"พ่อแม่ ~" เสียงฉันตะโกนลั่นบ้านพร้อมกับแบกกระเป๋าหนึ่งใบเดินออกมาหาแม่นอกบ้าน เมื่อเห็นคุณนายน้ำหวานที่กำลังสวีทหวานกับกำนันพลหน้าบ้านก็รีบวิ่งไปแทรกกลางความรักของคู่รักสูงวัยที่ได้ตำแหน่งเป็นพ่อกับแม่ของฉันพ่วงไปด้วย
"ออกไปให้ห่างจากสามีฉันเลยแกน่ะ" ใบหน้าของฉันถูกผลักออกให้พ้นจากเส้นกั้นของกำนันพล ด้วยฝีมือของภรรยาเขาหรือแม่ของฉันนั้นแหละที่เล่นใหญ่เกินเบอร์
"ลูกจะไปแล้วนะ ขอกอดลาหน่อยก็ไม่ได้" ฉันขมวดคิ้วยุ่ง ปกติฉันกับแม่หยอกล้อกันเป็นประจำ ถามว่าได้นิสัยมาจากใครบอกเลยว่าคุณนายน้ำหวานร้อยเปอร์เซ็นต์
"แล้วไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหม?" กำนันพลเอ่ยถาม
"ไม่แล้วค่ะ ลืมก็ค่อยซื้อใหม่ มีพ่อรวยซะอย่าง"
"โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังจะแบมือขอเงินพ่อกับแม่อีก" นั้นไงคุณนายน้ำหวานเริ่มอาละวาดแล้ว
"ก็กำลังจะเข้ากรุงเทพไปทำงานแล้วไงคะคุณนายขา เดี๋ยวพอไม่อยู่แล้วจะรู้สึก ชิ"
"รู้สึก รู้สึกอะไรย่ะ"
"รู้สึกคิดถึงลูกไง"
"ไม่มีทางหรอก ฉันออกจะดีใจจะได้สวีทกับผัวเต็มที่ไม่มีคนขัด"
"จ้า หวานสมชื่อไปเลยจ้า"
"แล้วไม่เปลี่ยนใจให้พ่อไปส่งเหรอ พ่อขับไปถึงกรุงเทพได้นะ" กำนันพลพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นาน
"ไม่ค่ะ นั่งรถยนต์เมื่อยจะตายกว่าจะไปถึง ไปกับเครื่องบินดีกว่าหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว"
"แล้วติดต่อปลายฝนแล้วใช่ไหม?" ปลายฝนเพื่อนซี้ของฉันเอง คนที่จะมารับฉันที่สนามบินและขออาศัยอยู่ด้วยเพราะเด็กบ้านนอกแบบฉันไม่เคยเข้ากรุงแต่ยังดีที่มีเพื่อนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
"เรียบร้อยค่ะพ่อ คุยกันทุกวัน ไม่ต้องห่วง"
"อืม งั้นก็ตั้งใจทำงาน ว่าง ๆ ก็กลับมาหาพ่อด้วย" กำนันพลอ้าแขนมากอดแน่น เป็นครั้งแรกที่ฉันจะออกนอกบ้านแบบจริง ๆ จัง ๆ แม้ลึก ๆ จะรู้ว่าพ่อเป็นห่วงมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้วจำเป็นต้องเติบโตขึ้นเพื่อทำงานหาเงินเข้าสู่วงจรการทำงานแบบจริงจังเหมือนคนอื่นเสียที
"อย่าลืมพาลูกเขยมาแนะนำฉันด้วย" สลับไปกอดคุณนายน้ำหวานก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกระแอมของกำนันพลที่ดังขึ้นพร้อมกับถกเสื้อให้เห็นปืนที่เหน็บเอว
"ถ้าไม่อยากให้มันกินลูกปืนก็ลองดู"
"ลูกจะไม่มีผัวเพราะพ่อนั้นแหละ" แม่ฉันส่ายหัวเบา ๆ ใครก็รู้ว่ากำนันพลหวงลูกสาวมากแค่ไหน แต่คนกรุงเทพดันไม่รู้นี่สิ ถึงเวลาของฉันแล้วล่ะ… -,-
"ไปแล้วนะ ถึงแล้วจะโทรหา" ใช้เวลาร่ำลาชายหญิงวัยกลางคนอยู่หลายนาทีฉันก็รีบออกเดินทางไปสนามบิน โดยที่มีคนขับรถของพ่อมาส่งและใช้เวลาอีกสองชั่วโมงบินตรงมายังดินแดนเมืองหลวงที่มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันหาเช้ากินค่ำในเมืองแห่งนี้ หนึ่งในนั้นก็คงมีฉันที่กำลังจะเริ่มตันใช้ชีวิตที่นี่เป็นวันแรก
ณ สนามบิน 21:30
ทันทีที่มาถึงฉันก็หาทางออกจากประตูทางออกของสนามบิน ก่อนที่จะเห็นยัยปลายฝนเพื่อนรักยืนรอโบกมือหยอย ๆ อยู่ก่อนแล้วจึงรีบลากกระเป๋าวิ่งไปหาพร้อมกับกอดกันกลมด้วยความที่ไม่ได้เจอกันถึงสี่เดือน
"คิดถึงแกมาก แต่เอ้ะ…แกสวยขึ้นนะเนี่ย" ฉันผละกอดออกจากเพื่อนสาว ยืนสำรวจความเปลี่ยนไปของเพื่อนที่เต็มไปด้วยของประดับดูดีเพียงไม่กี่เดือนยัยเพื่อนรักของฉันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยทีเดียว
"แกก็สวยขึ้นเหมือนกัน"
"แล้วนี่ใครเหรอ หล่อจัง…" แล้วสายตาก็ดันเหลือบเห็นชายชุดดำที่ยืนไม่ห่างจากเพื่อนรัก หน้าตาดีและวางมาดอย่าบอกนะว่ายัยฝนมีแฟนแล้ว?
"เอ่อ…" เลิ่กลั่กแบบนี้ฉันว่าต้องใช่
แต่ทว่า…
"ขอโทษครับนายหญิง แต่เราต้องรีบไปแล้วครับ" สรรพนามที่ผู้ชายคนนั้นเรียกเพื่อนทำให้ฉันเบิกตากว้างแล้วเลิกคิ้วมองเพื่อน นายหญิง เพื่อนฉันมีศักดิ์เป็นถึงนายหญิงของใครกัน
"มะ หมายความว่ายังไงยัยฝน"
"ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาอธิบายให้แกฟัง ไว้ถึงห้องฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะ แต่ฉันอยากบอกแกไว้ว่ามันอาจจะมีเรื่องที่น่าตกใจกว่านี้อีก แกเตรียมรับมือไว้หน่อยก็ได้นะ" มีอะไรที่น่าตกใจไปกว่านายหญิงอีกหรือ…
"ผมถือกระเป๋าให้ครับคุณน้ำอิง"
"เชิญครับ"
"รีบไปเถอะแก…" ฉันเดินตามยัยปลายฝนด้วยความงุนงง ระหว่างทางก็เขย่าแขนเพื่อนอยากรู้ความจริงตลอดเวลาแต่ยัยปลายฝนก็ไม่ยอมพูดอะไร มีแต่จะส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ฉัน
จนมาถึงที่พักในค่ำคืนนี้…
"วะ ว่าไงนะ แกเป็นนายหญิงของมาเฟีย" หลังจากที่ได้ฟังหัวเรื่องเกริ่นนำของยัยปลายฝนทำเอาฉันอดไม่ได้ที่จะตกใจถามเสียงดัง คราวแรกที่เห็นขบวนชุดดำที่มารับฉันพร้อมกับยัยปลายฝนคิดว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงมาเฟียแถมเพื่อนยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและสัญญาการแต่งงานที่สลับซับซ้อนจนฉันงง
"มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย สังคมกรุงเทพน่ากลัวจริง ๆ" เรื่องของยัยปลายฝนนับเป็นเรื่องที่เปิดหูเปิดตาของฉันให้กว้างขึ้นได้ดีเลยทีเดียว ที่นี่มันเริ่มน่ากลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ความคิดที่จะหาแฟนหายวับไปกับตา อยู่เป็นโสดตามคำสั่งของกำนันพลตามเดิมน่ะดีที่สุดแล้ว
"ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉันหรอก เอาเรื่องของแกดีกว่า ตกลงว่าแกจะมาทำงานที่นี่ใช่ไหม?"
"ก็สมัครงานไว้แล้วแหละ พรุ่งนี้จะไปสัมภาษณ์ ฉันขอพักที่นี่ก่อนนะไว้หาที่พักใหม่ได้แล้วฉันจะรีบย้ายออกไป"
"แกก็อยู่ที่นี่ไปเลยสิ เพื่อนคุณดีแลนเป็นเจ้าของโครงการด้วย"
"ไม่ได้หรอก ที่นี่มันคอนโดผัวแกนี่ ลำพังจะให้ฉันจ่ายค่าเช่าจ่ายไม่ไหวหรอก หรูขนาดนี้เงินเดือนทั้งเดือนไม่รู้จะพอหรือเปล่า"
"งั้นแล้วแต่แกละกัน แต่อย่าลืมนะว่าแกมีฉัน อยากให้ฉันช่วยอะไรบอกได้ทุกอย่าง"
"จ้า ~"
วันต่อมา
ฉันแต่งตัวออกจากคอนโดแต่เช้าเพราะวันนี้มีนัดสัมภาษณ์งานที่สมัครเอาไว้หลายสัปดาห์ที่แล้ว และโชคดีที่โดนเรียกตัวสัมภาษณ์จึงได้โอกาสเข้ามาทำงานในกรุงเทพพร้อมสัมภาษณ์งานเสียเลย
บริษัทเครือเดรโก
ตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองหลวงที่ฉันใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ไม่รอช้าที่จะพกความมั่นใจเต็มเปี่ยมตรงเข้าไปด้านในบริษัทตั้งมั่นว่าวันนี้ฉันต้องได้งาน
"ฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ" สิ่งแรกที่ทำคือติดต่อพนักงานต้อนรับตรงทางเข้า ข้างนอกที่ว่าหรูแล้วพอเข้ามาได้ดูดีกว่าด้านนอกเสียอีก
"เชิญชั้น 15 ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มรับแล้วจะเดินไปขึ้นลิฟต์ ทว่าในขณะนั้นเสียงของคนที่ฉันไม่คิดจะเจอกลับได้เจอก็ดังขึ้นให้ต้องเงยหน้ามอง
"น้ำอิง!!!"
"ยัยฝน!?" เพื่อนรักของฉันอีกแล้ว
"อย่าบอกว่านี่บริษัทผัวแก?" เพราะปลายฝนบอกว่าเป็นเลขาของสามีกำมะลอที่ชื่อดีแลนอะไรนั้นแปลว่าที่นี่ก็ต้องเป็นบริษัทของเขาอะไรมันจะบังเอิญและโชคดีไปกว่านี้…
"ตกลงแกได้สัมภาษณ์งานของบริษัทนี้เหรอ"
"อืม…ชั้น 15"
"ดีเลยแก ฉันจะได้มีแกเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานแล้ว"
"ถ้าฉันสัมภาษณ์ติดนะ" โชคดีสุด ๆ เลยก็ว่าได้ ถ้าสมัครงานติดก็คงจะโชคดีกว่านี้
"แกทำได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบเข้างานแล้ว ไว้เดี๋ยวฉันจะแวะไปหานะ"
"โอเค เจอกัน ~" เราสองคนแยกกันส่วนฉันรีบกดลิฟต์ไปชั้น 15 นั่งรอหน้าห้องสัมภาษณ์พร้อมกับคนสัมภาษณ์อีกนับสิบคน คราวแรกว่าจะไม่ตื่นเต้นแต่พอเอาเข้าจริงก็ใจเต้นแรงอยู่เหมือนกัน ยิ่งกดดันอยากได้งานเพราะยัยปลายฝนก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกแบบนี้ก็คงจะเป็นตอนที่มีป๊อปปี้เลิฟตอนเด็กละมั้ง
"ยินดีด้วยนะคะ เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยค่ะ" ฉันเผยยิ้มกว้างในตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกเพศลูก ระหว่างที่เรากำลังอัลตราซาวด์ดูเจ้าก้อนในท้องพี่โรมก็จับมือไว้แน่น ใช่แล้ว…ฉันได้ลูกแฝดหญิงทั้งสองคน คราวนี้บ้านหลังใหญ่ก็จะไม่เหงาแล้วดังไปด้วยเสียงร้องไห้โวยวายหัวเราะกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต อีกสี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักของแม่…ฉันปรายมองพ่อของเขาที่กำมือฉันไว้แน่น เห็นลูกผ่านเครื่องหน้าจอเล็ก ๆ เขาก็พลอยบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ช่วงนี้คุณพ่อเขาอ่อนไหวง่ายมาก ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันจะไม่มีทางเชื่อว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อน"เจ้าหนูน้อยทั้งสองคนปกติมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจะจ่ายวิตามินให้คุณแม่แทนนะคะ""ขอบคุณค่ะคุณหมอ" แล้วเราสองคนก็ออกมารอหน้าห้องตรวจ หลังจากรู้เพศคนตัวโตก็เงียบไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่จับมือฉันตลอดเวลาและรับรู้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนา"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่พูดอะไรเลย" พอฉันถามจบพี่โรมก็หันมามอง นัยน์ตาคู่คมกำลังจริงจังเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ"เหมือนเวรกรรมจะตามทันฉันแล้ว""คะ?" ฉันเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร"มีลูกสาวฉันต้องเป็นบ้าแน่น้ำอ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างานแต่งงานถูกจัดขึ้นภายในเดือนเดียวหลังจากวันสู่ขอ โดยทางเจ้าบ่าวจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมเหลือเพียงแค่เจ้าสาวที่มาเข้าร่วมงานเท่านั้น"ส่วนใหญ่เสร็จหมดแล้วครับ" คืนสุดท้ายก่อนงานจะเริ่มขึ้นเจโรมเดินมาตรวจงานด้วยตัวเอง ทุกที่จะต้องไม่มีความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้นและจะต้องออกมาดีที่สุดสมฐานะเจ้าสาวคนสวยของเขาเท่านั้น"มีคนจะคุยกับนายครับ" เลขาส่วนตัวยื่นโทรศัพท์เครื่องตัวเองให้เจ้านายที่กำลังตรวจตรา แต่เขาทำท่าไม่สนเพราะงานแต่งงานถือว่าเป็นงานสำคัญที่เขาละสายตาไม่ได้"ไม่ว่าง ลงคิวไว้ถ้ารีบก็ยกเลิกไปซะ" เจโรมตอบแค่นั้น วันนี้เขาทำงานมาทั้งวันเพื่อจะจัดการงานที่บริษัทให้จบไม่รบกวนชีวิตหลังแต่งงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาจะใช้กับเมียทั้งวันทั้งคืน ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาค่ำมากแล้วถึงเวลาที่เขาจะให้เวลากับงานสำคัญในชีวิตบ้าง"ที่สั่งไว้ไม่ใช่ดอกนี้ เอาไปเปลี่ยน" เจโรมชี้นิ้วใส่ดอกไม้ริมทางเดินเข้างาน เขาขมวดคิ้วไม่พอใจ ก่อนที่ออแกไนซ์ของงานจะรีบวิ่งมาแก้ไขทันที"นายครับ…""บอกให้ลงคิวไว้ไง!" เจโรมหันไปเสียงดังใส่เลขาที่วอแวไม่เลิก"คุณน้ำอิงบอกว่าโทรหานายไม่ติดครับ ถ้าอย
ในวันหยุดสัปดาห์นี้ฉันเลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพราะวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต นั้นคือวันที่พี่โรมจะเข้ามาสู่ขอฉันจากพ่อและแม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามขนบธรรมเนียม"น้ำอิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง" เสียงดังจากนอกประตูทำให้ฉันเปิดออกมา เป็นคุณนายน้ำหวานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเดินมาตามฉันที่เอาแต่กกตัวอยู่แต่ในห้อง"เป็นอะไรไป ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย""แม่…หนูกลัว" ฉันโน้มตัวกอดแม่ไว้แน่น ทั้งกลัวและตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ"มีอะไรต้องกลัว ไม่เชื่อใจตาโรมอีกเหรอ?""เปล่าค่ะ หนูกลัวพ่อไม่ให้แต่ง" พ่อคาดเดาอารมณ์ยากมากแค่ไหนฉันรู้ดี ถึงจะออกปากอนุญาตให้คบกันแล้วฉันก็ยังวิตกอยู่ดี"นี่...ยัยลูกสาว จำไม่ได้หรือไงว่าพ่อแกน่ะเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอเร็ว ๆ แบบนี้จะไม่ให้แต่งได้ยังไง""ก็จริง หนูลืมไปเลย" ฉันผละกอดแม่หลังจากคิดตามคำพูด ก่อนหน้าพ่อฉันก็พูดเองว่าเสร็จธุระก็รีบมาขอ และตอนนี้พี่โรมก็ดูจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว เป็นมาเฟีย เป็นประธานบริษัทรับช่วงต่อ บททดสอบจากคนเป็นพ่อฉันก็ผ่านแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก"อยากมีผัวจนลืมเลยหรือไง...""แม่!!!" แล
น้ำอิงถูกคนของแม่เจโรมมารับใต้คอนโดแต่เช้า ล่วงหน้ามาก่อนงานจะเริ่ม ส่วนคนตัวโตจะตามมาทีหลังเมื่อใกล้เริ่มงาน"แม่พี่อิงออกมาแล้ว~" นอกจากจะมีเธอแล้วยังมีจีเซลและบีน่าที่มาทำสวยพร้อมกัน ณ ห้องที่ถูกเตรียมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่น้ำอิงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดสองสาวก็พากันตกตะลึงในความสง่าของเธอทั้งหน้าองค์ทรงเครื่องที่เพรียบพร้อมเมื่ออยู่บนใบหน้าที่สวยธรรมชาติก็ยิ่งทำให้สวยไปใหญ่"พี่สะใภ้สวยมาก~" จีเซลยิ้มชม"จริง เหมือนน้าสมัยสาว ๆ" เสริมด้วยบีน่าอีกคนที่อวยแฟนของลูกชายไม่หยุด"คุณน้ากับจีก็สวยเหมือนกันค่ะ""เอาเป็นว่าเราสวยกันทุกคน งั้นรีบลงไปกันเถอะ แม่ต้องลงไปรับแขกแล้ว""น้ำอิงมากับแม่นะ วันนี้แม่จะแนะนำลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก" สรรพนามของบีน่าเริ่มเปลี่ยน จากคุณน้าอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคุณแม่อีกคนที่เห่อลูกสาวคนใหม่เอามาก"พี่อิงซ้อมยิ้มไว้เลยนะคะ วันนี้น่าจะต้องใช้ทั้งคืน""งานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?" เจโรมบอกมาอย่างนั้น รู้กันแค่ในวงศ์ตระกูลคงจะไม่เท่าจีเซลพูดมาหรอก"งั้นเราลงไปดูกันค่ะ ว่างานเล็กจริงไหม" ว่าแล้วน้ำอิงก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับสองสาว จีเซลทำให้เธอเริ่มประหม่
"สรุปแล้วเรื่องที่บอกว่าจะเข้ารับตำแหน่งคือเรื่องจริงเหรอ…" ฉันนั่งมองคนที่ใส่เสื้อสูทเนี๊ยบกว่าทุกวัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนกไทให้เพื่อความรวดเร็ว"อืม…วันนี้ประชุมแต่งตั้งประธานคนใหม่ของบริษัท""ว้าว…จะมีแฟนเป็นประธานบริษัทแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาตัวเองสุด ๆ""ฉันในเสื้อสูทแบบนี้ยังได้อารมณ์เธออยู่อีกไหม" แต่ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงคนขี้เล่นก็ยังคงกวนเหมือนเดิม แค่อยู่ในลุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง"เสื้อก็ดูดีอยู่นะ แต่ดูหน้าแล้วเฉย ๆ" ฉันย่นจมูกใส่เขา ตอบกวนไปงั้นทั้งที่จริงแล้วก็แอบหวีดในความเท่ของแฟนตัวเองตั้งแต่แรก"หาเรื่องเสียตัวแต่เช้า" ความแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ฉันรีบถอยหลัง ทั้งที่จะเข้างานอยู่แล้วเขาก็ยังเล่นอยู่ได้"พอเลย ท่านประธานจะเข้างานสายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะคะ""งั้นเก็บไว้คืนนี้แล้วกัน อย่าลืมว่าเธอยังมีนัดชุดเมดอีกชุดนะ ขอเด็ดกว่าเมื่อคืนนะ ถือว่าเป็นของขวัญการเลื่อนตำแหน่งของฉันด้วย""พี่นี่มุ่งแต่เรื่องบนเตียงจริง ๆ" ฉันถึงกับส่ายหัว เอะอะก็พาลงต่ำตลอด"มีให้เลือกสองสีสีดำเปิดบนสีแดงเปิดล่าง" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าฉันเองไม่ได้ชอบ เหมือนว่าจะเริ่มติดนิสัยหื่นไปจาก
ก็อก ๆ"อิงรีบตื่นเร็วเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!" ฉันงัวเงียขยี้ตาเพราะเสียงของคนเคาะประตูรัว ๆ เสียงนั้นคือเสียงแม่ฉันเองฉันจำได้ฟังดูร้อนรนแปลก ๆ จนฉันต้องรีบเดินไปเปิดประตู"มีอะไรคะแม่""ตาโรมจะถูกพ่อแกไล่ออกจากบ้านแล้ว""ฮะ ฮ้ะ!?" ฉันถึงกับเบิกตาโตได้สติขึ้นมาทันควัน ก่อนที่จะรีบวิ่งตามแม่ด้วยชุดนอนแล้วได้ยินเสียงของกระเป๋าที่ถูกโยนใส่พี่โรม"เกิดอะไรขึ้นคะพ่อ ทำไมพ่อต้องไล่พี่เขาด้วย" ฉันรีบยืนไปขวาง ไหนว่าความสัมพันธ์มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมถึงจบแบบนี้ได้"ฉันให้มันเก็บของตั้งแต่เมื่อคืน มันก็ไม่ยอมทำจนต้องใช้ให้ไอโป่งทำให้""ลุงให้ผมอยู่นะครับ ถ้าผมทำอะไรผิดไปผมขอโทษครับ""นั้นสิคุณ ที่ผ่านมาตาโรมก็ทำดีมาตลอดไม่ใช่เหรอ""เพราะมันทำดีมาตลอดนี่แหละถึงต้องให้มันกลับไป""ฮ้ะ!?" ทั้งฉันแม่และพี่โรมเลิกคิ้วงุนงงพร้อมกัน ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่"ฉันอนุญาตให้แกคบกับลูกสาวฉันต่อได้" "ลุง!/พ่อ!/คุณ!" เราสามคนเบิกตาโตเรียกพ่อคนละสรรพนามอย่างไม่ต้องนัดหมาย ให้ตายเถอะนี่มันเป็นข่าวดีในรอบสัปดาห์เลย ในที่สุดก็มีวันที่เขาเอาชนะใจพ่อฉันได้สักที"แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแกจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอยากอยู่ด้วยก