"ก่อปัญหาขนาดนั้นคิดว่าแด๊ดจะพาไปอีกเหรอ?" ไคโรพับหนังสือพิมพ์ที่นั่งอ่านระหว่างนั่งดื่มกาแฟก่อนไปทำงานตอนเช้าเช่นทุกวัน ทอดสายตามองลูกชายที่เดินลงจากชั้นสองด้วยชุดเชิ้ตขาวผูกหูกระต่ายและแบกกระเป๋าเป้สะพายหลังลงมาเรียบร้อย
"ผมจะไปหานาน่า ป้านิดเรนหิว" นิดหัวหน้าแม่บ้านผุดรอยยิ้มให้นายน้อยที่เถียงคนเป็นพ่อทันควัน ก่อนที่จะเดินไปเตรียมอาหารให้ตามคำสั่งของเจ้านายตัวน้อยอีกคน
"แด๊ดไม่อนุญาต ทานข้าวเสร็จธันวาจะไปส่งบ้านปู่" ชายหนุ่มว่าจบหมายจะลุกไปทำงาน แต่ประโยคที่ดังตามหลังมาทำเขาชะงักเท้าทันที
"ถ้าแด๊ดไม่ให้ผมไปด้วย ผมจะหาทางไปเอง"
"กล้าขู่แด๊ดเหรอไคเรน?" ไคโรหันกลับมามองคิ้วขมวด เขาทำเสียงเข้มดุทำเอาคนใจกล้าตอนแรกเริ่มหงอยลง แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือเพราะรับปากสาวไปแล้ว อย่างไรเขาก็จะไม่ยอมเป็นคนพลาดนัดนั้นเด็ดขาด
"ผมไม่ได้ขู่"
"ที่ลูกทำอยู่เขาเรียกว่าขู่"
"ผมสัญญาว่าจะไปหานาน่าวันนี้ ผมไม่อยากเป็นเด็กดื้อผิดสัญญา นาน่าไม่อยากเล่นกับเด็กดื้อ"
"เดี๋ยวนี้ลูกฟังคำสั่งของคนที่เจอแค่ไม่กี่นาทีมากกว่าแด๊ดแล้วเหรอ" กับเขาที่เป็นพ่อแท้ ๆ ไคเรนไม่เคยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
"ให้ผมไปด้วยนะแด๊ด ผมอยากไปเล่นกับนาน่า" ไคเรนกระพริบตาปริบ ๆ ขยับตัวลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปเขย่าแขนส่งสายตาให้คนเป็นพ่อ เป็นการอ้อนในแบบฉบับของเขาที่ทำเอา...
"อืม" ไคโรใจอ่อนหยวบทุกครั้ง
แม้ในบางครั้งเขาอาจจะดูเป็นพ่อที่ดุ โหดจนลูกกลัว แต่ในหลายครั้งเขาก็เป็นพ่อที่ตามใจลูก ให้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ ทำทุกอย่างเพื่อเขา ตอบแทนในส่วนที่เขาขาดหาย ไม่ให้เขารู้สึกขาด แม้จะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็ตาม
"เย้ ๆ" เด็กชายกระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่ ต่างจากไคโรที่เริ่มหนักใจทุกครั้งที่จะพาลูกชายไปสร้างความวุ่นวายใส่คนอื่น
"แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกสร้างเรื่องแด๊ดจะพากลับทันที เข้าใจไหม"
"เข้าใจ" เด็กน้อยยิ้มแฉ่งเห็นฟันเรียงครบซี่ ตอบกลับอย่างตื่นเต้นแล้วทานข้าวต้มอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"หางเสียงไปไหนไคเรน" แต่กับไคโรดันไม่ใช่ เขาขมวดคิ้วถามลูกชาย หลายครั้งที่เขาสอนแต่เด็กชายก็ไม่ยอมทำตาม
"ว้าว อาหารน่ากินจัง" และทำเป็นเมินบ่ายเบี่ยงทุกครั้งไป ทำเอาเขาปลงเริ่มปล่อยไปเลยตามเลย
...
...
"วันนี้มึงดูแลไคเรนให้ดี อย่าให้สร้างปัญหาให้คนอื่นอีก ไม่อย่างนั้นกูจะไม่ปล่อยมึงไปเหมือนครั้งก่อนอีก" ไคโรมองตามแผ่นหลังเล็กหลังจากที่มาถึงแผนกการทำงานของแผนกการตลาดที่เขามีนัดกับสาวสวย ถึงแล้วก็รีบวิ่งไปหาคนที่เขาตั้งใจอยากมาหาทันที ถึงจะรับปากเสียดิบดีแต่ไคโรก็ยังไม่มั่นใจจึงต้องส่งลูกน้องมือดีตามดูอยู่ห่าง ๆ อีกสักคน
"ครับนาย" ธันวารีบโค้งหัวน้อมรับคำสั่ง ก่อนที่จะวิ่งตามนายน้อยที่ขาสั้นแต่กลับวิ่งไวตามตัวแทบไม่ทัน
"นาน่า!" นานะตัวสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ ๆ ก็มีเด็กที่โผล่หน้าพ้นขอบโต๊ะที่เธอทำงานเพียงนิดเดียว แต่เมื่อเห็นเป็นไคเรนที่เจอหน้าเมื่อวานก็แปรเปลี่ยนมายกยิ้มแทน
"ผมมาหานาน่าตามสัญญาแล้ว" เขาเผยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไม่เคยรู้สึกทำอะไรสำเร็จได้เท่านี้มาก่อน
"เป็นเด็กดีจังเลยครับ แต่พี่ชื่อนานะไม่ใช่นาน่า" นานะพยายามพูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้รบกวนเวลาการทำงานของคนอื่น แต่เพราะเห็นว่าเป็นลูกท่านประธานและมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว พนักงานคนอื่น ๆ จึงไม่กล้าจะออกปากพูดอะไรสักคน
"ออกเสียงยากจัง ผมเรียกนาน่าได้ไหม"
"ได้ค่ะ พี่อนุญาตให้ไคเรนเรียกคนเดียวก็ได้"
"นาน่าทำอะไรอยู่เหรอ?" เด็กชายชะเง้อคอขึ้นมาดู ตื่นตาตื่นใจกับสีของภาพวาดในจอคอมของนานะที่เปิดค้างไว้
"ทำงานอยู่ค่ะ เราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ" เท่านั้นไคเรนก็ทำหน้าหงอยลง เขากลับมาโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อนเล่นอีกครั้ง
"แต่ผมอยากเล่นกับนาน่า นาน่าเล่นกับผมได้ไหม"
"พี่ก็อยากเล่นด้วยนะครับ แต่ตอนนี้พี่ต้องทำงานแล้วสิ" นานะเองก็ยู่หน้าตาม เธอเป็นประเภทชอบเด็กอยู่แล้ว แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ อย่างไรก็ต้องเลือกสิ่งที่ต้องทำมากกว่าสิ่งที่อยากทำ
"นานะถ่ายเอกสาร...อ้าว คะ คุณหนูไคเรน" หัวหน้างานที่เพิ่งมาใหม่ยื่นมือส่งเอกสารหมายจะใช้เด็กฝึกงานถ่ายเอกสารเช่นทุกวัน ทว่าสายตาที่พลันเห็นลูกชายท่านประธานก็รีบรวบมือเก็บไว้แทบไม่ทัน
"ถ่ายเอกสารใช่ไหมคะ?" นานะรีบหยัดตัวยืนขึ้น ก่อนที่จะยื่นมือไปรับเอกสารจากมือเจ้านายแต่มือเล็กของเด็กน้อยตรงหน้ากลับเอื้อมมือไปจับมือเธอแทน
"เอ่อ...คือพอดีว่า" หญิงสาวจะรีบอธิบายหัวหน้างาน แต่เพราะหัวหน้าที่ส่ายหัวปฏิเสธเธอจึงเงียบลง จนอีกคนย่อตัวไปคุยกับเด็กชายเอง
"ไปเล่นกับพี่แก้วในห้องไหม ในห้องพี่แก้วมีของเล่นด้วยนะ"
"ไม่...ผมอยากเล่นกับนาน่า" ไคเรนรีบปฏิเสธทันควัน ถ้าเขาชอบอะไรแล้วแน่นอนว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ
"แต่ห้องพี่แก้วกว้างมากเลยนะ..."
"ไม่!" คราวนี้คนตัวเล็กเริ่มขึ้นเสียง จ้องมองสายตาเริ่มไม่พอใจจนอีกฝ่ายหน้าถอดสี
"ไคเรนครับ ทำแบบนั้นไม่น่ารักเลยนะ" นานะที่ไม่สามารถปล่อยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้ได้รีบหลุบสายตาไปเตือน ใบหน้าสวยนิ่งขึ้นเพื่อจะพยายามให้เขาเห็นว่าตอนดุกับตอนใจดีนั้นไม่เหมือนกัน
"ผมไม่อยากไปกับคนนี้" ไคเรนเงยหน้ามอง ต่อว่าแล้วชี้นิ้วใส่หัวหน้างานของเธอ
"ไม่เป็นไรนานะ น้องคงไม่อยากเล่นกับพี่" คนย่อตัวกลับมายืนในท่าเดิม หัวเราะแห้ง ๆ แก้อาการเก้อเขินที่ถูกเด็กปฏิเสธต่อหน้าพนักงานอีกหลายคน
"ไคเรนขอโทษพี่เขาสิคะ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบเด็กดื้อ" เธอไม่สามารถยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะเป็นลูกท่านประธานที่เสี่ยงจะถูกบอกข่าวจนโดนไล่ออก เธอก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ
"ขอโทษ" แต่สุดท้ายไคเรนก็ยอมทำตาม จ้องคนตรงหน้าหน้าหงอยลงแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเธอ
"พนมมือแล้วพูดขอโทษมีหางเสียงด้วยค่ะ" แต่แค่นั้นก็ยังไม่พอใจเธอ
"ขอโทษครับ" และเช่นเคยที่ทายาทของตระกูลดังยอมทำตามอย่างว่าง่ายอีกครั้ง
ธันวาที่มองอยู่ห่าง ๆ ถึงกับชะงักตามไปด้วย ทั้งที่เขาอยู่กับนายน้อยที่เลี้ยงมาทั้งชีวิตของเขา ไม่เคยยักจะเห็นเขาทำตามคำสั่งใครง่ายขนาดนี้มาก่อน แม้กระทั่งกับคนเป็นเจ้านายหรือพ่อแท้ ๆ ของเขา ในบางครั้งก็ยังเอาไม่อยู่ ดื้อรั้นกว่านี้หลายเท่าตัว
"ถ้าอย่างนั้นวันนี้นานะเราดูแลคุณหนูไปเลยแล้วกันนะ" นานะชะงักกับคำสั่งของคนเป็นเหัวหน้าในแผนก
"แต่ว่างาน..."
"ไม่เป็นไรแก ฉันจัดการแทนเอง" นานะที่ยังพูดไม่จบก็ได้มะปรางเพื่อนสนิทที่มาจากมหา'ลัยจนฝึกงานด้วยกันรีบพูดแทรก
"งั้นก็เอาตามนี้นะ ฝากดูแลด้วยนะนานะ ทุกคนฝากความหวังกับเรานะ" หัวหน้างานว่าแล้วก็กดไหล่นานะเบา ๆ ก่อนที่เธอจะส่งสัญญาณให้นานะมองพนักงานคนอื่นรอบ ๆ ตัวจึงเห็นทุกคนต่างมองมาที่เธอเป็นตาเดียว สายตาเต็มไปด้วยความหวัง เพราะถ้าคุณหนูของพวกเขาดันไม่พอใจใครขึ้นมาแล้วก่อเหตุขึ้นมาอีก หนึ่งในพวกเขาเหล่านี้อาจจะเป็นรายต่อไปที่จะต้องถูกไล่ออกแน่นอน
"อาการที่คุณพ่อเป็นเรียกว่า Couvade Syndrome ค่ะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแพ้ท้องแทนเมีย" ผมนั่งอึ้งตั้งใจฟังสูตินรีแพทย์หญิงกำลังพูดถึงอาการที่ผมเผชิญหลายวันที่ผ่าน หลังจากที่รู้ว่าเมียรักกำลังตั้งท้อง จากที่แค่อารมณ์อ่อนไหวมันก็เริ่มลุกลามไปถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอยากกินอะไรแปลก ๆ ตอนแรกพ่อของผมก็บอกมาคร่าว ๆ เพราะท่านเคยประสบมากับตัวเอง แต่ผมก็ยังไม่เชื่อเต็มที่กระทั่งได้ฟังจากปากหมอจริง ๆ"มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ" ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าที่ฟังต่อกันมา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีอยู่จริง ทั้งยังมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการอีกด้วย"อาการเหล่านี้มีหลายสาเหตุค่ะคุณพ่อ เกิดจากระดับฮอร์โมนโปรแลคตินเปลี่ยนแปลง เป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับความผูกพันและพฤติกรรมพ่อแม่สูงขึ้น และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงทำให้มีอารมณ์อ่อนไหวมากขึ้น หรือเกิดจากความเครียดและความกังวล จึงส่งผลต่อสภาพจิตใจ คล้ายกับว่าที่คุณแม่ บางครั้งเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ จนร่างกายเกิดอาการคล้ายคนท้อง เช่น คลื่นไส้ ปวดหลัง น้ำหนักขึ้น อารมณ์แปรปรวน สุดท้ายก็อาจจะเป็นการที่ร่างกายปรับตัวเข้าสู่บทบาทคุณพ่อ สมองเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่
ในห้องนอนของเรามีแต่ความเงียบงันไร้เสียงของคนพูดคุย วันนี้เป็นคิวของผมและไคเรนที่ต้องมานอนปรับสารทุกข์สุขดิบด้วยกันสองคน ทว่าสิ่งที่เราทำคือกลับกำลังนอนมองเพดานโดยไม่มีใครพูดออกมา หลังจากสิ้นสุดงานวันเกิดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านทั้งผมและไคเรนก็เหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดทั้งเย็น"แด๊ด/ไคเรน" อยู่ ๆ ทั้งผมและลูกก็ใจตรงกัน เรียกชื่อกันพร้อมใจเสียอย่างนั้น"ลูกพูดก่อน" ผมเป็นฝ่ายพยักพเยิดให้ลูกชายเป็นคนเริ่ม"แด๊ดพูดก่อนสิครับ" ทว่าคือเรื่องปกติที่เราสองคนจะเถียง ไคเรนกลับโยนมาให้ผมอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องสำคัญเราคงได้เถียงกันอีกยาว"ลูกคิดว่าเดลตา อิงดาว อิงฟ้าเป็นยังไง" สามคนที่ผมกำลังพูดถึงคือลูกของไอ้ดีแลนและเจโรมเพื่อนผมเอง ทั้งสามอายุหนึ่งขวบวัยกำลังน่ารักจึงอยากรู้ว่าไคเรนจะคิดเหมือนผมมากน้อยแค่ไหน"ยังไงเหรอครับ?" แต่คำถามผมคงยากไปสำหรับเด็กหกขวบ ผมคงต้องพูดออกไปตรง ๆ"ถ้าจะมีเด็กที่หน้าเหมือนไคเรน นาน่า หรือแด๊ดสักคนวิ่งเล่นในบ้านลูกจะโอเคหรือเปล่า?""แด๊ดหมายถึงขออนุญาตผมมีน้องใช่ไหมครับ" ผมพยักหน้ารับ ผมกำลังหมายถึงสิ่งนั้นนั่นแหละ"ผมอยากมีน้องครับ เรื่องที่ผมอยากจะบอกแด๊ด
เช้าวันหยุดอีกวันทันทีที่ลืมตาขึ้นก็ไร้ร่างภรรยาสุดที่รักที่นอนด้วยกันทั้งคืน เวลาเช้า ๆ แบบนี้เธอคงออกไปหาไคเรนแล้ว คิดได้อย่างนั้นผมจึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ลงไปทานข้าวพร้อมกัน"ไปไหนกันหมด" ผมถามป้านิดที่ห้องอาหาร หลังจากเดินตามหาสองแม่ลูกทั่วบ้านก็ไร้ร่างของพวกเธอ ไปไหนก็ไม่ได้บอกผมล่วงหน้าทั้งเธอยังไม่ส่งหรือตอบข้อความทั้งแม่ทั้งลูก"เห็นว่าไปเดินสวนนะคะ ได้ยินหนูนานะบอกว่าอยากจะปลูกต้นไม้เพิ่ม" ทำไมเธอไม่บอกผม…คำถามนี้แล่นเข้ามาในหัว ยอมรับตามตรงว่าผมเริ่มน้อยใจเพราะไม่เพียงแค่ลูกชายที่มีความลับ แต่รู้สึกเหมือนถูกปิดบังจากครอบครัวหรือเพราะผมทำอะไรผิดไปทำไมเหมือนถูกปฏิบัติอย่างหมางเมินขนาดนี้"นายจะรับอาหารเลยไหมคะ ป้าจะได้เตรียมให้เลย""ไม่ล่ะครับ ผมไม่หิว" ผมว่าจบก็เดินออกไปทันที ตรงเข้าไปห้องทำงานด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจผมไม่เข้าใจว่าไอ้อาการน้อยใจที่นับวันก็ยิ่งทวีคูณมันมาอย่างไร โดยปกติก็ไม่ใช่คนที่จะคิดมากหรือคิดเล็กคิดน้อย หรือเพราะผมหลงภรรยามากเกินไปจึงทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นบ้า แค่ถูกเมียกับลูกทิ้งไปเดินสวนใกล้ ๆ กลับรู้สึกอยากร้องไห้เสียอย่างนั้นให
"ทำอะไรกันอยู่" ผมนั่งลงข้าง ๆ สองแม่ลูกที่กำลังพูดคุยด้วยใบหน้าคร่ำเครียด แต่พอมีผมเข้ามาเพิ่มเหมือนว่าบทสนทนาก็หยุดลงอย่างชะงัก แล้วพร้อมใจกันมองผมนิ่ง ๆ เม้มปากแน่นราวกับว่าไม่อยากให้ผมเข้าร่วมหรือได้ยินในสิ่งที่พูดกัน"เปล่าครับ ไม่มีอะไร" ไคเรนออกปากปฏิเสธในเวลาต่อมา ยิ่งสร้างความแปลกใจให้ผมใหญ่ ก็เห็นอยู่ว่าหน้าเครียดกันพอสมควร หรือเพราะปัญหาที่พวกเขาคุยกันก่อนนอนยังไม่เคลียร์ จึงต้องมาคุยกันเพิ่มเติมโดยไม่อยากให้ผมรู้เช่นเดิม"คุณแด๊ดหิวไหมคะ หนูไปหาของว่างมาให้นะ" ผมมองตามคนที่ว่าจบก็เดินออกไปในทันที พิรุธเห็น ๆ ทั้งแม่ทั้งลูก"ผมไปเอาเกมมาเล่นดีกว่า" ตามติดไปด้วยลูกชายของผมที่เดินหนีเข้าบ้านอีกคน ผมได้แต่ไตร่ตรองกับสองแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านบ้างแล้วตรงไปหาภรรยาที่วุ่นวายกับอาหารว่างตามที่บอกก่อนเข้ามา"เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ คุณแด๊ดไปนั่งรอในสวนก่อนนะ" นานะบอกผมแล้วงุ่นง่านกับการหาขนมมาจัด แต่ผมรู้ว่านั้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะทำตัวยุ่งเพื่อกันผมถามในสิ่งที่เธอไม่อยากตอบ"มันไม่อันตรายมากใช่ไหมครับ" แต่ผมก็ยังไม่ถอย สิ้นเสียงของผมคนตัวเล็กก็หยุดทุกการกระท
สวัสดีครับ ผมไคโรเอง…ได้เจอกันจริง ๆ สักทีนะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าชีวิตหลังจากที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตของผมคนหนึ่งครบหนึ่งปีพอดี เธอชื่อนานะที่ทุกคนคงจะรู้จักกันดี หญิงสาวที่อายุห่างกับผมถึงแปดปี ขณะที่ผมอายุย่างเข้าสามสิบเอ็ดส่วนเธอก็ยี่สิบสามปี ใช่…ผมมีเมียเด็ก แล้วเด็กคนนี้ก็ดันน่ารักจนผมอดใจไม่ไหวจับทำเมียซะเลย หนึ่งปีที่ผ่านมาผมทั้งรักและหลงเธอหนักกว่าเดิม ทั้งนิสัยและทัศนคติเรียกได้ว่าได้ใจผมไปเต็ม ๆ เธอรักผมและลูกมาก มากจนบางทีเธอก็ลืมนึกถึงตัวเอง แค่เพียงเห็นพวกเรามีความสุขเธอก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง โดยเฉพาะกับลูกชายตัวดีของผม เธอทั้งเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่นจนเด็กที่ไม่เคยได้รับจากแม่ที่แท้จริงรู้สึกจะรู้สึกขาดแคลน ได้รับจนผมรู้สึกว่ามันจะล้นเอาด้วยซ้ำ เพราะทุกลมหายใจของเธอมีแต่ไคเรน ทั้งเข้าและออกก็จะนึกถึงลูกอยู่เสมอ จนบางทีผมเองก็นึกน้อยใจ ก็เมียเล่นสนใจผมน้อยกว่าลูกในไส้ ใช่…ผมกำลังหวงเมียจากลูกของตัวเอง"คุณแด๊ด…อย่างอนสิคะ" นานะนั่งลงบนตักของผมพร้อมทั้งทำเสียงออดอ้อน ในขณะที่ผมเบือนหน้าออกไม่ยอมมองหน้าเธอ อาการนี้ทุกคนคงดูออกว่าผมกำลังงอนเมียหนักมาก"
"นานะ…" เสียงเรียกได้ยินอย่างชัดเจนแต่กลับไม่ได้ทำให้นานะหันกลับมามอง เธอเดินตรงจะเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โดยจับมือไคเรนไว้แต่อยู่ ๆ เด็กชายก็หยุดเดินดื้อ ๆ ทำเอานานะต้องหยุดตามก่อนจะปรายมองก็เห็นไคเรนที่หันไปมองคนเป็นพ่อที่ยืนทำหน้าเศร้าเพราะถูกเมียเมิน"เข้าไปข้างในดีกว่าครับไคเรน" นานะกระตุกแขนให้เจ้าเด็กเลิกสนใจคนไม่ทำตามคำพูด"แต่แด๊ดน่าสงสาร" ไคโรกำลังเรียกคะแนนความสงสารเพื่อให้เมียเด็กหันกลับมาสนใจ และใช่…เธอหันกลับมา แต่ก็สะบัดหน้าหนีไม่สนใจเหมือนเดิม"ถ้าไคเรนอยากอยู่กับแด๊ด งั้นนาน่าเข้าไปในบ้านก่อนนะครับ""ไม่ครับ ผมจะไปกับนาน่า" ถึงตอนนี้แม้แต่คนเป็นลูกก็ไม่คิดจะเข้าข้าง ทั้งไคเรนและนานะพากันเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมามองอีกคนเลย"เพราะมึงเลยเมียกูโกรธไม่สนใจกูแล้ว" ไคโรหันมาเฉ่งธันวาที่ยืนเคียงข้าง เขาแค่หาคนเป็นแพะแทนซึ่งธันวาก็น้อมรับปล่อยให้คนอารมณ์ไม่ดีโทษเขาอย่างเต็มที่"ง้อยังไงล่ะทีนี้" ไคโรกุมขมับ เป็นครั้งแรกที่นานะโกรธจนไม่สนใจเขาเลยสักนิด คนน่ารักอ่อนหวานตอนโกรธใครก็น่ากลัวเหมือนกัน เขาเพิ่งเจอกับตัวก็คราวนี้"ลากขึ้นเตียงไหมนาย" คำแนะนำของผู้ช่วยทำเขาช้อนสายตามองอ