ร้าน ALL ABOUT YOU
ฉันนั่งดูดน้ำสตอเบอร์รี่ปั่นอารมณ์ดีเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าฉันสัมภาษณ์งานผ่านแล้ว ได้บรรจุเป็นพนักงานของบริษัทเครือเดรโกเรียบร้อย โชคดีเป็นบ้าที่ได้งานในบริษัทยักษ์ใหญ่ แถมยังเป็นบริษัทเดียวกันกับที่เพื่อนสนิททำงานอีก ถือว่าวันนี้ฉันโชคดีสองต่อเลยทีเดียว
ฉัน : รอที่ร้านนะตามโลเคชั่นที่ส่งไปเลย ~
ส่งข้อความให้ปลายฝนเสร็จก็ดูดน้ำปั่นต่อระหว่างที่รอเพื่อนสนิทที่สัญญาจะพามาเลี้ยงฉลองงานใหม่
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงยัยเพื่อนตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาให้ฉันเห็นเสียที โทรไปก็ไม่รับสายจนต่อมาก็ปิดเครื่องใส่ ปกติปลายฝนไม่ใช่คนที่จะผิดนัดและไม่รักษาเวลา จนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเพราะคิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเตรียมจะจ่ายตังค์เพื่อไปหาเธอแทน
แต่แล้ว…
พรึ่บ!
อยู่ ๆ ที่นั่งว่างตรงข้ามฉันก็มีผู้ชายรูปร่างสูงหย่อนตัวนั่งลง เป็นผู้ชายรูปร่างดีใบหน้าหล่อเหลาราวฟ้าประธานผิวขาวสว่างออร่าไปทั่วร้าน สวมชุดสบาย ๆ และแว่นตาดำอำพรางที่ถึงกับทำฉันชะงัก ความหล่อที่ปะทะเข้าหน้าดึงฉันสู่ห้วงภวังค์จากที่กำลังจะลุกดันยืนนิ่งจนกระทั่งเขาค่อย ๆ ถอดแว่นตาความหล่อก็ปะทะใบหน้าจนฉันไปไม่เป็น…
"หึ" คนตรงหน้าฉันระบายยิ้มมุมปากแล้วเลิกคิ้วใส่ นั้นจึงเรียกสติให้ฉันรู้สึกตัวแล้วพยายามปิดปากเก็บอาการ แม้มันจะไม่ทันแล้วก็ตาม
"คะ คุณนั่งผิดโต๊ะหรือเปล่าคะ?"
"ใช่เพื่อนน้องปลายฝนหรือเปล่า?" ฉันขมวดคิ้วยุ่งเขารู้จักกับเพื่อนสนิทฉัน
"คุณรู้จักปลายฝนด้วยเหรอคะ?"
"ฉันมาแทนปลายฝน"
"ละ แล้วปลายฝนล่ะคะ เกิดอะไรขึ้นกับปลายฝนหรือเปล่า?"
"ปลายฝนไม่ได้เป็นอะไร เธอแค่ไม่ว่าง" ทำไมยัยฝนถึงได้ไม่บอกอะไรฉันเลย แล้วมีอย่างที่ไหนนัดแล้วให้คนอื่นมาแทน ฉันโกรธเพื่อนมากเลยนะกับสิ่งที่ทำลงไปแต่เห็นแก่สิ่งที่เพื่อนส่งคนหล่อมาเป็นตัวแทน ฉันยอมให้อภัยเพื่อนก็ได้
"อ๋อ…ค่ะ" ฉันยิ้มอ่อนแล้วเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ไม่ได้สบตาเขาตรง ๆ เล่นหล่อทะลุแว่นขนาดนี้ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลยทีเดียว
"แล้วเธอ…ชื่ออะไรนะ?"
"ฉันชื่อน้ำอิงค่ะ" ฉันหันไปสบตาเขาอีกครั้ง แต่แววตาคู่นั้นทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกจนต้องเอ่ยถาม
"เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนไหมคะ ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง"
"หึ…" คนตรงข้ามไม่ได้ตอบคำถามของฉัน แต่เขากลับหัวเราะในลำคอทำเอาฉันเริ่มไม่มั่นใจว่าคำถามฉันมันตลกตรงไหนกัน?
"คุณหัวเราะอะไรเหรอคะ?"
"ฉันเจอมาเยอะแล้วไอมุกแบบนี้"
"คะ?" ฉันแทบไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด มุกเมิกที่เขาหมายถึงมันแปลว่าอะไร ฉันก็แค่ถามในสิ่งที่กำลังสงสัยมันน่าหัวเราะตรงไหนกัน
"ฉันมาที่นี่เพราะคำสั่งของดีแลน ถ้ามันไม่บังคับฉันคงไม่มีทางมาที่แบบนี้"
"คุณกำลังหมายถึงอะไร?" ฉันเริ่มเปลี่ยนเสียงเล็กน้อยขมวดคิ้วใส่คนตรงหน้าที่พูดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ
"อย่ามาอ่อยฉันให้เสียเวลาเลย"
"อ่อย?"
"อือ"
"ฉันเนี่ยนะอ่อยคุณ คิดได้ยังไง!?" เขาเอาอะไรมาพูดถึงได้คิดว่าฉันกำลังอ่อยเขา ไม่มีตรงไหนเลยที่มันจะตีความไปในทิศทางนั้น แล้วไอสายตาที่ไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้กิริยาแบบนั้นทั้งที่เราไม่รู้จักและสนิทเกินกว่าจะใช้มัน
"ทั้งสายตาท่าทางและคำพูดยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ หึ…จะบอกให้ว่าคนแบบเธอไม่ใช่สเปกฉันหรอก"
"นี่…ฉันไปอ่อยคุณตอนไหนฮ้ะ!" คราวนี้ฉันลุกพรวดแล้วจ้องมองคนที่มโนพูดไม่หยุด ทางสายตาฉันยอมรับว่ามองเขาตอนแรกว่าหล่อจริง ๆ แต่กับคนหล่อคนอื่นก็ใช่ว่าฉันจะไม่ทำ ใครหล่อก็แค่มองไปตามประสา มองด้วยความชื่นชม โดยไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นและที่ผ่านมาผู้ชายที่ฉันมองก็ไม่มีใครเคยคิดว่าฉันไปอ่อยเขาเลยสักคน เว้นแต่นายบ้านี่…
นายบ้าตรงหน้าไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับคำพูดของฉันเลย เขายกโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเล่นสบายใจเฉิบราวกับไม่เดือดร้อนไปกับฉันด้วย
"นี่นาย ฉันถามนายอยู่นะ" คราวนี้เขาเก็บโทรศัพท์กลับไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วไล่สายตามองเรือนร่างของฉันอีกครั้ง
"หุ่นเธอก็ดีอยู่หรอกนะ หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่เธอ…นมเล็กไปหน่อย"
"ไอโรคจิต!" ฉันรีบปิดหน้าอกด้วยมือสองข้างแทบไม่ทัน ไอบ้าตรงหน้าใช้สายตามองแล้วหัวเราะร่า ในขณะที่ฉันหัวร้อนสูงปรี๊ดแต่เขากลับหยิบแว่นตาดำมาสวมแล้วทำท่าจะเดินหนีทั้งที่เรายังไม่ได้เคลียร์กันให้ชัดเจน
"หยุดนะ นายจะมาว่าฉันแล้วหนีไปแบบนี้เหรอ" ฉันไม่สนใจหลายสายตาของคนในร้านที่กำลังมองมา แต่วันนี้ฉันต้องคุยกับไอโรคจิตนี้ให้เข้าใจว่าฉันไม่ได้อ่อยเขา และไม่ได้พิษสวาทอะไรในตัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
"อย่าลืมบอกเพื่อนเธอด้วยว่าฉันมาตามนัดแล้ว" เขาพูดจบก็หันหลังก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปจากร้านทันที ปล่อยให้ฉันแทบอยากจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง จากที่คิดว่าวันนี้เป็นวันที่ดีโชคสองต่อแต่กลับกลายเป็นวันที่เฮงซวยที่สุดตั้งแต่เกิดมา
ไม่เคยมีใครดูถูกฉันได้เท่าเขามาก่อนเลย…
"ยินดีด้วยนะคะ เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยค่ะ" ฉันเผยยิ้มกว้างในตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกเพศลูก ระหว่างที่เรากำลังอัลตราซาวด์ดูเจ้าก้อนในท้องพี่โรมก็จับมือไว้แน่น ใช่แล้ว…ฉันได้ลูกแฝดหญิงทั้งสองคน คราวนี้บ้านหลังใหญ่ก็จะไม่เหงาแล้วดังไปด้วยเสียงร้องไห้โวยวายหัวเราะกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต อีกสี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักของแม่…ฉันปรายมองพ่อของเขาที่กำมือฉันไว้แน่น เห็นลูกผ่านเครื่องหน้าจอเล็ก ๆ เขาก็พลอยบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ช่วงนี้คุณพ่อเขาอ่อนไหวง่ายมาก ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันจะไม่มีทางเชื่อว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อน"เจ้าหนูน้อยทั้งสองคนปกติมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจะจ่ายวิตามินให้คุณแม่แทนนะคะ""ขอบคุณค่ะคุณหมอ" แล้วเราสองคนก็ออกมารอหน้าห้องตรวจ หลังจากรู้เพศคนตัวโตก็เงียบไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่จับมือฉันตลอดเวลาและรับรู้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนา"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่พูดอะไรเลย" พอฉันถามจบพี่โรมก็หันมามอง นัยน์ตาคู่คมกำลังจริงจังเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ"เหมือนเวรกรรมจะตามทันฉันแล้ว""คะ?" ฉันเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร"มีลูกสาวฉันต้องเป็นบ้าแน่น้ำอ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างานแต่งงานถูกจัดขึ้นภายในเดือนเดียวหลังจากวันสู่ขอ โดยทางเจ้าบ่าวจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมเหลือเพียงแค่เจ้าสาวที่มาเข้าร่วมงานเท่านั้น"ส่วนใหญ่เสร็จหมดแล้วครับ" คืนสุดท้ายก่อนงานจะเริ่มขึ้นเจโรมเดินมาตรวจงานด้วยตัวเอง ทุกที่จะต้องไม่มีความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้นและจะต้องออกมาดีที่สุดสมฐานะเจ้าสาวคนสวยของเขาเท่านั้น"มีคนจะคุยกับนายครับ" เลขาส่วนตัวยื่นโทรศัพท์เครื่องตัวเองให้เจ้านายที่กำลังตรวจตรา แต่เขาทำท่าไม่สนเพราะงานแต่งงานถือว่าเป็นงานสำคัญที่เขาละสายตาไม่ได้"ไม่ว่าง ลงคิวไว้ถ้ารีบก็ยกเลิกไปซะ" เจโรมตอบแค่นั้น วันนี้เขาทำงานมาทั้งวันเพื่อจะจัดการงานที่บริษัทให้จบไม่รบกวนชีวิตหลังแต่งงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาจะใช้กับเมียทั้งวันทั้งคืน ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาค่ำมากแล้วถึงเวลาที่เขาจะให้เวลากับงานสำคัญในชีวิตบ้าง"ที่สั่งไว้ไม่ใช่ดอกนี้ เอาไปเปลี่ยน" เจโรมชี้นิ้วใส่ดอกไม้ริมทางเดินเข้างาน เขาขมวดคิ้วไม่พอใจ ก่อนที่ออแกไนซ์ของงานจะรีบวิ่งมาแก้ไขทันที"นายครับ…""บอกให้ลงคิวไว้ไง!" เจโรมหันไปเสียงดังใส่เลขาที่วอแวไม่เลิก"คุณน้ำอิงบอกว่าโทรหานายไม่ติดครับ ถ้าอย
ในวันหยุดสัปดาห์นี้ฉันเลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพราะวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต นั้นคือวันที่พี่โรมจะเข้ามาสู่ขอฉันจากพ่อและแม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามขนบธรรมเนียม"น้ำอิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง" เสียงดังจากนอกประตูทำให้ฉันเปิดออกมา เป็นคุณนายน้ำหวานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเดินมาตามฉันที่เอาแต่กกตัวอยู่แต่ในห้อง"เป็นอะไรไป ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย""แม่…หนูกลัว" ฉันโน้มตัวกอดแม่ไว้แน่น ทั้งกลัวและตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ"มีอะไรต้องกลัว ไม่เชื่อใจตาโรมอีกเหรอ?""เปล่าค่ะ หนูกลัวพ่อไม่ให้แต่ง" พ่อคาดเดาอารมณ์ยากมากแค่ไหนฉันรู้ดี ถึงจะออกปากอนุญาตให้คบกันแล้วฉันก็ยังวิตกอยู่ดี"นี่...ยัยลูกสาว จำไม่ได้หรือไงว่าพ่อแกน่ะเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอเร็ว ๆ แบบนี้จะไม่ให้แต่งได้ยังไง""ก็จริง หนูลืมไปเลย" ฉันผละกอดแม่หลังจากคิดตามคำพูด ก่อนหน้าพ่อฉันก็พูดเองว่าเสร็จธุระก็รีบมาขอ และตอนนี้พี่โรมก็ดูจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว เป็นมาเฟีย เป็นประธานบริษัทรับช่วงต่อ บททดสอบจากคนเป็นพ่อฉันก็ผ่านแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก"อยากมีผัวจนลืมเลยหรือไง...""แม่!!!" แล
น้ำอิงถูกคนของแม่เจโรมมารับใต้คอนโดแต่เช้า ล่วงหน้ามาก่อนงานจะเริ่ม ส่วนคนตัวโตจะตามมาทีหลังเมื่อใกล้เริ่มงาน"แม่พี่อิงออกมาแล้ว~" นอกจากจะมีเธอแล้วยังมีจีเซลและบีน่าที่มาทำสวยพร้อมกัน ณ ห้องที่ถูกเตรียมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่น้ำอิงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดสองสาวก็พากันตกตะลึงในความสง่าของเธอทั้งหน้าองค์ทรงเครื่องที่เพรียบพร้อมเมื่ออยู่บนใบหน้าที่สวยธรรมชาติก็ยิ่งทำให้สวยไปใหญ่"พี่สะใภ้สวยมาก~" จีเซลยิ้มชม"จริง เหมือนน้าสมัยสาว ๆ" เสริมด้วยบีน่าอีกคนที่อวยแฟนของลูกชายไม่หยุด"คุณน้ากับจีก็สวยเหมือนกันค่ะ""เอาเป็นว่าเราสวยกันทุกคน งั้นรีบลงไปกันเถอะ แม่ต้องลงไปรับแขกแล้ว""น้ำอิงมากับแม่นะ วันนี้แม่จะแนะนำลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก" สรรพนามของบีน่าเริ่มเปลี่ยน จากคุณน้าอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคุณแม่อีกคนที่เห่อลูกสาวคนใหม่เอามาก"พี่อิงซ้อมยิ้มไว้เลยนะคะ วันนี้น่าจะต้องใช้ทั้งคืน""งานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?" เจโรมบอกมาอย่างนั้น รู้กันแค่ในวงศ์ตระกูลคงจะไม่เท่าจีเซลพูดมาหรอก"งั้นเราลงไปดูกันค่ะ ว่างานเล็กจริงไหม" ว่าแล้วน้ำอิงก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับสองสาว จีเซลทำให้เธอเริ่มประหม่
"สรุปแล้วเรื่องที่บอกว่าจะเข้ารับตำแหน่งคือเรื่องจริงเหรอ…" ฉันนั่งมองคนที่ใส่เสื้อสูทเนี๊ยบกว่าทุกวัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนกไทให้เพื่อความรวดเร็ว"อืม…วันนี้ประชุมแต่งตั้งประธานคนใหม่ของบริษัท""ว้าว…จะมีแฟนเป็นประธานบริษัทแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาตัวเองสุด ๆ""ฉันในเสื้อสูทแบบนี้ยังได้อารมณ์เธออยู่อีกไหม" แต่ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงคนขี้เล่นก็ยังคงกวนเหมือนเดิม แค่อยู่ในลุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง"เสื้อก็ดูดีอยู่นะ แต่ดูหน้าแล้วเฉย ๆ" ฉันย่นจมูกใส่เขา ตอบกวนไปงั้นทั้งที่จริงแล้วก็แอบหวีดในความเท่ของแฟนตัวเองตั้งแต่แรก"หาเรื่องเสียตัวแต่เช้า" ความแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ฉันรีบถอยหลัง ทั้งที่จะเข้างานอยู่แล้วเขาก็ยังเล่นอยู่ได้"พอเลย ท่านประธานจะเข้างานสายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะคะ""งั้นเก็บไว้คืนนี้แล้วกัน อย่าลืมว่าเธอยังมีนัดชุดเมดอีกชุดนะ ขอเด็ดกว่าเมื่อคืนนะ ถือว่าเป็นของขวัญการเลื่อนตำแหน่งของฉันด้วย""พี่นี่มุ่งแต่เรื่องบนเตียงจริง ๆ" ฉันถึงกับส่ายหัว เอะอะก็พาลงต่ำตลอด"มีให้เลือกสองสีสีดำเปิดบนสีแดงเปิดล่าง" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าฉันเองไม่ได้ชอบ เหมือนว่าจะเริ่มติดนิสัยหื่นไปจาก
ก็อก ๆ"อิงรีบตื่นเร็วเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!" ฉันงัวเงียขยี้ตาเพราะเสียงของคนเคาะประตูรัว ๆ เสียงนั้นคือเสียงแม่ฉันเองฉันจำได้ฟังดูร้อนรนแปลก ๆ จนฉันต้องรีบเดินไปเปิดประตู"มีอะไรคะแม่""ตาโรมจะถูกพ่อแกไล่ออกจากบ้านแล้ว""ฮะ ฮ้ะ!?" ฉันถึงกับเบิกตาโตได้สติขึ้นมาทันควัน ก่อนที่จะรีบวิ่งตามแม่ด้วยชุดนอนแล้วได้ยินเสียงของกระเป๋าที่ถูกโยนใส่พี่โรม"เกิดอะไรขึ้นคะพ่อ ทำไมพ่อต้องไล่พี่เขาด้วย" ฉันรีบยืนไปขวาง ไหนว่าความสัมพันธ์มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมถึงจบแบบนี้ได้"ฉันให้มันเก็บของตั้งแต่เมื่อคืน มันก็ไม่ยอมทำจนต้องใช้ให้ไอโป่งทำให้""ลุงให้ผมอยู่นะครับ ถ้าผมทำอะไรผิดไปผมขอโทษครับ""นั้นสิคุณ ที่ผ่านมาตาโรมก็ทำดีมาตลอดไม่ใช่เหรอ""เพราะมันทำดีมาตลอดนี่แหละถึงต้องให้มันกลับไป""ฮ้ะ!?" ทั้งฉันแม่และพี่โรมเลิกคิ้วงุนงงพร้อมกัน ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่"ฉันอนุญาตให้แกคบกับลูกสาวฉันต่อได้" "ลุง!/พ่อ!/คุณ!" เราสามคนเบิกตาโตเรียกพ่อคนละสรรพนามอย่างไม่ต้องนัดหมาย ให้ตายเถอะนี่มันเป็นข่าวดีในรอบสัปดาห์เลย ในที่สุดก็มีวันที่เขาเอาชนะใจพ่อฉันได้สักที"แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแกจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอยากอยู่ด้วยก