“นับรู้จักน้องเก้าทัพด้วยเหรอ” เมื่อเดินมาได้ไกลพอสมควรแพรววาก็ถามนับดาวด้วยความตื่นเต้นก่อนที่นับดาวจะพยักหน้ารับน้อย ๆ แพรววาถึงกับกระโดดโลดเต้นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกที่นับดาวรู้จักกับคนดังอย่างน้องเก้าทัพ กันต์ดนัย
“งื้อ อิจฉาอะ ไปรู้จักน้องเก้าได้อย่างไร แล้วดูสิยิ้มหวานให้น้องสาวพี่ขนาดนี้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่าเอ่ย” แพรววาถามนับดาวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนสาวน้อยไปด้วย นับดาวถึงกับยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ กับคำถามของแพรววาก่อนที่น้ำเสียงสดใสจะตอบกลับแพรววา
“เป็นปกติของคนที่รู้จักกันจะยิ้มให้กันหรือเปล่าคะ” นับดาวพูดออกมาอย่างพาซื่อก่อนที่แพรววาจะส่ายหัวรัว ๆ จนผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิงไปหมด นับดาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่แพรววาส่ายหัวรัวขนาดนั้นราวกับว่าที่จริงแล้วพี่เก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครอย่างนั้นแหละ
“คนอย่างน้องเก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิง” คำตอบของแพรววาทำเอานับดาวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจเพราะดู ๆ ไปแล้วพี่เก้าทัพก็ออกจะอัธยาศัยดี ยิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับเธอแถมยังอ่อนโยนจนใจเธออ่อนไหวอีกต่างหาก
อ่อนไหวแค่ไหนไม่รู้ ที่เธอรู้คือตอนนี้ใจเธอมันไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้วแต่มันกลับลอยไปอยู่กับใครบางคนผู้ชายคนนั้นที่เธอตกหลุมรักแค่เพียงแรกพบ
“เราคงยังไม่รู้จักน้องเก้าดีน่ะสิ น้องเก้าอะฮอตมากเลยนะในมหาวิทยาลัยน้องเรียนมหา'ลัยเดียวกับที่เราจะเข้าไปเรียนนั่นแหละ เป็นคนพูดน้อย แต่ต่อยโคตรหนัก เย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือที่สำคัญไม่ค่อยมีใครได้เห็นรอยยิ้มของน้องเก้านักหรอก แต่เมื่อกี้พี่เห็นเต็มสองตาว่าน้องเก้ายิ้มให้เราแถมเป็นยิ้มที่โคตรละมุนอะ บุญตาแพรววาคนนี้จริง ๆ”
แพรววายิ้มกว้างเมื่อคิดไปถึงรอยยิ้มหวานละมุนของเก้าทัพที่ยิ้มให้นับดาวส่วนนับดาวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็อมยิ้มน้อย ๆ อย่างรู้สึกดีที่เก้าทัพยิ้มให้เธอเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่เจอกันมาจนถึงวันนี้
“เอ่อ แล้วพี่เก้าทัพเขามีแฟนหรือยังคะ” คำถามที่อยู่ในใจนับดาวทำให้เธอกลั้นใจถามแพรววาออกไปอย่างต้องการรู้ว่าเทพบุตรที่อยู่ในสี่ห้องหัวใจของเธอ เขามีเจ้าของจับจองหัวใจของเขาหรือยัง
“ฮันแน่ ถามแบบนี้แอบชอบเขาอะดิ ใช่ไหม ใช่ไหม” แพรววาถามนับดาวยิ้ม ๆ อย่างรู้ทันนับดาวไม่ตอบแต่ดวงตากลมโตที่ทอประกายสุกสกาวอย่างรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อทำเอารอยยิ้มของแพรววาถึงกับค่อย ๆ เจื่อนลง
“เฮ้อ น้องเก้าทัพอะอยู่สูงเกินเอื้อมมากเลยรู้ไหม พี่ไม่ได้พูดดักทางเรานะแต่มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ หน้าตาระดับเก้าทัพที่เป็นเดือนมหา'ลัยไม่มีใครไม่รู้จัก”
“สาว ๆ ทั้งมหา'ลัยมีแต่คนชอบน้องเก้ากันทั้งนั้นเพื่อนพี่ยังแอบชอบน้องมันเลย ส่วนเรื่องผู้หญิงอะนะน้องมันเย็นชาก็จริง แต่ก็ฟาดเรียบทุกรายแถมยังกินเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครมาโวยวายแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของน้องมันเลยสักคน”
“แต่บางครั้งผู้หญิงที่สวยมาก ๆ มาเสนอน้องมันกลับไม่สนองก็มี เอาง่าย ๆ เก้าทัพเขาอยู่คนละโลกกับเรา โลกของเก้าทัพมันคือโลกของเทพบุตรในขณะที่เราก็แค่คนเดินดินกินข้าวแกงธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
แพรววาพูดจบก็ยกมือขึ้นตบไหล่นับดาวที่หน้าหม่นเศร้าลงเล็กน้อยอย่างต้องการให้กำลังใจสาวน้อยวัยแรกแย้มคนนี้ที่หัวใจน่าจะหลุดลอยไปอยู่กับเก้าทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่นับดาวจะคลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างยอมรับในความแตกต่างของเธอกับเก้าทัพว่าเธอไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาเลยสักนิด เพราะฉะนั้นเธอแค่เก็บเขาเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจก็พอแล้วนับดาว
“สำหรับนับแค่ได้แอบรักพี่เก้าทัพข้างเดียวแบบนี้ก็พอแล้วค่ะ ได้แค่มองจากที่ไกล ๆ นับดาวก็พอใจแล้วไม่หวังมากไปกว่านี้หรอกค่ะ” นับดาวพูดพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุขแพรววาที่เห็นแบบนั้นก็ให้รู้สึกคลายใจ เพราะเธอกลัวว่านับดาวจะหลงรักเก้าทัพและถลำลึกจนมากเกินไปจนสุดท้ายแล้วนับดาวจะเป็นคนที่เสียใจมากที่สุด
“คิดได้แบบนี้ก็ดีพี่ค่อยสบายใจหน่อย นับดาวน้องพี่เป็นคนสดใส น่ารัก พี่ไม่อยากให้เราต้องเสียใจถ้าไม่สมหวังในความรัก” แพรววาดึงนับดาวเข้ามากอดอย่างรักใคร่ในตัวน้องสาวคนนี้ เธอไม่อยากให้ดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์ดอกนี้ต้องถูกทำลายลงจนเหี่ยวเฉาไร้ความสวยงาม
“ไปทำงานกันต่อดีกว่า”
แพรววาบอกนับดาวก่อนที่สองสาวจะจูงมือกันกลับไปทำงานต่อกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่นับดาวทำงานสายตาของเก้าทัพไม่ได้ละไปจากใบหน้าสวยหวานเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าสาวน้อยจะไปเสิร์ฟที่โต๊ะไหนสายตาที่คมกริบของเขาจะคอยจ้องมองเธอเสมอ ความสดใส ความน่ารักของนับดาวทำให้เก้าทัพไม่สามารถที่จะละสายตาไปทางอื่นได้เลย
“สนใจเพื่อนบ้างก็ได้ครับคุณชายเก้า” ดาร์คแซวเพื่อนที่เอาแต่มองตามร่างบางของสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่ยิ้มทีโลกสดใสจนแทบละสาย และใช่เก้าทัพจ้องมองไม่ยอมละสายตาไปทางไหนเลย เพื่อนเขาเอาแต่นั่งจ้องแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า
“พวกมึงน่าสนใจตรงไหนน่ารำคาญเสียมากกว่า” เก้าทัพว่าให้เพื่อนก่อนที่จะยกเหล้าขึ้นดื่มดวงตายามที่ทอดมองนับดาวช่างแสนอ่อนโยนและละมุนละไม เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องยิ้มเพียงแค่ได้เห็นหน้าสวย ๆ หวาน ๆ ของนับดาวรอยยิ้มเขามันก็เผยออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เพื่อนกูโดนพิษรักเล่นงานเข้าแล้วว่ะ”
พอร์ชพูดขึ้นลอย ๆ แต่คำพูดของเพื่อนทำเอาเก้าทัพที่กำลังยิ้มอยู่ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย รัก อย่างนั้นหรือ ความรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยหน้าหวานตัวหอมคนนั้นเรียกว่ารักเหรอ หึ ไม่มีทางคนอย่างเขาชอบคนยากจะตายมันเป็นแค่ความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ใจเขาก็ยังคงเป็นของเขายังไม่ได้หลุดลอยไปหาใครทั้งนั้น
“รักบ้ารักบอมึงก็เวอร์เกินไปไอ้พอร์ช กูก็แค่เอ็นดูน้องมันเท่านั้น”
เก้าทัพแก้ต่างให้ตัวเองที่โดนเพื่อนว่าเข้าให้ก่อนที่พอร์ชจะยกยิ้มมุมปากและทำสีหน้าราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เก้าทัพบอก บางทีเพื่อนของเขาอาจจะตกหลุมรักสาวน้อยคนนั้นโดยไม่รู้ตัวแล้วก็ได้ใครจะไปรู้ น่ารักอย่างกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเสียขนาดนั้นเขาเห็นครั้งแรกยังนึกชอบเลย
“หึ เอ็นดูก็เอ็นดูอย่าให้รู้ว่าให้น้องมันมาดูเอ็นล่ะ” คำพูดเล่นลิ้นที่จงใจเหน็บเพื่อนของพอร์ชทำเอาน้ำแข็งที่ควรจะอยู่ในถังน้ำแข็งลอยไปโดนหัวของพอร์ชอย่างไม่ผิดเป้า หนุ่มตี๋หน้าหล่อถึงกับร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย ไอ้เก้าโยนมาได้กูเจ็บนะเว้ย”
พอร์ชโวยวายหน้างอด้วยความเจ็บก่อนที่เก้าทัพจะลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำของตนเองที่ทำเพื่อนเจ็บ
“พูดมากน่ารำคาญกลับบ้านดีกว่า” กระดกเหล้าแก้วสุดท้ายลงคอก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันทีทิ้งให้เพื่อนสองคนหันมามองหน้ากันยิ้ม ๆ อย่างมีเลศนัย ดูท่าเพื่อนเก้าทัพของพวกเขากำลังตกหลุมรักสาวน้อยหน้าสวยเข้าให้เสียแล้วสิ
วันเวลาที่ผ่านไปเร็วราวกับเข็มนาฬิกาที่ไม่เคยหยุดเดินทำให้ตอนนี้กองทัพกับพราวฟ้าใกล้จะจบปีการศึกษาแล้วซึ่งสำหรับกองทัพเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกเขาก็ต้องไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต่อไปซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้เรียนที่ไหน ตอนนี้เก้าทัพกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าบิดาในห้องทำงาน เขามาที่นี่เพื่อมาขอคำปรึกษาจากบิดาถึงเรื่องเรียนต่อของลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่การเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มตัว“ผมอยากให้ลูกไปเรียนต่อมัธยมที่เมืองนอกพ่อมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ” เก้าทัพถามบิดาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่กฤษฎิ์จะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เพราะตัวเขาเองก็ส่งเก้าทัพไปเรียนต่อที่เมืองนอกเช่นกัน แต่เป็นการส่งไปเรียนหลังจากที่เก้าทัพเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยแล้ว แต่เก้าทัพกลับคิดต่างจากเขาคือให้ส่งเจ้ากองทัพไปตั้งแต่ยังเด็ก“ทนคิดถึงลูกไหวไหมล่ะ” คำถามของบิดาทำให้เก้าทัพถึงกับยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะคำถามแบบนี้นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเห็นด้วยกับการที่เขาจะส่งกองทัพไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ“คิดถึงสิครับ คิดถึงมากด้วย แต่เก้าก็อยากให้พี่ทัพไปเรียนรู้การใช้ชีวิตของการเป็นเด็กวัยรุ่นไปจนถ
หลายปีต่อมาพราวฟ้าเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีท่ามกลางความรักและความเอาใจใส่จากนับดาวและเก้าทัพที่ดูแลลูกสาวด้วยตัวเอง หลังจากพราวฟ้าอายุได้สองขวบ กองทัพก็ให้นับดาวกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ส่วนเขาก็รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยที่กำลังซนและยิ้มเก่งอย่างมีความสุข โดยที่มีพี่แก้มใสรับอาสาช่วยเลี้ยงในบางวันที่เก้าทัพต้องไปตรวจดูงานที่กาสิโนที่เขาชอบเอาลูกสาวไปฝากพี่แก้มใสให้ช่วยเลี้ยงเป็นเพราะว่าเก้าทัพไม่อยากรบกวนบิดามารดากับคุณแม่ปรานีที่อายุมากแล้ว ถึงท่านทั้งสามคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม เพราะลูกสาวเขาซนมากถึงมากที่สุดสงสัยเขาคงปล่อยให้อยู่กับพี่แก้มใสมากเกินไปเลยค่อนข้างซนและดื้อมากทีเดียว“พี่ทัพอย่าลืมไปส่งน้องที่ห้องเรียนด้วยนะคะ” นับดาวกำชับกองทัพที่โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อวัยประถมหน้าตาดีจนเด็กสาวหลาย ๆ คนตกหลุมรักพากันซื้อขนมมาฝากแทบทุกวันที่กลับมาจากโรงเรียน กองทัพพยักหน้ารับคำสั่งของมารดาพร้อมกับจับมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพราวฟ้ามากุมเอาไว้ ปีนี้พราวฟ้ากำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ส่วนกองทัพก็กำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หกซึ่งเก้าทัพให้ลูกทั้งสองคนเรียนในรั้วโรงเรีย
เช้าวันหนึ่งนับดาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเมื่อคืนกว่าที่น้องพราวจะยอมเข้านอนเธอกับพี่เก้าทัพก็แทบจะหลับก่อนลูกสาวตัวน้อยเสียอีก เมื่อวานพราวฟ้านอนกลางวันตื่นอีกทีเกือบเย็นเลยทำให้ลูกสาวของเธอไม่ยอมหลับเสียทีส่วนกองทัพที่ตอนแรกเล่นกับน้องสาวอยู่ดี ๆ ก็นอนหลับคากองของเล่นจนเก้าทัพต้องอุ้มลูกชายไปส่งที่ห้องนอน“แอ๊ แอ๊ เก้า เก้า หม่ำ ๆ ๆ”เด็กหญิงพราวฟ้าในวัยสิบเดือนคลานซุกซนบนเตียงนอนใหญ่ไปมาอย่างอารมณ์ดี นี่ขนาดนอนดึกแล้วนะ แต่ลูกสาวเธอกลับตื่นแต่เช้าในขณะที่เธอเพิ่งลืมตาตื่น นับดาวฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงข้าง ๆ ลูกสาวของเธอโดยมีพี่เก้าทัพที่กำลังหยอกล้อเล่นกับลูกสาวตัวน้อยอย่างอารมณ์ดี“ตื่นแล้วเหรอคะคนสวยของพี่เก้า” เก้าทัพเงยหน้าขึ้นมาแซวนับดาวที่ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้สองพ่อลูกก่อนที่เด็กหญิงพราวฟ้าจะค่อย ๆ คลานไปหามารดาที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ นับดาวที่เห็นเช่นนั้นรีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาในอ้อมอกทันทีพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มป่องหอม ๆ ของลูกสาวอย่างแสนรักลูกสาวของเธอจ้ำม่ำเหลือเกิน“นับไปอาบน้ำเถอะค่ะเดี๋ยวพี่จะพาน้องพราวลงไปเล่นข้างล่างกับกองทัพรอพี่ทำม
โรงพยาบาล N“น้องพราวค้าบ” กองทัพร้องเรียกเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของมารดาพร้อมกับยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเนียนนั้นอย่างรักใคร่ น้องสาวของเขาน่ารักมากแก้มป่อง ๆ เหมือนเขาเลย เด็กน้อยคิดในใจอย่างมีความสุขก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่“ดีใจไหมคะต่อไปพี่ทัพจะมีเพื่อนเล่นแล้วน้า” นับดาวถามลูกชายยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพพยักหน้ารับคำมารดาด้วยความดีใจ เพราะต่อไปตนจะไม่ต้องเล่นของเล่นคนเดียวอีกแล้ว“พี่ทัพจะพาน้องพราวคนสวยไปเตะบอล ปั่นจักรยาน แล้วก็ขับรถแข่งด้วยกันนะค้าบ”กองทัพบอกเด็กหญิงตัวน้อยที่มองเขาด้วยดวงตากลมโตอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายบอกในขณะที่นับดาวกับเก้าทัพได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กันเมื่อลูกชายตัวน้อยบอกว่าจะพาน้องสาวคนสวยไปเตะบอลแข่งรถ ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจกรรมของเด็กผู้ชายทั้งสิ้นโตขึ้นนี่โตไปลูกสาวของพวกเขาคงห้าวแบบแมน ๆ คุยกันน่าดูแกรก แอด“น้องพราวหลานป้า ป้าแก้มมาแล้วลูก” ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงสดใสของแก้มใสที่วิ่งดุกดิกเข้ามาหาหลานสาวตัวน้อยด้วยความดีใจ โดยที่มีรามสูรกับกอหญ้าลูกชายลูกสาวฝาแฝดที่เดินตามหลังเข้ามาพร้อมวายุผู้เป็นสามี“น่ารักน่าชังจังเ
เวลาผ่านมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้อายุครรภ์ของนับดาวก็ใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้วทั้งเก้าทัพและเด็กชายกองทัพต่างนั่งนับวันและตั้งตารอคอยลูกสาวและน้องสาวตัวน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลกในไม่ช้า โดยที่เก้าทัพไม่ได้ให้นับดาวอัลตราซาวนด์ เพราะเก้าทัพอยากลุ้นว่าเพศของลูกที่เขามีความมั่นใจมากว่าต้องเป็นลูกสาวอย่างแน่นอนจะถูกเหมือนที่เขาคาดเดาไหม“พี่จะรีบไปรีบกลับนะคะ”เก้าทัพก้มลงจูบหน้าผากมนของนับดาวอย่างแสนรักก่อนที่จะก้มลงจูบแก้มลูกชายตัวน้อยที่พองลมแก้มป่องรอให้ผู้เป็นบิดาหอมฟอดใหญ่อย่างรู้งาน เพราะไม่ว่าเก้าทัพจะไปไหนเด็กน้อยมักจะให้บิดาหอมแก้มก่อนไปเสมอจนติดเป็นนิสัย หากวันไหนที่บิดาลืมเด็กน้อยก็จะคิดค่าปรับเป็นของเล่นราคาแพงอยู่บ่อยครั้ง“พี่ทัพครับดูแลแม่นับดี ๆ นะครับ ถ้าแม่นับปวดท้องจะคลอดน้องต้องรีบโทรรายงานพ่อเก้าทันทีเลยนะครับ” เก้าทัพไม่ลืมที่จะย้ำลูกชายตัวน้อยที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่บิดาบอกก่อนที่เก้าทัพจะเดินไปขึ้นรถที่มีฮารุสตาร์ตรออยู่แล้ว รถแล่นออกจากหน้าบ้านไปโดยที่มีรอยยิ้มหวานของนับดาวยิ้มส่งตามเก้าทัพไปอย่างมีความสุข“ไปกันครับพี่ทัพ วันนี้เรามาทำขนมบัวลอยไข่หวานรอพ่อเก้ากั
หลายวันต่อมา“เมียจ๋าวันนี้เราไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกกันดีไหมคะ อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลย ช่วงนี้อากาศดี พี่อยากพานับออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้านบ้าง”หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วเก้าทัพก็เอ่ยปากชวนนับดาวไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกตามแผนขอแต่งงานที่เขาได้วางเอาไว้ นับดาวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เพราะเธอไม่ได้ออกจากบ้านนานมากแทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องเธอก็มีแต่กินกับนอนอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยจะมีก็แค่ออกไปเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้านในบางวันเท่านั้นไม่ก็เดินเล่นในสวนหย่อมหน้าบ้าน แต่วันนี้พี่เก้าทัพกลับชวนเธอไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกมันเลยทำให้นับดาวเกิดอาการแปลกใจเล็กน้อย“นับอย่างไรก็ได้ค่ะ พี่เก้าอยากไปไหนนับก็พร้อมจะไปกับพี่เก้าเสมอ”นับดาวบอกเก้าทัพด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนก่อนที่เก้าทัพจะก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากนับดาวเบา ๆ อย่างแสนรัก แต่คนที่นั่งข้าง ๆ กลับกอดอกมองพ่อกับแม่ที่กำลังแสดงความรักกันต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงใจตัวเองอย่างงอน ๆ“พ่อเก้าหอมพี่ทัพด้วยสิค้าบ หอมแม่นับคนเดียวได้ไงพี่ทัพก็อยากโดนห