“พี่ฉลาม? พี่ฉลามใช่มั้ย!” เพื่อนทุกคนของเด็กคนนี้มีสีหน้าตกใจ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ดูท่าทางเป็นหัวโจกด้วย แม้แต่ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน “ผมมองตั้งนานนึกว่าใคร พี่ฉลามนี่เอง วันก่อนผมไปเจอพี่เดี่ยวมาด้วย ไม่คิดว่าชาตินี้จะมีบุญได้เจอไอดอลตัวเป็นๆ”
“ว่าไงนะ” ฉลามดุเบิกตากว้าง เหมือนเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
“ห่าโอ มึงพูดอะไรวะ”
“นี่มึงไม่รู้จักพี่ฉลามดุเหรอวะ!” เด็กที่ชื่อโอตบหัวเพื่อนอีกคนที่ถูกฉลามดุดึงคอเสื้อค้างไว้ ในขณะที่เด็กคนนั้นก็ทำตาโตสุดๆ เหมือนเพิ่งนึกออกเหมือนกัน
“พี่ฉลามดุที่เป็นคู่หูกับพี่เดี่ยวบางซิ่ง แล้วก็เคยไปถล่มพวกกลุ่มสมิงดำที่โคตรดังคนนั้นอ่ะนะ!!”
“เฮ้ย ใช่เหรอวะ คนดังเลยนี่หว่า”
“พี่ฉลามผมนี่ FC พวกพี่เลยนะครับ!”
เหมือนทุกอย่างจะพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือหลายตลบ ฉันตาลายและงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กพวกนั้นพูดเลยแม้แต่นิด แต่พอหันไปมองผู้ชายคนที่ถูกพูดถึง เขาเองก็หูแดงแถมเริ่มเกาท้ายทอยนิดๆ ด้วย
เอ่อ นี่เขาเขินเหรอ?
“... ก็นิดหน่อย” เขินจริงๆ ด้วยอ่ะ “ว่าแต่พวกมึงเป็นใคร ยังเด็กอยู่เลยนี่”
“พี่ไม่น่าจะรู้จักหรอกครับ พวกผมเรียน ปวช. ปีหนึ่งกำลังห้าวเป้งเลย แต่ได้ยินชื่อเสียงพวกพี่มาบ่อย” เสียงของเด็กที่ชื่อโอดังขึ้นอีกอย่างตื่นเต้น ท่าทางของเด็กคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย พวกเขาดูเป็นมิตรมากกว่าเมื่อกี้ตั้งเยอะเลย “ดีใจที่ได้เจอพี่ตัวเป็นๆ สักที”
“เออ พวกมึงก็ตั้งใจเรียนหน่อย” ฉลามดุพูดเสียงอ่อนลงเมื่อได้ยินแบบนั้น แล้วปล่อยคอเสื้อเด็กที่เป็นหัวโจกออก ดูเขาจะเกร็งๆ นิดนึงด้วย “แล้วก็อย่ามาทำตัวแบบนี้อีกนะ มันไม่ได้ดูเท่”
“...”
“อย่าทำให้พ่อแม่พวกมึงเสียใจเหมือนที่กูเคยเป็นเลย” ฉันมองเขาอย่างแอบชื่นชม ถึงเขาจะดูเป็นหัวโจกเสียเองก็เถอะ แต่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะคิดอะไรเป็นผู้ใหญ่อยู่เหมือนกันนะ
เด็กพวกนั้นพยักหน้าแล้วยกมือไหว้ขอโทษขอโพยกันใหญ่ จนกระทั่งเด็กหัวโจกคนนั้นหันมามองหน้าฉัน แล้วเขาก็เริ่มโพล่งขึ้นมาด้วยสายตาล้อเลียน
“พี่ แล้วพี่สาวสวยๆ เหมือนดาราคนนั้นพี่ก็จีบอยู่จริงใช่ปะ?” ฉันสะดุ้งเฮือก มองฉลามดุที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน ก่อนที่คนตัวโตจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีก่อน ฉันสังเกตเห็นว่าหูของเขาแดงนิดหน่อย
“อ่า ใช่” เสียงของเขาดังขึ้น “คนนี้กูจริงจังมาก อย่าขอเบอร์เค้าอีกนะ กูหวง”
ฮือ
จะเถรตรงไปมั้ยเนี่ย นี่ต่อหน้าเด็กๆเลยนะ!
[พาร์ท : ฉลามดุ]
พอผมพูดออกไปตรงๆ แบบนั้นเด็กมันก็แซวกันใหญ่
“อั้นแน่ะๆๆ ว่าแล้ว ตอนแรกก็เห็นพี่อยู่แต่ไม่ได้สังเกต นั่งคุมเลยนะคร้าบ”
“พี่สาวเขินใหญ่แล้วมึง”
“ผมเชียร์เลยคู่นี่ ลงเอยยังไงอัพเดทให้ผมฟังบ้างนะพี่!”
เอาจริงๆ ผมเป็นคนหน้าหนาหน้าทน แต่พอมาเจอเด็กแซวแบบนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
“หุบปากได้แล้ว แล้วนั่งอยู่เงียบๆ กันไป” ผมทำเสียงเข้มขรึม ทำให้เสียงแซวเหล่านั้นเงียบลงทันที ผมหันไปมองนิ้งที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “เมื่อกี้เจ็บมั้ย เราได้กระชากแขนหรือทำอะไรแรงๆ ปะ?”
ให้ตายดิ ดูเท่โคตรๆ เลย
“อะ... เปล่าจ้ะ เปล่าเลย” ผมหรี่ตาลงอย่างสงสัยเมื่อนิ้งตอบเสียงตะกุกตะกัก แล้วก็ไม่ยอมสบตาผมอีกแล้ว “ส้มนั่งรอตรงนั้นนานแล้ว กลับ... กลับที่กันเถอะนะ”
ผมมองหน้าเธอนิ่ง อยู่ดีๆ ก็รู้สึกแสบๆ ตรงแขนเลยยกขึ้นมาดู พอเห็นสิ่งต้นเหตุที่ทำให้แสบเลยนิ่ง แล้วเลือกที่จะคว้าข้อมือคนตัวเล็กเดินออกไปนอกร้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร
“อะ... อะไรคะ! จะไปไหน” ผมได้ยินเสียงของคะนิ้งชัดเจนที่สุดในหู ต่อมาก็ได้ยินเสียงเด็กเปรตพวกนั้น ตามด้วยเสียงเพื่อนของคะนิ้งที่ชื่อส้มหวานไล่หลังมา แต่ผมกลับไม่สนใจ และเลือกที่จะดึงทึ้งคะนิ้งให้เดินข้ามถนนมาเงียบๆ จนถึงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
“ขึ้นไปก่อน” ผมเหวี่ยงเธอเบาๆ แล้วกวาดขาขึ้นรถ ในขณะที่คะนิ้งมองผมกลับมาอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะ”
“เรามีเรื่องสำคัญจะคุย” ผมโกหก จริงๆ คืออยากพาเธอออกไปจากที่ตรงนี้เพราะเหตุผลงี่เง่าบางอย่าง “ขึ้นมานั่งโดยไม่ถามอะไรได้ป่าว”
“พะ... พูดตรงนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ขึ้น” ผมพูดเสียงเรียบเมื่อไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ รู้สึกคิดผิดที่พูดห้วนไปแบบนั้น เพราะต่อมาคะนิ้งก็มีสีหน้าตื่นกลัวในขณะที่เธอจะยกตัวขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
บ้าเอ้ย จะพังก็เพราะอารมณ์กูเนี่ยแหละ
พอเธอขึ้นนั่ง ผมก็เอี้ยวตัวไปคว้าแขนเธอมาแล้วบังคับให้กอดเอวผมไว้ เพราะผมคิดว่าผมคงจะขับรถเร็วจนตัวเล็กๆ ของเธอจะปลิวไปตามลมได้เลยถ้าไม่เกาะไว้ให้ดี ผมได้ยินคะนิ้งอุทานเบาๆ เหมือนจะตกใจ แต่มือสั่นๆ นั่นก็กอดเอวผมไว้แน่นอย่างไร้การขัดขืน
เชี่ย อยู่ดีๆ กูก็ฟินขึ้นมา
“จับไว้แน่นๆ นะ” ผมกำชับเสียงนิ่งอย่างพยายามเก็บอาการ แล้วออกรถออกไปด้วยความเร็วสูง ผมลืมใส่หมวกกันน็อคให้นิ้ง แต่ไม่ซีเรียสมากเพราะผมคิดว่าคงไม่จำเป็น คอนโดที่ผมอยู่ใกล้ๆ แถวนี้เอง ไอ้เดี่ยวก็กลับไปแล้ว
เฮ้ย ทำไมยิ่งพูดมันก็ยิ่งเหมือนว่ากูกำลังจะพานิ้งไปปลุกปล้ำเลยวะ?
ผมเปล่าคิดแบบนั้นนะ ผมแค่...
เครื่องยนต์ถูกเร่งแรงขึ้นอีกเมื่อผมสับสนในตัวเอง ผมรู้สึกว่าใบหน้าของคะนิ้งเซมาชนกับแผ่นหลังเบาๆ เพราะแรงกระแทก แล้วเธอก็ไม่ยอมเอามันออก สงสัยเพราะกลัวมาก เธอกอดผมแน่นจนอึดอัด ในขณะที่เบียดตัวเข้ามาจนชิดด้วย
ผมสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่มนิ่มตรงแผ่นหลัง คือกูไม่ได้หื่นไม่ได้ลามกอะไรนะ แต่นิ้งน่ารักไง แล้วผมก็ชอบนิ้งมาก แล้วก็เผอิญว่าผมมันก็เป็นผู้ชาย...
คนอื่นมันก็ผู้ชายนะเว้ย
ผมคิดในใจแล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเวรพวกนั้นมาขอเบอร์เธอแล้ว แค่นั้นมันก็ทำผมรู้สึกไม่ดีสุดๆ
ถึงการใช้กำลังกับเด็กมันจะไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่ผมก็เกือบจะทำมันไปแล้ว
นี่ถ้านิ้งไม่ได้มาห้ามไว้นะ
“ละ... ลดความเร็วลงอีกหน่อยได้มั้ย” ผมชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงสั่นๆ ของคนตัวเล็กดังขึ้นข้างหูขัดความคิดของผม เธอกระซิบในขณะที่มุดตัวเข้ากับไหล่กว้างเพราะผมไม่ฟัง แถมยังเร่งเครื่องเสียงดังกลบเธออีกต่างหาก “ลดมันลงหน่อยได้มั้ย”
เสียงก็น่ารัก ตัวก็น่ารัก หน้าตาก็น่ารัก
น่ารักไปหมดเลยว่ะ
“ก็ได้” แล้วสุดท้ายผมก็ต้องยอมเชื่อฟังอย่างเสียไม่ได้ ผมลดความเร็วลงนิดหน่อยตามที่เธอขอ แต่พอเธอเริ่มคลายอ้อมแขนออกผมก็เร่งขึ้นมาอีกเหมือนกับคนเป็นไบโพล่าร์ คะนิ้งครางในลำคอเบาๆ และผลสุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกจนต้องกอดผมไว้แน่นอยู่อย่างนั้น
ให้ตายเหอะ เวลาทำให้เธอกลัวสุดๆ มันก็แอบมีดีเหมือนกัน
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงคอนโดที่ผมอยู่ มันเป็นคอนโดคูหาติดกับร้านข้าวแกงข้างๆ สภาพดูเก่าหน่อย มีอยู่สี่ชั้น และผมพักอาศัยอยู่ที่ชั้นสอง เหตุผลเพราะมันขึ้นลงสะดวกดี
ผมมันไม่ได้เป็นคนมีฐานะนักหรอกว่ะ ก็ออกจากบ้านมาทำงานตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เลยยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมาตลอด
ผมลากแขนเธอขึ้นห้องทันทีโดยไม่พูดอะไร พอถึงหน้าประตูก็ไขกุญแจเข้าไปแล้วกดล็อกทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา คะนิ้งยืนหน้าตื่นอยู่ข้างๆ ผม เห็นแล้วเหมือนเธอเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่หนีไปไหนไม่พ้นยังไงก็ไม่รู้ว่ะ
“นิ้ง” ไม่รู้ทำไม ผมเรียกชื่อเธอ แล้วคะนิ้งก็สะดุ้งเฮือกเหมือนไม่ทันได้ตั้งตัว
“พะ... พาหนูมาที่นี่ทำไมคะ ส้มตกใจหมดแล้วนะ แล้วนั่นคุณจะทำอะไรเหรอ” เธอละล่ำละลั่กถามผมเหมือนดีเลย์ มีเหตุผลที่จะถามตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเพราะผมวู่วามแต่เหมือนเธอจะตื่นจนลืม ผมก็เลยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะดันแผ่นหลังเธอให้ชิดกับบานประตู “ฉะ... ฉลามดุ”
เธอเรียกชื่อเต็มผมด้วยสีหน้าตกใจ แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีที่เธอเรียกผมแบบนั้น แล้วก็อยากให้เรียกอีกบ่อยๆ
ผมเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เธออีกนิด แล้วร่างเล็กก็ยิ่งตัวเกร็งเข้าไปใหญ่
“นิ้ง... คือ” ผมกระซิบค้างไว้ แล้วเธอก็เหลือบตาขึ้นมองผมทั้งๆ ที่ใบหน้าเราอยู่ใกล้กันมาก แต่ผมไม่คิดที่จะล่วงละเมิดอะไรเธอไปมากกว่าการยื่นหน้าไปกวนใจเธอเล่นๆ หรอก สบายใจได้
“...”
“เราเจ็บแผลว่ะ... เด็กพวกนั้นพกคัตเตอร์มาแล้วมันบาดแขนเราอ่ะ”
ก็ตามนั้น
[จบพาร์ท : ฉลามดุ]
[พาร์ท : ฉลามดุ]“ใครต่อยท้องเมียมึง?”“ไอ้เหี้ยโช” ผมพูดชื่อมันตอนที่ขับรถไปรับไอ้เดี่ยวที่อู่เจ๊เพท หน้าผมตอนนี้มันตึงเครียดมากจนไอ้เดี่ยวไม่คิดที่จะกวนส้นอะไร มันเอารถใหญ่มา ผมเป็นคนขับ ในขณะที่ต่อมาเจ๊เพทจะขึ้นมานั่งด้วย“เด็กๆ ของอีอักใช่มั้ยวะ” เจ๊เพทถาม เธอดูแค้นแทนผมมาก “กูเล่นเอง ไอ้เด็กเวรนี่มันไม่คณามือหรอก”“กูเอาค้อนมา” ผมพูดสั้นๆ คิดไว้แล้วว่าจะเล่นมันยังไง“เฮ้ย เดี๋ยวก็ได้เข้าตารางไปเจอพ่อมึงอีกหรอก” ไอ้เดี่ยวปรามผมทันที แน่นอนว่ามันคงกลัวผมถูกจับขังดัดสันดานอีกเพราะมันรู้ว่าผมเวลาเอาจริงเป็นยังไง ผมยิ่งไม่ค่อยดีกับที่บ้าน ถ้าเจอเรื่องนี้อีกคงต่อไม่ติด“เออ อีหลาม ใจเย็นๆ ดีกว่านะ” เจ๊เพทก็คิดแบบนั้น เธอปรามผมเสียงเข้มขึ้นตอนที่ผมสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ให้พวกกูจัดการเหอะ”แต่ผมไม่สน เพราะมันกล้าเข้ามาถึงในห้องนิ้ง กล้าต่อยเธอ แปลว่ามันต้องเตรียมใจไว้แล้วไม่พิการมันก็ต้องตาย ผมคิดได้แค่นี้ผมถามสายที่อยู่แถวๆ นั้น มันบอกว่าหลังจากไอ้โชออกไปจากหอพักของคะนิ้ง มันก็ไปนอนค้างบ้านแฟนมันแถวๆ รัชดาพิเษกผมไม่ทำอะไรผู้หญิงหรอก ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้หน้าตัวเมี
[พาร์ท : ฉลามดุ]สมเพชตัวเองดีทำตัวอ่อนแอต่อหน้านิ้งเพื่ออะไร? ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนี้คนตัวเล็กหลับไปแล้ว เธอกอดผมเอาไว้แน่นจนผมไม่รู้ว่าเธออยากกอดผมจริงๆ หรือแค่ละเมอ ตอนแรกผมเจ็บที่เธอดูกลัวเรื่องที่ผมถาม มันทำให้ผมเคว้ง ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนั้นดีมั้ย เพราะขนาดครอบครัวแท้ๆ ยังรับไม่ได้ แล้วคะนิ้งเป็นอะไรเธอไม่ใช่แฟนผมด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมรึเปล่าเอาเป็นว่าผมจะไม่คาดหวังอะไร ถ้าถึงวันนั้นอดีตของผมมันแตกแล้วเธอรับมันไม่ไหว เธออยากจะเดินออกไป ผมจะไม่รั้งเธอไว้ผมเข้าใจ ทำใจไว้แล้วผมมองหน้าร่างเล็กตอนที่กำลังหลับสนิท คะนิ้งน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่ผมอยากดูแล เป็นผู้หญิงที่ผมรักมาก ผมไม่เคยอยากปกป้องผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมันไม่สำคัญว่าผมรักนิ้งมานานแค่ไหน ผมแค่คิดว่าเธอใช่สำหรับผม นอกนั้นแม่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นแล้วผมลูบแก้มของเธอเบาๆ แล้วตัดสินใจดึงมือของเธอออกแล้วผุดลุกออกไป ผมคิดว่าตัวเองควรจะจัดการอะไรให้มันจบ ผมไม่อยากมานั่งอึดอัดเพราะไอ้เรื่องบัดซบนี่ แล้วผมจะบอกนิ้งทุกอย่างเองว่าทำไมผมถึงถามคำถามนั้นตอนนั้นก็คงต้องรอดูว่าเธอจะรับได้มั้ยผมกดส่ง
ฉันตัวชาไปหมดเมื่อเขาถามออกมาแบบนั้น ชะงักมือที่จะเช็ดผมของเขาไว้ ฉลามดุไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันเรื่องจริงจังหรือแค่หยอกฉันเล่นกันแน่“ละ... ล้อเล่นเหรอ” ฉันพูดเสียงสั่น ผละมือออกในทันที ฉลามดุเงยหน้าขึ้นมองฉันที่มีท่าทีตื่นกลัว เขาชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ต่อมาจะขบกรามแน่น“เออ ใช่ เราล้อเล่น” เขาพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ ฉันก็เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่กลับเห็นว่าแววตาของเขาที่มองฉันมันกลับดูเจ็บปวด“อย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกนะ” ฉันเอ็ดเขา ในขณะที่ฉลามจะหัวเราะออกมาอีก แต่มันดูเหมือนเขาฝืนทำซะมากกว่า“โอเค ไม่ทำแล้ว” เขาพูด ในขณะที่ฉันพยักหน้าแล้วทำท่าจะเช็ดผมให้เขา แต่ฉลามดุกลับผละตัวออกมา เขาหันเสี้ยวหน้าด้านข้างให้ฉัน แล้วพูดสั้นๆ “ไม่ต้องเช็ดแล้วนิ้ง เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทำไม ฉลามดุไม่มองหน้าฉันเลย เขาพิงศีรษะตัวเองลงกับพนักพิงด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้น “ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะนอนข้างนอก”“เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันถามเขา แต่ฉลามดุไม่ตอบ เขาแค่หลับตาลง“แค่ง
ย้อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน“แกก็น่าจะรู้นะฉลาม พ่อไม่ได้มีแกเพื่อให้มาก่อเรื่องซ้ำๆ ซากๆ”“ผมก็บอกแล้วว่าแค่ป้องกันตัว มันหมาหมู่กับผม จะให้ทำไง?” ผมย้อนถามพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าในชุดตำรวจเต็มยศ ห้องที่เรานั่งเผชิญหน้ากันคือห้องไว้สอบสวนคนร้าย ผมไม่คิดว่าพ่อจะเรียกผมมาคุยที่นี่ มันคือหลักฐานว่าไม่ว่ายังไงพ่อก็ยังคงมองผมเหมือนเดิมหกปีที่ผ่านมาพ่อไม่เคยไว้ใจผม ข้อนี้ผมรู้ดี“แกจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ ที่แก...”“มันผ่านไปแล้วพ่อ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากฟัง “ก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผมชดใช้ทุกอย่างแล้ว”“แต่แกฆ่าคนตายนะฉลาม แกเป็นลูกของตำรวจแท้ๆ เป็นบุตรสีกากี แต่แกทำตัวแบบนั้น... แกคิดว่ามันจะเป็นแผลในชีวิตพ่อบ้างมั้ย?”พ่อผมค่อนข้างเป็นคนใจเย็นมากกว่าแม่ของผม เขาพยายามแล้วที่จะระงับอารมณ์แล้วคุยกับผมดีๆ แต่ผมก็รู้ว่าสายตาที่พ่อมองผมมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม... พ่อยังเห็นผมเป็นไอ้ลูกไม่รักดี เป็นฆาตกรฆ่าคนตายที่ทำให้ครอบครัวของเราถูกมองเสียๆ หายๆเพราะผมอยากให้พ่อแม่ยอมรับกับเรื่องบัดซบนี่ ผมเลยออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เรียนอาชีวะ ซ่อมเครื่องยนต์ หาเงินส่งตัวเองเรียนโดยไม่ขอพ่อแม่สักบ
ผมหงุดหงิดเมื่อเปิดมาก็เห็นข้อความของพราวที่เด้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืน รวมถึงที่เธอโทรมาหาผมทางไลน์เพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่หนีเธออีก ผมไม่ใช่คนใจดำกับผู้หญิง แต่บางครั้งอดีตที่เธอทำมันก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับพราวตอนที่เธอทิ้งผมไปหาไอ้อักระ ผมไม่แม้แต่จะรั้งทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่พอเธอจะกลับมา ทำแบบนี้มันง่ายเกินไปมั้ยผมไม่ได้สนใจเธอแล้วผมรักนิ้งผมอ่านแต่ไม่ตอบ ถ้าเธอไม่คิดที่จะให้ไอ้อักระออกมาเคลียร์ก็ไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องพูดกันอยู่แล้ว เรื่องมันไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเองผมถอนหายใจหนัก ในขณะที่เสียงไลน์ดังขึ้นอีกผมหยิบขึ้นมาดูอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากรู้ว่าพราวจะพิมพ์อะไรส่งมาอีก ถ้าจะขอโทษพร่ำเพรื่อผมจะบล็อกเธอซะแต่ข้อความที่ถูกส่งมาใหม่ของเธอกลับทำให้ผมขมวดคิ้วP’row : อยากเจอกูนักเหรอP’row : ที่ไหนดีล่ะผมแทบจะผุดลุกออกมาจากเตียงที่นอนอยู่ หายปวดหัวทันทีที่เห็นข้อความถูกส่งเข้ามาจากไลน์ของพราว แต่ผมรู้ว่าคนที่พิมพ์มาคือใครไม่ใช่พราวพี่หลามคนจริง : ที่เดิมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากถ้าเป็นมัน ทันทีที่ผมส่งข้อความกลับไป โทรศัพท์ของผมก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าไม
ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็เอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง เพราะจู่ๆ เขาก็ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองตอนยังเด็กในชีวิตของฉันมีแต่คนรายล้อมมากมาย มีแต่คนรักฉันไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่ครอบครัวของพี่คะนองก็ต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นเสมอแต่ไม่รู้ทำไม... ทุกครั้งฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ตัวคนเดียวฉันรู้อยู่แก่ใจว่าถึงพวกเขาจะรักฉันยังไง... แต่ครอบครัวนั้นก็เป็นของพวกเขา ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของฉันสักหน่อยคุณแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่จำความได้ ในชีวิตของฉันมีแค่คุณพ่อที่แสนดีและอบอุ่น ฉันรักท่านมาก เรามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันหลายเรื่อง... จนท่านจากไปฉันก็แค่คิดถึงท่าน ฉันก็แค่อยากกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ พร้อมกับคุณพ่อเท่านั้นเอง“ฮึก... ฮือ” ฉลามดุเกลี่ยน้ำตาของฉันออกทันทีที่เห็นว่าฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าไว้ ฉันไม่อยากให้เขาเห็นเลย“นิ้ง” ฉันได้ยินว่าเขาเรียกชื่อฉัน แต่ฉันกลับหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันปล่อยโฮออกมาแล้วสะอึกสะอื้นเป็นเด็กๆ เอาหลังมือเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด ในขณะที่ต่อมาจะถูก