คุณ 'ทำของ' ใส่ลูกผมใช่ไหม? ไคโร ท่านประธานรูปหล่อ ฐานะรวย สถานะพ่อลูกหนึ่ง ถูก(บังคับ)ให้ตามหาแม่ของลูก นานะ นักศึกษาฝึกงานปีสี่ น่ารัก สดใส สถานะกำลังจะกลายเป็นพี่(แม่)เลี้ยงเด็กโดยจำยอม ไคเรน ลูกชายตัวแสบสุดป่วนที่กลายเป็นกาวใจให้คนสองคนที่ต่างกันสุดขั้วได้มาเจอกัน
View More"ดูยังไงคุณก็ไม่เหมาะจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก" อยู่ ๆ ท่านประธานตรงหน้าก็พูดในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจอีกครั้ง
"พี่เลี้ยง?"
พี่เลี้ยงอะไร?
พี่เลี้ยงของใคร?
ทำไมถึงไม่เหมาะ?
คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ในหัวของเธอเต็มไปหมด เธอมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยถามเหล่านั้นให้เขาได้เห็น เพราะถ้าเขาจะพูดเองเออเองและไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจ แล้วเขาจะเรียกเธอเข้ามาทำไม...
ดูเหมือนว่าคำถามเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่จะให้ตอบง่าย ๆ สำหรับเขา กว่าจะตอบคำถามท่านประธานบริษัทยักใหญ่ถึงกับถอนหายใจเหมือนคนหนักใจถึงขั้นสุด
"ลูกชายผมให้ผมมาคุยกับคุณเรื่องให้คุณเป็นพี่เลี้ยงของเขา" แค่นั้นคนตัวเล็กก็เริ่มรู้สึกกระจ่างขึ้นมาทันใด ที่เขาบอกว่าไม่เหมาะสมก็คือการไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชายของเขา
"แล้วยังไงเหรอคะ" หญิงสาวยิ้มตอบเขานิด ๆ ถ้าจะหนักใจขนาดนั้นแล้วจะมาบอกให้เด็กฝึกงานแบบเธอเปลี่ยนมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กทำไมกัน หรือระดับคนรวยหมื่นล้านแสนล้านแบบเขาจะหาพี่เลี้ยงที่ดีและเหมาะสมมากกว่าเธอไม่ได้?
"ผมก็ไม่อยากจะรบกวนคุณถ้าไม่ติดว่าลูกผมเจาะจงเป็นคุณโดยเฉพาะ เพราะยังไงผมก็คิดว่าคุณคงไม่ถนัดกับงานพี่เลี้ยงเด็กจริงไหม จะปฏิเสธก็ไม่เป็นไร ผมจะหาพี่เลี้ยงที่พร้อมคุณสมบัติให้กับลูกชายผมเอง" หนึ่งคำก็ไม่เหมาะสม สองคำก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอ เขาชักจะพ่นคำดูถูกใส่เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าตรงหน้าเป็นเจ้านายป่านนี้เธอคงลุกขึ้นด่าฉอด ๆ ตอกหน้าเขาให้เหมาะสมกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้
"คุณจะปฏิเสธใช่ไหม รอก่อน…ผมขออนุญาตอัดคลิปให้ลูกผมดูก่อน" จบแค่นั้นท่านประธานก็ยกโทรศัพท์ราคาแพงหูฉี่ของเขาขึ้นมา แล้วตั้งกล้องจ่อใส่หน้าเด็กฝึกงานโดยไม่รอคำอนุญาต
"คุณช่วยพูดพร้อมเหตุผลแล้วกัน ลูกผมจะได้เข้าใจ" ชายหนุ่มขยับใบหน้าที่บดบังกล้องให้ได้เห็นหน้ากัน พร้อมพยักหน้าส่งสัญญาณให้เธอเริ่มพูดออกมา
"ฉันตกลงจะเป็นพี่เลี้ยงให้คุณลูกชายคุณค่ะ" คนหลังกล้องชะงักกึกในตอนที่หญิงสาวพูดจบ เธอฉีกยิ้มกว้างให้กล้องไปหนึ่งครั้ง ดันมาดูถูกเธอนักก็ต้องเจอการเอาคืน อีกอย่างการได้ค่าตอบแทนระหว่างที่ยังเรียนไม่จบมาจุนเจือค่าใช้จ่ายของตัวเองก็นับเป็นเรื่องที่ดี แล้วงานพี่เลี้ยงสำหรับเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ยิ่งเป็นลูกชายท่านประธานที่เจอกันไม่กี่ครั้งก็เข้ากันเป็นอย่างดี จะมีเหตุผลอะไรให้เธอต้องปฏิเสธข้อเสนอในครั้งนี้
"คุณว่าไงนะ ตกลง?"
"ค่ะ" ยิ่งเห็นใบหน้าที่คาดไม่ถึงของเขาตอนนี้เธอก็ยิ่งชอบใจขึ้นมามากกว่าเดิม
"คุณจะไม่ถามถึงรายละเอียดของงานหรือค่าตอบแทนก่อนหรือไง" ชายหนุ่มยกคิ้วขมวด
"ไม่ค่ะ หนูตกลง ท่านประธานร่างสัญญามาได้เลยนะคะ ถ้าเป็นวันธรรมดาหนูคงทำได้แค่ช่วงเย็นนะคะ เพราะว่ายังติดฝึกงาน แต่คุณก็น่าจะรับข้อนี้ได้ตั้งแต่มาชวนหนูอยู่แล้ว" หญิงสาวฉีกยิ้มให้เขาอีกครั้ง แต่อีกคนยังคงทำหน้าเหวอไม่หาย
ถูกใจเธอยิ่งนัก…
.
.
"ไปไหนมาแก ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" เมื่อกลับมาถึงแผนกเพื่อนสนิทที่นั่งเคลียร์งานก็หันมาถาม ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งของเธอคงทำให้เพื่อนอดถามไม่ได้
"ห้องท่านประธาน เขาเสนอให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงลูกของเขา ไม่สิ...เขาไม่ได้เสนอแต่เป็นความต้องการของลูกเขาต่างหาก"
"แล้วแกก็เลยประชดโดยการตอบตกลง?"
"อือ" เพื่อนสาวเอ่ยถามราวกับนั่งอยู่ในใจของเธอ สมแล้วกับที่เป็นเพื่อนสนิทมากถึงสิบกว่าปี
"ถ้าแกคิดสักนิดแกก็จะรู้ว่าการเป็นพี่เลี้ยงคือการที่แกย้ายไปอยู่บ้านเขา ทีนี้แกก็จะได้เห็นคนที่แกไม่ชอบหน้าทุกวัน"
"จริงด้วย" หญิงสาวลืมคิดถึงเรื่องนี้เสียสนิท แค่เจอกันสองครั้งเขาก็ทำให้เธอกลับมาหงุดหงิดได้ทั้งวัน แล้วถ้าต้องอยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวัน เธอจะไม่เป็นประสาทตายก่อนหรือ...
"แล้วตอนนี้แกก็เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วค่ะ ทีนี้ก็ระวังให้ดีแล้วกัน เพราะชีวิตแกหลังจากนี้เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน"
"โอ้ย...นี่ฉันต้องระวังไม่ให้ตัวเองทะเลาะกับท่านประธานเข้าสักวันเหรอเนี่ย อยากจะบ้า!!"
"ฉันหมายถึงระวังหัวใจของแกเอาไว้ให้ดี อาจจะตกหลุมรักเขาได้สักวัน" ตกหลุมรักเหรอ...เธอน่ะเหรอ ไม่เห็นจะมีแนวโน้มนั้นเลยสักนิด
"แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่ชอบเขาเลยสักนิด แกก็เห็นว่ามันไม่มีทางที่เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ"
"ท่านประธานของเรา ทั้งหล่อ รวย เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่หุ่นโคตรจะแซ่บ มองจากข้างนอกก็รู้ว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตคงเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกแพ็คแน่น ๆ โอ้ยแค่คิดก็น่ากินแล้ว" เจ้าตัวว่าไปก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปด้วย แต่คุณสมบัติที่กล่าวขึ้นมานั้นคงไม่ทำให้เด็กฝึกงานแบบเผลอใจไปชอบเขาได้หรอก เธอไม่ได้รู้สึกชอบเขาเลยสักนิด สักนิดก็ไม่มี...
"ไม่มีทาง"
******************
- SET LOST IN LOVE (เซตพ่ายรัก) -
1. พ่ายรักประธานร้าย (ดีแลน x ปลายฝน)
2. พ่ายรักนายเพลย์บอย (เจโรม x น้ำอิง)
3. พ่ายรักท่านประธานลูกติด (ไคโร x นานะ)
"อาการที่คุณพ่อเป็นเรียกว่า Couvade Syndrome ค่ะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแพ้ท้องแทนเมีย" ผมนั่งอึ้งตั้งใจฟังสูตินรีแพทย์หญิงกำลังพูดถึงอาการที่ผมเผชิญหลายวันที่ผ่าน หลังจากที่รู้ว่าเมียรักกำลังตั้งท้อง จากที่แค่อารมณ์อ่อนไหวมันก็เริ่มลุกลามไปถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอยากกินอะไรแปลก ๆ ตอนแรกพ่อของผมก็บอกมาคร่าว ๆ เพราะท่านเคยประสบมากับตัวเอง แต่ผมก็ยังไม่เชื่อเต็มที่กระทั่งได้ฟังจากปากหมอจริง ๆ"มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ" ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าที่ฟังต่อกันมา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีอยู่จริง ทั้งยังมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการอีกด้วย"อาการเหล่านี้มีหลายสาเหตุค่ะคุณพ่อ เกิดจากระดับฮอร์โมนโปรแลคตินเปลี่ยนแปลง เป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับความผูกพันและพฤติกรรมพ่อแม่สูงขึ้น และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงทำให้มีอารมณ์อ่อนไหวมากขึ้น หรือเกิดจากความเครียดและความกังวล จึงส่งผลต่อสภาพจิตใจ คล้ายกับว่าที่คุณแม่ บางครั้งเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ จนร่างกายเกิดอาการคล้ายคนท้อง เช่น คลื่นไส้ ปวดหลัง น้ำหนักขึ้น อารมณ์แปรปรวน สุดท้ายก็อาจจะเป็นการที่ร่างกายปรับตัวเข้าสู่บทบาทคุณพ่อ สมองเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่
ในห้องนอนของเรามีแต่ความเงียบงันไร้เสียงของคนพูดคุย วันนี้เป็นคิวของผมและไคเรนที่ต้องมานอนปรับสารทุกข์สุขดิบด้วยกันสองคน ทว่าสิ่งที่เราทำคือกลับกำลังนอนมองเพดานโดยไม่มีใครพูดออกมา หลังจากสิ้นสุดงานวันเกิดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านทั้งผมและไคเรนก็เหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดทั้งเย็น"แด๊ด/ไคเรน" อยู่ ๆ ทั้งผมและลูกก็ใจตรงกัน เรียกชื่อกันพร้อมใจเสียอย่างนั้น"ลูกพูดก่อน" ผมเป็นฝ่ายพยักพเยิดให้ลูกชายเป็นคนเริ่ม"แด๊ดพูดก่อนสิครับ" ทว่าคือเรื่องปกติที่เราสองคนจะเถียง ไคเรนกลับโยนมาให้ผมอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องสำคัญเราคงได้เถียงกันอีกยาว"ลูกคิดว่าเดลตา อิงดาว อิงฟ้าเป็นยังไง" สามคนที่ผมกำลังพูดถึงคือลูกของไอ้ดีแลนและเจโรมเพื่อนผมเอง ทั้งสามอายุหนึ่งขวบวัยกำลังน่ารักจึงอยากรู้ว่าไคเรนจะคิดเหมือนผมมากน้อยแค่ไหน"ยังไงเหรอครับ?" แต่คำถามผมคงยากไปสำหรับเด็กหกขวบ ผมคงต้องพูดออกไปตรง ๆ"ถ้าจะมีเด็กที่หน้าเหมือนไคเรน นาน่า หรือแด๊ดสักคนวิ่งเล่นในบ้านลูกจะโอเคหรือเปล่า?""แด๊ดหมายถึงขออนุญาตผมมีน้องใช่ไหมครับ" ผมพยักหน้ารับ ผมกำลังหมายถึงสิ่งนั้นนั่นแหละ"ผมอยากมีน้องครับ เรื่องที่ผมอยากจะบอกแด๊ด
เช้าวันหยุดอีกวันทันทีที่ลืมตาขึ้นก็ไร้ร่างภรรยาสุดที่รักที่นอนด้วยกันทั้งคืน เวลาเช้า ๆ แบบนี้เธอคงออกไปหาไคเรนแล้ว คิดได้อย่างนั้นผมจึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ลงไปทานข้าวพร้อมกัน"ไปไหนกันหมด" ผมถามป้านิดที่ห้องอาหาร หลังจากเดินตามหาสองแม่ลูกทั่วบ้านก็ไร้ร่างของพวกเธอ ไปไหนก็ไม่ได้บอกผมล่วงหน้าทั้งเธอยังไม่ส่งหรือตอบข้อความทั้งแม่ทั้งลูก"เห็นว่าไปเดินสวนนะคะ ได้ยินหนูนานะบอกว่าอยากจะปลูกต้นไม้เพิ่ม" ทำไมเธอไม่บอกผม…คำถามนี้แล่นเข้ามาในหัว ยอมรับตามตรงว่าผมเริ่มน้อยใจเพราะไม่เพียงแค่ลูกชายที่มีความลับ แต่รู้สึกเหมือนถูกปิดบังจากครอบครัวหรือเพราะผมทำอะไรผิดไปทำไมเหมือนถูกปฏิบัติอย่างหมางเมินขนาดนี้"นายจะรับอาหารเลยไหมคะ ป้าจะได้เตรียมให้เลย""ไม่ล่ะครับ ผมไม่หิว" ผมว่าจบก็เดินออกไปทันที ตรงเข้าไปห้องทำงานด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจผมไม่เข้าใจว่าไอ้อาการน้อยใจที่นับวันก็ยิ่งทวีคูณมันมาอย่างไร โดยปกติก็ไม่ใช่คนที่จะคิดมากหรือคิดเล็กคิดน้อย หรือเพราะผมหลงภรรยามากเกินไปจึงทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นบ้า แค่ถูกเมียกับลูกทิ้งไปเดินสวนใกล้ ๆ กลับรู้สึกอยากร้องไห้เสียอย่างนั้นให
"ทำอะไรกันอยู่" ผมนั่งลงข้าง ๆ สองแม่ลูกที่กำลังพูดคุยด้วยใบหน้าคร่ำเครียด แต่พอมีผมเข้ามาเพิ่มเหมือนว่าบทสนทนาก็หยุดลงอย่างชะงัก แล้วพร้อมใจกันมองผมนิ่ง ๆ เม้มปากแน่นราวกับว่าไม่อยากให้ผมเข้าร่วมหรือได้ยินในสิ่งที่พูดกัน"เปล่าครับ ไม่มีอะไร" ไคเรนออกปากปฏิเสธในเวลาต่อมา ยิ่งสร้างความแปลกใจให้ผมใหญ่ ก็เห็นอยู่ว่าหน้าเครียดกันพอสมควร หรือเพราะปัญหาที่พวกเขาคุยกันก่อนนอนยังไม่เคลียร์ จึงต้องมาคุยกันเพิ่มเติมโดยไม่อยากให้ผมรู้เช่นเดิม"คุณแด๊ดหิวไหมคะ หนูไปหาของว่างมาให้นะ" ผมมองตามคนที่ว่าจบก็เดินออกไปในทันที พิรุธเห็น ๆ ทั้งแม่ทั้งลูก"ผมไปเอาเกมมาเล่นดีกว่า" ตามติดไปด้วยลูกชายของผมที่เดินหนีเข้าบ้านอีกคน ผมได้แต่ไตร่ตรองกับสองแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านบ้างแล้วตรงไปหาภรรยาที่วุ่นวายกับอาหารว่างตามที่บอกก่อนเข้ามา"เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ คุณแด๊ดไปนั่งรอในสวนก่อนนะ" นานะบอกผมแล้วงุ่นง่านกับการหาขนมมาจัด แต่ผมรู้ว่านั้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะทำตัวยุ่งเพื่อกันผมถามในสิ่งที่เธอไม่อยากตอบ"มันไม่อันตรายมากใช่ไหมครับ" แต่ผมก็ยังไม่ถอย สิ้นเสียงของผมคนตัวเล็กก็หยุดทุกการกระท
สวัสดีครับ ผมไคโรเอง…ได้เจอกันจริง ๆ สักทีนะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าชีวิตหลังจากที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตของผมคนหนึ่งครบหนึ่งปีพอดี เธอชื่อนานะที่ทุกคนคงจะรู้จักกันดี หญิงสาวที่อายุห่างกับผมถึงแปดปี ขณะที่ผมอายุย่างเข้าสามสิบเอ็ดส่วนเธอก็ยี่สิบสามปี ใช่…ผมมีเมียเด็ก แล้วเด็กคนนี้ก็ดันน่ารักจนผมอดใจไม่ไหวจับทำเมียซะเลย หนึ่งปีที่ผ่านมาผมทั้งรักและหลงเธอหนักกว่าเดิม ทั้งนิสัยและทัศนคติเรียกได้ว่าได้ใจผมไปเต็ม ๆ เธอรักผมและลูกมาก มากจนบางทีเธอก็ลืมนึกถึงตัวเอง แค่เพียงเห็นพวกเรามีความสุขเธอก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง โดยเฉพาะกับลูกชายตัวดีของผม เธอทั้งเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่นจนเด็กที่ไม่เคยได้รับจากแม่ที่แท้จริงรู้สึกจะรู้สึกขาดแคลน ได้รับจนผมรู้สึกว่ามันจะล้นเอาด้วยซ้ำ เพราะทุกลมหายใจของเธอมีแต่ไคเรน ทั้งเข้าและออกก็จะนึกถึงลูกอยู่เสมอ จนบางทีผมเองก็นึกน้อยใจ ก็เมียเล่นสนใจผมน้อยกว่าลูกในไส้ ใช่…ผมกำลังหวงเมียจากลูกของตัวเอง"คุณแด๊ด…อย่างอนสิคะ" นานะนั่งลงบนตักของผมพร้อมทั้งทำเสียงออดอ้อน ในขณะที่ผมเบือนหน้าออกไม่ยอมมองหน้าเธอ อาการนี้ทุกคนคงดูออกว่าผมกำลังงอนเมียหนักมาก"
"นานะ…" เสียงเรียกได้ยินอย่างชัดเจนแต่กลับไม่ได้ทำให้นานะหันกลับมามอง เธอเดินตรงจะเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โดยจับมือไคเรนไว้แต่อยู่ ๆ เด็กชายก็หยุดเดินดื้อ ๆ ทำเอานานะต้องหยุดตามก่อนจะปรายมองก็เห็นไคเรนที่หันไปมองคนเป็นพ่อที่ยืนทำหน้าเศร้าเพราะถูกเมียเมิน"เข้าไปข้างในดีกว่าครับไคเรน" นานะกระตุกแขนให้เจ้าเด็กเลิกสนใจคนไม่ทำตามคำพูด"แต่แด๊ดน่าสงสาร" ไคโรกำลังเรียกคะแนนความสงสารเพื่อให้เมียเด็กหันกลับมาสนใจ และใช่…เธอหันกลับมา แต่ก็สะบัดหน้าหนีไม่สนใจเหมือนเดิม"ถ้าไคเรนอยากอยู่กับแด๊ด งั้นนาน่าเข้าไปในบ้านก่อนนะครับ""ไม่ครับ ผมจะไปกับนาน่า" ถึงตอนนี้แม้แต่คนเป็นลูกก็ไม่คิดจะเข้าข้าง ทั้งไคเรนและนานะพากันเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมามองอีกคนเลย"เพราะมึงเลยเมียกูโกรธไม่สนใจกูแล้ว" ไคโรหันมาเฉ่งธันวาที่ยืนเคียงข้าง เขาแค่หาคนเป็นแพะแทนซึ่งธันวาก็น้อมรับปล่อยให้คนอารมณ์ไม่ดีโทษเขาอย่างเต็มที่"ง้อยังไงล่ะทีนี้" ไคโรกุมขมับ เป็นครั้งแรกที่นานะโกรธจนไม่สนใจเขาเลยสักนิด คนน่ารักอ่อนหวานตอนโกรธใครก็น่ากลัวเหมือนกัน เขาเพิ่งเจอกับตัวก็คราวนี้"ลากขึ้นเตียงไหมนาย" คำแนะนำของผู้ช่วยทำเขาช้อนสายตามองอ
Comments