เก้าทัพ กันต์ดนัย ลูกชายสายเฟียร์สของหมอกฤษฎิ์ หล่อร้าย เจ้าเล่ห์ และแสนเย็นชากับทุกคน ยกเว้นเธอนับดาว ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชากลับมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่อย่างมิดชิด รักครั้งแรกจากใครบางคนเขาจะขอทวงมันกลับมาคืนทั้งตัวและหัวใจ นับดาว นภาดา เด็กสาวที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าและสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก น่ารัก อ่อนหวาน ไร้เดียงสา อ่อนโยน ตกหลุมรักเก้าทัพตั้งแต่แรกพบและมั่นคงในรักเสมอมา รักครั้งแรกลาลับไปพร้อมกับคำว่า แอบรักรุ่นพี่ รักครั้งใหม่มาเยือนพร้อมกับคำว่า แอบรักพ่อของลูก เด็กชายกองทัพ กันต์กวี ของขวัญจากเขาชายผู้เป็นที่รักหาใช่ความผิดพลาดที่ใครต่อใครตราหน้าเธอไม่ เด็กแสบ เด็กซน ที่เป็นรอยยิ้มและกำลังใจของนับดาว เด็กแสบและแสนร้ายคู่กัด No.1 ของเขาคนนั้นรักแรกของมารดา เรียกพ่อมันยากเรียกเก้าทัพง่ายกว่าเป็นไหนๆ
もっと見るเย็นวันฝนพรำ
โครม!!!!
หยาดฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วทำเอานับดาวที่กำลังวิ่งข้ามถนนมาพร้อมกับตะกร้าใส่ขนมไทยถึงกับลื่นล้มอยู่กลางถนน ขนมในตะกร้าใบใหญ่หกกระจัดกระจายเต็มท้องถนน ร่างบางรีบลุกขึ้นเก็บขนมไทยที่แม่ปรานีทำเพื่อให้เธอนำไปขายที่ตลาดยามเย็นโดยที่ไม่สนใจแผลถลอกที่เข่าเลยสักนิด รถหลายคันผ่านไปมาโดยที่ไม่มีใครลงมาช่วยสาวน้อยผมสั้นในชุดเดรสเก่า ๆ ที่กำลังตากฝนเก็บขนมอยู่ท่ามกลางสายฝนพรำเลยสักคน
จนทั่งกระร่างสูงของใครบางคนที่หยุดลงตรงหน้านับดาวเด็กสาวผู้โชคร้ายพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ถูกกางเพื่อกันฝนให้สาวน้อยร่างผอมบางที่กำลังเก็บบรรดาขนมที่ตกหล่นอยู่บนพื้นถนน นับดาวชะงักมือที่กำลังก้มเก็บขนมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทำเอาเธอถึงกับใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำสายตาที่ติดจะเย็นชาเล็กน้อยนั่นดึงดูดเธอราวกับต้องมนตร์สะกด
เก้าทัพเลือกที่จะนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นถนนแล้วยื่นร่มให้หญิงสาวแปลกหน้า นับดาวมองเขาพร้อมรับร่มมาถือไว้อย่าง-งง ๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันไปเอื้อมมือเก็บขนมที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ตะกร้าให้เธอจนครบ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมของเก้าทัพลอยมาเตะจมูกของนับดาว สาววัยแรกแย้มที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนให้ใจเต้นแรงและใจสั่นอย่างควบคุมอาการไม่อยู่
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจก่อนที่จะยื่นร่มคืนให้ เก้าทัพรับร่มมาถือเอาไว้พร้อมยืนมือใหญ่มาตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังมองมือใหญ่ตรงหน้าเธอด้วยความคิดไม่ถึงว่านอกจากเขาจะลงมาช่วยเธอเก็บขนมที่หล่นอยู่กลางถนนแล้วพี่ผู้ชายคนนี้ยังจะช่วยดึงเธอลุกขึ้นอีกด้วย
มือบางค่อย ๆ ทาบวางลงบนมือใหญ่ก่อนที่ฝ่ามือที่เย็นชื้นไปด้วยน้ำฝนจะกุมมือเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นความอบอุ่นที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างกายและหัวใจที่ไร้เดียงสาดวงน้อย ก่อนที่นับดาวจะลุกขึ้นมาตามแรงฉุดอย่างเบามือของคนตัวโตท่ามกลางสายฝน
สองหนุ่มสาวยืนเผชิญหน้ากันก่อนที่ดวงตากลมโตจะช้อนขึ้นมองสายตาเย็นชาของคนใจดีตรงหน้าแล้วกระพุ่มมือไหว้อย่างงดงามเพื่อขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณพี่มากจริง ๆ นะคะที่ลงมาช่วยนับดาวเก็บขนม”
รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้ร่างสูงของเก้าทัพทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อยกับรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้า เก้าทัพเผยรอยยิ้มกว้างตอบกลับก่อนที่จะยื่นร่มส่งให้เธอ สาวน้อยทำหน้างุนงง ซึ่งท่าทางแบบนั้นเก้าทัพมองว่ามันน่ารักมากสำหรับเขา
“อีกนานกว่าฝนจะหยุดตกน้องเอาร่มไปเถอะนะ อีกอย่างขนมนี่พี่ช่วยอุดหนุนเราแล้วกัน อันไหนที่ยังกินได้ก็เอาไปแจกเพื่อน ๆ เสียนะ”
มือใหญ่ยัดร่มใส่มือนับดาวที่ยังคงงง ๆ อยู่โดยที่ไม่ลืมยัดแบงก์สีเทาใส่มือเล็กนุ่มนิ่มหลังจากนั้นเก้าทัพก็วิ่งออกจากร่มคันใหญ่กลับไปที่รถทันที นับดาวเมื่อได้สติก็รีบก้าวเตรียมจะวิ่งไปหาพี่ชายแปลกหน้าเพื่อคืนเงิน แต่เท้าเล็กกลับบังเอิญเหยียบอะไรบางอย่างเข้าทำให้เด็กสาวชะงักไป ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นแล้วก้มลงหยิบสร้อยสีเงินที่มีบางอย่างคล้องอยู่ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พอมองไปทางรถคันหรูของพี่ชายสุดหล่อกลับพบเพียงความว่างเปล่า
นับดาวมองสร้อยในมือที่เธอเก็บได้ซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นของพี่ชายคนนั้นที่ทำหล่นเอาไว้อย่างแน่นอน รอยยิ้มไร้เดียงสาเผยออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเก็บสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าใบเก่าที่เปียกโชกพร้อมกับแบงก์พันที่พี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมของเธอ
“ขอบคุณนะคะพี่ชาย”
เสียงหวานพึมพำขอบคุณเขาถึงแม้ว่าพี่ชายคนนั้นจะไม่อยู่ตรงนี้เพื่อฟังคำขอบคุณของเธอแล้วก็ตาม ความประทับใจในตัวของพี่ชายใจดีคนนั้นนับดาวจะจดจำไว้ตลอดไป หากมีวาสนาหรือโอกาสขอให้เธอได้พบกับพี่ชายคนนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ด้วยเถิด นับดาวยิ้มหวานอย่างมีความสุขไปตลอดทางที่เดินกลับบ้านเด็กกำพร้าปรานีบ้านที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด
นับดาวเติบโตมาที่บ้านเด็กกำพร้าโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะพวกท่านนำเธอมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้าในวันที่ท้องฟ้ามืดมิด แต่กลับมองเห็นดวงดาวมากมายที่ส่องเป็นประกาย แม่ปรานีที่มาเห็นเธอเข้าจึงรับเลี้ยงและตั้งชื่อให้เธอว่า นับดาว นภาดา แปลว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่สดใส ซึ่งตัวเธอนั้นชื่นชอบชื่อนี้ของตัวเองมาก
เรื่องราวในวันนี้ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอความใจดีจากคนแปลกหน้าที่เธอได้รับจะเป็นความสุขที่อยู่ในหัวใจของเธอตลอดไป
ใบหน้าหล่อเหลาที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ รอยยิ้มกว้างที่เธอประทับใจไม่รู้ลืมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงราวกับว่ากำลังตกหลุมรักเข้าโดยไม่รู้ตัว
แกรก
แอด
เสียงเปิดประตูบ้านไม้หลังเก่าที่ดังขึ้นเรียกความสนใจให้ปรานีที่กำลังเย็บซ่อมแซมชุดของเด็ก ๆ ในบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนที่จะรีบวางเสื้อในมือลงแล้วเดินมาแย่งตะกร้าขนมในมือของนับดาวเอาไปวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมทรงนักเรียนมัธยมของเด็กสาวที่เปียกลู่แนบใบหูด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยมาล่ะลูก ดูสิเปียกโชกไปทั้งตัวเดี๋ยวพรุ่งนี้เกิดเป็นหวัดขึ้นมาก็ไปโรงเรียนไม่ได้กันพอดี”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยเอ็ดนับดาวเบา ๆ ก่อนที่สาวน้อยจะยิ้มกว้างออกมาอย่างเอาใจแม่ปรานีที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กคนที่เธอเรียกว่าแม่อย่างรู้สึกภาคภูมิใจในตัวท่านที่ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเธอกับเด็กหลาย ๆ คนที่อยู่ในบ้าน
แต่ตอนนี้มีเพียงเธอกับอ้อมใจและเอื้ออารีเท่านั้น เด็กสาวสองคนที่ขออยู่ที่บ้านนี้ต่อกับแม่ปรานี เพราะไม่อยากไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่พวกเธอไม่คุ้นเคย ซึ่งนับดาวก็เช่นกันที่ขออยู่ทำงานช่วยแม่ปรานีเพื่อหาเลี้ยงน้อง ๆ ทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในวัยมัธยมเฉกเช่นเดียวกับเธอที่ตอนนี้กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
“ไปได้เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะแม่ เพราะนับดาวคนนี้แข็งแรงอยู่แล้วไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก”
นับดาวย่นจมูกใส่ปรานีอย่างน่ารักทำเอาคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกี่ยวผมที่ลงมาปรกใบหน้าสวยหวานไปทัดที่ใบหูให้อย่างอ่อนโยน เด็กคนนี้คือของขวัญที่แสนพิเศษและล้ำค่าสำหรับเธอ เด็กสาวที่มาพร้อมกับความสดใสและความร่าเริงที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อต่อสู้กับโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว วันนี้มีแกงส้มของโปรดหนูด้วยนะ”
ปรานีเอ่ยบอกเด็กสาวที่กำลังตาโตด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วตั้งท่าจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน แต่พอวิ่งไปได้เพียงสามเก้าก็พลันชะงักเท้า และหันกลับมาเปิดกระเป๋าผ้าหยิบแบงก์พันออกมายื่นให้ปรานีที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจที่นับดาวยื่นเงินที่มากกว่าค่าขนมที่เธอทำให้นับดาวไปขายเสียอีก
“พอดีมีพี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมที่เปียกและหล่นลงพื้นน่ะค่ะแม่ พี่เขาบอกให้นับดาวเอาขนมที่ยังกินได้มาแจกให้เพื่อนบ้าน”
นับดาวบอกปรานีที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะยัดเงินใส่มือมารดาแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปทันทีเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานมื้อเย็น ที่ถึงแม้ว่าแกงส้มของแม่ปรานีจะมีแค่ดอกแคไร้ซึ่งกุ้งตัวโต ๆ แต่เธอก็มีความสุขแล้วกับอาหารทุกมื้อที่คุณแม่ทำให้กินและทุกช่วงเวลาที่ได้เติบโตขึ้นมาภายใต้ชายคาบ้านเด็กกำพร้าปรานีแห่งนี้
คืนนั้นนับดาวนอนหลับไปพร้อม ๆ กับสร้อยที่คล้องด้วยเฟืองที่มีชื่อสลักเอาไว้ว่า KHAOTHUP รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าดวงตากลมโตบัดนี้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไปกับฝันดีฝันที่มีพี่ชายแปลกหน้าอยู่ในความฝัน
วันเวลาที่ผ่านไปเร็วราวกับเข็มนาฬิกาที่ไม่เคยหยุดเดินทำให้ตอนนี้กองทัพกับพราวฟ้าใกล้จะจบปีการศึกษาแล้วซึ่งสำหรับกองทัพเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกเขาก็ต้องไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต่อไปซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้เรียนที่ไหน ตอนนี้เก้าทัพกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าบิดาในห้องทำงาน เขามาที่นี่เพื่อมาขอคำปรึกษาจากบิดาถึงเรื่องเรียนต่อของลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่การเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มตัว“ผมอยากให้ลูกไปเรียนต่อมัธยมที่เมืองนอกพ่อมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ” เก้าทัพถามบิดาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่กฤษฎิ์จะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เพราะตัวเขาเองก็ส่งเก้าทัพไปเรียนต่อที่เมืองนอกเช่นกัน แต่เป็นการส่งไปเรียนหลังจากที่เก้าทัพเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยแล้ว แต่เก้าทัพกลับคิดต่างจากเขาคือให้ส่งเจ้ากองทัพไปตั้งแต่ยังเด็ก“ทนคิดถึงลูกไหวไหมล่ะ” คำถามของบิดาทำให้เก้าทัพถึงกับยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะคำถามแบบนี้นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเห็นด้วยกับการที่เขาจะส่งกองทัพไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ“คิดถึงสิครับ คิดถึงมากด้วย แต่เก้าก็อยากให้พี่ทัพไปเรียนรู้การใช้ชีวิตของการเป็นเด็กวัยรุ่นไปจนถ
หลายปีต่อมาพราวฟ้าเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีท่ามกลางความรักและความเอาใจใส่จากนับดาวและเก้าทัพที่ดูแลลูกสาวด้วยตัวเอง หลังจากพราวฟ้าอายุได้สองขวบ กองทัพก็ให้นับดาวกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ส่วนเขาก็รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยที่กำลังซนและยิ้มเก่งอย่างมีความสุข โดยที่มีพี่แก้มใสรับอาสาช่วยเลี้ยงในบางวันที่เก้าทัพต้องไปตรวจดูงานที่กาสิโนที่เขาชอบเอาลูกสาวไปฝากพี่แก้มใสให้ช่วยเลี้ยงเป็นเพราะว่าเก้าทัพไม่อยากรบกวนบิดามารดากับคุณแม่ปรานีที่อายุมากแล้ว ถึงท่านทั้งสามคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม เพราะลูกสาวเขาซนมากถึงมากที่สุดสงสัยเขาคงปล่อยให้อยู่กับพี่แก้มใสมากเกินไปเลยค่อนข้างซนและดื้อมากทีเดียว“พี่ทัพอย่าลืมไปส่งน้องที่ห้องเรียนด้วยนะคะ” นับดาวกำชับกองทัพที่โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อวัยประถมหน้าตาดีจนเด็กสาวหลาย ๆ คนตกหลุมรักพากันซื้อขนมมาฝากแทบทุกวันที่กลับมาจากโรงเรียน กองทัพพยักหน้ารับคำสั่งของมารดาพร้อมกับจับมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพราวฟ้ามากุมเอาไว้ ปีนี้พราวฟ้ากำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ส่วนกองทัพก็กำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่หกซึ่งเก้าทัพให้ลูกทั้งสองคนเรียนในรั้วโรงเรีย
เช้าวันหนึ่งนับดาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเมื่อคืนกว่าที่น้องพราวจะยอมเข้านอนเธอกับพี่เก้าทัพก็แทบจะหลับก่อนลูกสาวตัวน้อยเสียอีก เมื่อวานพราวฟ้านอนกลางวันตื่นอีกทีเกือบเย็นเลยทำให้ลูกสาวของเธอไม่ยอมหลับเสียทีส่วนกองทัพที่ตอนแรกเล่นกับน้องสาวอยู่ดี ๆ ก็นอนหลับคากองของเล่นจนเก้าทัพต้องอุ้มลูกชายไปส่งที่ห้องนอน“แอ๊ แอ๊ เก้า เก้า หม่ำ ๆ ๆ”เด็กหญิงพราวฟ้าในวัยสิบเดือนคลานซุกซนบนเตียงนอนใหญ่ไปมาอย่างอารมณ์ดี นี่ขนาดนอนดึกแล้วนะ แต่ลูกสาวเธอกลับตื่นแต่เช้าในขณะที่เธอเพิ่งลืมตาตื่น นับดาวฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงข้าง ๆ ลูกสาวของเธอโดยมีพี่เก้าทัพที่กำลังหยอกล้อเล่นกับลูกสาวตัวน้อยอย่างอารมณ์ดี“ตื่นแล้วเหรอคะคนสวยของพี่เก้า” เก้าทัพเงยหน้าขึ้นมาแซวนับดาวที่ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้สองพ่อลูกก่อนที่เด็กหญิงพราวฟ้าจะค่อย ๆ คลานไปหามารดาที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ นับดาวที่เห็นเช่นนั้นรีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาในอ้อมอกทันทีพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มป่องหอม ๆ ของลูกสาวอย่างแสนรักลูกสาวของเธอจ้ำม่ำเหลือเกิน“นับไปอาบน้ำเถอะค่ะเดี๋ยวพี่จะพาน้องพราวลงไปเล่นข้างล่างกับกองทัพรอพี่ทำม
โรงพยาบาล N“น้องพราวค้าบ” กองทัพร้องเรียกเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของมารดาพร้อมกับยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเนียนนั้นอย่างรักใคร่ น้องสาวของเขาน่ารักมากแก้มป่อง ๆ เหมือนเขาเลย เด็กน้อยคิดในใจอย่างมีความสุขก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่“ดีใจไหมคะต่อไปพี่ทัพจะมีเพื่อนเล่นแล้วน้า” นับดาวถามลูกชายยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพพยักหน้ารับคำมารดาด้วยความดีใจ เพราะต่อไปตนจะไม่ต้องเล่นของเล่นคนเดียวอีกแล้ว“พี่ทัพจะพาน้องพราวคนสวยไปเตะบอล ปั่นจักรยาน แล้วก็ขับรถแข่งด้วยกันนะค้าบ”กองทัพบอกเด็กหญิงตัวน้อยที่มองเขาด้วยดวงตากลมโตอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายบอกในขณะที่นับดาวกับเก้าทัพได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กันเมื่อลูกชายตัวน้อยบอกว่าจะพาน้องสาวคนสวยไปเตะบอลแข่งรถ ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจกรรมของเด็กผู้ชายทั้งสิ้นโตขึ้นนี่โตไปลูกสาวของพวกเขาคงห้าวแบบแมน ๆ คุยกันน่าดูแกรก แอด“น้องพราวหลานป้า ป้าแก้มมาแล้วลูก” ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงสดใสของแก้มใสที่วิ่งดุกดิกเข้ามาหาหลานสาวตัวน้อยด้วยความดีใจ โดยที่มีรามสูรกับกอหญ้าลูกชายลูกสาวฝาแฝดที่เดินตามหลังเข้ามาพร้อมวายุผู้เป็นสามี“น่ารักน่าชังจังเ
เวลาผ่านมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้อายุครรภ์ของนับดาวก็ใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้วทั้งเก้าทัพและเด็กชายกองทัพต่างนั่งนับวันและตั้งตารอคอยลูกสาวและน้องสาวตัวน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลกในไม่ช้า โดยที่เก้าทัพไม่ได้ให้นับดาวอัลตราซาวนด์ เพราะเก้าทัพอยากลุ้นว่าเพศของลูกที่เขามีความมั่นใจมากว่าต้องเป็นลูกสาวอย่างแน่นอนจะถูกเหมือนที่เขาคาดเดาไหม“พี่จะรีบไปรีบกลับนะคะ”เก้าทัพก้มลงจูบหน้าผากมนของนับดาวอย่างแสนรักก่อนที่จะก้มลงจูบแก้มลูกชายตัวน้อยที่พองลมแก้มป่องรอให้ผู้เป็นบิดาหอมฟอดใหญ่อย่างรู้งาน เพราะไม่ว่าเก้าทัพจะไปไหนเด็กน้อยมักจะให้บิดาหอมแก้มก่อนไปเสมอจนติดเป็นนิสัย หากวันไหนที่บิดาลืมเด็กน้อยก็จะคิดค่าปรับเป็นของเล่นราคาแพงอยู่บ่อยครั้ง“พี่ทัพครับดูแลแม่นับดี ๆ นะครับ ถ้าแม่นับปวดท้องจะคลอดน้องต้องรีบโทรรายงานพ่อเก้าทันทีเลยนะครับ” เก้าทัพไม่ลืมที่จะย้ำลูกชายตัวน้อยที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่บิดาบอกก่อนที่เก้าทัพจะเดินไปขึ้นรถที่มีฮารุสตาร์ตรออยู่แล้ว รถแล่นออกจากหน้าบ้านไปโดยที่มีรอยยิ้มหวานของนับดาวยิ้มส่งตามเก้าทัพไปอย่างมีความสุข“ไปกันครับพี่ทัพ วันนี้เรามาทำขนมบัวลอยไข่หวานรอพ่อเก้ากั
หลายวันต่อมา“เมียจ๋าวันนี้เราไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกกันดีไหมคะ อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลย ช่วงนี้อากาศดี พี่อยากพานับออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้านบ้าง”หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วเก้าทัพก็เอ่ยปากชวนนับดาวไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกตามแผนขอแต่งงานที่เขาได้วางเอาไว้ นับดาวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เพราะเธอไม่ได้ออกจากบ้านนานมากแทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องเธอก็มีแต่กินกับนอนอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยจะมีก็แค่ออกไปเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้านในบางวันเท่านั้นไม่ก็เดินเล่นในสวนหย่อมหน้าบ้าน แต่วันนี้พี่เก้าทัพกลับชวนเธอไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสนุกมันเลยทำให้นับดาวเกิดอาการแปลกใจเล็กน้อย“นับอย่างไรก็ได้ค่ะ พี่เก้าอยากไปไหนนับก็พร้อมจะไปกับพี่เก้าเสมอ”นับดาวบอกเก้าทัพด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนก่อนที่เก้าทัพจะก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากนับดาวเบา ๆ อย่างแสนรัก แต่คนที่นั่งข้าง ๆ กลับกอดอกมองพ่อกับแม่ที่กำลังแสดงความรักกันต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงใจตัวเองอย่างงอน ๆ“พ่อเก้าหอมพี่ทัพด้วยสิค้าบ หอมแม่นับคนเดียวได้ไงพี่ทัพก็อยากโดนห
CLUBหลังจากที่นับดาวท้องลูกคนที่สองเก้าทัพก็ไม่เคยออกมาสังสรรค์นั่งดื่มกับเพื่อน ๆ อีกเลย เพราะเขาคอยดูแลนับดาวเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เก้าทัพถึงกับลงทุนศึกษาหาความรู้และลงมือทำเมนูอาหารที่มีประโยชน์ให้นับดาวทานทุกวันรวมถึงอาหารของกองทัพเก้าทัพก็เป็นคนดูแล เรียกได้ว่าช่วงนี้เก้าทัพทำหน้าที่พ่อที่ดีและสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจนเพื่อน ๆ ต่างพากันโทรมาโอดครวญ และวันนี้เก้าทัพจึงมาปรากฏตัวอยู่ในคลับประจำของพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเพื่อนทั้งสองคนงอแงใส่เขาเสียยกใหญ่ที่ไม่มีเวลามานั่งดื่มกับพวกตนเลย“ไม่ค่อยว่างเลยนะมึง ถ้าพวกกูไม่งอแงก็คงไม่ออกมา”พอร์ชแซวเก้าทัพยิ้ม ๆ ก่อนที่จะส่งแก้วเหล้าให้เก้าทัพที่รับไปดื่มซึ่งปรากฏว่าเขาดื่มได้และไม่มีอาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนแต่อย่างใด ผิดกับอาหารบางอย่างที่แค่ได้กลิ่นเขาก็วิ่งไปอาเจียนแทบไม่ทัน“ทำไงได้เมียท้องทั้งทีกูก็อยากดูแลตลอดเวลาไหมวะ ลองพวกมึงสองคนมีเมียบ้างสิให้กูทายคงไม่มีเวลามาแดกเหล้ากับเพื่อนแน่นอน”เก้าทัพตอบกลับพอร์ชก่อนที่จะควงแก้วเหล้าเล่นไปมา สายตาคู่คมก็มองไปรอบ ๆ ร้านที่แบ่งแยกเป็น
“ลูกไม่อยู่เป็น ก ข ค ง แล้วก็ได้เวลาที่เมียจ๋าต้องกล่อมพี่เก้าเข้านอนแล้วนะคะ”มือใหญ่ยกขึ้นมาเชยคางมนของนับดาวขึ้นเล็กน้อยก่อนที่นับดาวจะยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย แต่ร่างกายกลับขยับเล็กน้อยเพื่อให้กุหลาบช่อใหญ่ได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งที่กำลังดุนดันเนื้อผ้าออกมาทักทายเธออยู่ การกระทำนั้นของนับดาวทำเอาเก้าทัพถึงกับเผลอซี้ดปากออกมาด้วยความเสียวซ่านและกระสันในอารมณ์ใคร่ที่กำลังก่อตัวขึ้นจนยากเกินจะต้านทาน“แล้วพี่เก้าอยากได้ให้นับกล่อมแบบไหนล่ะคะ”น้ำเสียงหวานถามเก้าทัพอย่างยั่วยวนโดยไม่รู้ตัวอยู่ ๆ อารมณ์สงบก่อนหน้านี้ก็เกิดรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก่อนที่นับดาวจะเผลอกัดริมฝีปากเบา ๆ อย่างพยายามระงับความพลุ่นพล่านที่ทำให้เธอเองแทบจะทนไม่ไหวโดยหารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นยิ่งเป็นการปลุกอารมณ์ของเก้าทัพให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม“พี่ว่าวันนี้เปลี่ยนเป็นให้พี่กล่อมนับกับลูกนอนแทนดีกว่าไหมคะ ลูกสาวของเราจะได้นอนหลับฝันดีถึงพ่อกับแม่ทั้งคืนเลย”เก้าทัพดึงนับดาวให้เข้ามาแนบชิดก่อนที่จะกระซิบข้างใบหูหอมกรุ่นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าพร้อมกับเลียใบหูเล็กเบา ๆ จนนับดาวถึงกับขนลุกด้วยความเสียว
หลังจากนอนพักที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งวันเพื่อปรับสภาพร่างกายที่กำลังแพ้ท้องแทนนับดาวกฤษฎิ์ก็อนุญาตให้เก้าทัพกลับมาพักผ่อนที่บ้านได้ แต่เก้าทัพก็ยังคงมีอาการแพ้ท้องแทนนับดาวเหมือนเดิม ส่วนนับดาวกลับทานอาหารได้ทุกอย่างไม่มีอาการแพ้เลยแม้แต่น้อยทำให้เธอรู้สึกสงสารเก้าทัพมากที่แพ้หนักถึงขั้นทานของโปรดไม่ได้เลย“ดีขึ้นไหมคะ”นับดาวถามเก้าทัพที่นอนหลับตาหนุนอยู่บนตักเธอหลังที่จากที่วิ่งไปอาเจียนมื้อเย็นออกจนหมดมือบางลูบผมนุ่มของเก้าทัพด้วยความสงสารและเห็นใจ ก่อนที่เก้าทัพจะเอาใบหน้าซุกที่หน้าท้องของนับดาวที่กำลังมีลูกสาวเขานอนรอวันออกมาลืมตาดูโลกอยู่ข้างใน เขามั่นใจว่าลูกคนนี้ต้องเป็นลูกสาวอย่างแน่นอนเขาทำเองกับมือจะไม่รู้ได้อย่างไรคิดในใจก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ลูกสาวคนนี้เขาได้คอยดูแลประคบประหงมอย่างดีถึงแม้เขาจะไม่มีโอกาสได้ดูแลกองทัพตั้งแต่เกิดเป็นเพราะความผิดพลาดในอดีต แต่เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะดูแลและให้ความรักความอบอุ่นกับลูก ๆ ทั้งสองคนอย่างดีที่สุด“จะดีกว่านี้ถ้าคืนนี้เมียจ๋าโอ๋พี่เก้าก่อนนอนครับ” เก้าทัพทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนนับดาวอย่างน่ารักใบหน้าหล่อเหลาที่ซบหน้าท้
コメント