อุปมาดั่งแบกภูเขาเข้าไปในครก ศพของปิเก้อืดน้ำหรืออย่างไร เหตุไฉนถึงได้กดน้ำหนักใส่ไหล่ของเบอร์แบโต้จนแทบทรุดถึงเพียงนี้ หุ่นล่ำเนื้อตัวดำขลับของเขาถึงกับโซซัดโซเซ ปลายเท้ากวัดแกว่งย่ำไปกับแอ่งเลือดที่เจิ่งนองพื้นอย่างมั่วซั่วทิศทาง พลันผลักบานประตูออกมาจากห้องโถง ที่ใช้เป็นที่จัดงานกาล่าดินเนอร์ได้สำเร็จ
.
"ฮึบ!!!"
.
"ฮู่ววว.. หนักฉิบหาย ช่วยกันหน่อยสิพี่ปิเก้ ไม่งั้นคนอ่านเขาจะจำเราไม่ได้นะ"
.
"อย่าว่าแต่คนอ่านเลย ขนาดไอ้ไร้ท์เตอร์คนแต่งมันยังแว๊ปกลับไปอ่านเรื่องของเราใหม่ เพราะมันทิ้งเราไปนานจนประติดประต่อเรื่องราวไม่ถูก ทุเรศชะมัด"
.
"เพราะงั้นเราต้องไม่ยอมแพ้โว่ยพี่ พวกเราต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวประกอบ เราจะให้พี่เจฟเฟอร์เด่นหลาอยู่ในหน้ากระดาษเพียงคนเดียวไม่ได้ ถึงเวลาของพวกเราบ้างแล้ว อย่างน้อยถัดจากย่อหน้านี้ไป ก็คือเรื่องราวของผมล้วน ๆ "
.
"ห่ะ ๆ ๆ , ห่า ๆ ๆ , ห่า ๆ ๆ"
.
คนบ้าอะไรพูดได้แม้กระทั่งกับศพ ปิเก้ไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เขาถูกวางร่างอันไร้วิญญารลงบนสนามหญ้าหน้าอาคารเกิดเหตุ ต่อจากนั้นเบอร์แบโต้ก็เรียกฟังก์ชั่นในหน้าจอมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ออกมาใช้ ซึ่งแม้ว่าภายในจะมีออฟชั่นให้เลือกน้อยกว่าเจฟเฟอร์มาก ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นแค่สายลับฝึกงาน แต่สำหรับชุดคำสั่งพื้นฐานอย่างการเรียกยาน Gravity bike ออกมาใช้แล้วล่ะก็ ๆ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล
.
"ติ๊ด ๆ , ติ๊ด ๆ , ติ๊ด ๆ "
.
กรอกสายตาระบุพิกัดแล้วก็คีย์คำสั่งอีกเล็กน้อย ไม่ช้าไม่นานยานบินที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับสามล้อพ่วงข้าง ก็บินพุ่งขึ้นมาจากซอกตึกที่เจ้าตัวจอดซ่อนอำพรางไว้ มันลอยแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงสุด ลัดเลาะตรอกซอกซอยต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่ไม่มีคนขับคร่อมอยู่ด้านบน ก่อนจะแลนด์ดิงก์ลงตรงหน้าเฉียดหัวศพปิเก้ไปหน่อยเดียว มิหนำซ้ำยังพ่นฝุ่นและกลุ่มควันออกมาอีกเป็นพรวน
.
"โอเคพี่! ยานมาแล้ว เอาเป็นว่าผมจะส่งพี่ไปที่ตึก Parallel ก่อนนะ บอสจะว่ายังไง หมอยูมิโกะจะซ่อมพี่ได้รึเปล่าค่อยว่ากันอีกที.."
.
"ฮึบ!!!"
.
มัดกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งสอดซ้อนเข้าอุ้มร่างอันไร้ชีวิตพาดไปกับที่นั่ง ในเสี้ยวอึดใจหลังจากนั้นในทิศประจิมฝั่งตะวันตก รู้สึกว่าเบอร์โต้จะเริ่มได้ยินเสียงไซเรนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วก็แสงไฟสีน้ำเงินสลับแดง ที่หมุนติ้ว ๆ วูบวาบ ๆ ย้อมท้องฟ้ามาแต่ไกล
.
"ชิ.. ก็รู้อยู่หรอกว่าจะต้องแห่กันมา แต่ทำไมเร็วจัง เห็นทีงานนี้คงต้องรีบสักหน่อย!"
.
"พรืดดด~!"
เสียงปรับสายรัดให้กระชับศพปิเก้จนแน่น เขาเหลือเวลาไม่มากจึงต้องกระโจนข้ามฟากมาที่หน้าคอนโซนยาน Gravity งัดเอาแผงหน้าจอคำสั่งออกมา แล้วก็ติดต่อไปหา Admin แคทเธอรีนเป็นการด่วน เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเคสหาข่าวที่ผิดเพี้ยนไปจากภารกิจนี้ ให้เบื้องบนทราบ
.
.
/รับทราบแล้ว! ส่งพี่ปิเก้มาเลย! ทางนี้ฉันจะรับช่วงต่อเองนายก็ระวังตัวด้วยล่ะ/
.
"โอ๊ะ! น่ีเธอเป็นห่วงฉันด้วยเหรอยัยแคท?"
.
/เปล่าสักหน่อย! ฉันก็พูดแบบนี้กับพวกภาคสนามทุกคนแหละย่ะ! สำคัญตัว! เร็วเข้าอย่ามัวแต่ลีลาหมอยูมิโกะกับพวกนาริตะจัง ยิ่งไม่ค่อยชอบอยู่ที่ชั้น 4 ซะด้วย ฉันจะประสานให้พวกเขารอก่อน/
.
"อ่า.. รู้แล้ว ๆ จะส่งไปทันทีเลยเท่านี้นะ แล้วเจอกันแคท"
.
"ซู่.. ซ่าาา.. ซู่.. ซ่าาา~!"
.
สัญญาณภาพตัดหายไปในชั่วพริบตา ซึ่งหลังจากนั้นอีกราว ๆ 3 - 4 วินาทีต่อมา Gravity bike คู่ใจก็พุ่งตัวขึึ้นสู่ฟากฟ้าในแนวดิ่งราวกับจรวดปล่อยยานอะพอลโล่ เบอร์แบโต้ทำได้เพียงยืนมองมันด้วยความลุ้นระทึก เขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วเพราะหลังจากกดปุ่มปล่อยยานออกไป ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยประมวลผลของยานแล้วล่ะ ว่าจะส่งพี่ปิเก้ไปถึงออฟฟิศที่พรางตัวเป็นร้านขายดอกไม้ได้รึเปล่า
.
"คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง ในเมื่อเจ้านั่นน่ะคือนวัตกรรมที่เจ๋งที่สุดขององค์กรเชียวนะ"
.
พูดยังไม่ทันขาดคำจากตัวยานที่ลอยตรงขึ้นไปเป็นไม้บรรทัด พอโหลดข้อมูลระยะทางเสร็จ ก็ได้กลับตาลปัตรปักหัวลง! แล้วก็พุ่ง! จิ้ววว~! เป็นเสี้ยวของเส้นตรง เร็วจี๋อย่างกับสะเก็ดดาวหางจนลับขอบฟ้าไปในที่สุด
.
.
งุ้มคอลงมองตรงเสมือนคนปกติ แม้จะยินดีกับความสำเร็จของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของภาระงานที่รับปากกับเจฟเฟอร์ไว้เท่านั้น เบอร์แบโต้ยังมีงานที่ต้องทำอีกหนึ่งชิ้น นั่นก็คือ "การตามหาบุคคลลึกลับ ที่หนีรอดจากการสังหารหมู่ให้เจอ!"
.
เรียกได้ว่าจากหน้าที่ดำอยู่แล้วกลับขาวขึ้นเพราะความซีด ไอ้ประเด็นตรงนี้แหละที่ทำให้เบอร์แบโต้รู้สึกเป็นกังวลสุด ๆ ทักษะการแกะรอยแบบสายลับของเขานับว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับเจฟเฟอร์ เขาตรวจสถานที่เกิดเหตุไม่เป็น ดมกางเกงในเพื่อสร้างแผนที่ 3 มิติก็ไม่ได้ แม้แต่จะยิงเลเซอร์เพื่อ Drain เอาความคิดของเหยื่อก็เสือกยิงไม่แม่น แล้วอีหรอบนี้ภารกิจจะไม่ล่มเอาหรือ?
.
"ก็ไม่รู้สินะ! แต่ถึงผมทำไม่เป็นผมก็จะพยายาม ข้อดีของผมคือการเป็นคนไม่ยอมทิ้งโอกาส ในเมื่อหน้ากระดาษตรงนี้เป็นของผมแล้ว ผมจะปล่อยโอกาสในการแจ้งเกิดทิ้งไปได้ยังไง"
.
"ผมเป็นตัวของตัวเอง! ผมเป็นสายลับที่ไม่เหมือนใคร ถึงทักษะจะน้อยแต่่ผมก็มีวิธีการในแบบของผม คอยดูเถอะพี่เจฟเฟอร์อย่าหวังซะให้ยากว่าผมจะคืนเนื้อเรื่องหลักให้พีี่ง่าย ๆ หึ ๆ "
.
เบอร์แบโต้พูดปลุกใจตัวเอง โดยมีใจความเสียดแทงกระทบมาถึงตัวผู้เขียนเล็กน้อย เขาเริ่มต้นทำในสิ่งที่พูดด้วยการผละตัวออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด เนื่องจาก ณ ตอนนี้ดูเหมือนว่ากองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่ของอาคารไว้เกือบทั้งหมด รถตำรวจหลายสิบคันเปิดหวอส่งเสียงดังสนั่น ไฟจากสปอร์ตไลท์สาดเข้าใส่ที่เกิดเหตุ หน่วยพิสูจน์หลักฐานว่ิงพร่านกันให้ควั่ก จนเหมือนกับมีจราจลย่อย ๆ เกิดขึ้นตรงนี้ยังไงยังงั้น
.
"แหวะ! ช้าเป็นเต่าเลยอ่ะ! นี่เหรอการทำงานของตำรวจยอร์คชิน ทีม Parallel ของเรานำหน้าไปไกลแล้วครับคุณตำรวจ มัวแต่รำตวจอยู่แบบนี้ถึงเช้าก็ไม่เสร็จอ่ะบอกเลย.."
.
"แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณพวกคุณนะ ที่ทำให้ผมมองเห็นร่องรอยอะไรดี ๆ ผมคิดว่าบางทีการจะสืบหาตัวเจ้าคนที่กระเสือกสนหนีตายออกมาได้ คงต้องเริ่มจากรอยเลือดที่หยดเป็นทางอยู่ตรงหน้ารถตำรวจคันนี้นี่แหละ"
.
จะเรียกว่าโชคดีหรือบังเอิญก็ได้ ที่ไฟจากหน้ารถตำรวจคันหนึ่งส่องสว่างลงที่พื้นพอดี ในขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ต่างพากันสนใจแต่สภาพที่เกิดเหตุที่สุมทุมอย่างกับขุมนรก พื้นที่ตรงสนามหญ้าด้านนอกก็เลยถูกปล่อยโล่ง เปิดโอกาสให้เบอร์แบโต้ได้เคลื่อนตัวออกจากที่ซ่อน เขาทำการบิดหัวเข็มขัด เพื่อให้แผ่นเจลแปลงร่างกระเด้งออกมา ซึ่งก็แน่นอนว่าชุดที่เขาเลือกก็คือชุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมืองยอร์คชินนั่นเอง
.
"ว้าว! ทะมัดทะแมงดีเหมือนกันนะเนี่ยะ ดีล่ะเท่านี้ก็ทำงานได้ง่ายขึ้นแล้ว คราวนี้มาดูกันซิว่ารอยเลือดที่หยดเป็นทางของคุณ จะพาผมไปที่ไหน? คุณอยู่ที่ไหนกันครับ คุณเข็มกลัดควอทซ์ผู้รอดชีวิต!"
.
พฤติกรรมของเขาถือได้ว่าสวนทางกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ สัด ๆ เพราะแทนที่จะว่ิงเข้าหาที่เกิดเหตุ แต่เบอร์แบโต้กลับเดินห่างออกจากงานมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาสนใจเพียงแค่หยดเลือดนิด ๆ หน่อย ๆ ที่หยดทิ้งอยู่บนพื้น สีของมันเด่นชัดมากเพราะยังคงใหม่อยู่ ประกอบกับขนาดของเส้นรอบวงกับระยะห่างของการหยด ก็พอจะบ่งชี้ได้คร่าว ๆ ว่าบาดแผลคงไม่เข้าจุดสำคัญเท่าไหร่ มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เหยื่อรายนี้จะยังคงมีชีวิต
.
"Easy job ว่ะ! งานนี้ง่ายกว่าที่คิดแฮะ เราแม่งปอดแหกไปเองไม่เห็นต้องมีทักษะอะไรเลย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ล้ำสมัย ไม่ต้องใช้ไฟแบล็คไลท์ส่องหาปฏิกิริยาอะลูมินัลจากเลือดด้วยซ้ำ แค่เดินตามรอยไปเรื่อย ๆ ผมก็จะเจอคุณเอง คุณเข็มกลัดควอทซ์"
.
อารมณ์ดีจัดจนแทบจะผิวปากออกมาเป็นทำนองสุนทราภรณ์ แต่ทว่าผ่านจากหยดเลือดแรกตรงบริเวณหน้ารถไป หักเลี้ยวขวามาตามถนนเบอรีย์ซอย 14 ได้ระยะทางราว ๆ 30 เมตร เยื้องกันกับแยกไฟแดงที่เปลี่ยวเหงาผู้คน ณ ตรอกตรงนี้ ให้ตายเถอะ! หยดเลือดแห่งความหวังแม่งดันหายไปซะดื้อ ๆ !
.
"What the fuck! อะไรวะ!"
.
เบอร์แบโต้หน้าถอดสีซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม จากที่มองหาเลือดถึงตอนนี้ดันกลายเป็นเหงื่อจากใบหน้าของเขาแทน ที่หยดซึมลงมาเป็นน้ำ
.
"มันหายไปได้ยังไง? ไม่มี! ตรงนี้ก็ไม่มี! ตรงนั้นก็ไม่! ตรงโน้นด้วย! ไม่มี! ไม่มี! ไม่มี เหี้ยเอ๊ยยย! แม่งหายไหนฟะ!!!"
.
"หรือว่าแผลจะประสาน แล้วเลือดก็แห้งจนหายหยด?"
.
"พ่องมึงสิ! ไม่น่าใช่อ่ะ"
.
"หรือว่าฝนตก.. แล้วชะล้างทำลายหลักฐานไปแล้ว?"
.
"แม่งพระจันทร์ดวงเบ้อเริ่ม ฟ้าโคตรเปิด! คงไม่ใช่อยู่ดี โคตรแม่มเอ๊ย..ย..ย!"
.
ถึงกับทรุดตัวขัดสมาธิลงกับพื้นคอนกรีต ดูท่าสิ่งที่เบอร์แบโต้ทำจะเป็นการตั้งสติ แล้วก็รวบรวมสมาธิเพื่อให้ใจเย็นลง เขาพยายามมองทุกสิ่งอย่างรอบกายโดยการใช้หลักการและเหตุผล พลางรู้อยู่แก่ใจว่าในกรณีแบบนี้หากมีเจฟเฟอร์อยู่ด้วยล่ะก็ เพียงชั่วเคี้ยวหมากแหลกพี่แกก็คงจะคิดออก แต่ตอนนี้ไม่มีไง! นั่นแหละความจริง! ตนก็เลยต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างที่เห็น
.
หัวคิ้วย่นเข้าหากันพับบิดยู่ยี่ ขมับเต้นตุบ ๆ เส้นเลือดปูดโปน คิดหนักราวกับพลาดไปทำแม่ยายท้องก็มิปาน
.
"อืม.. อืม.. ม.. ม"
.
"อือ.. อ.. อ.. อ ยังไงดีวะ"
.
"ถ้าเป็นแบบนี้ก็คิดได้เพียงอย่างเดียว.. คือ"
.
"ต้องมีคนมารับมันไป! ใช่! ต้องใช่แน่ ๆ ! บางทีอาจจะใช้การบินขึ้นไปบนฟ้าหยดเลือดก็เลยหายไปจากพื้น หรือไม่ก็อาจจะมีรถมารับ ทำให้การตามรอยของเราขาดช่วง ชัวร์! กูมั่นใจมากอ่ะบอกตรง ๆ !"
.
เบอร์แบโต้ถึงกับสปริงตัวลุกขึ้นยืน เขากำหมัดชกกำปั้นทุบใส่อกตัวเองป๊าบ ๆ เพื่อเรียกความฮึกเหิม พลางวิทยุติดต่อไปหาแคทเธอรีนอย่างฉับไว เพื่อให้ช่วยลิงค์สัญญาณจากดาวเทียมคมนาคมขนส่งในเมืองยอร์คชินให้ เขาต้องการข้อมูลของยานพาหนะทุกคัน ทั้งบนดิน , ใต้ดิน , และภาคพื้น ในขอบเขตของบล็อคถนนเบอร์รีย์ซอย 14 จรดถนนอาคารจัดงานกาล่า แล้วก็ระบุขอบเขตของเวลาลงไปด้วย ให้อยู่ในช่วงก่อนเกิดเหตุ 10 นาที และหลังเกิดเหตุ 15 นาที
.
.
"คราวนี้ล่ะ..ไอ้ยานพาหนะลำไหนที่มันเคลื่อนที่อย่างผิดสังเกต พิรุธที่มันส่งกลิ่นออกมา เบอร์แบโต้คนนี้แหละจะตามไปขย้ำให้ถึงที่! คอยดูเถอะมึง!"
ไฟล์ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาเป็นสายน้ำ สายลับฝึกงานยืนเกร็งตัวสั่นสะท้านเพื่อแยกแยะแกมวิเคราะห์ ความที่ในตรอกหัวมุมถนนไร้เงาผู้คนก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ กระบวนการดังกล่าวได้ตัดขาดเบอร์แบโต้ออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เปลือกตาเขากะพริบขึ้นลงถี่รัว กล้ามเนื้อผิวหน้ากระตุกกึกกัก สะบัดเป็นพัก ๆ จนมีลักษณะคล้ายกับร่างทรงที่กำลังโดนผีสิง.ไม่มีใครสักคนที่จะช่วยเขาได้ ภาพและเสียงถาโถมลงมาจากดาวเทียมด้วยอัตราเร็วที่มากกว่าเนต 8G ถึง 8,000 เมกะบิต มันเร็วเกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับไหว หนังหัวสะดุ้ง เซลล์ประสาทแตกระแหง แกนสมองถ่ายโอนข้อมูลลงมายังม่านตา ก่อนที่ภาพสถานที่และเวลาจะปรากฏออกมาให้เห็นในหน้าจอมุมมองบุคคลที่หนึ่ง."เบาหน่อยแคท.. เบาหน่อย อ๊ากกก.. ก.. ก.. เส้นเลือดในสมองฉันจะแตกแล้ว!"เบอร์แบโต้บ่นอุบในใจเขายังคงกัดกรามแน่น พยายามกวาดสายตาหาจุดพิรุธทั้งหลายแหล่ ว่ามียานพาหนะลำไหนบ้างที่ผิดสังเกต.แต่จนแล้วจนรอดให้ตายเถอะ! เจ้าตัวกลับหาไม่เจอเลยสักคัน ข้อมูลจากดาวเทียมบ่งชี้ว่าพาหนะที่จดทะเบียน วิ่งเข้าออกตรงตามเวลาเป๊ะ ยานทุกลำรถทุกคัน ว่ิงตามเส้นทางที่ขออนุญาตกับกรมกา
อุปมาดั่งแบกภูเขาเข้าไปในครก ศพของปิเก้อืดน้ำหรืออย่างไร เหตุไฉนถึงได้กดน้ำหนักใส่ไหล่ของเบอร์แบโต้จนแทบทรุดถึงเพียงนี้ หุ่นล่ำเนื้อตัวดำขลับของเขาถึงกับโซซัดโซเซ ปลายเท้ากวัดแกว่งย่ำไปกับแอ่งเลือดที่เจิ่งนองพื้นอย่างมั่วซั่วทิศทาง พลันผลักบานประตูออกมาจากห้องโถง ที่ใช้เป็นที่จัดงานกาล่าดินเนอร์ได้สำเร็จ."ฮึบ!!!"."ฮู่ววว.. หนักฉิบหาย ช่วยกันหน่อยสิพี่ปิเก้ ไม่งั้นคนอ่านเขาจะจำเราไม่ได้นะ"."อย่าว่าแต่คนอ่านเลย ขนาดไอ้ไร้ท์เตอร์คนแต่งมันยังแว๊ปกลับไปอ่านเรื่องของเราใหม่ เพราะมันทิ้งเราไปนานจนประติดประต่อเรื่องราวไม่ถูก ทุเรศชะมัด"."เพราะงั้นเราต้องไม่ยอมแพ้โว่ยพี่ พวกเราต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวประกอบ เราจะให้พี่เจฟเฟอร์เด่นหลาอยู่ในหน้ากระดาษเพียงคนเดียวไม่ได้ ถึงเวลาของพวกเราบ้างแล้ว อย่างน้อยถัดจากย่อหน้านี้ไป ก็คือเรื่องราวของผมล้วน ๆ "."ห่ะ ๆ ๆ , ห่า ๆ ๆ , ห่า ๆ ๆ".คนบ้าอะไรพูดได้แม้กระทั่งกับศพ ปิเก้ไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เขาถูกวางร่างอันไร้วิญญารลงบนสนามหญ้าหน้าอาคารเกิดเหตุ ต่อจากนั้นเบอร์แบโต้ก็เรียกฟังก์ชั่นในหน้าจอมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ออ
คุณคิดว่า "ความรัก" คืออะไร บางคนว่าความรักคือการให้ บางคนว่าความรักคือสิ่งสวยงาม บ้างก็ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่ได้ทุกที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรือผู้ชาย จะชายกับชาย หรือว่าจะหญิงกับหญิง หรือแม้แต่ความรักที่มีต่อสัตว์ หึ ๆ ขอพูดตรง ๆ จากใจจริงตรงนี้เลยครับว่า "ความเงี่ยน" ก็เช่นกัน.แล้วคนที่น่าจะเข้าใจสิ่งนี้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเจฟเฟอร์ เคยได้ยินแต่คำว่ากล้วยหักมุก มาวันนี้เขาเข้าใจแล้วว่าอาการ "จู๋หำกุด" นั้นเป็นยังไง เริ่มจากวินาทีแรกที่พวกมันเริ่มโหยหากันและกัน เสียงครางแบบลากยาวตื๊ด ๆ เมื่อครู่อยู่ห่างจากเขาไปทางขวามือราว 30 เมตร มันเป็นเสียงของซอมบี้โรบอทตัวเมีย ที่โดนจับแหกขาฉีกเป็นตัว V แล้วก็ถูกจับทุ่มลงกับพื้น!.ในชั่วขณะจิตนางถูกซอมบี้เพศผู้มากกว่า 10 ตัวรุมขย้ำ! ตัวที่ไวสุดสัปทานพื้นที่ตรงกลางโดยการเล่นงานที่ร่องหี เจฟเฟอร์เห็นกับตาตัวเองถึงแท่งควยสีเงินแพลตตินั่ม อันเงางามวาววับ ชักออกมาทีเรียกได้ว่าเรืองแสงขาวโอโม่ ไฮโซผิดกับชิ้นส่วนของตัวอื่นลิบลับ ดูท่ามันคงจะเป็นโรบอทผู้มีอันจะกินกระมัง เพราะจังหวะที่มันเสียบเข้าใส่โพรงหีตัวเมียไปน
ตอนแรกก็นึกว่าตัวเองนั้น "ฝันเปียก" แต่พอนึกได้ว่าตนเองเป็นผู้หญิงเลยคิดว่าคงจะ "ฝันไป" องค์หญิงนาตาชาคลึงฝ่ามือลงบนหน้าผากตัวเองทันที หลังจากคลับคล้ายว่าก่อนหน้านี้เหมือนมีอะไรร้อน ๆ พุ่งเข้ามาเสียบ."อูยยย~ นี่ไงเปียกจริง ๆ ด้วยใครว่าเราฝัน เหงื่อเต็มหัวไปหมดเลยเนี่ยะว่าแต่เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เราควรจะอยู่ที่ห้องโถงในงานกาล่าดินเนอร์ไม่ใช่เหรอ?".หงายฝ่ามือขึ้นดูพลางเช็ดเม็ดเหงื่อใสแจ๋วเข้ากับชายเสื้อปื้ด ๆ."เสื้อผ้าเราก็ไม่ใช่ชุดนี้ เราต้องแต่งตัวมิดชิดกว่านี้สิ อะไรกันนี่แฟชั่นหรือเข่งใส่เงาะเป็นลงเป็นรูไปหมดเลย!?".หญิงสาวผู้มีดวงหน้าคล้าย เทลเลอร์ สวิฟต์ ตกอยู่ในอาการที่สับสนเป็นอย่างหนัก ดูเหมือนว่าเธอจะจำเหตุการณ์อนาจารที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้เลยสักอย่าง ซิลิโคลนดิจิตอลในหน้าอกแฟบลงจนลดไซต์จาก D - 38 เหลือคัพ B - 32 กลีบหีที่เคยอ้ากว้างก็หุบกระชับรัดติ้วเป็นหอยแครง ที่ตะแคงตัวอยู่ในตลับ แม้แต่เลือดก็ยังหยุดไหลแผลฉกรรจ์ที่ถูกซอมบี้โรบอทฝากไว้ ตกสะเก็ดแห้งอย่างฉับไว ทั้งที่คนทำเป็นใครเจ้าหล่อนก็ยังไม่รู้."เอ.. แล้วอีหรอบนี้เราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ ไม่มีอุปกรณ์ให้ติดต่อ
"นี่อย่าบอกนะว่าพวกแกทำสิ่งเหล่านี้กับฉันมาตลอด!".ดวงตาถมึงทึงเบิกโพลงกว้าง หลังจากได้เห็นกับตาตัวเองว่าพวกโรบอทมันคิดอะไรกับเธอ ก้อนความคิดบุ๋ง ๆ ที่ลอยผุดออกมาจากหัวหุ่นยนต์กำลังเล่าทุกสิ่งทุกอย่างแทนเจ้านายของมันที่แน่นิ่งเป็นเศษเหล็ก ไล่เรียงมาตั้งแต่ประวัติความเป็นมา การได้อยู่เป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมนุษย์ก่อนช่วงสงครามจนกระทั่งถูกนำมาทิ้ง แล้วก็นำมาสู่ชีวิตอันแสนยากลำบากบนกองขยะ.ให้ตายเถอะ! ถ้าไม่ใช่สารคดีวงเวียนชีวิต ก็คือรายการสกู๊ปชีวิต ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ดี ๆ นี่เอง มันชวนให้อยากจะฆ่าตัวตาย ทั้งที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งภาพฉายในก้อนความคิดดำเนินไปถึงตอนที่พวกมันพบกับเธอ องค์หญิงถึงเริ่มนึกออกว่าเธอไม่ได้มาทอดผ้าป่าจะไปมีเมตตากับพวกมันไปทำไม."ดูสิ่งที่มันทำกับเราสิ มันแอบแสกนเรือนร่างเรา อย่างกับเห็นเราเป็นสิ่งของ"."เสื้อผ้าที่สู้อุตส่าห์ใส่มาปกปิดได้ก็แค่ฝุ่น มันเล็งซิลิโคลนดิจิตอลของเราไว้ตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ยะ น่าอายที่สุด"หล่อนพูดพลางเอื้อมมือลงไปคว้าเอาเศษผ้ามากดห้ามเลือดบริเวณหน้าอก ด้วยกระแสเวลาที่ผันผ่าน ยิ่งภาพในก้อนความ
หน้าอกจุกเสียดแน่นท้องหายใจก็ไม่ค่อยจะออก อย่าว่าแต่การเค้นพลังลมปราณจากอวัยวะสืบพันธุ์เลย โดนสิบล้อทับทั้งคันอยู่แบบนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด เขาเจ็บแค่ไหนนาตาชาเจ็บกว่า เขาดิ้นทุรนทุรายนาตาชาชักเกร็งจะเป็นจะตายเหมือนจะขาดใจตายอยู่รอน ๆ.ร่างกายเธอกำลังขาดเลือด อาการที่เห็นคือสภาวะช็อคอันเกิดจากการมีปัญหาที่ระดับความดันโลหิต เมื่อรวมเข้ากับน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาของโรบอทซอมบี้แล้วไซร้ อะไรต่อมิอะไรจึงดำเนินไปในแง่ลบ เธอได้ตายจริง ๆ แน่หากบุรุษหนุ่มผู้จมอยู่ใต้ดอกยางไม่ตระหง่านออกมาช่วย."อั๊ก.. อ๊ะ.. อั๊ก.. ก.. ก.. ฮึบ! ดีนะที่แขนยังพอขยับได้อยู่".เจฟเฟอร์พยายามอย่างสุดกำลังรวบรวมพลังไว้ที่ปลายนิ้ว เรียกได้ว่าเค้นออกมาทุกหยดจะลมตดหรือติ่งเล็บตีน ขอแค่เปลี่ยนเป็น Energy ได้เขาไม่เกี่ยง หน้าจอในมุมมองบุคคลที่หนึ่งมองเห็นเคอร์เซอร์วิ่งติ๊ก ๆ ๆ พลันล็อคเป้าหมายไว้ที่โรบอทซอมบี้ตัวที่กำลังง้างกงเล็บ เตรียมจะฟาดฟันใส่องค์หญิง."งับ!"."โอ๊ย! ไอ้เหี๊ยะเอ๊ย! ขากู! ยิ่งเพิ่งต่อมาใหม่ ๆ อยู่ พวกมึงก็ให้เวลากูหน่อยเป็นไร อ๊ากกก! เจ็บ ๆ เจ็บโว๊ย! อูยยย~!".โดยไม่ทันระวังตัว เพราะในระห