมือนว่า... ฉันจะเผลอใจเต้นให้เขาไปนิดหน่อย
นิดหน่อยจริงๆ นะ
ตอนนี้เราอยู่ในร้านเค้ก
ฉันมัวแต่นั่งก้มหน้าอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ฉลามดุนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องหน้าฉันเขม็งจนถ้าไม่รู้ว่าเขามาจีบ มันจะดูเหมือนเขาจงใจจะหาเรื่องมากกว่า ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง ร่างสูงถึงได้ทึ้งหัวตัวเองแล้วมองออกไปทางอื่น
ฉัน... อึดอัดจัง เมื่อไหร่ส้มหวานจะกลับมาที่นี่นะ
“จะสั่งอะไรมั้ย?” ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ฉลามดุก็ทำลายความเงียบขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นว่าร่างสูงทำสีหน้ากระอั่กกระอ่วนเหมือนมันไม่ใช่คำถามที่เขาอยากถาม “เราหมายถึง... หิวมั้ย กินแต่เค้กจะอิ่มเหรอ”
“สะ... ส้มจะกินน่ะ” ฉันตอบเสียงตะกุกตะกัก แล้วเขาก็พยักหน้ารับรู้
“แล้วนิ้งหิวอะไรรึเปล่า” เขาถามอีก แล้วฉันก็สบตาเขาไม่ได้ เลยมองเลี่ยงไปทางอื่น
“มะ... ไม่หรอก ไม่หิวเลย”
“นิ้งกลัวไรอ่ะ? คุยกับเราทำไมไม่มองหน้าเรา” ฉันสะดุ้งเมื่อเขาแทรกขึ้นมาเมื่อฉันพูดจบประโยคนั้นได้ไม่กี่วินาที พอหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังจ้องหน้าฉันอยู่อย่างลุ้นคำตอบสุดๆ ฉันก็เลยหันหน้าหนีไปอีกรอบ
“ก็...” กลัวเขานั่นแหละ “เปล่านะ”
“หน้าเราน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ” น้ำเสียงของเขาดูตัดพ้อ ฉันก็เลยกลืนน้ำลายลงคอแล้วกระพริบตาปริบๆ “นิ้ง... หันมามองหน้าหน่อยดิ”
“...” ฉันเงียบ
“จะหันหรือไม่หันครับ” คราวนี้เสียงเขาเข้มขึ้นอีกเหมือนเจ้าตัวกำลังขัดใจนิดๆ
“...”
“ไม่หันเหรอ ได้”
หมับ
สิ้นประโยคนั้น แก้มของฉันทั้งสองข้างก็ถูกเขาคว้า ในขณะที่อีกฝ่ายจะใช้กำลังบังคับให้ฉันหันไปมองใบหน้าเขาที่ตอนนี้เลื่อนเข้ามาจนประชิดเพราะฉลามดุลุกขึ้นเอื้อมมือมาคว้าแก้มฉันจากฝั่งตรงข้าม แล้วฉันก็สบตากับเขาเข้าโดยบังเอิญ ในขณะที่หน้าของฉันเริ่มร้อนขึ้นมาตั้งแต่ต้นคอลามมาจนถึงหน้าผาก
แรงของเขาไม่มากเลย มันไม่เจ็บ แต่ว่า...
“คิดถึง รู้บ้างปะว่าน่ารัก”
ก็ดูเขาพูดสิ!
“นมปั่นมาแล้วน้า จองที่ไว้แล้วรึยัง เอ้ะ” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของส้มหวานดังอยู่ข้างหน้า เสียงของเธอขาดหายไปเมื่อเห็นเราทั้งคู่อยู่ในท่านี้ ฉันเหลือบมองเธอที่หันไปมองรอบๆ เพราะมีแต่คนมอง ก่อนที่ส้มหวานจะหัวเราะแหะๆ “แหม คือถ้าทนไม่ไหวขนาดนั้นพี่หลามควรจะไปต่อที่หอนิ้งนะ ไม่ใช่ตรงนี้”
สะ... ส้ม! ต่อที่หออะไรเล่า ฮือ
“เปล่านี่ พี่เห็นนิ้งพูดด้วยแต่ไม่ยอมมองตาพี่ ก็เลยจะให้หันมามอง” ฉันอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเขาซื่อหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือเขาพูดตรงไปแล้วนะ “ความจริงก็อยากทำมากกว่านั้น แต่ในนี้ทำไม่ได้หรอก”
พูดแล้วก็เอาไฟแช็คมาเปิดปิดเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ส่วนฉันนี่หน้าร้อนเห่อไปหมดเพราะคำพูดที่แสนจะเถรตรงของเขา
“โอเคค่ะพี่” ส้มหวานหัวเราะแกมรู้ทัน เธอวางแก้วนมปั่นให้ฉัน เราสั่งมาเหมือนกัน ในขณะที่ส้มหวานจะหันไปสั่งเค้กกับพนักงานที่เดินเข้ามาถามอีกที
แต่ฉันแทบไม่ได้ฟังเลย มัวแต่แก้อายด้วยการกินนมปั่นแล้วมองไปทางอื่น แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกว่าเขายังมองอยู่ตลอดเวลา จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มือฉลามดุชี้มายังแก้วที่อยู่ในมือ
“ชอบกินไอ้นี่เหรอ?” เขาถามสั้นๆ ฉันเลยเงยหน้ามองอย่างตกใจ
“อะ... ใช่ค่ะ”
“อร่อยปะ” เขาขมวดคิ้ว “กินอะไรเป็นเด็กๆ เลย”
อะ... อะไรนะ
“ก็อร่อยดีนะ” และเพราะไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง ฉันก็เลยเผลอทำเสียงสั่นๆ ไปจนได้ ฉันเห็นเขาทำหน้าตึงเครียดขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปมองรอบๆ อย่างหงุดหงิด ฉันมองตามเขา แล้วก็เห็นว่ามีกลุ่มเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะกำลังมองมาทางฉันและส้มหวาน พวกเขากระซิบกระซาบกันแล้วเริ่มโบกมือให้ฉันด้วย
“พี่สาว น่ารักจังเลย” ฉันได้ยินเสียงของพวกเขาแซวลั่นโต๊ะเหมือนคึกคะนอง ความจริงกลุ่มเด็กพวกนี้เดินเข้ามาพร้อมกับส้มหวานน่ะ แต่ฉันไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ จนกระทั่งพวกเขาแซวขึ้นมานี่ล่ะ “ขอเบอร์ได้มั้ยครับ อยากได้เบอร์พี่สาวผมยาวมากมายอ่ะ!”
ส้มหวานผมสั้นนะ ส่วนฉันผมยาว... นั่นแปลว่าเด็กพวกนั้นกำลังขอเบอร์ฉันเหรอ
“อย่าไปสนใจไอ้เด็กพวกนั้นเลย เมื่อกี้มันก็ขอไลน์ส้มหน้าร้านแต่ส้มไม่ให้ มันก็เลยเดินตามเข้ามา” ส้มหวานพูดกับฉัน เหมือนกับว่าจะพูดกับฉลามดุด้วย ฉันก็เลยพยักหน้าและกินนมปั่นต่อเงียบๆ โดยที่เสียงหยอกล้อของเด็กกลุ่มนั้นยังดังลอดเข้ามาในหูไม่หยุด
ผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันไม่ได้พูดอะไร เขามองไปทางเด็กพวกนั้นแล้วเริ่มหักนิ้วมือเล่นอย่างเงียบเชียบ
จนกระทั่ง...
“เฮ้ย มึงลุกไปขอเบอร์พี่เค้าให้หน่อยดิ๊!” เสียงของเด็กกลุ่มนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่คนพูดจะผลักเด็กที่ท่าทางเรียบร้อยที่สุดให้เดินมาทางนี้ รู้สึกว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นเบ๊ของพวกเขานะ “ต้องได้มานะ ไม่ได้วันนี้ไม่มีค่าขนมกลับบ้านนะเว้ยไอ้เด็กเนิร์ด ฮ่าๆ”
ฉันหันกลับไปมองทันที ทำไมเด็กพวกนี้ถึง...
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะน้องท่าทางเรียบร้อยคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะพวกเราอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้มีท่าทีเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่จะยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันที่นิ่งอึ้งไป
“พี่ครับ คือ... คือเพื่อนผมขอเบอร์พี่” น้องมีท่าทางตื่นกลัว แล้วฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาจากโต๊ะเด็กกลุ่มนั้น ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่ก็กลัวน้องจะโดนเด็กพวกนั้นรีดไถค่าขนม ฉันเลยหันหน้าไปมองส้มหวานอย่างตัดสินใจไม่ถูก
“ส้ม...” ฉันตั้งท่าจะพูด แต่อยู่ดีๆ ร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ทุบโต๊ะเสียงดังลั่น
ปึง!!
“ไอ้พวกเด็กเวร” ฉลามดุสบถในลำคอเสียงเหี้ยมในวินาทีต่อมา ฉันมองเขาอย่างตกใจ แล้วก็เห็นว่าเขาผุดลุกขึ้นทันทีและเดินออกไป
“พี่หลามจะทำอะไรน่ะ” ส้มหวานป้องปากถามฉันอย่างตกใจ ส่วนฉันก็ส่ายหน้า ในขณะที่ร่างสูงที่มีรอยสักเต็มทั้งสองแขนจะเดินดุ่มๆ ไปทางโต๊ะของเด็กพวกนั้นที่กำลังหัวเราะสนุกสนาน
แล้วเขาก็...
หมับ
“พวกมึงเป็นอะไรกันมากมั้ย?” กระชากคอเสื้อของเด็กท่าทางที่ดูจะเป็นเหมือนหัวโจกของโต๊ะขึ้นมาจนแทบจะชิดกับใบหน้าของเขา “คึกกันมากปะ กรอกน้ำให้แม่เสร็จยัง ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ขนยังไม่ตั้งคิดจะม่อสาวเหรอ”
“เฮ้ย พี่เป็นใครอ่ะ” เสียงเด็กพวกนั้นดูแตกตื่นเหมือนคาดไม่ถึงว่าจะมีคนหาเรื่องจะๆ แบบนี้ ในขณะที่ฉลามดุจะเหวี่ยงเด็กที่เขากระชากคอเสื้อออกแต่ยังคงจับเสื้อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนที่จะท้าวแขนอีกข้างลงกับโต๊ะแรงๆ “พี่จะทำไรวะ!”
“พวกมึงไม่ต้องรู้หรอก” เขาพูดเสียงเย็นเยียบและมีใบหน้าน่ากลัวในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน “แต่สิ่งที่พวกมึงต้องรู้ก็คือกูกำลังจีบคนที่มึงอยากได้เบอร์อยู่ ส่วนอีกคนก็เพื่อนเค้า แล้วพวกมึงคิดว่ากูจะทำอะไรกับพวกมึงดีล่ะ มากวนใจว่าที่แฟนกูแบบนี้เนี่ย”
วะ... ว่าที่แฟน
ฉันคิดทวนตามคำพูดของเขาในใจ แล้วหน้าร้อนเมื่อน้องที่เดินมาขอเบอร์กับส้มหวานมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งคู่
ฉันเปล่านะ เขาพูดเองอ่ะ
“มึงปล่อยกูนะเว้ย!!” เสียงของหัวโจกดังขึ้นมาอย่างก้าวร้าว ตอนแรกฉันเห็นว่าฉลามดุดูใจเย็นอยู่นะ แต่พอเด็กคนนั้นขึ้นมึงกูใส่ เส้นเลือดที่คอของเขาก็ขึ้นจนเห็นได้ชัดเลย “ห่าโอ มึงนั่งเงียบทำไม เข้าไปจับแม่งดิ”
ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะไม่ยอมลงง่ายๆ ด้วย เขาหันไปสั่งเพื่อนอีกคน แต่ก็ดีที่เพื่อนที่ชื่อโอที่ว่านั่งกลัวฉลามดุจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
“มึงเรียกกูว่าไงนะ แม่งเหรอ?” ฉลามดุถลึงตาใส่ ในขณะที่จะง้างหมัด
“พี่ ถ้าต่อยเด็กติดคุกนะเว้ย!” เสียงของเด็กคนหนึ่งในกลุ่มดังขึ้นมาอย่างห้ามปราม พร้อมๆ กับคนในร้านที่เริ่มให้ความสนใจ บางคนแตกตื่นไปเรียกเจ้าของร้าน แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าทำอะไร หมัดของฉลามดุถูกค้างไว้ท่านั้น แต่เขากลับตวาดลั่น
“มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ! มากกว่านี้กูก็เคยทำมาแล้ว เสียค่าปรับกับเข้าคุกไม่กี่เดือนกูไม่แคร์หรอก!!” แต่พอเขาตั้งท่าจะต่อยเท่านั้นล่ะ
หมับ
“พะ... พอได้แล้ว” ฉันก็รีบวิ่งไปคว้าต้นแขนของร่างสูงที่ง้างหมัดเอาไว้ทันที ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ กลัวก็กลัว แต่ฉันแค่อยากให้เขาหยุดเท่านั้นเอง คนในร้านเขาสีหน้าไม่ค่อยดีกันแล้วนะ “อย่าไปต่อยเด็กเลย คนในร้านมองเรากันหมดแล้วนะคะ”
ฉลามดุไม่ได้พูดอะไร เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าตกใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ยอมเอามือลงตามที่ฉันพูดอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะถามฉันเสียงอ่อนลง “... แล้วจะให้เราทำไง”
“เอ่อ...” แล้วคราวนี้ฉันก็ไปไม่เป็น คิดอะไรไม่ออก จนกระทั่งน้องที่ดูเหมือนจะชื่อโอผุดลุกขึ้นมา แล้วล้มตัวลงไปกอดข้อขาของฉลามดุเอาไว้
“พี่ฉลาม? พี่ฉลามใช่มั้ย!”
ฉันว่าฉันคิดดีแล้วล่ะเพราะหลังจากที่ฉันโทรไปบอกฉลามดุว่าจะเป็นแฟนกับเขา ฉลามก็ตัดสายใส่ทันทีเลย ฉันเองก็เขินจนไม่กล้าคุยต่อแล้วเหมือนกัน มันยากนะที่ต้องขอใครสักคนเป็นแฟนก่อนแบบนี้ ยิ่งกับอีกฝ่ายที่เป็นคนแบบเขาด้วยฉันไม่เคยพูด ไม่เคยคบกับใคร ก็เลยอายจนต้องซุกหน้าลงกับหมอนที่ตัวเองกอดอยู่แบบนั้นส้มหลับไปแล้ว เธอเพิ่งได้กลับมาค้างที่ห้องก็วันนี้ แต่เพราะทำกิจกรรมมาหนักก็เลยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ประตูห้องปิดอยู่ ส่วนฉันก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างนอกห้อง ที่ฉันเงียบไปไม่ยอมคุยกับเขาก็เพราะตอนที่ไปเที่ยวกับเขาฉันมีความสุขมากจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว ฉันชอบฉลามดุ แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฉันนั่งทำใจให้หายเขินอยู่นานมาก จนประตูห้องเหมือนถูกใครเคาะ เสียงค่อนข้างดังก็อกๆๆ!ฉันชะงักไป สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นใคร ตอนเปิดประตูออกไปตัวก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะถูกคนๆ นั้นโถมตัวเข้ามาหาทันทีฉันรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ท่วมตัวเขา ใจเต้นขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าเป็นเสื้อยืดที่คุ้นเคย พอเขาผละออก ฉันก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฉลามเขา...“พูดจริงเหรอนิ้ง!” เขาผละออกมาแล้วคว้าไหล่ฉันมาเขย่าทันที ฉันเอ๋อไป ก็พอรู้อยู่นะว่าฉลาม
[พาร์ท : ฉลามดุ] “ฉลาม นิ้งอยากกินไอติม” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของนิ้งดังขึ้นตอนที่เดินดูอะไรเล่นๆ ไปเรื่อยหลังจากกินอะไรเสร็จ ตอนแรกเธอบอกไม่อยากได้ถึงผมบอกว่าอยากจะซื้อให้เธอแค่ไหน ตอนที่เดินดูก็ทำเป็นไม่มองอะไร ผมก็รู้ว่าเธอขี้เกรงใจนะ แต่แล้วไง? ผมเลี้ยงเธอได้หมดอ่ะ แค่ออกปากขอ “ไอติม?” ผมเลิกคิ้วมองเธอที่เดินนำผมไปใต้ร่มร้านไอติมโบราณข้างหน้า คะนิ้งทำสีหน้าสดใสแบบที่ผมไม่ค่อยเห็น ผมก็เลยก้มหัวเข้าไปใต้ร่มบ้าง แต่เพราะตัวสูงถ้ายืดตัวหัวแม่งก็จะชนร่มผมก็เลยก้มตัวไปเกยคางไว้ที่ไหล่เธอแทน “เอาอันไหน” “เอากะทิได้มั้ย?” ร่างเล็กเอี้ยวตัวมาขออนุญาตจากผมทางสายตา ผมหัวเราะ มีหันมาขอจากผมด้วย น่ารักว่ะ “สั่งดิ” “นิ้งขอกะทิอันนึงนะคะ” เธอคลี่ยิ้มหวานให้ผมแล้วหันไปสั่งทันที ผมเหลือบมองเธอจากทางด้านข้าง พอป้าที่ขายคิดเงินผมก็ชิงจ่ายให้เธอก่อน คะนิ้งชะงักไป เธอหันมาหาผมเหมือนเก้อๆ ตอนที่เดินออกมา “อะ... ขอบคุณนะ” “เล็กน้อย” ผมยักไหล่ มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้ “ไปดูอย่างอื่นเหอะ” “อื้อ” คะนิ้งพยักหน้าแล้วก็เริ่มกินไอติมเหมือนเด็ก ผมมองเธออย่างเอ็นดู ก่อนที่จะยกแขนขึ้นพาดคอเธอดึงให
“ก็ดูแม่งพูดดิ ไม่ให้เราโมโหได้ไง”ฉันยืนกอดอกหลวมๆ อยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้เราขับมาถึงเยาวราชแล้ว ฉันทนเก็บความไม่พอใจที่เขาไปหาเรื่องนักศึกษาสองคนนั้นไว้ตลอดทาง แต่พอมาถึงแล้วลงจากรถ ฉันแค่พูดออกมาคำเดียว ฉลามก็มีท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที“แต่ฉลามก็ไม่ควรไปหาเรื่องเขานี่” ฉันปรามเขา เพราะคิดว่านิสัยคิดแล้วจะบวกอย่างเดียวของเขานั่นแหละที่เป็นปัญหาสุดๆ ในตอนนี้ แล้วร่างสูงก็ทำสีหน้าหงุดหงิด“ทำไม ปกป้องมันว่างั้น?” ฉันเหวอจนต้องคลายมือที่กอดอกลง นะ... นี่เขาเอาอะไรมาพูดเนี่ย “สงสัยผู้หญิงแม่งจะชอบจริงๆ ไอ้พวกผู้ชายสำอางค์ๆ งั้นอ่ะ”“อะ... อะไรนะ”“นิ้งก็ชอบอ่ะดิ ดูโกรธเราจัง” ฉันอ้าปากค้าง พูดไม่ออกเมื่อเขาพูดแทรกขึ้นมาทุกประโยค แถมยังมองฉันแบบผิดๆ อีก “เราจะบอกไรให้นะ ไอ้พวกนั้นอ่ะ พอบทหน้าสิ่วหน้าขวานมาไม่มีใครช่วยเธอได้สักคนหรอก”“...”“อย่างมากก็คง พี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ เหมือนเมื่อกี้ที่พูดกับเราไง” ฉันมองฉลามอย่างจนใจ ไม่รู้จะพูดกลับไปยังไงดี ฉันก็แค่จะเตือนเขาเฉยๆ ว่าผู้ชายสองคนนั้นไม่ได้จะทำอะไรเราเลย อยู่ดีๆ ก็ไปหาเรื่องจะต่อยเขามันไม่ดีนะ แต่ก็ดูเขาสิ “พวกขี้แพ้ก็งี้”“ฉลาม” ฉันป
ฉลามยืนอยู่ตรงหน้าฉันพอมองเลยตัวใหญ่ๆ ของเขาไปก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคย ฉันยังอึ้งอยู่ก็เลยได้แต่มองเขาตาปริบๆ จนร่างสูงโอบเอวฉันดึงให้เข้ามาหาด้วยแขนข้างที่ไม่ได้ดามเฝือกเอาไว้นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าประตูมหาลัยต่างก็มองมาที่เราอย่างสนใจ เพราะผ้าพันแผลที่ศีรษะ ผ้าก็อซ และที่ดามแขนของฉลามดุมันสะดุดตาทุกคนมาก และหลังจากที่ฉันรู้สึกตัว ฉันก็พยายามดันเขาออกทันที“มะ... มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” คนตัวโตทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะตอบหน้าตาย“หนีมาหา” เขาพูดอย่างไม่สำนึกแล้วเกยคางไว้ที่ศีรษะของฉัน “คิดถึงนิ้งไง”“ปล่อยเลย” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วตีแขนเขาข้างที่ไม่เจ็บ “หนีออกมาทำไม ยังไม่หายดีเลยนะ แถมยังให้พี่เพทายมาจ่ายค่ารักษาให้อีก ทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่เรื่อยเลย”ฉลามดุทำหน้าเบ้ เขาคว้าข้อมือฉันแล้วทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังถูกดุ“บ่นเราอีกล่ะ” แล้วต่อมาก็เปลี่ยนมาทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม “เป็นห่วงอ่ะดิ”“ก็ต้องเป็นห่วงสิ” ฉันตอบไปตามความจริง อีกฝ่ายชะงักไป ฉันถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองชักจะเปิดเผยความรู้สึกมากเกินไปแล้ว ก็เลยทำกระแอมกระไอแล้วแก้ตัว “ไม่ใช่แค่เรานะ พี่เพทายก็เ
ตอนนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ฉันมาเยี่ยมเขาวันนี้ฉันอยู่ที่มหาลัย ทุกครั้งที่ฉันอยู่ที่นี่ฉลามจะชอบโทรมาตามว่าอยู่ไหน เขาอยากให้ไปหาที่โรงพยาบาล อยู่คนเดียวมันเหงา ฉันเองพอโดนเขารบเร้ามากๆ เข้าก็ใจอ่อนชอบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลทุกที แล้วฉันก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ จากที่ตอนแรกฉันยังกลัวเขาอยู่ แต่พอเปิดใจรับเขา ฉันก็คิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้นมากๆ เลยจะว่าไปแล้วฉันยังไม่ได้ให้คำตอบเลยว่าจะเป็นแฟนกับเขารึเปล่า นั่งคิดนอนคิดมาหลายวันแล้วล่ะ ฉันคิดว่าฉันยังมีความสุขที่ระหว่างเรามันเป็นแบบนี้ แต่มันก็ต้องคืบหน้าบ้างล่ะเนอะแต่เพราะฉันยังไม่เคยมีแฟน แล้วฉันก็ยังไม่ชินกับการที่จะต้องเป็นแฟนใคร มันก็เลย... ลำบากใจนิดหน่อยแฮะครืด ครืดฉันสะดุ้งเมื่อเปิดหนังสืออ่านแล้วก็นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวไม่ทันไรโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ตัวก็มีสายเรียกเข้า พอเปิดขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นฉลามคนเดียวคนเดิม ฉันคลี่ยิ้ม คงจะโทรมาตามฉันอีกแล้วล่ะมั้ง“ฮัลโหล” ฉันกดรับแล้วทักปลายสายทันที ก่อนที่ต่อมาจะได้ยินเสียงโอดครวญดังลอดเข้ามา[นิ้ง คิดถึงว่ะ] ฉันเขินที่เขาพูดออกมาตรงๆ ถึงจะได้ย
“พูดแล้วนะ” ผมพูดชิดกับใบหน้าของเธอ ตอนนี้คะนิ้งอยู่ในอ้อมกอดของผม “พูดแล้วนะว่าจะเป็นแฟนเรา”“...”“เราให้เวลาเธอคิดได้ทั้งชีวิตอ่ะ แค่เธออย่าทิ้งเราก็พอ” ผมพูดแล้วยิ้มแฉ่ง คะนิ้งมองหน้าผม อยู่ดีๆ เธอก็หลุดยิ้มออกมา แล้วพยักหน้ารับตอนนั้นแหละ ผมรู้สึกเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่เลยว่ะ“เราไม่ทิ้งฉลามหรอก” เธอพูดแค่นั้น แล้วซุกใบหน้าลงกับอกผมเหมือนเขิน ผมแม่ง... อารมณ์เหมือนถูกหวยสักสิบล้านอ่ะ ผมกอดเธอเอาไว้แน่น ยิ่งนิ้งยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมกอดไม่ขัดขืนนี่ผมแบบ... อธิบายไม่ถูกว่ะ มีความสุขโคตรตายตาหลับแล้วกูวันนี้“นิ้ง เราแม่งโคตรรักเธอเลยอ่ะ” ผมพูดอย่างตื้นตัน ชีวิตผมมาถึงจุดที่ผมคิดว่ามันโอเคแล้ว ตอนที่ผมเริ่มตามจีบเธอผมคิดถึงแต่เรื่องของนิ้ง ในหัวของผมไม่เคยมีเรื่องใครอยู่ในหัวเลย จะเรียกว่ารักเธอชิบหายหรือหลงหัวปักหัวปำก็คงคล้ายๆ กันมั้งคอยดู ถ้าวันไหนนิ้งยอมตกลงคบกับผมนะ ผมแม่งจะปิดซอยเลี้ยงฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน แดกให้สุด ไม่เมาไม่เลิก แดกให้ตาย คาอกเธอได้เลยยิ่งดี“อื้อ ปะ... ปล่อยได้แล้ว” ดูเหมือนนิ้งจะเขิน เธอดันผมออก แต่ผมกลับทำหน้าเสียดายใส่เธอ ก็เลยโดนตีที่แขนข้างที่เจ็บเบาๆ นิ้ง