ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น
ก่อนที่จะต้องเด้งตัวขึ้นมาเพราะลืมไปว่าโทรสายกับฉลามดุค้างไว้ พอกดเปิดโทรศัพท์ดูฉันก็ต้องเบิกตากว้าง
สายยังไม่ถูกกดวางเลยอ่ะ! นี่ฉันโทรคุยกับเขาทั้งคืนเลยเหรอ
แต่ฉันจำได้ว่าฉันหลับไปก่อนนะ แล้ว... แล้วเขาก็ไม่ยอมกดวางงั้นเหรอ
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบเอาโทรศัพท์แนบหูว่าเขาจะยังตื่นอยู่มั้ย มองไปที่นาฬิกาเล็กๆ บนโต๊ะข้างหัวเตียงก็เห็นว่านี่มันแปดโมงกว่าๆ แล้ว ส้มหวานยังไม่ตื่นเลย ขี้เซาจริงๆ
“ฮะ... ฮัลโหล” ฉันตัดสินใจโพล่งขึ้นมาในสายอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็ได้ยินเสียงเขากรน เอ่อ...
[... งืม] เขาละเมอด้วยอ่ะ [อยากเจอ...]
“...!”
[เมื่อไรจะได้เจอ] ฉันหน้าร้อนไปหมด เขาพูดเหมือนเขาตื่นอยู่เลย แต่ฉันว่าเขาละเมอนะ เสียงฉลามดุดูอู้อี้มากเลยอ่ะ [... เช้ายังเนี่ย]
ฉันเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรจนกระทั่งได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังโครม ในขณะที่เสียงละเมอของคนในสายจะกลายเป็นเสียงตวาดลั่น
[ห่าเดี่ยว! มึงถีบกูอีกแล้วนะ ละเมอทีไรถีบกูตลอด กูไม่ใช่กระสอบทรายนะไอ้เหี้...!!]
ติ๊ด
ฉันรีบกดวางสายทันทีเมื่อรู้ว่าเขาตื่นแล้วแถมสบถเสียงดังด้วย ไม่อยากให้เขารู้ตัวว่าฉันแอบฟังอยู่ แล้วรีบวางโทรศัพท์ไปยังที่เดิม
แต่... โอ้ย
ฉันเอาหน้าซุกไปกับหมอนแล้วส่ายหน้าไปมาอยู่คนเดียว
ทำไมเขาถึงไม่วางนะ แล้วฉันได้ส่งเสียงกรนหรือน้ำลายยืดให้เขาได้ยินมั้ยเนี่ย น่าอายจริงๆ เลย แล้วดันไปหลับใส่สายเขาอีก
หวังว่าเขาคงจะไม่มาดักรอฉันที่หน้ามหาวิทยาลัยนะ ไม่งั้นฉันคงไม่กล้าสบตาเขาอีกเลยแน่ๆ
ฉันเอาหน้าซุกอยู่กับหมอนจนพอใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นไปคว้าชุดนักศึกษา วันนี้ฉันมีเรียนตอนเที่ยงตรง ส้มหวานก็เหมือนกัน ฉันก็เลยเดินไปเขย่าตัวร่างเล็กที่นอนอุดอู้อยู่บนเตียง แต่ก็เห็นว่าเธอนอนทำตาแป๋วอยู่ในผ้าห่ม
พอเธอเห็นหน้าฉันเธอก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาทันที
“นิ้งจ๋า รู้นะว่าเมื่อคืนโทรคุยกับใครอ่ะ” ฉันหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที ในขณะที่เธอจะหัวเราะคิกคัก “ความจริงส้มตื่นนานแล้วล่ะ แต่อยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“ส้ม!”
“เขาไม่ยอมวางสายเลยอ่ะ หมอนี่ท่าทางจะหลงนิ้งหัวปักหัวปำเลยนะเนี่ย”
“พะ... พูดอะไรเนี่ย ไปอาบน้ำเลย ส้มอาบน้ำนานกว่านิ้งนะ” ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่อง แล้วเดินไปดันๆ หลังให้เธอลุกขึ้น แต่ดูที่ส้มพูดออกมาสิ
“โอเคๆ เดี๋ยวส้มหวานจะรีบไปอาบน้ำแล้วพาน้องนิ้งไปมหาลัยนะ เผื่อพี่หลามจะดักรออยู่”
“ส้ม!”
น้องนิ้ง... เอ้ย คะนิ้งจะไม่ทนแล้วนะ ฮือ
[พาร์ท : ฉลามดุ]
อ้าว นิ้งตัดสายเหรอวะ
ตัดสายตอนแปดโมงสิบห้า ทำไมนิ้งตื่นเช้า?
ถ้าจะถามว่าผมตื่นมาทำไมเวลานี้ แล้วรู้ได้ไงว่าเธอตัดสาย ก็เพราะเมื่อเช้าไอ้เหี้ยเดี่ยวมันถีบผมตกเตียงไง ไอ้นี่เวลาละเมอๆ ทีไรผมเจ็บตัวตลอด ประเด็นคือช่วงนี้มันชอบมาอาศัยนอนห้องผมอีก ทีนี้ผมเลยตาสว่างเลย ทั้งๆ ที่วันนี้ผมไม่มีเรียน
แต่ก็ดี เพราะผมตื่นเวลาเดียวกับผู้หญิงที่ชอบ เรื่องเล็กๆ แต่ฟินยิ่งกว่าฟินอีกกู
ไหนๆ นิ้งก็ตื่นล่ะ ผมทักไลน์ไปดีมั้ยวะ
หรือไปดักรอที่มหาลัยเลยดี?
แต่มันจะดูคุกคามไปปะ ดูเธอก็ยังกลัวๆ ผมตอนเจอกันตัวต่อตัวด้วย ผมอยากให้เธอมองผมกลับมาด้วยความน่ารักมากกว่ามองผมด้วยสายตาหวาดๆ นะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องจริงจัง สงสัยว่าผมจะชอบเธอจนโงหัวไม่ขึ้นก็คราวนี้ล่ะ
“ให้ตาย” ผมนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนโซฟาเก่าๆ ในห้องตัวเอง ชั่งใจนิดหน่อยก่อนที่จะตัดสินใจโทรหารุ่นพี่ที่เคารพคนหนึ่ง
ไม่นานนักไอ้เฮียก็รับสาย
เฮียที่ผมเคารพรักคนนี้ชื่อเฮียเจ๋ง ชื่อก็โหลๆ ทั่วๆ ไป แต่เฮียเป็นคนที่ใจมาใจกลับ ผมสนิทกันมานาน ผ่านไรกันมาเยอะ แน่นอนว่ากุมความลับกันไว้เยอะเลยยังเลิกคบกันไม่ได้ ด้วยนิสัยคล้ายๆ กันแล้วก็ชอบอะไรเหมือนๆ กัน แถมยังตัดสินใจอะไรรวดเร็วเหมือนกัน เรียกว่าเคารพยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ
[โทรมาทำห่าไรเวลานี้วะไอ้หลาม เช้าเหี้ยๆ]
“เรื่องสำคัญว่ะเฮีย”
[เออ ทำเสียงหงอยมาเชียวนะมึง ว่ามา]
“เอาจริงนะเฮีย” ผมทำน้ำเสียงจริงจัง ถ้าเป็นเรื่องนิ้งผมไม่เคยเล่นอะไรทั้งนั้น “เฮียว่าผู้หญิงแม่งชอบผู้ชายแบบไหนวะ ที่เข้ามาจีบอ่ะ”
[ถามงี้มึงไปจีบใครมาอีกล่ะ] ผมถอนหายใจหนัก เฮียแม่งพูดเหมือนผมไปจีบผู้หญิงมามากมาย ทั้งๆ ที่ในชีวิตนี้ผมมีแฟนแค่ไม่กี่คนเอง แล้วก็ไม่เคยจีบใครจริงจังเท่าคะนิ้งด้วย
“เด็กมหาลัย XX ใกล้วิทยาลัยเรา ที่เฮียชมว่ามีแต่คนแจ่มๆ บ่อยๆ ไง”
[นั่นไง กูบอกแล้วว่าที่นี่มีดี] ผมได้ยินเสียงเฮียหัวเราะ จำได้อยู่ว่าเฮียมันเคยแนะนำเด็กมหาลัยนี้สมัยผมยัง ปวช. ปีสอง ผมไม่เคยสนเพราะช่วงนั้นหลงสาวเทคนิกเครือเดียวกันจนโงหัวไม่ขึ้น จนวันนี้ได้ประสบพบเจอ
ยังไงน้องนิ้งของผมก็แม่งที่สุดแล้วอ่ะ ไม่อยากมองใครแล้ว
“เออเฮีย บอกกูหน่อย” ผมเร่ง อยากรู้จะตายแล้ว จะได้มีวิธีอื่นมาจีบเธอเผื่อใจร้อนแบบนี้ไม่ได้ผลไง “ผมแม่งอยากได้เค้าเป็นแฟนชิบหาย จะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย”
[เออ กูเข้าใจ แต่อย่ารีบ ผู้หญิงไม่ชอบให้ผู้ชายเร่ง] เฮียผมปรามขึ้นมา แล้วผมก็นิ่งไป [เอาจริงๆ กูว่าผู้หญิงแพ้พวกสุภาพบุรุษว่ะ แบบพูดเพราะๆ อบอุ่นกับเขาไรงี้]
พูดเพราะๆ แล้วก็อบอุ่นด้วยเหรอวะ?
แม่งเอ้ย ไม่ใช่ตัวกูเลย
“ไม่มีแบบอื่นเหรอวะเฮีย” ผมตีหน้าเซ็ง “แล้วถ้าผู้หญิงแม่งชอบแต่แนวนั้น ทำไมเมียเฮียถึงมาคบกับเฮียวะ”
[ไอ้เวร กูก็มีดีไง]
“มึงแม่งไม่มีประโยชน์กับกูเลย”
[ว่าไงนะ มึง...!]
ติ๊ด
ผมกดตัดสาย ก่อนที่จะนั่งลูบคางครุ่นคิดอย่างหนัก
“พูดเพราะๆ เหรอวะ” ผมพึมพำ แล้วเดินอาดๆ ไปยืนหน้ากระจกเกือบเท่าตัวที่อยู่หน้าห้องครัว แล้วฉีกยิ้มเหมือนมันเป็นคะนิ้ง “ดีครับนิ้ง”
ผมรู้สึกอยากจะอ้วกว่ะ
แต่เพื่อนิ้ง
“วันนี้ก็สวยอีกแล้วนะครับ อยากฟัด... เฮ้ย ไม่ได้ดิ” ผมขยี้หัวตัวเอง แล้วเปลี่ยนคำใหม่ “อยากพาไปดูหนังจัง”
ดูหนังเหรอ? เชยชิบหายเลยว่ะ นั่นมันเก่าแล้ว
“อยากพาเธอไปดูมวยคู่เอกวันพรุ่งนี้อ่ะ สนุกนะ นิ้งต้องลองดูสักแมทซ์”
อันนี้ก็กิจกรรมแมนๆ คุยกันไปอีก ผู้หญิงที่ไหนเขาดูมวยบ้างวะ!
เออ แต่ก็ไม่แน่ แต่สำหรับนิ้ง ใสๆ อย่างนั้นคงไม่มีโมเม้นต์นี้แน่ๆ
“ดูมายลิตเติ้ลโพนี่ห้องเรามั้ย ห้องเรามีเน็ตฟลิกซ์ ดูได้”
ก็เหี้ยล่ะ
“ทำไมไม่ได้เรื่องสักอย่างเลยวะ” ผมเกาท้ายทอยตัวเองอย่างหัวเสีย แล้วเดินไปดูนาฬิกา ตอนนี้สิบโมงกว่าๆ ล่ะ ผมไม่รู้ว่าวันนี้นิ้งมีเรียนตอนไหน ไม่รู้อะไรสักอย่างเลยว่ะ ไม่ได้ถาม แล้วเธอก็ไม่คิดที่จะบอกด้วย แล้วอย่างงี้จะได้เจอกันมั้ยวะเนี่ยวันนี้
ผมทำหน้าตาเบื่อโลกแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ไอ้เดี่ยวยังนอนคว่ำหน้ากรนสนั่นโลกอยู่ นอนหรือตายก็ไม่รู้แม่ง แต่ผมรีบอาบน้ำแล้วรีบออกดีกว่า จะได้มีเวลากินข้าวแล้วไปดักรอว่าที่แฟนในอนาคต จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ช่างเหอะ ผมก็แค่อยากไปรอเธอ ถึงเธอไม่มีเรียนเวลานั้นผมค่อยไปรอใต้หอเธอก็ได้ (ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นหอหญิงใกล้มหาลัย ที่มีป้ายรถสองแถวอยู่ติดถนน)
เผื่อตัวผู้แถวๆ นั้นจะได้รู้ด้วยไง ว่าคะนิ้งอ่ะ ผมจองแล้ว
[จบพาร์ท : ฉลามดุ]
“เราจะมั่นใจได้ยังไง... ว่าเราจะไม่ร้องไห้เพราะฉลามอีกอ่ะ?” เพราะฉันใจอ่อนง่ายทุกครั้งพอเป็นเขา ทะเลาะกันหนักๆ ฉลามก็แค่เดินมาพูดอะไรสักอย่าง จนฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยแสดงออกมาจริงๆ เลยว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิม “... เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น”“...”“ฮึก... ฉลามจะให้เราเชื่อได้จากตรงไหนเหรอ” สุดท้ายฉันก็แพ้ให้ความอ่อนแอขี้แยของตัวเอง ฉันร้องไห้ออกมาตรงนั้นเพราะเจ็บจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว น้ำตาบังฉันจนมองไม่ออกว่าฉลามกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่“ไปคุยที่รถได้มั้ยวะ”ฉันได้ยินเสียงเขาตอบกลับมา ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกเขาจูงให้เดินตามไปด้วยกัน ฉันสะอื้นออกมาตอนที่ถูกใส่หมวกกันน็อคแล้วติดที่ล็อคตรงใต้คางให้ แล้วฉลามก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ของเขา“ระ... เราไม่กลับกับฉลามนะ ไม่เอา” ฉันพูดทั้งน้ำตา แล้วเขาก็จ้องหน้าฉันนิ่ง ตอนแรกฉันก็คิดว่าฉลามจะขับรถออกไปเลย ไม่ก็ว่าฉันว่างี่เง่า ดื้อ เป็นผู้หญิงน่ารำคาญ แต่ต่อมาทั้งตัวของฉันก็ถูกเขาดึงเข้ามากอดไว้“กลับเหอะ” เขากระซิบเสียงหนักข้างหูฉันที่เบิกตาโต แล้วกอดฉันแน่นขึ้น“...”“มีเรื่องจะคุย”สุดท้ายฉันก็นั่งรถไปกับเขา
[... โห ปกติพี่บอกรักนิ้งยังงี้เลยเหรอ]ผมนิ่งไปหลังจากที่พูดกับนิ้งไปตรงๆ แล้วเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่นิ้งแต่เป็นส้ม“นิ้งไม่อยู่เหรอวะ” ผมถามตรงประเด็นทันที แล้วปลายสายก็ตอบกลับมา[ใช่ค่ะพี่ วันนี้ส้มหยุดอ่ะเลยได้นอนอยู่ที่ห้อง นิ้งเค้าไปเรียน สงสัยจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง]“...”[ว่าแต่นี่พี่โทรมาง้อนิ้งเหรอ ดีแล้วแหละ]“แล้วนิ้งยังอยู่นั่นปะ เลิกกี่โมง? วันนี้เรียนวิชาไร?” ผมไม่สนเรื่องยิบย่อยแล้วถามกลับไป ส้มเงียบไป ส่วนผมก็ร้อนใจแทบบ้า จนเธอตอบกลับมา[น่าจะใกล้เลิกแล้วอ่ะพี่ วันนี้เรียนวิชาเดียว] เธอบอก แล้วผมก็ทำท่าจะกดตัดสายแล้วใส่กางเกงจะได้ไปรับเธอที่มหาลัยก่อนที่เธอจะกลับไปก่อน ผมกลัวว่าจะไม่ทัน [แต่พี่หลาม ส้มมีอะไรจะบอกแหละ]“ไว้วันหลังได้ปะ พี่รีบว่ะ”[แต่เป็นเรื่องนิ้งนะ พี่หลามไม่ฟังหน่อยเหรอ] ผมนิ่งไป แล้วรูดซิปกางเกงขึ้น“งั้นพูดมา”[ถ้าพี่หลามจะไปง้อนิ้งรอบนี้อ่ะ ส้มว่าต้องมีแต่ใจล้วนๆ เลยอ่ะ]“...”[นิ้งอ่ะน้อยใจพี่มากเลย ส้มก็ไม่ได้จะบอกว่าพี่ผิดฝ่ายเดียวหรอกนะ ส้มรู้ว่าบางทีคนเป็นแฟนกันก็ชอบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล] ผมยืนฟังที่เธอพูดเงียบๆ [ส้มรู้ว่าพี่หลามรักนิ้งมาก
“มึงรู้ปะเจ๊” ผมกระดกแก้วที่สามรวดเดียวแล้วเอียงหน้าไปคุยกับมัน “ตั้งแต่เกิดมา กู... ไม่เคยเจ็บเหี้ยๆ ขนาดนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยว่ะ”“เฮ้ย อีหลาม มึงเมายังวะเนี่ย” เจ๊ตบหน้าผม แล้วผมก็ปัดมือมันออก“กูไม่เมา” ผมพูดตรงๆ มันแค่มึนๆ แต่ที่ผมพูดเพราะแม่งเฮิร์ท “กูเจ็บตั้งแต่คำที่เค้าบอกว่ากูไม่เคยเข้าใจเค้า กูเอาแต่ใจ ชอบพูดเหี้ยๆ กับเค้า”“...”“แม่งก็จริงว่ะ กูแม่งเหี้ยแบบนั้นแหละ ผู้หญิงมันเลยชอบทิ้งกูไปไง” ผมพูดแล้วแค่นหัวเราะ “แล้วเดี๋ยวกูก็จะถูกนิ้งทิ้งอีก กูแม่งทำห่าไรก็ล้มเหลวไปหมด”“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องจะทิ้งมึง?”“กูแค่คิด ใครแม่งจะทนกับคนอย่างกูวะ”“โอ้ย อีหลาม มึงคิดว่าน้องเค้าเป็นคนแบบอีพวกนั้นรึไงวะ มีสติหน่อย สมองมึงรวนแล้วเหรอ”เจ๊พูดแล้วตบหน้าผมซ้ำอีกให้ตื่น แต่แม่งหยุดไม่ได้แล้วว่ะ ผมกดดัน ผมไม่รู้ว่าต้องทำไง ผมคิดเรื่องเธอในหัวเยอะมาก ที่ผ่านมาในหัวผมมีแต่เรื่องที่ผมเป็นคนแบบนี้แล้วกลัวนิ้งจะทนไม่ไหว ผมรู้ตัวเอง หลังจากทะเลาะตอนนั้นผมก็อยากดีกว่านี้ แต่แม่ง...“คงงั้นมั้ง” ผมตอบลอยๆ แล้วหัวเราะส่งๆ“อีหลาม มึงฟังกูนะ เรื่องพวกนี้มันต้องคุย มึงมานั่งคิดว่าเค้ามองมึงแบบนั
ทันทีที่ฉันพูดจบประโยคนั้น ฉลามก็เงียบไป เขาเงียบไปนานมากจนฉันใจโหวงๆ ฉันถือสายรอเขาตอบกลับมาอยู่แบบนั้นสักพัก ใจเต้นรัวไปหมดเพราะอยากรู้ว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา จนสุดท้าย...[โอเค เข้าใจล่ะ] ฉันสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่จู่ๆ เขาก็สวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแปลกๆ [เราแม่งเหี้ยเองว่ะ]“...”[ถ้านิ้งไม่อยากให้เราขับตามเราไม่ไปก็ได้]“...”[แค่นี้นะ]ติ๊ดฉันชะงักไปเมื่อเขาตัดสายฉันทันทีที่พูดจบประโยคนั้น ใจฉันหายวูบไปเลย แล้วมันก็เป็นแบบนั้นไปตลอดทาง... หรือมันจะถึงทางตันแล้วนะผ่านมาสองวันได้แล้วหลังจากนั้น... เราแทบไม่เจอหน้ากันเลยฉันกลับมาถึงห้องกับส้มหวานอย่างปลอดภัยจนถึงเช้าวันต่อมา ฉลามไม่โทรมาหา เขากลับมารึยังฉันก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากนี้เราทั้งคู่จะยังเหมือนเดิมอยู่มั้ย ก่อนจะวางสายไปเสียงเขานิ่งมากจนผิดปกติเลย ตอนไปมหาลัยส้มก็ไปส่งเราเลยยิ่งไม่ได้เจอกันเข้าไปใหญ่แต่ฉันรู้แค่ว่าเขากลับมาทำงานแล้วหลังจากที่ได้โทรคุยกับพี่เพทายนั่นล่ะ[อีหลามอ่ะนะ? ก็มาทำงานปกตินี่ ช่วงนี้มันก็อยู่ไม่นานด้วย มันไปสมัครงานเพิ่ม] ฉันนิ่งไปนิดหน่อยตอนที่พี่เพทายอธิบายมาแบบนั้นหลังจากที่เธอโทรม
“ฉะ... ฉลามใจเย็นก่อนได้มั้ย” ฉันแทรกขึ้นมา แล้วเม้มริมฝีปากแน่น “เราไม่ได้อยู่ในรถผู้ชายคนไหนหรอก เรากลับกับส้ม เค้าเป็นเพื่อนส้ม”[...]“แล้วที่เราต้องกลับแบบนี้เพราะเราทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ ฉลามก็ไล่เราด้วย... เราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำไมอ่ะ”[ก็นิ้งจะไปเองปะ?]“อื้อ... ใช่ เราจะไปเองแหละ เพราะงั้นเราก็จะไปจริงๆ แล้ว” ฉันโพล่งขึ้นมาเพราะเห็นว่าฉลามเองก็ไม่ใจเย็นที่จะคุยกับฉันเลย ฉันเองที่พยายามจะเย็นในตอนแรกๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน[ก็บอกว่าให้มันวนรถกลับมาไง]“เราเลยมาแล้วนะ วนกลับไม่ได้หรอก”[นิ้ง กลับมา]“...”[ได้ยินมั้ยวะ บอกให้กลับมาไง]ใจฉันวูบไป ความรู้สึกน้อยใจตีตื้นขึ้นมา เพราะฉลามไม่เคยฟังฉันเลย จะเอาแต่ใจตัวเองอยู่อย่างเดียว เขาบังคับให้ฉันทำนู่นทำนี่ตามใจเขา บอกให้ฉันเข้าใจเขา แต่พอถึงทีฉันบ้าง เขากลับไม่เคยเข้าใจอะไรเลย“... ฉลามเห็นเราเป็นอะไรเหรอ?” ฉันโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไล่เรากลับ พอเราจะกลับจริงๆ ก็มารั้งเรา... ก่อนหน้านี้ก็อยากให้เรากลับไม่ใช่เหรอ”[ก็มันแม่ง...]“หลายครั้งแล้วนะที่เรายอมลงให้ฉลามตลอด เวลาฉลามหงุดหงิดใส่เราก็พยายามอดทน... เราก็แค่ไม่อยากเลิก อยากอ
[SALAMDU : SIDE]“ทำไมไม่รับสายวะ”ผมพึมพำอย่างหงุดหงิดตอนที่กดโทรศัพท์เข้าเบอร์นิ้งจนจะสามสิบสายได้แล้ว แต่เธอก็ไม่รับ ผมกดตัดสายแล้วโทรออกอยู่ซ้ำๆ ตอนที่พิงรถอยู่ด้านนอกแล้วจุดบุหรี่สูบ พ่นควันออกมาตอนที่เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ผมเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดูดมวนบุหรี่อัดควันเข้าปอดตอนที่กดโทรหาเธออีกพอเธอตัดสายไปอีกผมก็พ่นควันบุหรี่ออกมาแรงๆ อย่างขัดใจ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วเปิดกระจกไว้จะได้ดูดบุหรี่ด้านนอก พร้อมกับขับวนหาเธอแถวๆ นั้นไปด้วยผมเห็นมีคนนั่งรถเข้ามา แต่เดินเข้าไปดูแล้วไม่ใช่ผมโทรไปหาไอ้โป้งให้บอกเบอร์โรงแรมห่านั่นให้ผมแล้วเพราะก่อนออกมาผมรีบจัดเลยลืมถามมา แล้วมันก็เป็นคนโทรจองให้ ก่อนหน้านั้นผมโทรถามเบอร์รถโรงแรมคันอื่นแล้วไล่โทรไปทุกสาย แต่มีสองเบอร์ที่โทรไม่ติด นอกนั้นก็ไม่ใช่ผมขับออกไปวนหานิ้งที่สถานีขนส่งไรนี่สองสามรอบได้ เพราะเธอเองก็ไม่น่าจะไปที่ไหนได้นอกจากที่นี่ ตอนนี้ก็อีกรอบ แต่พอไม่เจอผมก็จอดรถทิ้งไว้แถวๆ นั้นแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ เพราะผมไม่รู้จะทำไงพอบุหรี่มันหมดมวนผมก็ทิ้งลงพื้นแล้วใช้ส้นตีนขยี้ ก่อนที่จะหยิบมวนใหม่มาจุดสูบอีกเพราะผมเครียด เกือบจ