มีความรู้สึกว่าคิ้วขวากระตุกอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ
ไม่รู้ว่านี่เป็นลางร้ายหรืออะไรรึเปล่านะ แต่รู้สึกไม่ดีเลย
“นิ้ง จะกลับหอเลยหรือไปหาอะไรกินก่อนดี มีเรียนอีกทีตั้งสี่โมงแน่ะ”
ฉันหันไปมองส้มหวานที่เก็บชีทเรียนใส่กระเป๋าสะพายอย่างไม่รีบร้อน หลังจากเรียนคลาสแรกของวันจบฉันกับส้มหวานก็ลงมานั่งคุยเล่นกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวประจำ เหลือเวลาอีกตั้งเยอะแยะกว่าที่จะเรียนคลาสต่อไป ฉันเลยสลัดความคิดเรื่องลางร้ายอะไรนั่นออกไปแล้วเริ่มครุ่นคิด
ฉันเองก็ยังไม่อยากกลับไปนอนที่หอด้วย เพราะอย่างนั้น
“นิ้งอยากกินนมปั่นอ่ะ”
“บังเอิญจัง! ส้มก็อยากกิน” ส้มหวานมีสีหน้าเปี่ยมสุขที่เจอคนที่ใจตรงกัน ในขณะที่จะกอดคอฉันแล้วลากให้เดินไปยังหน้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน “แล้วเดี๋ยวแวะร้านเค้กหน้ามหาลัยกันด้วยดีกว่า อยากกินชอตเค้กอ่ะ”
“กินเยอะๆ เดี๋ยวอ้วนนะส้ม”
“ไม่สนอ่ะ ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี” ฉันหัวเราะกับมุขตลกของเธอและยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะส้มเป็นคนสวยและน่ารัก ในขณะที่จะเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนออกนอกประตูมหาลัย แต่ก็ยังไม่วาย...
“เอ้ย นิ้ง” ส้มหวานกระตุกแขนฉันให้หันไปมองด้านซ้าย แล้วฉันก็ตกใจเมื่อเห็นคนที่นั่งสูบบุหรี่บนรถมอเตอร์ไซต์ที่คุ้นเคย ก็ฉลามดุนั่นแหละ ดูเหมือนเขามัวแต่มองไปทางอื่นเลยยังไม่เห็นฉัน ฉันเลยกระตุกแขนส้มหวานให้เดินเลี่ยงไปทางอื่น
คือฉันยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเขาอ่ะ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมัน...
“เอ้า! จะไปไหนเล่า มาทักทายคนคุยเธอก่อนสินิ้ง” แต่ดูเหมือนว่าส้มหวานจะไม่เข้าใจ เพราะต่อมาเธอก็ลากแขนฉันไปยังที่ที่ฉลามดุนั่งกดโทรศัพท์อยู่ เขามัวแต่จ้องมันแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนใจลอย จนกระทั่งเสียงของส้มหวานดังขึ้นมา “พี่คะ!”
ฉลามดุถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองทางเราอย่างสงสัย และทันทีที่เขาเห็นฉัน ร่างสูงก็รีบทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันเหมือนไม่คิดว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ ก่อนที่จะลงมาจากรถแล้วเดินดุ่มๆ มาหาฉันอย่างรวดเร็ว
“รอตั้งสองชั่วโมง!” ทันทีที่ถึงตัวเขาก็บ่นเสียงดัง ส่วนฉันก็ก้าวถอยหลังอย่างตกใจ “แต่พอเห็นนิ้งแล้วเกือบลืมไปเลยว่าเมื่อกี้รอนาน”
“หูย” เสียงแซวของส้มหวานดังอยู่ข้างๆ ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้างุด “นี่ใช่พี่ฉลามดุที่มาจีบนิ้งมั้ยเนี่ย?”
“อ่า ใช่” ฉลามดุหันไปมองส้มหวานเหมือนเขาเพิ่งสังเกตเห็น ร่างสูงเกาท้ายทอย ดูเหมือนเขาเขินๆ ที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่ฉัน “จะไปไหนกันปะ เดี๋ยวขับรถไปส่ง”
“ก็ร้านนมปั่นข้างหน้านี่อ่ะค่ะ เดี๋ยวก็ไปร้านเค้กข้างๆ ต่อ” ฉันหันไปตีแขนส้มทันที จะไปบอกเขาทำไม! “โอ้ย เจ็บนะนิ้ง เขินเหรอ ไม่คุยกับพี่หลามบ้างอ่ะ”
“มะ...!” ฉันตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาฉลามดุที่มองมาฉันก็พูดไม่ออก “... ไม่ได้เขินนะ”
แล้วฉันจะทำเสียงเบาไปทำไมเนี่ย
“เออ งั้นเดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ใกล้ๆ เองนี่” ฉันเบิกตากว้างเมื่อฉลามดุฉีกยิ้มอย่างเอ็นดู เขามองมือฉัน เหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่ร่างสูงก็หันหน้าหนีไปมองทางส้มหวานซะก่อน “อีกอย่างพี่อายุมากกว่าไม่กี่ปีเอง เรียกฉลามก็ได้”
“โอเค แต่ส้มขอเรียกพี่หลามละกัน” ส้มหวานตกปากรับคำ เธอตีสนิทกับฉลามดุอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จะดันฉันสุดแรงจนเซไปชนกับไหล่กว้างๆ ของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ “งั้นก็ไปกันเถอะ เอ้านิ้ง ไปยืนใกล้พี่หลามสิ เดี๋ยวรถชนนะ!”
“อะ... อะไรนะ” ฉันทำตัวไม่ถูก งุนงงไปหมด แล้วยิ่งหันมาเจอฉลามดุที่มองหน้าฉันที่แนบอยู่กับต้นแขนเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ฉันก็รีบเด้งตัวออกอย่างรวดเร็ว
“พี่หลามฝากดูนิ้งด้วยนะ นิ้งชอบเหม่อๆ ตอนเดินข้ามถนน จะโดนรถเฉี่ยวหลายรอบล่ะ” ฉันอ้าปากค้าง ถึงมันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆ แต่ทำไมส้มหวานไม่เดินไปกับฉันอ่ะ! “จูงมือกันข้ามถนนดีๆ นะจ๊ะ ไปรอที่ร้านเค้กตรงนู้นเลยนะ เดี๋ยวส้มไปซื้อนมปั่นให้”
พูดยืดยาวใส่จบเธอก็หมุนตัวแล้วเดินข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วทันทีโดยไม่รอฉันเลย ฉันมองหลังไวๆ ของส้มหวานที่ห่างออกไปอย่างตกใจ หน้าร้อนจัดในขณะที่หันกลับมามองฉลามดุที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ
เขาก้มลงมามองหน้าฉันเพราะตัวของเขาสูงมาก น่าจะร้อยแปดสิบกว่าๆ ได้เลย ก่อนที่ร่างสูงจะกระแอมไอ
“งั้นเราขอจับมือเธอหน่อยดิ” ฉันมองหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ฝ่ามือจะถูกเขาจับไว้โดยไม่รอคำอนุญาต ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่เมื่อเขาบีบมือฉันแน่นขึ้นแล้วออกแรงดึงให้เดินไปด้วยกัน ฉันมองรอยสักที่แขนของเขา มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ค่อยชอบเลย ถึงจะมีพี่ชายทำงานเป็นช่างสักก็ตาม
แต่ก็ดูเหมือนว่า... ฉันจะเผลอใจเต้นให้เขาไปนิดหน่อย
นิดหน่อยจริงๆ นะ
ตอนนี้เราอยู่ในร้านเค้ก
ฉันมัวแต่นั่งก้มหน้าอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ฉลามดุนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องหน้าฉันเขม็งจนถ้าไม่รู้ว่าเขามาจีบ มันจะดูเหมือนเขาจงใจจะหาเรื่องมากกว่า ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง ร่างสูงถึงได้ทึ้งหัวตัวเองแล้วมองออกไปทางอื่น
ฉัน... อึดอัดจัง เมื่อไหร่ส้มหวานจะกลับมาที่นี่นะ
“จะสั่งอะไรมั้ย?” ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ฉลามดุก็ทำลายความเงียบขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นว่าร่างสูงทำสีหน้ากระอั่กกระอ่วนเหมือนมันไม่ใช่คำถามที่เขาอยากถาม “เราหมายถึง... หิวมั้ย กินแต่เค้กจะอิ่มเหรอ”
“สะ... ส้มจะกินน่ะ” ฉันตอบเสียงตะกุกตะกัก แล้วเขาก็พยักหน้ารับรู้
“แล้วนิ้งหิวอะไรรึเปล่า” เขาถามอีก แล้วฉันก็สบตาเขาไม่ได้ เลยมองเลี่ยงไปทางอื่น
“มะ... ไม่หรอก ไม่หิวเลย”
“นิ้งกลัวไรอ่ะ? คุยกับเราทำไมไม่มองหน้าเรา” ฉันสะดุ้งเมื่อเขาแทรกขึ้นมาเมื่อฉันพูดจบประโยคนั้นได้ไม่กี่วินาที พอหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังจ้องหน้าฉันอยู่อย่างลุ้นคำตอบสุดๆ ฉันก็เลยหันหน้าหนีไปอีกรอบ
“ก็...” กลัวเขานั่นแหละ “เปล่านะ”
“หน้าเราน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ” น้ำเสียงของเขาดูตัดพ้อ ฉันก็เลยกลืนน้ำลายลงคอแล้วกระพริบตาปริบๆ “นิ้ง... หันมามองหน้าหน่อยดิ”
“...” ฉันเงียบ
“จะหันหรือไม่หันครับ” คราวนี้เสียงเขาเข้มขึ้นอีกเหมือนเจ้าตัวกำลังขัดใจนิดๆ
“...”
“ไม่หันเหรอ ได้”
หมับ
สิ้นประโยคนั้น แก้มของฉันทั้งสองข้างก็ถูกเขาคว้า ในขณะที่อีกฝ่ายจะใช้กำลังบังคับให้ฉันหันไปมองใบหน้าเขาที่ตอนนี้เลื่อนเข้ามาจนประชิดเพราะฉลามดุลุกขึ้นเอื้อมมือมาคว้าแก้มฉันจากฝั่งตรงข้าม แล้วฉันก็สบตากับเขาเข้าโดยบังเอิญ ในขณะที่หน้าของฉันเริ่มร้อนขึ้นมาตั้งแต่ต้นคอลามมาจนถึงหน้าผาก
แรงของเขาไม่มากเลย มันไม่เจ็บ แต่ว่า...
“คิดถึง รู้บ้างปะว่าน่ารัก”
ก็ดูเขาพูดสิ!
“นมปั่นมาแล้วน้า จองที่ไว้แล้วรึยัง เอ้ะ” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของส้มหวานดังอยู่ข้างหน้า เสียงของเธอขาดหายไปเมื่อเห็นเราทั้งคู่อยู่ในท่านี้ ฉันเหลือบมองเธอที่หันไปมองรอบๆ เพราะมีแต่คนมอง ก่อนที่ส้มหวานจะหัวเราะแหะๆ “แหม คือถ้าทนไม่ไหวขนาดนั้นพี่หลามควรจะไปต่อที่หอนิ้งนะ ไม่ใช่ตรงนี้”
สะ... ส้ม! ต่อที่หออะไรเล่า ฮือ
“เปล่านี่ พี่เห็นนิ้งพูดด้วยแต่ไม่ยอมมองตาพี่ ก็เลยจะให้หันมามอง” ฉันอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเขาซื่อหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือเขาพูดตรงไปแล้วนะ “ความจริงก็อยากทำมากกว่านั้น แต่ในนี้ทำไม่ได้หรอก”
พูดแล้วก็เอาไฟแช็คมาเปิดปิดเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ส่วนฉันนี่หน้าร้อนเห่อไปหมดเพราะคำพูดที่แสนจะเถรตรงของเขา
“โอเคค่ะพี่” ส้มหวานหัวเราะแกมรู้ทัน เธอวางแก้วนมปั่นให้ฉัน เราสั่งมาเหมือนกัน ในขณะที่ส้มหวานจะหันไปสั่งเค้กกับพนักงานที่เดินเข้ามาถามอีกที
แต่ฉันแทบไม่ได้ฟังเลย มัวแต่แก้อายด้วยการกินนมปั่นแล้วมองไปทางอื่น แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกว่าเขายังมองอยู่ตลอดเวลา จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มือฉลามดุชี้มายังแก้วที่อยู่ในมือ
“ชอบกินไอ้นี่เหรอ?” เขาถามสั้นๆ ฉันเลยเงยหน้ามองอย่างตกใจ
“อะ... ใช่ค่ะ”
“อร่อยปะ” เขาขมวดคิ้ว “กินอะไรเป็นเด็กๆ เลย”
อะ... อะไรนะ
“ก็อร่อยดีนะ” และเพราะไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง ฉันก็เลยเผลอทำเสียงสั่นๆ ไปจนได้ ฉันเห็นเขาทำหน้าตึงเครียดขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปมองรอบๆ อย่างหงุดหงิด ฉันมองตามเขา แล้วก็เห็นว่ามีกลุ่มเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะกำลังมองมาทางฉันและส้มหวาน พวกเขากระซิบกระซาบกันแล้วเริ่มโบกมือให้ฉันด้วย
“พี่สาว น่ารักจังเลย” ฉันได้ยินเสียงของพวกเขาแซวลั่นโต๊ะเหมือนคึกคะนอง ความจริงกลุ่มเด็กพวกนี้เดินเข้ามาพร้อมกับส้มหวานน่ะ แต่ฉันไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ จนกระทั่งพวกเขาแซวขึ้นมานี่ล่ะ “ขอเบอร์ได้มั้ยครับ อยากได้เบอร์พี่สาวผมยาวมากมายอ่ะ!”
ส้มหวานผมสั้นนะ ส่วนฉันผมยาว... นั่นแปลว่าเด็กพวกนั้นกำลังขอเบอร์ฉันเหรอ
“อย่าไปสนใจไอ้เด็กพวกนั้นเลย เมื่อกี้มันก็ขอไลน์ส้มหน้าร้านแต่ส้มไม่ให้ มันก็เลยเดินตามเข้ามา” ส้มหวานพูดกับฉัน เหมือนกับว่าจะพูดกับฉลามดุด้วย ฉันก็เลยพยักหน้าและกินนมปั่นต่อเงียบๆ โดยที่เสียงหยอกล้อของเด็กกลุ่มนั้นยังดังลอดเข้ามาในหูไม่หยุด
ผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันไม่ได้พูดอะไร เขามองไปทางเด็กพวกนั้นแล้วเริ่มหักนิ้วมือเล่นอย่างเงียบเชียบ
จนกระทั่ง...
“เฮ้ย มึงลุกไปขอเบอร์พี่เค้าให้หน่อยดิ๊!” เสียงของเด็กกลุ่มนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่คนพูดจะผลักเด็กที่ท่าทางเรียบร้อยที่สุดให้เดินมาทางนี้ รู้สึกว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นเบ๊ของพวกเขานะ “ต้องได้มานะ ไม่ได้วันนี้ไม่มีค่าขนมกลับบ้านนะเว้ยไอ้เด็กเนิร์ด ฮ่าๆ”
ฉันหันกลับไปมองทันที ทำไมเด็กพวกนี้ถึง...
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะน้องท่าทางเรียบร้อยคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะพวกเราอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้มีท่าทีเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่จะยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันที่นิ่งอึ้งไป
“พี่ครับ คือ... คือเพื่อนผมขอเบอร์พี่” น้องมีท่าทางตื่นกลัว แล้วฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาจากโต๊ะเด็กกลุ่มนั้น ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่ก็กลัวน้องจะโดนเด็กพวกนั้นรีดไถค่าขนม ฉันเลยหันหน้าไปมองส้มหวานอย่างตัดสินใจไม่ถูก
“ส้ม...” ฉันตั้งท่าจะพูด แต่อยู่ดีๆ ร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ทุบโต๊ะเสียงดังลั่น
ปึง!!
“ไอ้พวกเด็กเวร” ฉลามดุสบถในลำคอเสียงเหี้ยมในวินาทีต่อมา ฉันมองเขาอย่างตกใจ แล้วก็เห็นว่าเขาผุดลุกขึ้นทันทีและเดินออกไป
“พี่หลามจะทำอะไรน่ะ” ส้มหวานป้องปากถามฉันอย่างตกใจ ส่วนฉันก็ส่ายหน้า ในขณะที่ร่างสูงที่มีรอยสักเต็มทั้งสองแขนจะเดินดุ่มๆ ไปทางโต๊ะของเด็กพวกนั้นที่กำลังหัวเราะสนุกสนาน
แล้วเขาก็...
หมับ
“พวกมึงเป็นอะไรกันมากมั้ย?” กระชากคอเสื้อของเด็กท่าทางที่ดูจะเป็นเหมือนหัวโจกของโต๊ะขึ้นมาจนแทบจะชิดกับใบหน้าของเขา “คึกกันมากปะ กรอกน้ำให้แม่เสร็จยัง ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ขนยังไม่ตั้งคิดจะม่อสาวเหรอ”
“เฮ้ย พี่เป็นใครอ่ะ” เสียงเด็กพวกนั้นดูแตกตื่นเหมือนคาดไม่ถึงว่าจะมีคนหาเรื่องจะๆ แบบนี้ ในขณะที่ฉลามดุจะเหวี่ยงเด็กที่เขากระชากคอเสื้อออกแต่ยังคงจับเสื้อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนที่จะท้าวแขนอีกข้างลงกับโต๊ะแรงๆ “พี่จะทำไรวะ!”
“พวกมึงไม่ต้องรู้หรอก” เขาพูดเสียงเย็นเยียบและมีใบหน้าน่ากลัวในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน “แต่สิ่งที่พวกมึงต้องรู้ก็คือกูกำลังจีบคนที่มึงอยากได้เบอร์อยู่ ส่วนอีกคนก็เพื่อนเค้า แล้วพวกมึงคิดว่ากูจะทำอะไรกับพวกมึงดีล่ะ มากวนใจว่าที่แฟนกูแบบนี้เนี่ย”
วะ... ว่าที่แฟน
ฉันคิดทวนตามคำพูดของเขาในใจ แล้วหน้าร้อนเมื่อน้องที่เดินมาขอเบอร์กับส้มหวานมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งคู่
ฉันเปล่านะ เขาพูดเองอ่ะ
“มึงปล่อยกูนะเว้ย!!” เสียงของหัวโจกดังขึ้นมาอย่างก้าวร้าว ตอนแรกฉันเห็นว่าฉลามดุดูใจเย็นอยู่นะ แต่พอเด็กคนนั้นขึ้นมึงกูใส่ เส้นเลือดที่คอของเขาก็ขึ้นจนเห็นได้ชัดเลย “ห่าโอ มึงนั่งเงียบทำไม เข้าไปจับแม่งดิ”
ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะไม่ยอมลงง่ายๆ ด้วย เขาหันไปสั่งเพื่อนอีกคน แต่ก็ดีที่เพื่อนที่ชื่อโอที่ว่านั่งกลัวฉลามดุจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
“มึงเรียกกูว่าไงนะ แม่งเหรอ?” ฉลามดุถลึงตาใส่ ในขณะที่จะง้างหมัด
“พี่ ถ้าต่อยเด็กติดคุกนะเว้ย!” เสียงของเด็กคนหนึ่งในกลุ่มดังขึ้นมาอย่างห้ามปราม พร้อมๆ กับคนในร้านที่เริ่มให้ความสนใจ บางคนแตกตื่นไปเรียกเจ้าของร้าน แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าทำอะไร หมัดของฉลามดุถูกค้างไว้ท่านั้น แต่เขากลับตวาดลั่น
“มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ! มากกว่านี้กูก็เคยทำมาแล้ว เสียค่าปรับกับเข้าคุกไม่กี่เดือนกูไม่แคร์หรอก!!” แต่พอเขาตั้งท่าจะต่อยเท่านั้นล่ะ
หมับ
“พะ... พอได้แล้ว” ฉันก็รีบวิ่งไปคว้าต้นแขนของร่างสูงที่ง้างหมัดเอาไว้ทันที ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ กลัวก็กลัว แต่ฉันแค่อยากให้เขาหยุดเท่านั้นเอง คนในร้านเขาสีหน้าไม่ค่อยดีกันแล้วนะ “อย่าไปต่อยเด็กเลย คนในร้านมองเรากันหมดแล้วนะคะ”
ฉลามดุไม่ได้พูดอะไร เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าตกใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ยอมเอามือลงตามที่ฉันพูดอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะถามฉันเสียงอ่อนลง “... แล้วจะให้เราทำไง”
“เอ่อ...” แล้วคราวนี้ฉันก็ไปไม่เป็น คิดอะไรไม่ออก จนกระทั่งน้องที่ดูเหมือนจะชื่อโอผุดลุกขึ้นมา แล้วล้มตัวลงไปกอดข้อขาของฉลามดุเอาไว้
“พี่ฉลาม? พี่ฉลามใช่มั้ย!”
“เราจะมั่นใจได้ยังไง... ว่าเราจะไม่ร้องไห้เพราะฉลามอีกอ่ะ?” เพราะฉันใจอ่อนง่ายทุกครั้งพอเป็นเขา ทะเลาะกันหนักๆ ฉลามก็แค่เดินมาพูดอะไรสักอย่าง จนฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยแสดงออกมาจริงๆ เลยว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิม “... เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น”“...”“ฮึก... ฉลามจะให้เราเชื่อได้จากตรงไหนเหรอ” สุดท้ายฉันก็แพ้ให้ความอ่อนแอขี้แยของตัวเอง ฉันร้องไห้ออกมาตรงนั้นเพราะเจ็บจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว น้ำตาบังฉันจนมองไม่ออกว่าฉลามกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่“ไปคุยที่รถได้มั้ยวะ”ฉันได้ยินเสียงเขาตอบกลับมา ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกเขาจูงให้เดินตามไปด้วยกัน ฉันสะอื้นออกมาตอนที่ถูกใส่หมวกกันน็อคแล้วติดที่ล็อคตรงใต้คางให้ แล้วฉลามก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ของเขา“ระ... เราไม่กลับกับฉลามนะ ไม่เอา” ฉันพูดทั้งน้ำตา แล้วเขาก็จ้องหน้าฉันนิ่ง ตอนแรกฉันก็คิดว่าฉลามจะขับรถออกไปเลย ไม่ก็ว่าฉันว่างี่เง่า ดื้อ เป็นผู้หญิงน่ารำคาญ แต่ต่อมาทั้งตัวของฉันก็ถูกเขาดึงเข้ามากอดไว้“กลับเหอะ” เขากระซิบเสียงหนักข้างหูฉันที่เบิกตาโต แล้วกอดฉันแน่นขึ้น“...”“มีเรื่องจะคุย”สุดท้ายฉันก็นั่งรถไปกับเขา
[... โห ปกติพี่บอกรักนิ้งยังงี้เลยเหรอ]ผมนิ่งไปหลังจากที่พูดกับนิ้งไปตรงๆ แล้วเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่นิ้งแต่เป็นส้ม“นิ้งไม่อยู่เหรอวะ” ผมถามตรงประเด็นทันที แล้วปลายสายก็ตอบกลับมา[ใช่ค่ะพี่ วันนี้ส้มหยุดอ่ะเลยได้นอนอยู่ที่ห้อง นิ้งเค้าไปเรียน สงสัยจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง]“...”[ว่าแต่นี่พี่โทรมาง้อนิ้งเหรอ ดีแล้วแหละ]“แล้วนิ้งยังอยู่นั่นปะ เลิกกี่โมง? วันนี้เรียนวิชาไร?” ผมไม่สนเรื่องยิบย่อยแล้วถามกลับไป ส้มเงียบไป ส่วนผมก็ร้อนใจแทบบ้า จนเธอตอบกลับมา[น่าจะใกล้เลิกแล้วอ่ะพี่ วันนี้เรียนวิชาเดียว] เธอบอก แล้วผมก็ทำท่าจะกดตัดสายแล้วใส่กางเกงจะได้ไปรับเธอที่มหาลัยก่อนที่เธอจะกลับไปก่อน ผมกลัวว่าจะไม่ทัน [แต่พี่หลาม ส้มมีอะไรจะบอกแหละ]“ไว้วันหลังได้ปะ พี่รีบว่ะ”[แต่เป็นเรื่องนิ้งนะ พี่หลามไม่ฟังหน่อยเหรอ] ผมนิ่งไป แล้วรูดซิปกางเกงขึ้น“งั้นพูดมา”[ถ้าพี่หลามจะไปง้อนิ้งรอบนี้อ่ะ ส้มว่าต้องมีแต่ใจล้วนๆ เลยอ่ะ]“...”[นิ้งอ่ะน้อยใจพี่มากเลย ส้มก็ไม่ได้จะบอกว่าพี่ผิดฝ่ายเดียวหรอกนะ ส้มรู้ว่าบางทีคนเป็นแฟนกันก็ชอบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล] ผมยืนฟังที่เธอพูดเงียบๆ [ส้มรู้ว่าพี่หลามรักนิ้งมาก
“มึงรู้ปะเจ๊” ผมกระดกแก้วที่สามรวดเดียวแล้วเอียงหน้าไปคุยกับมัน “ตั้งแต่เกิดมา กู... ไม่เคยเจ็บเหี้ยๆ ขนาดนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยว่ะ”“เฮ้ย อีหลาม มึงเมายังวะเนี่ย” เจ๊ตบหน้าผม แล้วผมก็ปัดมือมันออก“กูไม่เมา” ผมพูดตรงๆ มันแค่มึนๆ แต่ที่ผมพูดเพราะแม่งเฮิร์ท “กูเจ็บตั้งแต่คำที่เค้าบอกว่ากูไม่เคยเข้าใจเค้า กูเอาแต่ใจ ชอบพูดเหี้ยๆ กับเค้า”“...”“แม่งก็จริงว่ะ กูแม่งเหี้ยแบบนั้นแหละ ผู้หญิงมันเลยชอบทิ้งกูไปไง” ผมพูดแล้วแค่นหัวเราะ “แล้วเดี๋ยวกูก็จะถูกนิ้งทิ้งอีก กูแม่งทำห่าไรก็ล้มเหลวไปหมด”“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องจะทิ้งมึง?”“กูแค่คิด ใครแม่งจะทนกับคนอย่างกูวะ”“โอ้ย อีหลาม มึงคิดว่าน้องเค้าเป็นคนแบบอีพวกนั้นรึไงวะ มีสติหน่อย สมองมึงรวนแล้วเหรอ”เจ๊พูดแล้วตบหน้าผมซ้ำอีกให้ตื่น แต่แม่งหยุดไม่ได้แล้วว่ะ ผมกดดัน ผมไม่รู้ว่าต้องทำไง ผมคิดเรื่องเธอในหัวเยอะมาก ที่ผ่านมาในหัวผมมีแต่เรื่องที่ผมเป็นคนแบบนี้แล้วกลัวนิ้งจะทนไม่ไหว ผมรู้ตัวเอง หลังจากทะเลาะตอนนั้นผมก็อยากดีกว่านี้ แต่แม่ง...“คงงั้นมั้ง” ผมตอบลอยๆ แล้วหัวเราะส่งๆ“อีหลาม มึงฟังกูนะ เรื่องพวกนี้มันต้องคุย มึงมานั่งคิดว่าเค้ามองมึงแบบนั
ทันทีที่ฉันพูดจบประโยคนั้น ฉลามก็เงียบไป เขาเงียบไปนานมากจนฉันใจโหวงๆ ฉันถือสายรอเขาตอบกลับมาอยู่แบบนั้นสักพัก ใจเต้นรัวไปหมดเพราะอยากรู้ว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา จนสุดท้าย...[โอเค เข้าใจล่ะ] ฉันสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่จู่ๆ เขาก็สวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแปลกๆ [เราแม่งเหี้ยเองว่ะ]“...”[ถ้านิ้งไม่อยากให้เราขับตามเราไม่ไปก็ได้]“...”[แค่นี้นะ]ติ๊ดฉันชะงักไปเมื่อเขาตัดสายฉันทันทีที่พูดจบประโยคนั้น ใจฉันหายวูบไปเลย แล้วมันก็เป็นแบบนั้นไปตลอดทาง... หรือมันจะถึงทางตันแล้วนะผ่านมาสองวันได้แล้วหลังจากนั้น... เราแทบไม่เจอหน้ากันเลยฉันกลับมาถึงห้องกับส้มหวานอย่างปลอดภัยจนถึงเช้าวันต่อมา ฉลามไม่โทรมาหา เขากลับมารึยังฉันก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากนี้เราทั้งคู่จะยังเหมือนเดิมอยู่มั้ย ก่อนจะวางสายไปเสียงเขานิ่งมากจนผิดปกติเลย ตอนไปมหาลัยส้มก็ไปส่งเราเลยยิ่งไม่ได้เจอกันเข้าไปใหญ่แต่ฉันรู้แค่ว่าเขากลับมาทำงานแล้วหลังจากที่ได้โทรคุยกับพี่เพทายนั่นล่ะ[อีหลามอ่ะนะ? ก็มาทำงานปกตินี่ ช่วงนี้มันก็อยู่ไม่นานด้วย มันไปสมัครงานเพิ่ม] ฉันนิ่งไปนิดหน่อยตอนที่พี่เพทายอธิบายมาแบบนั้นหลังจากที่เธอโทรม
“ฉะ... ฉลามใจเย็นก่อนได้มั้ย” ฉันแทรกขึ้นมา แล้วเม้มริมฝีปากแน่น “เราไม่ได้อยู่ในรถผู้ชายคนไหนหรอก เรากลับกับส้ม เค้าเป็นเพื่อนส้ม”[...]“แล้วที่เราต้องกลับแบบนี้เพราะเราทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ ฉลามก็ไล่เราด้วย... เราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำไมอ่ะ”[ก็นิ้งจะไปเองปะ?]“อื้อ... ใช่ เราจะไปเองแหละ เพราะงั้นเราก็จะไปจริงๆ แล้ว” ฉันโพล่งขึ้นมาเพราะเห็นว่าฉลามเองก็ไม่ใจเย็นที่จะคุยกับฉันเลย ฉันเองที่พยายามจะเย็นในตอนแรกๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน[ก็บอกว่าให้มันวนรถกลับมาไง]“เราเลยมาแล้วนะ วนกลับไม่ได้หรอก”[นิ้ง กลับมา]“...”[ได้ยินมั้ยวะ บอกให้กลับมาไง]ใจฉันวูบไป ความรู้สึกน้อยใจตีตื้นขึ้นมา เพราะฉลามไม่เคยฟังฉันเลย จะเอาแต่ใจตัวเองอยู่อย่างเดียว เขาบังคับให้ฉันทำนู่นทำนี่ตามใจเขา บอกให้ฉันเข้าใจเขา แต่พอถึงทีฉันบ้าง เขากลับไม่เคยเข้าใจอะไรเลย“... ฉลามเห็นเราเป็นอะไรเหรอ?” ฉันโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไล่เรากลับ พอเราจะกลับจริงๆ ก็มารั้งเรา... ก่อนหน้านี้ก็อยากให้เรากลับไม่ใช่เหรอ”[ก็มันแม่ง...]“หลายครั้งแล้วนะที่เรายอมลงให้ฉลามตลอด เวลาฉลามหงุดหงิดใส่เราก็พยายามอดทน... เราก็แค่ไม่อยากเลิก อยากอ
[SALAMDU : SIDE]“ทำไมไม่รับสายวะ”ผมพึมพำอย่างหงุดหงิดตอนที่กดโทรศัพท์เข้าเบอร์นิ้งจนจะสามสิบสายได้แล้ว แต่เธอก็ไม่รับ ผมกดตัดสายแล้วโทรออกอยู่ซ้ำๆ ตอนที่พิงรถอยู่ด้านนอกแล้วจุดบุหรี่สูบ พ่นควันออกมาตอนที่เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ผมเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดูดมวนบุหรี่อัดควันเข้าปอดตอนที่กดโทรหาเธออีกพอเธอตัดสายไปอีกผมก็พ่นควันบุหรี่ออกมาแรงๆ อย่างขัดใจ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วเปิดกระจกไว้จะได้ดูดบุหรี่ด้านนอก พร้อมกับขับวนหาเธอแถวๆ นั้นไปด้วยผมเห็นมีคนนั่งรถเข้ามา แต่เดินเข้าไปดูแล้วไม่ใช่ผมโทรไปหาไอ้โป้งให้บอกเบอร์โรงแรมห่านั่นให้ผมแล้วเพราะก่อนออกมาผมรีบจัดเลยลืมถามมา แล้วมันก็เป็นคนโทรจองให้ ก่อนหน้านั้นผมโทรถามเบอร์รถโรงแรมคันอื่นแล้วไล่โทรไปทุกสาย แต่มีสองเบอร์ที่โทรไม่ติด นอกนั้นก็ไม่ใช่ผมขับออกไปวนหานิ้งที่สถานีขนส่งไรนี่สองสามรอบได้ เพราะเธอเองก็ไม่น่าจะไปที่ไหนได้นอกจากที่นี่ ตอนนี้ก็อีกรอบ แต่พอไม่เจอผมก็จอดรถทิ้งไว้แถวๆ นั้นแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ เพราะผมไม่รู้จะทำไงพอบุหรี่มันหมดมวนผมก็ทิ้งลงพื้นแล้วใช้ส้นตีนขยี้ ก่อนที่จะหยิบมวนใหม่มาจุดสูบอีกเพราะผมเครียด เกือบจ