เข้าสู่ระบบตอนจะเลิกก็บอกทนได้ทุกอย่าง แล้วก็ทนมาตั้งหลายปี แต่พอจะขอมีเมียอีกคนกลับทนไม่ได้ งั้นก็เลิกไปเหอะรำคาญ!
ดูเพิ่มเติม▪️เกื้อกูล หรือ เฮียเกื้อ : พระเอกเถื่อน เจ้าของบ่อน ปากดี ขี้เง... เหงา เอาแต่ใจ ครบสูตรไม่เคยขัดจัดให้ตลอด
จากเจ้าของบ่อน...สู่หมาวัด
▪️ปัญทิตา หรือ ข้าวปั้น : นางเอกน่ารัก นุ่มนิ่ม เป็นนักศึกษา และเป็นพนักงานรับจ้างทำบัญชีในบ่อน
จากพนักงานรับจ้าง...สู่เมียเจ้าของบ่อน
นางเอกนุ่มนิ่ม เจอพระเอกตอนเข้าปีหนึ่ง พระเอกเข้ามาช่วยในช่วงชีวิตลำบากนั่นแหละ
พระเอกพอมันเจอเด็กได้กินแล้วดันปล่อยไม่ได้ หวง กัดหมดไม่สนหน้าไหน
แง๊ง ๆ ๆ ขู่ฟอด ๆ ตลอดเวลา (แล้วบอกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ -__-)
พระเอกมันบอกสงสารนางเอก เพราะถ้ามันทิ้งไปก็ไม่มีใครเอา และด้วยความใสซื่อ (บื้อ) ของนางเอก (อันนี้พระเอกบอกนะ)
นางเอกเลยล่ามคอพระเอกมาได้หลายปี... (ถามจริ๊งงงง) ไม่รักแต่อยู่กันมาหลายปีโพดดด
“เฮียทำแบบนี้ เคยคิดถึงอนาคตของเราสองคนบ้างไหม?”
“อย่ามางี่เง่าทำตัวเป็นนางเอกหลังข่าว อนาคตบ้าบออะไรวะ!”
ปัญทิตาเคยคิดว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถ้าเธอดีกับเขา แน่นอนว่าเขาจะต้องดีกับเธอ
แต่ในโลกของความเป็นจริง ยิ่งเราดี เรายอม สุดท้ายก็กลายเป็นเราที่โดนเอาเปรียบ
มันจะไม่เป็นอะไรเลยหากคนที่คอยจะเอาเปรียบเหยียบย่ำมันไม่ใช่คนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ผัว” ตัวเอง
ในเมื่อมันไม่เคยคิดจะเปลียนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นสักนิดเลย ปัญทิตาก็ถอยให้จนสุดทางแล้วแต่ก็ยังไม่พอ
ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงเมื่อไอ้เกื้อ…มันมาขอมีเมียอีกคน
“จะเลิกกับฉันคิดดีแล้วใช่ไหม? คิดว่าเลิกแล้วจะไปรอดหรือไง!”
“ใช่…เลิกกันเถอะเกื้อ”
“เออดี! งั้นไสหัวออกไปแล้วไม่ต้องกลับมา จะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว!!”
#นิยายเรื่องนี้เนื้อเรื่องโทนหม่น ดราม่า+โรมานซ์ จบสุขนิยม ในเรื่องมีเด็ก
เป็นเรื่อง TOXIC , มีการใช้กำลัง , SEX , มีคำหยาบคาย (แต่ไม่หยาบโลน) ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
รบกวนใช้วิจารณญาณในการอ่าน ไม่ทิ้งคอมเมนต์ด้านลบไว้กับนักเขียน เพราะนักเขียนจะหยอกกลับ
บทที่ 3 แค่ก้าวขาผิด ชีวิตเปลี่ยน!ปัญทิตาเดิมดุม ๆ ออกมาจากห้องทำงาน เธอมองซ้ายแลขวาก็พบพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง แต่เมื่อทุกคนเงยหน้ามาเห็นเธอก็ต่างก้มหน้าก้มตามากกว่าเดิม ปัญทิตาไม่เคยรู้ว่าทำไมพวกเขาต้องทำเช่นนั้น แต่พี่น้อยบอกว่าเด็กแผนกบัญชีไม่ควรจะไปสุงสิงกับใคร เราไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไร เธอต้องจับเงิน แถมเป็นเงินจำนวนมากในเมื่อเฮียจ้างเธอในราคาค่าจ้างที่สูงมากแล้วมันก็ต้องแลกกับอิสรภาพหรือสังคมในที่ทำงาน ปัญทิตาก็เชื่อฟังเพราะในตอนทำงานเธอกับพี่น้อยก็คุยกันนับคำได้ เพราะเราต้องมีสมาธิที่จะทำงานคิดเงิน แล้วอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ…เฮียไม่ชอบให้เธอคบคนมั่วซั่ว แค่เด็กครัวมาส่งข้าวก็มองหน้ากันไม่ได้แล้ว ปัญทิตาไม่เคยเล่นหูเล่นตากับผู้ชาย เรียนเสร็จก็มาทำงาน ทำงานเสร็จก็กลับบ้านเธออยู่แต่มหาลัยฯ บ่อน แล้วก็บ้าน ชีวิตมีแต่ยายและน้องชายเท่านั้นหลังจากเลิกเรียนเธอก็มาทำงานดีดเครื่องคิดเลขทำบัญชี กลับบ้านก็ประมาณเที่ยงคืนของทุกวันชีวิตเธอก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ปัญทิตาไม่เคยไปนอกลู่นอกทางที่ไหนแต่วันนี้ที่หญิงสาวแค่ก้าวขาออกประตูห้องทำงานผิดไปเพียงไม่กี่
บทที่ 2 ชีวิตที่ก้าวเข้ามาปัจจุบันปัญทิตาเรียนมหาลัยฯ ปีหนึ่ง เธออาศัยอยู่กับยายและน้องชายหนึ่งคน ปกติเธอรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารช่วงเวลาหลังเลิกเรียน แต่ช่วงสองเดือนมานี้ยายล้มป่วยจากการลื่นล้มในห้องน้ำ และบาดเจ็บเรื้อรังทำให้เดินเหินไม่สะดวก หมอบอกว่าอาจจะกลับมาเดินไม่ได้ หากยายยังดันทุรังทำงานต่อ งานของยายคือการรับจ้างร้อยพวงมาลัยให้กับแม่ค้าในตลาด ทำงานอยู่ที่บ้านวันหนึ่งทำตั้งแต่ตีสี่ถึงเย็น ถึงสายตายายจะมองไม่เห็นก็ใช้ความเคยชินเสียบมะลิร้อยเป็นพวงได้ เงินที่ยายได้มาก็พอเอามาเป็นค่ากับข้าวในแต่ละวัน แต่พอล้มป่วยแบบนี้ปัญทิตาก็ต้องรับหน้าที่หาเงินคนเดียว เธอกับน้องต้องไปโรงเรียน น้องน่ะเรียนฟรีเพราะเป็นโรงเรียนรัฐบาล แต่ถึงฟรีอย่างไรก็มีค่าใช้จ่ายแฝงอะไรต่าง ๆ ส่วนเธอไม่ได้กู้เรียนเพราะหาคนค้ำไม่ได้ แม้เธอจะเรียนมหาลัยฯ รัฐบาลเช่นกันแต่ค่าเทอมก็ยังถือว่าสูงมาก แต่ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้ ก็ต้องปากกัดตีนถีบหาไป เพราะฉะนั้นตอนนี้ปัญทิตาต้องการเงินที่เยอะมากขึ้นจึงหางานใหม่ทำ เด็กเสิร์ฟตอนเย็นไม่พอแล้ว และก็เหมือนสวรรค์โปรดมีคนรู้จักแนะนำให้มาสมัครงานที่นี่ ‘บ่อนเกื้อกูล’
บทที่ 1 เริ่มต้น…“ขอบคุณเฮียเกื้อมากนะคะที่ให้ปั้นทำงานที่นี่…แล้วก็เงินนี่ด้วย” ปัญทิตามองธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งในมือด้วยหัวใจเต้นแรง เธอไม่เคยจับเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต นี่เป็นครั้งแรกและทั้งหมดก็เพราะความเมตตาของผู้ชายที่ยืนยิ้มใจดีอยู่ตรงหน้าเธอนี้“เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องคิดมาก ข้าวปั้นมาทำงานให้เฮีย เฮียต่างหากที่ต้องขอบคุณ” เกื้อกูลยกบุหรี่ในมือขึ้นสูบก่อนจะพ่นควันสีขาวคลุ้งลอยขึ้นเหนือศีรษะของเราสองคน เขามองหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองตรงหน้า แม้เธอจะอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขายาวธรรมดา ใบหน้าขาวใสที่คอยแต่จะมุดหลบสายตา แต่นั่นก็ซ่อนความสวยสมวัยไว้ไม่ได้“ถ้าเฮียมีอะไรจะให้ปั้นช่วยบอกได้เลยนะคะ ปั้นเต็มใจ…ช่วยเฮียทุกอย่าง” ปัญทิตาพูดแล้วก็ก้มหน้าลงหลบซ่อนความเอียงอาย เฮียเกื้อขึ้นชื่อว่าเป็นคนน่ากลัว เป็นคนที่มีอิทธิพลแม้แต่ตำรวจแถวนี้ก็ไม่กล้ายุ่ง ตอนแรกที่เธอมาทำงานที่นี่ ใครรู้ก็มีแต่คนเตือนว่าอย่ามา อยู่ที่นี่แม้ความเป็นอยู่จะดีเพราะเงินสะพัด แต่ชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะไม่รู้จะเดินไปสะดุดเท้าใครตอนไหน หรือหากทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจ อาจจะหายไปเฉย ๆ อย่างไร้ร่องร
▪️เกื้อกูล หรือ เฮียเกื้อ : พระเอกเถื่อน เจ้าของบ่อน ปากดี ขี้เง... เหงา เอาแต่ใจ ครบสูตรไม่เคยขัดจัดให้ตลอด จากเจ้าของบ่อน...สู่หมาวัด▪️ปัญทิตา หรือ ข้าวปั้น : นางเอกน่ารัก นุ่มนิ่ม เป็นนักศึกษา และเป็นพนักงานรับจ้างทำบัญชีในบ่อน จากพนักงานรับจ้าง...สู่เมียเจ้าของบ่อนนางเอกนุ่มนิ่ม เจอพระเอกตอนเข้าปีหนึ่ง พระเอกเข้ามาช่วยในช่วงชีวิตลำบากนั่นแหละพระเอกพอมันเจอเด็กได้กินแล้วดันปล่อยไม่ได้ หวง กัดหมดไม่สนหน้าไหน แง๊ง ๆ ๆ ขู่ฟอด ๆ ตลอดเวลา (แล้วบอกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ -__-) พระเอกมันบอกสงสารนางเอก เพราะถ้ามันทิ้งไปก็ไม่มีใครเอา และด้วยความใสซื่อ (บื้อ) ของนางเอก (อันนี้พระเอกบอกนะ) นางเอกเลยล่ามคอพระเอกมาได้หลายปี... (ถามจริ๊งงงง) ไม่รักแต่อยู่กันมาหลายปีโพดดด “เฮียทำแบบนี้ เคยคิดถึงอนาคตของเราสองคนบ้างไหม?” “อย่ามางี่เง่าทำตัวเป็นนางเอกหลังข่าว อนาคตบ้าบออะไรวะ!” ปัญทิตาเคยคิดว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถ้าเธอดีกับเขา แน่นอนว่าเขาจะต้องดีกับเธอแต่ในโลกของความเป็นจริง ยิ่งเราดี เรายอม สุดท้ายก็กลายเป็นเราที่โดนเอาเปรียบมันจะไม่เป็นอะไรเลยหากคนที่คอยจะเอาเปรียบเหยีย