LOGINมีความรู้สึกว่าคิ้วขวากระตุกอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ
ไม่รู้ว่านี่เป็นลางร้ายหรืออะไรรึเปล่านะ แต่รู้สึกไม่ดีเลย
“นิ้ง จะกลับหอเลยหรือไปหาอะไรกินก่อนดี มีเรียนอีกทีตั้งสี่โมงแน่ะ”
ฉันหันไปมองส้มหวานที่เก็บชีทเรียนใส่กระเป๋าสะพายอย่างไม่รีบร้อน หลังจากเรียนคลาสแรกของวันจบฉันกับส้มหวานก็ลงมานั่งคุยเล่นกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวประจำ เหลือเวลาอีกตั้งเยอะแยะกว่าที่จะเรียนคลาสต่อไป ฉันเลยสลัดความคิดเรื่องลางร้ายอะไรนั่นออกไปแล้วเริ่มครุ่นคิด
ฉันเองก็ยังไม่อยากกลับไปนอนที่หอด้วย เพราะอย่างนั้น
“นิ้งอยากกินนมปั่นอ่ะ”
“บังเอิญจัง! ส้มก็อยากกิน” ส้มหวานมีสีหน้าเปี่ยมสุขที่เจอคนที่ใจตรงกัน ในขณะที่จะกอดคอฉันแล้วลากให้เดินไปยังหน้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน “แล้วเดี๋ยวแวะร้านเค้กหน้ามหาลัยกันด้วยดีกว่า อยากกินชอตเค้กอ่ะ”
“กินเยอะๆ เดี๋ยวอ้วนนะส้ม”
“ไม่สนอ่ะ ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี” ฉันหัวเราะกับมุขตลกของเธอและยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะส้มเป็นคนสวยและน่ารัก ในขณะที่จะเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนออกนอกประตูมหาลัย แต่ก็ยังไม่วาย...
“เอ้ย นิ้ง” ส้มหวานกระตุกแขนฉันให้หันไปมองด้านซ้าย แล้วฉันก็ตกใจเมื่อเห็นคนที่นั่งสูบบุหรี่บนรถมอเตอร์ไซต์ที่คุ้นเคย ก็ฉลามดุนั่นแหละ ดูเหมือนเขามัวแต่มองไปทางอื่นเลยยังไม่เห็นฉัน ฉันเลยกระตุกแขนส้มหวานให้เดินเลี่ยงไปทางอื่น
คือฉันยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเขาอ่ะ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมัน...
“เอ้า! จะไปไหนเล่า มาทักทายคนคุยเธอก่อนสินิ้ง” แต่ดูเหมือนว่าส้มหวานจะไม่เข้าใจ เพราะต่อมาเธอก็ลากแขนฉันไปยังที่ที่ฉลามดุนั่งกดโทรศัพท์อยู่ เขามัวแต่จ้องมันแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนใจลอย จนกระทั่งเสียงของส้มหวานดังขึ้นมา “พี่คะ!”
ฉลามดุถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองทางเราอย่างสงสัย และทันทีที่เขาเห็นฉัน ร่างสูงก็รีบทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันเหมือนไม่คิดว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ ก่อนที่จะลงมาจากรถแล้วเดินดุ่มๆ มาหาฉันอย่างรวดเร็ว
“รอตั้งสองชั่วโมง!” ทันทีที่ถึงตัวเขาก็บ่นเสียงดัง ส่วนฉันก็ก้าวถอยหลังอย่างตกใจ “แต่พอเห็นนิ้งแล้วเกือบลืมไปเลยว่าเมื่อกี้รอนาน”
“หูย” เสียงแซวของส้มหวานดังอยู่ข้างๆ ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้างุด “นี่ใช่พี่ฉลามดุที่มาจีบนิ้งมั้ยเนี่ย?”
“อ่า ใช่” ฉลามดุหันไปมองส้มหวานเหมือนเขาเพิ่งสังเกตเห็น ร่างสูงเกาท้ายทอย ดูเหมือนเขาเขินๆ ที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่ฉัน “จะไปไหนกันปะ เดี๋ยวขับรถไปส่ง”
“ก็ร้านนมปั่นข้างหน้านี่อ่ะค่ะ เดี๋ยวก็ไปร้านเค้กข้างๆ ต่อ” ฉันหันไปตีแขนส้มทันที จะไปบอกเขาทำไม! “โอ้ย เจ็บนะนิ้ง เขินเหรอ ไม่คุยกับพี่หลามบ้างอ่ะ”
“มะ...!” ฉันตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาฉลามดุที่มองมาฉันก็พูดไม่ออก “... ไม่ได้เขินนะ”
แล้วฉันจะทำเสียงเบาไปทำไมเนี่ย
“เออ งั้นเดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ใกล้ๆ เองนี่” ฉันเบิกตากว้างเมื่อฉลามดุฉีกยิ้มอย่างเอ็นดู เขามองมือฉัน เหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่ร่างสูงก็หันหน้าหนีไปมองทางส้มหวานซะก่อน “อีกอย่างพี่อายุมากกว่าไม่กี่ปีเอง เรียกฉลามก็ได้”
“โอเค แต่ส้มขอเรียกพี่หลามละกัน” ส้มหวานตกปากรับคำ เธอตีสนิทกับฉลามดุอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จะดันฉันสุดแรงจนเซไปชนกับไหล่กว้างๆ ของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ “งั้นก็ไปกันเถอะ เอ้านิ้ง ไปยืนใกล้พี่หลามสิ เดี๋ยวรถชนนะ!”
“อะ... อะไรนะ” ฉันทำตัวไม่ถูก งุนงงไปหมด แล้วยิ่งหันมาเจอฉลามดุที่มองหน้าฉันที่แนบอยู่กับต้นแขนเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ฉันก็รีบเด้งตัวออกอย่างรวดเร็ว
“พี่หลามฝากดูนิ้งด้วยนะ นิ้งชอบเหม่อๆ ตอนเดินข้ามถนน จะโดนรถเฉี่ยวหลายรอบล่ะ” ฉันอ้าปากค้าง ถึงมันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆ แต่ทำไมส้มหวานไม่เดินไปกับฉันอ่ะ! “จูงมือกันข้ามถนนดีๆ นะจ๊ะ ไปรอที่ร้านเค้กตรงนู้นเลยนะ เดี๋ยวส้มไปซื้อนมปั่นให้”
พูดยืดยาวใส่จบเธอก็หมุนตัวแล้วเดินข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วทันทีโดยไม่รอฉันเลย ฉันมองหลังไวๆ ของส้มหวานที่ห่างออกไปอย่างตกใจ หน้าร้อนจัดในขณะที่หันกลับมามองฉลามดุที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ
เขาก้มลงมามองหน้าฉันเพราะตัวของเขาสูงมาก น่าจะร้อยแปดสิบกว่าๆ ได้เลย ก่อนที่ร่างสูงจะกระแอมไอ
“งั้นเราขอจับมือเธอหน่อยดิ” ฉันมองหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ฝ่ามือจะถูกเขาจับไว้โดยไม่รอคำอนุญาต ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่เมื่อเขาบีบมือฉันแน่นขึ้นแล้วออกแรงดึงให้เดินไปด้วยกัน ฉันมองรอยสักที่แขนของเขา มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ค่อยชอบเลย ถึงจะมีพี่ชายทำงานเป็นช่างสักก็ตาม
แต่ก็ดูเหมือนว่า... ฉันจะเผลอใจเต้นให้เขาไปนิดหน่อย
นิดหน่อยจริงๆ นะ
ตอนนี้เราอยู่ในร้านเค้ก
ฉันมัวแต่นั่งก้มหน้าอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ฉลามดุนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องหน้าฉันเขม็งจนถ้าไม่รู้ว่าเขามาจีบ มันจะดูเหมือนเขาจงใจจะหาเรื่องมากกว่า ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง ร่างสูงถึงได้ทึ้งหัวตัวเองแล้วมองออกไปทางอื่น
ฉัน... อึดอัดจัง เมื่อไหร่ส้มหวานจะกลับมาที่นี่นะ
“จะสั่งอะไรมั้ย?” ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ฉลามดุก็ทำลายความเงียบขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นว่าร่างสูงทำสีหน้ากระอั่กกระอ่วนเหมือนมันไม่ใช่คำถามที่เขาอยากถาม “เราหมายถึง... หิวมั้ย กินแต่เค้กจะอิ่มเหรอ”
“สะ... ส้มจะกินน่ะ” ฉันตอบเสียงตะกุกตะกัก แล้วเขาก็พยักหน้ารับรู้
“แล้วนิ้งหิวอะไรรึเปล่า” เขาถามอีก แล้วฉันก็สบตาเขาไม่ได้ เลยมองเลี่ยงไปทางอื่น
“มะ... ไม่หรอก ไม่หิวเลย”
“นิ้งกลัวไรอ่ะ? คุยกับเราทำไมไม่มองหน้าเรา” ฉันสะดุ้งเมื่อเขาแทรกขึ้นมาเมื่อฉันพูดจบประโยคนั้นได้ไม่กี่วินาที พอหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังจ้องหน้าฉันอยู่อย่างลุ้นคำตอบสุดๆ ฉันก็เลยหันหน้าหนีไปอีกรอบ
“ก็...” กลัวเขานั่นแหละ “เปล่านะ”
“หน้าเราน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ” น้ำเสียงของเขาดูตัดพ้อ ฉันก็เลยกลืนน้ำลายลงคอแล้วกระพริบตาปริบๆ “นิ้ง... หันมามองหน้าหน่อยดิ”
“...” ฉันเงียบ
“จะหันหรือไม่หันครับ” คราวนี้เสียงเขาเข้มขึ้นอีกเหมือนเจ้าตัวกำลังขัดใจนิดๆ
“...”
“ไม่หันเหรอ ได้”
หมับ
สิ้นประโยคนั้น แก้มของฉันทั้งสองข้างก็ถูกเขาคว้า ในขณะที่อีกฝ่ายจะใช้กำลังบังคับให้ฉันหันไปมองใบหน้าเขาที่ตอนนี้เลื่อนเข้ามาจนประชิดเพราะฉลามดุลุกขึ้นเอื้อมมือมาคว้าแก้มฉันจากฝั่งตรงข้าม แล้วฉันก็สบตากับเขาเข้าโดยบังเอิญ ในขณะที่หน้าของฉันเริ่มร้อนขึ้นมาตั้งแต่ต้นคอลามมาจนถึงหน้าผาก
แรงของเขาไม่มากเลย มันไม่เจ็บ แต่ว่า...
“คิดถึง รู้บ้างปะว่าน่ารัก”
ก็ดูเขาพูดสิ!
“นมปั่นมาแล้วน้า จองที่ไว้แล้วรึยัง เอ้ะ” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของส้มหวานดังอยู่ข้างหน้า เสียงของเธอขาดหายไปเมื่อเห็นเราทั้งคู่อยู่ในท่านี้ ฉันเหลือบมองเธอที่หันไปมองรอบๆ เพราะมีแต่คนมอง ก่อนที่ส้มหวานจะหัวเราะแหะๆ “แหม คือถ้าทนไม่ไหวขนาดนั้นพี่หลามควรจะไปต่อที่หอนิ้งนะ ไม่ใช่ตรงนี้”
สะ... ส้ม! ต่อที่หออะไรเล่า ฮือ
“เปล่านี่ พี่เห็นนิ้งพูดด้วยแต่ไม่ยอมมองตาพี่ ก็เลยจะให้หันมามอง” ฉันอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเขาซื่อหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือเขาพูดตรงไปแล้วนะ “ความจริงก็อยากทำมากกว่านั้น แต่ในนี้ทำไม่ได้หรอก”
พูดแล้วก็เอาไฟแช็คมาเปิดปิดเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ส่วนฉันนี่หน้าร้อนเห่อไปหมดเพราะคำพูดที่แสนจะเถรตรงของเขา
“โอเคค่ะพี่” ส้มหวานหัวเราะแกมรู้ทัน เธอวางแก้วนมปั่นให้ฉัน เราสั่งมาเหมือนกัน ในขณะที่ส้มหวานจะหันไปสั่งเค้กกับพนักงานที่เดินเข้ามาถามอีกที
แต่ฉันแทบไม่ได้ฟังเลย มัวแต่แก้อายด้วยการกินนมปั่นแล้วมองไปทางอื่น แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกว่าเขายังมองอยู่ตลอดเวลา จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มือฉลามดุชี้มายังแก้วที่อยู่ในมือ
“ชอบกินไอ้นี่เหรอ?” เขาถามสั้นๆ ฉันเลยเงยหน้ามองอย่างตกใจ
“อะ... ใช่ค่ะ”
“อร่อยปะ” เขาขมวดคิ้ว “กินอะไรเป็นเด็กๆ เลย”
อะ... อะไรนะ
“ก็อร่อยดีนะ” และเพราะไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง ฉันก็เลยเผลอทำเสียงสั่นๆ ไปจนได้ ฉันเห็นเขาทำหน้าตึงเครียดขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปมองรอบๆ อย่างหงุดหงิด ฉันมองตามเขา แล้วก็เห็นว่ามีกลุ่มเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะกำลังมองมาทางฉันและส้มหวาน พวกเขากระซิบกระซาบกันแล้วเริ่มโบกมือให้ฉันด้วย
“พี่สาว น่ารักจังเลย” ฉันได้ยินเสียงของพวกเขาแซวลั่นโต๊ะเหมือนคึกคะนอง ความจริงกลุ่มเด็กพวกนี้เดินเข้ามาพร้อมกับส้มหวานน่ะ แต่ฉันไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ จนกระทั่งพวกเขาแซวขึ้นมานี่ล่ะ “ขอเบอร์ได้มั้ยครับ อยากได้เบอร์พี่สาวผมยาวมากมายอ่ะ!”
ส้มหวานผมสั้นนะ ส่วนฉันผมยาว... นั่นแปลว่าเด็กพวกนั้นกำลังขอเบอร์ฉันเหรอ
“อย่าไปสนใจไอ้เด็กพวกนั้นเลย เมื่อกี้มันก็ขอไลน์ส้มหน้าร้านแต่ส้มไม่ให้ มันก็เลยเดินตามเข้ามา” ส้มหวานพูดกับฉัน เหมือนกับว่าจะพูดกับฉลามดุด้วย ฉันก็เลยพยักหน้าและกินนมปั่นต่อเงียบๆ โดยที่เสียงหยอกล้อของเด็กกลุ่มนั้นยังดังลอดเข้ามาในหูไม่หยุด
ผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันไม่ได้พูดอะไร เขามองไปทางเด็กพวกนั้นแล้วเริ่มหักนิ้วมือเล่นอย่างเงียบเชียบ
จนกระทั่ง...
“เฮ้ย มึงลุกไปขอเบอร์พี่เค้าให้หน่อยดิ๊!” เสียงของเด็กกลุ่มนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่คนพูดจะผลักเด็กที่ท่าทางเรียบร้อยที่สุดให้เดินมาทางนี้ รู้สึกว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นเบ๊ของพวกเขานะ “ต้องได้มานะ ไม่ได้วันนี้ไม่มีค่าขนมกลับบ้านนะเว้ยไอ้เด็กเนิร์ด ฮ่าๆ”
ฉันหันกลับไปมองทันที ทำไมเด็กพวกนี้ถึง...
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะน้องท่าทางเรียบร้อยคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะพวกเราอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้มีท่าทีเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่จะยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันที่นิ่งอึ้งไป
“พี่ครับ คือ... คือเพื่อนผมขอเบอร์พี่” น้องมีท่าทางตื่นกลัว แล้วฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาจากโต๊ะเด็กกลุ่มนั้น ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่ก็กลัวน้องจะโดนเด็กพวกนั้นรีดไถค่าขนม ฉันเลยหันหน้าไปมองส้มหวานอย่างตัดสินใจไม่ถูก
“ส้ม...” ฉันตั้งท่าจะพูด แต่อยู่ดีๆ ร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ทุบโต๊ะเสียงดังลั่น
ปึง!!
“ไอ้พวกเด็กเวร” ฉลามดุสบถในลำคอเสียงเหี้ยมในวินาทีต่อมา ฉันมองเขาอย่างตกใจ แล้วก็เห็นว่าเขาผุดลุกขึ้นทันทีและเดินออกไป
“พี่หลามจะทำอะไรน่ะ” ส้มหวานป้องปากถามฉันอย่างตกใจ ส่วนฉันก็ส่ายหน้า ในขณะที่ร่างสูงที่มีรอยสักเต็มทั้งสองแขนจะเดินดุ่มๆ ไปทางโต๊ะของเด็กพวกนั้นที่กำลังหัวเราะสนุกสนาน
แล้วเขาก็...
หมับ
“พวกมึงเป็นอะไรกันมากมั้ย?” กระชากคอเสื้อของเด็กท่าทางที่ดูจะเป็นเหมือนหัวโจกของโต๊ะขึ้นมาจนแทบจะชิดกับใบหน้าของเขา “คึกกันมากปะ กรอกน้ำให้แม่เสร็จยัง ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ขนยังไม่ตั้งคิดจะม่อสาวเหรอ”
“เฮ้ย พี่เป็นใครอ่ะ” เสียงเด็กพวกนั้นดูแตกตื่นเหมือนคาดไม่ถึงว่าจะมีคนหาเรื่องจะๆ แบบนี้ ในขณะที่ฉลามดุจะเหวี่ยงเด็กที่เขากระชากคอเสื้อออกแต่ยังคงจับเสื้อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนที่จะท้าวแขนอีกข้างลงกับโต๊ะแรงๆ “พี่จะทำไรวะ!”
“พวกมึงไม่ต้องรู้หรอก” เขาพูดเสียงเย็นเยียบและมีใบหน้าน่ากลัวในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน “แต่สิ่งที่พวกมึงต้องรู้ก็คือกูกำลังจีบคนที่มึงอยากได้เบอร์อยู่ ส่วนอีกคนก็เพื่อนเค้า แล้วพวกมึงคิดว่ากูจะทำอะไรกับพวกมึงดีล่ะ มากวนใจว่าที่แฟนกูแบบนี้เนี่ย”
วะ... ว่าที่แฟน
ฉันคิดทวนตามคำพูดของเขาในใจ แล้วหน้าร้อนเมื่อน้องที่เดินมาขอเบอร์กับส้มหวานมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งคู่
ฉันเปล่านะ เขาพูดเองอ่ะ
“มึงปล่อยกูนะเว้ย!!” เสียงของหัวโจกดังขึ้นมาอย่างก้าวร้าว ตอนแรกฉันเห็นว่าฉลามดุดูใจเย็นอยู่นะ แต่พอเด็กคนนั้นขึ้นมึงกูใส่ เส้นเลือดที่คอของเขาก็ขึ้นจนเห็นได้ชัดเลย “ห่าโอ มึงนั่งเงียบทำไม เข้าไปจับแม่งดิ”
ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะไม่ยอมลงง่ายๆ ด้วย เขาหันไปสั่งเพื่อนอีกคน แต่ก็ดีที่เพื่อนที่ชื่อโอที่ว่านั่งกลัวฉลามดุจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
“มึงเรียกกูว่าไงนะ แม่งเหรอ?” ฉลามดุถลึงตาใส่ ในขณะที่จะง้างหมัด
“พี่ ถ้าต่อยเด็กติดคุกนะเว้ย!” เสียงของเด็กคนหนึ่งในกลุ่มดังขึ้นมาอย่างห้ามปราม พร้อมๆ กับคนในร้านที่เริ่มให้ความสนใจ บางคนแตกตื่นไปเรียกเจ้าของร้าน แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าทำอะไร หมัดของฉลามดุถูกค้างไว้ท่านั้น แต่เขากลับตวาดลั่น
“มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ! มากกว่านี้กูก็เคยทำมาแล้ว เสียค่าปรับกับเข้าคุกไม่กี่เดือนกูไม่แคร์หรอก!!” แต่พอเขาตั้งท่าจะต่อยเท่านั้นล่ะ
หมับ
“พะ... พอได้แล้ว” ฉันก็รีบวิ่งไปคว้าต้นแขนของร่างสูงที่ง้างหมัดเอาไว้ทันที ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ กลัวก็กลัว แต่ฉันแค่อยากให้เขาหยุดเท่านั้นเอง คนในร้านเขาสีหน้าไม่ค่อยดีกันแล้วนะ “อย่าไปต่อยเด็กเลย คนในร้านมองเรากันหมดแล้วนะคะ”
ฉลามดุไม่ได้พูดอะไร เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าตกใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ยอมเอามือลงตามที่ฉันพูดอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะถามฉันเสียงอ่อนลง “... แล้วจะให้เราทำไง”
“เอ่อ...” แล้วคราวนี้ฉันก็ไปไม่เป็น คิดอะไรไม่ออก จนกระทั่งน้องที่ดูเหมือนจะชื่อโอผุดลุกขึ้นมา แล้วล้มตัวลงไปกอดข้อขาของฉลามดุเอาไว้
“พี่ฉลาม? พี่ฉลามใช่มั้ย!”
“เราชอบกันทั้งคู่ โอเคปะ” ฉันนิ่งไป จนเขาผละมือออก ฉันถึงได้คลี่ยิ้มกว้างออกมา“งั้นเราก็ดีกันแล้วใช่มั้ยอ่ะ”“จำไม่เห็นได้ว่าโกรธเธอตอนไหน” ฉันทำหน้าเอ๋อออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา “เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันปะ”“อะ... แต่ว่าตอนนั้นฉลามไม่คุย...”“มันก็เรื่องตอนนั้น” เขาตัดบททันที แล้วฉันก็เม้มริมฝีปากเพราะพูดไม่ออก จนเขาเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเธอหิวไรปะ?”ฉันสั่นหน้าเบาๆ“... ไม่เลย”“แล้วหิวเราปะ” ฉันทำหน้าตื่นออกมาทันทีที่เห็นว่าถูกฉลามหยอกเล่น แล้วพอเห็นว่าเขายิ้มอยู่ฉันถึงได้ทำหน้ามุ่ย แต่ก็แอบดีใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว“เล่นแบบนี้ทุกทีเลย”“ก็นะ” เขาไหวไหล่ ดูมีความสุขที่ได้แกล้งฉัน ก่อนที่จะลูบผมฉันแล้วยันตัวลุกขึ้น “ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวถึงเวลาเราไปส่ง”ฉันมองเขานิ่ง แล้วฉลามก็หันกลับมามอง เขาเลิกคิ้วถาม “มองทำไม?”ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ขยับตัวเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดกับฉลามที่ชะงักไปกับการกระทำนั้นของฉัน ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับตัวลงไปจากเตียงเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำตามที่เขาบอก“เอาเวลาไปรักมันเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ดีกว่า”พี่เพทายพูดถูกจริงๆ น
[SALAMDU : SIDE]หลังจากเลิกงานผมก็ตามมานอนห้องนิ้งเหมือนเดิมเห็นเธอกับเจ๊ดูคุยไรกันปกติดีผมก็โล่งหน่อย คิดว่านิ้งจะคิดมากเรื่องหยก แต่ดูแล้วตอนขับมาส่งที่นี่เธอก็คุยกับผมดี ถึงจะดูเกร็งๆ ตอนคุย แต่เซ้นส์ผู้ชายมันบอกว่าเธอไม่ได้โกรธไร ผมเลยนอนห้องเธอได้สบายใจนิ้งหายไปอาบน้ำเพราะเธอรอผมอาบก่อน ผมก็งงๆ เหมือนกัน แต่ช่างแม่ง วันนี้เหนื่อย ผมว่าจะนอนเร็วหน่อยผมพลิกตัวนอนตะแคงตอนที่รู้สึกมึนๆ แต่วันนี้ก็แดกเหล้าไม่เยอะ นิ้งอยู่ อีกอย่างผมต้องขับรถไปส่งเธอ ถ้าขับไปคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่มีนิ้งด้วยผมเลยต้องมีขีดจำกัดของตัวเองผมว่าจะหลับอยู่แล้วว่ะ ถ้าไม่รู้สึกเหมือนมีคนขึ้นเตียงมาคร่อมไว้พอลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าเป็นนิ้ง แต่ที่ผมตกใจคือพอหรี่ตามองลงไปก็เห็นว่าเธอใส่ชุดผมอยู่ แต่กางเกงไม่ใส่งั้นข้างล่างแม่งก็...“จะนอนแล้วเหรอ” นิ้งถามผม แล้วผมก็จ้องหน้าเธอนิ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า“อ่า”“... ทำไมรีบนอนอ่ะ”“เหนื่อยว่ะ” ผมตอบ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าเสื้อผมมันใส่ทำงานมา เหม็นเหงื่อตายห่า “แล้วใส่เสื้อเราทำไม ไม่เหม็นไง?”เธอสั่นหน้า“สะ... เสื้อของฉลามเราไม่รังเกียจหรอก” ร่างเล็กพูดเสียงเบา
[SALAMDU : SIDE]ผมไม่คิดว่าหยกจะตามมาถึงที่นี่ไอ้พวกรุ่นน้องแม่งก็ปากสว่าง เอาจริงๆ หยกมันสนิทกับไอ้วิน ไอ้เหี้ยนี่กว้างขวางจะตายห่า ที่ผมรู้จักหยกส่วนหนึ่งก็เพราะมัน“อะไรของมึงหยก”นิ้งมองผมหน้าตื่นทันทีตอนที่ผมสวนกลับไปก่อนที่มันจะได้เดินเข้ามา เพราะผมกลัวว่าหยกมันจะทำตัวแบบเมื่อก่อน ที่พอไม่ชอบหน้าใครก็ตบ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเวลาคบกับแฟนคนไหน แต่เธอชอบเอาปัญหาห่าเหวนั่นมาใส่ให้ผมเองผมว่ากลับไปคราวนี้คงได้เคลียร์กับนิ้งยาว ตอนแรกมันกำลังดีๆ“แค่มาหามึงมันต้องมีอะไรด้วยเหรอวะ?”“...”“ถ้ากูไม่ถามไอ้วินคงไม่รู้หรอกว่ามึงอยู่ห้องนี้ มันบอกมึงอยู่กับเมีย” มันพูดอย่างหงุดหงิดแล้วปิดประตู ก่อนที่จะเหลือบมองร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ผม “นี่ ออกไปก่อนได้ปะ จะคุยกับผัวเก่า”“หยก” ผมกัดฟันเรียกชื่อเธอ นิสัยไม่เปลี่ยนเลยว่ะ “มึงออกไปคุยกับกูข้างนอกเหอะ”“เดี๋ยวนี้หาได้อย่างนี้เหรอ ผิดกับเมื่อก่อนนะหลาม” มันไม่สนที่ผมพูดแล้วมองนิ้งแล้วฉีกยิ้ม “ไม่เชื่อเลยว่าเคยมาเอากู”“ออกไปคุยกับกูข้างนอก” ผมบีบมือนิ้งที่เริ่มทำหน้าซีดแล้วลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด ผมไม่ชอบให้ใครทำท่าทางแบบนี้ใส่นิ้งไง โคตรไ
“เฮ้ย มีคนตามน้องนิ้งมาเหรอวะ”“เออ” ผมตอบสั้นๆ ตอนที่เจ๊ส่งไฟแช็คมาให้ผมต่อบุหรี่ตอนที่ผมล้วงซองมันขึ้นมา ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่บ้านมัน วันนี้มันอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปที่อู่ ผมก็รู้อยู่ถึงได้มาที่นี่ ความจริงกะจะมาอยู่แล้ว แต่ติดที่เจอหยกก่อน “แต่กูยังไม่ได้บอกนิ้ง”“เออ อันนี้กูเข้าใจ” มันพยักหน้า “แล้วได้เจอตัวปะ”“ยังว่ะ กูไปดูกล้องวงจรปิดมา แต่ไม่มีใครมีพิรุธ”“...”“กูคิดว่าอย่างน้อยก็ไปนอนห้องนิ้งทุกวันกันไว้ มีกูอยู่ดีกว่า”“อันนั้นก็ใช่” มันพยักหน้าอีก “แล้วงานช่วงดึกทำไง?”“กำลังคิดอยู่” ผมตอบแล้วจุดบุหรี่ดูดเงียบๆ “เอาเค้ามาทำงานด้วยดีมั้ยวะ ไม่อยากให้อยู่ห้องคนเดียว”“ก็ดี เดี๋ยวกูว่างกูจะแวะเข้าไปดูด้วย” มันเห็นด้วยกับความคิดผม “ถ้าน้องง่วงก็นอนที่ห้องพักได้ ถ้าเป็นผับไอ้วินใกล้บ้านกู กูแวะไปได้”“เออ” ผมตอบแค่นั้นพอเห็นว่าได้คำตอบที่พอใจมาง่ายๆ ก่อนที่จะพ่นควันออกมา ผมเห็นว่าเจ๊มองผมอยู่ ก็เลยจ้องกลับไปบ้าง “มองไร”“หัวมึงแตกเหรอวะ” มันถามแล้วมองแผลที่หัวผมที่นิ้งติดพลาสเตอร์ให้ ผมลูบหัวตัวเองนิดหน่อย แล้วครางรับสั้นๆ“ใช่”“เป็นไร? โดนดักตีหัวมาว่างั้น”“เปล่า อันนี้กูหาเรื่
ใจฉันกระตุกไปหมด แล้วก็หน้าแดงก่ำออกมา“อะ... อะไรอ่ะ อื้อ” ฉันสะดุ้งเฮือกตอนที่ถูกจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ลึกซึ้งมากขึ้น ฉลามไล้ริมฝีปากฉันด้วยปากเขา มันเหมือนที่เขาทำในทุกๆ ครั้ง มือของฉันถูกเลื่อนไปจนถึงตรงนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ในขณะที่กำลังถูกฉลามจูบหูฉันอื้อไปหมด ในขณะที่มือของตัวเองจะโดนอะไรตรงนั้น หน้าฉันร้อนจนชา ฉันไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรอีกแล้ว เพราะมันเคยอยู่ในตัวฉัน ฉันจำได้ว่ามันเท่าไหน... และเจ็บแค่ไหนตอนที่อยู่ในนั้น“ถ้ายังไม่ห้าม เธอคงต้องทำให้เราด้วยว่ะ” ฉันสะดุ้งเฮือก เพราะคำพูดของฉลามดูมีความหมายแอบแฝง แต่ครั้งนี้ล่ะที่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ “แต่ไม่ให้จับเฉยๆ”“...”“จะให้ใช้อย่างอื่น” เขากระซิบเสียงหนักตอนที่ขยับเข้ามาจนชิดกับใบหน้าของฉัน แล้วหรี่ตาลงมอง “อย่างเช่นปากเธอ”“...!”“ลองดูปะ” เขาถาม แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแปลกๆ“จะ... จะให้เราทำอะไรอ่ะ” ฉันถามไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฉลามนิ่งไป ก่อนที่เขาแค่นหัวเราะ“เธอไม่รู้เหรอวะ”“...”“ปกติเราใส่ทางนี้ใช่ปะ” เขาเริ่มพูดความหมายแฝงแล้วก้มลงมองที่ตรงนั้นของฉัน ฉันเบิกตากว้างทันที แล้วรีบเอามือ
ฉันไม่รู้ว่าฉลามเป็นอะไร ก็เห็นว่าตอนแรกเขาดูจะไม่อยากมานอนกับฉันนี่นา เห็นบอกว่าอยากให้ฉันโตขึ้นก็เลยจะให้นอนคนเดียวแต่อยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะมานอนด้วยกันทุกวันถ้าวันไหนส้มไม่อยู่... บางทีฉันก็ตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทันจริงๆ อ่ะตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของตัวเอง ความจริงตอนแรกว่าจะอ่านหนังสือ แต่พอเห็นว่าฉลามไม่ยอมเข้ามาในห้อง ไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ เอาเสื้อพาดไหล่ใส่แค่กางเกงยีนส์อยู่เหมือนเดิมแบบนั้น เขาเอาแต่นั่งแต่ขอบโซฟาแล้วจ้องไปที่บานประตูหน้าห้องเขม็ง ฉันก็เลยถึงได้นั่งมองเขาจากข้างในบ้างฉลามดูแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วจริงๆ ฉันก็รู้นะว่าสิ่งที่เขาสอนก่อนหน้านั้นมันแรงมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ในตอนนั้น แต่อยู่ดีๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวฉันว่าฉลามก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เขาแค่สอนฉันในแบบของเขา ฉันไม่ได้ยอมเขาเพราะว่าฉันรักอย่างเดียวนะ แต่เพราะว่าฉันเข้าใจเขา แล้วก็รับรู้ได้จากการกระทำเหล่านั้นว่ามันไม่มีสิ่งใดแอบแฝงนอกจากความเป็นห่วงฉันคิดว่าฉลามจะไม่ทำร้ายฉันแน่นอน... ก็แค่คิดแบบนั้นเท่านั้นเอง สุดท้ายก็เลยไม่คิดมากอะไร“ฉะ... ฉลาม” ร่างสูงหันกลับมามองทันที ฉ







