บทที่ 6
สมเด็จเจ้าฟ้าชายโน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาและแข็งแรงตะปบลงบนทรวงอกใหญ่ราวกับต้องการครอบครองทุกอย่าง บีบขย้ำด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก
ใบหน้าของเจ้าหญิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดผสมความตกใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างตะกละตะกลาม การดูดดึงนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความกระหาย เหมือนเขาต้องการตอกย้ำความเหนือกว่าของตนในทุกการกระทำ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
ขณะเดียวกัน สะโพกสอบของสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ขยับเข้าใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและไร้ความปรานี เจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้ไร้ทางสู้ ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
น้ำตาใสไหลอาบแก้มซีดขาวราวกับหยดน้ำแข็งที่ละลาย เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความทรมานในหัวใจและร่างกาย แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำเกินบรรยายกดทับเธอไว้จนรู้สึกราวกับถูกพันธนาการอยู่ในกรงที่ไร้ทางหลบหนี
สมเด็จเจ้าฟ้าชายจัดแจงท่าทางให้เจ้าหญิงหันหลังให้ในท่าด๊อกกี้ มืออีกข้างบีบเอวคอดกิ่วแน่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่รัวๆ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
เจ้าหญิงแอนเจลีก้าที่ถูกผลักให้อยู่ในท่าที่ไร้หนทางหลีกหนี แผ่นหลังบางถูกมือหนากดให้โค้งลงจนเธออ่อนแรง ร่างกายของเธอหมดเรี่ยวแรงจะต้านทาน มือหนาของสมเด็จเจ้าฟ้าชายกระชากเส้นผมสีแดงส้มธรรมชาติของเธอรั้งขึ้นจนใบหน้าหวานเงยสูง
ส่งผลให้ความเจ็บแปลบกระจายไปทั่วศีรษะเหมือนโดนพันธนาการด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น อีกมือหนึ่งของเขาจับเอวคอดเล็กไว้แน่นมากขึ้น ตรึงเธอให้อยู่ในอำนาจของเขาโดยสิ้นเชิง
จากนั้นก็กระหน่ำไม่ยั้งแรง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและไร้ความปรานี ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกราวกับร่างกายของเธอถูกฉีกขาดออกจากกัน พลางน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและความอัปยศหลั่งรินอาบแก้มซีดขาวไม่หยุดหย่อน
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
เสียงกระแทกกายดังกึกก้อง แรงกระแทกกระทั้นที่รุนแรงส่งผลให้ร่างบางกระเด็นไปกระแทกกับพื้นหญ้าอย่างแรง
ความรุนแรงของสมเด็จเจ้าฟ้าชาย ทำเอาร่างบางบอบช้ำสั่นเทา เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาจากบาดแผลฉีกขาด หยดลงบนพื้นหญ้าสีเขียวเข้มเป็นทางยาว ราวกับดอกไม้สีแดงที่บานสะพรั่งอย่างน่าสยดสยอง
ทว่าแม้เลือดสีแดงสดจะหยดลงบนหญ้าอย่างต่อเนื่อง แต่สมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ไม่สนใจว่าเธอจะเป็นยังไง เขายังคงกระแทกต่อไป
ดวงตายังคงมองด้วยสายตาเย็นชา ไร้ซึ่งความปราณี ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ มีเพียงความพึงพอใจที่ปรากฏชัดในแววตา
“อ๊าสสสสสสสส!!”
พระองค์ทรงกระแทกกระทั้นเจ้าหญิงอย่างต่อเนื่องนับครึ่งชั่วโมงจนพอใจ แล้วจึงปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้าไปในช่องทางรัก
หลังจากนั้น พระองค์ทรงถอนตัวออกจากช่องทางรักที่บวมเป่ง บวมจนผิดรูป ราวกับลูกโป่งที่ถูกเป่าจนเกินลิมิต และคล้ายกับถูกฉีดฟิลเลอร์น้องสาวจนเกินลิมิต ซึ่งเป็นภาพที่ดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
เจ้าหญิงล้มลงกับพื้น ร่างกายกระตุกอย่างรุนแรง ช่องทางรักที่ฉีกขาดเยิ้มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นปนเปื้อนกับเลือดสีแดงสด
ภาพที่น่าสยดสยองนั้น ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายทรงอมยิ้มเย้ยหยัน ขยับตัวออกห่าง ก่อนจะทรงลุกขึ้นเพื่อแต่งกาย ทิ้งให้ร่างอ่อนแรงนอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางความสยดสยองนั้น
ความเจ็บปวดทั้งกายและใจถาโถมเข้ามาไม่หยุด น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบแก้มซีดของเธออย่างไร้เสียง ราวกับทุกสิ่งในตัวเธอถูกฉีกทึ้งจนไม่เหลือชิ้นดี หญ้าสีเขียวสดที่อยู่ใต้ร่างถูกย้อมด้วยร่องรอยของเลือดสีแดงเข้มที่หยดลงมาอย่างช้าๆ
สมเด็จเจ้าฟ้าชายเพียงแค่ยืนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน
ในขณะที่เจ้าหญิงพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเพื่อดึงตัวเองขึ้นมา แต่ร่างกายอ่อนแรงจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ทำให้น้ำตายิ่งไหลอาบแก้ม แต่ก็ไร้เสียงสะอื้น แต่ความทุกข์ทรมานในใจนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบรรยายได้
ความพยายามที่จะลุกขึ้นมาให้ได้ของเธอ ดึงดูดให้ สายตาของเจ้าฟ้าชายจับจ้อง ไม่ใช่การมองด้วยความเห็นใจ แต่ด้วยการเหยียดหยาม
ความสิ้นหวังทำให้เจ้าหญิงต้องกัดฟันแน่น พยายามซ่อนความอ่อนแอไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย แม้ว่าในใจของเธอจะพังทลายจนไม่เหลือชิ้นดี
เธอรีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่อย่างเร่งรีบ ดวงตาของเธอเหลือบไปเห็นเลือดของตัวเองบนพื้นหญ้า ก็สะดุ้งเบาๆ ด้วยความตกใจ เธอก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าที่เปรอะเปื้อนด้วยรอยเลือดอันเป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ที่สูญเสียไป
เสี้ยววินาทีนั้น หัวใจดวงน้อยเหมือนแตกสลายอีกครั้ง เธอรีบกอบโกยดินใกล้มือขึ้นมากลบคราบเลือดบนหญ้า พยายามอย่างสิ้นหวังที่จะซ่อนสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าการลบร่องรอยเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความอัปยศที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเธอได้
และนั่น ในสายตาของเจ้าฟ้าชาย เป็นการกระทำที่น่าขำสิ้นดี ดวงตาคมเข้มจ้องมองเธอด้วยแววตาเย้ยหยันมากขึ้น ริมฝีปากแย้มยิ้มที่ไร้ซึ่งความสำนึกผิด ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกมสนุกเกมหนึ่งของพระองค์
“ลุกขึ้น” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่เจือความเย็นชา
“....” เจ้าหญิงยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พยายามที่จะปกปิดคราบเลือดของตัวเองอย่างน่าสงสาร
แต่สำหรับเจ้าฟ้าชาย มันน่าสมเพช ยิ่งเห็นเธอทำแบบนั้น เขาก็ยิ่งหงุดหงิด
“ลุกขึ้น” เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่งอีกครั้ง เสียงนั้นดังก้องกังวานในหูเจ้าหญิง มันคือเสียงที่บ่งบอกถึงขีดจำกัดความอดทนของเขา ซึ่งเจ้าหญิงรับรู้ได้ดี
เจ้าหญิงแอนเจลีก้าสะอึกสะอื้นเล็กน้อย แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง เธอกัดริมฝีปากจนเลือดซิบเพื่อระงับเสียงสะอื้น ก่อนจะเหลือบไปเห็นกระโปรงของตัวเองที่เปื้อนเลือด ก็ชะงักตกใจเบาๆ
มือบางทั้งสองรีบจับชายกระโปรงที่เปื้อนเลือด ฉีกส่วนที่เปื้อนเลือดออกโดยไม่ลังเล ก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“เป็นภาพที่น่าสนใจจริงๆ” เจ้าฟ้าชายเอ่ยอย่างเย้ยหยัน
“.....”
“ไม่โต้แย้ง ไม่ร้องขอ แต่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันควรจะชื่นชมความสง่างามของเธอ ด้วยการอภิเษกสมรสกับเธอ ดีหรือไม่?”