สนามบินนานาชาติ
หลังจากแยกย้ายกับเฮียต้าร์ที่ทำท่าทางเร่งรีบ ฉันก็ขับรถมาที่สนามบินทันทีด้วยความเร็วตามมาตรฐานบนท้องถนน เพราะถ้าขับตามกฎหมายกำหนดมีหวังโดนคันหลังด่าตายเลย
การขับขี่ที่ไทยจะขับช้าได้ไงเนอะ...
ฉันมองซ้ายมองขวาหาจุดผู้โดยสารขาเข้าแล้วรีบเดินไปยังโซนนั้นเพื่อรอรับเพื่อนสาวคนสนิท ทั้งที่ที่บ้านมีเครื่องบินเจ็ตแต่เมื่อเพื่อนอยากมาเซอร์ไพรส์ฉันก็ไม่ขัด แต่อยากบอกซีมากว่าไม่รู้ใครจะโดนเซอร์ไพรส์มากกว่ากัน เพราะที่บ้านไม่มีคนอยู่เลย
“ซี! ทางนี้ ๆ”
เพียงไม่นานร่างบางสัดส่วนสุดเย้ายวน ในชุดกางเกงสีดำรัดรูปกับเสื้อครอปสีขาวก็เดินตรงมาที่ฉัน พร้อมกางแขนออกกว้าง
หมับ!
“คิดถึงจัง” ฉันโถมตัวกอดไซซีเต็มแรงโดยที่คนตัวบางพอกันเซเล็กน้อย
“คิดถึงเหมือนกันกว่าจะขอแม่ได้” ไซซีตอบเสียงอู้อี้พลางซบหน้ากับไหล่ของฉัน แหงแหละลูกสาวที่ดูแลมาอย่างดีจะขอย้ายมาเรียนที่ต่างประเทศ ถึงจะมาอยู่บ้านตัวเองก็อดห่วงไม่ได้หรอก
“อาซาร่าคงเป็นห่วงแกแหละ” ฉันผละออกจากอ้อมกอดก่อนจะช่วยถือกระเป๋าสะพายหนึ่งใบ พร้อมกับสำรวจเพื่อนไปด้วยทั่วทั้งร่างมีกระเป๋ามาแค่สองใบ
“แม่ก็ห่วงเกินไง ฉันโตแล้วนะ”
“ในสายตาผู้ใหญ่เรายังเด็กต่างหาก...แล้วนี่ทั้งตัวมีกระเป๋าแค่สองใบเหรอ”
“อือ...จะถือมาทำไมเยอะ ค่อยมาซื้อเอาใหม่ที่นี่ก็ได้ ยังต้องใช้ชีวิตอยู่อีกนาน”
“เออจริงด้วย งั้นกลับไปพักที่บ้านเลยไหม หรืออยากไปไหน”
“ไปห้างก่อนไหม อยากได้ชุดมาไว้ใส่”
“โอเคงั้นไปที่รถกัน” ฉันกอดแขนไซซีแน่นก่อนจะเดินควงแขนกันไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลนัก และขับรถออกจากสนามบินโดยจุดมุ่งหมายคือห้างสรรพสินค้าสุดหรูแถวบ้านของฉันเอง
ห้างสรรพสินค้า
ร่างบางทั้งสองเดินคุยกันกะหนุงกะหนิงเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรู โดยมีผู้จัดการออกมาต้อนรับเมื่อเห็นหนึ่งในนั้นคือหลานสาวตระกูลดัง และเป็นลูกค้าประจำของร้าน
“คุณซินเซียสวัสดีค่ะ...วันนี้สนใจแบบไหนดีคะ เมื่อวานมีเดรสเข้าใหม่อยู่อีกโซน ถ้าสนใจเอ๋จะพาไปดูค่ะ” ผู้จัดการสาวสวยออกมาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ทำให้ซินเซียยกยิ้มและหันไปถามไซซี
“สนใจไหมคุณหนูไซซี” เพราะว่าเธอไม่ค่อยถนัดกับการใส่เดรสเท่าไร อยู่บ้านจะชอบใส่กางเกงมากกว่า แต่ไม่ใช่ไม่มีชุดเดรสนะ ก็มีติดตู้ไว้บ้าง ต่างกับไซซีรายนี้ชอบใส่เสื้อผ้าหลากหลายแบบ
“เอาสิ อยากดูคอลเลกชันใหม่พอดี” สาวสวยเรือนผมสีดำตรงยาวเอ่ยตอบซินเซีย
“ค่ะ พี่เอ๋พาซินไปดูหน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะเชิญทางนี้เลยค่ะ”
ร่างบางเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนจูงมือเพื่อนสนิทอย่างไซซีไปยังโซนที่มีชุดเดรสเข้าใหม่ เมื่อมีเพื่อนเลือกทั้งสองก็สนุกสนานกับการลองชุดมาก โดยเฉพาะไซซีที่จับชุดต่าง ๆ ยัดใส่มือซินเซียให้ไปลองและซื้อกลับ
“ส่งไปที่บ้านเลยนะคะพี่เอ๋” เมื่อรูดบัตรเสร็จสิ้นหลานสาวตระกูลดังก็เอ่ยกับผู้จัดการร้านและขอตัวออกไปเดินเล่นต่อ
“อยากไปเล็มหน้าม้าจังไปเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม” สาวสวยเรือนผมสีดำอย่างไซซีหันมาเอ่ย เมื่อความยาวของผมหน้าม้าเริ่มทิ่มตาเธอ
“ไปร้านประจำฉันก็ได้ อยากทำผมด้วย”
“ทำผม...แกเหรอ ทำทรงไร?”
“อยากย้อมสีผม แต่ขอไปเทียบสีผมที่ร้านดูก่อน ว่าจะเข้ากับสีไหน”
“อ๋อ...โอเค”
เมื่อไปถึงร้านทำผมเจ้าประจำฉันก็จัดการส่งเพื่อนให้กับพี่บีช่างทำผมคนสวยทันที ส่วนตัวเองก็มาเลือกสีผมกับเจ๊แมนสาวสองที่เป็นเจ้าของร้าน เมื่อเลือกสีได้ฉันก็เดินไปบอกไซซีไว้เพราะคงใช้เวลาหลายชั่วโมง กลัวรอนานเลยจะให้เรียกคนขับรถมารับที่ห้าง
“ไม่เป็นไรฉันรอแกได้...ว่าแต่สีอะไร”
“ทำสีบลอนด์เทาน้ำตาล”
“สีอะไรนะ!”
“บลอนด์เทาน้ำตาล” ฉันเอ่ยย้ำอีกครั้งท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อน
“ชื่อยาวจัง เอาเป็นว่ารอชม”
“อือ...รอตรงนี้นะ แต่ถ้าอยากพักก็โทรเรียกคนขับรถที่บ้าน” ฉันบอกอีกครั้งก่อนจะเดินไปโซนย้อมผม ส่วนไซซีก็พยักหน้ารับ รอไปสักพักก็ได้ยินเสียงเพื่อนคุยกับพนักงานว่าจะทำเล็บ
แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย…
ผ่านไปนานนับหลายชั่วโมง มาถึงร้านทำผมบ่ายสามโมงจนตอนนี้สองทุ่มแล้ว ฉันได้สีผมถูกใจมาก ระหว่างมองตัวเองในกระจกก็ฉีกยิ้มออกมา เพราะเงาที่สะท้อนภาพตัวเองมันดูดีขึ้นจริง ๆ แต่ก่อนผมสีน้ำตาลก็ไม่ใช่ไม่สวย มันก็สวยแต่ดูหน้าเด็กไป พอทำผมสีอ่อนแบบนี้แล้วดูเป็นสาวขึ้น
“เข้ากับแกมาก”
“ใช่ไหม ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ”
ไซซีที่ทำเล็บเสร็จเดินมาหาฉันพร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปาก
“สวยมากน้องซินเซีย”
“ขอบคุณค่ะ เพราะเจ๊แมนเนรมิต”
“ว้าย! พูดอีกก็ถูกอีก...ว่าแต่วันนี้นึกว่าจะพาหนุ่มมาด้วยซะอีก” เจ๊แมนทำท่าทางดี๊ด๊าก่อนจะถามถึงสายฟ้าเพราะปกติฉันจะชอบชวนเขามาด้วย
ก็ฉันไม่มีเพื่อนผู้หญิงนี่นา…
“ใครเหรอ?” แต่ดันลืมไปว่าไซซีก็ไม่รู้จักสายฟ้า เธอหันมามองพร้อมทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ทันที
“เพื่อน”
“เจ๊ว่าไม่ใช่เพื่อนแน่นอนฟันธง”
“ใช่ เพื่อนที่ไหนจะมานั่งรอกันแบบนี้”
“เพื่อนสนิทไง” ฉันเถียงคอเป็นเอ็นเมื่อโดนเพื่อนและเจ๊แมนพยายามไล่ต้อนแซวไม่เลิก อยากจะบอกว่าก็ไม่คิดว่าเพื่อนแหละ อยากให้เป็นมากกว่านั้น
“เพื่อนก็เพื่อน...” ไซซีตัดบทแต่ยังยกยิ้มไม่เลิกทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที อารมณ์แบบโดนเพื่อนรู้ความลับเนี่ยเป็นจังหวะที่นรกมากนะ
“แล้วนี่สาว ๆ จะไปไหนต่อไหม อุตส่าห์ทำผมสวยกันขนาดนี้” เจ๊แมนเอ่ยถามพลางมองฉันสลับกับไซซี
“คงกลับบ้านค่ะ” ไซซีตอบ
“เป็นเจ๊ไม่กลับค่ะ แวะผับเลย สวยแบบนี้ต้องออกไปเฉิดฉายนะลูก” เจ๊แมนจีบปากจีบคอต่อทำให้ฉันรู้สึกอยากไปขึ้นมา ทั้งที่เมื่อเช้ายังบ่นสายฟ้าอยู่เลย
“พูดแบบนี้อยากไปเลยค่ะ” ไซซีเริ่มละ ฉันมองท่าทางเบิกบานของเพื่อนแล้วคิดว่าคืนนี้ได้พากันหนีเที่ยวแน่
“แต่อายุไม่ถึงพี่แมน” ฉันหันไปตอบพี่สาวสอง แต่ความหมายคือมีที่แนะนำไหมคะ
“โอ๊ย สกายผับเลยลูกเจ้าของเส้นใหญ่” เจ๊แมนมองซ้ายมองขวาท่าทางแบบลับเฉพาะกิจมาก ก่อนจะโน้มหน้าลงมากระซิบ
“...”
“แล้วที่นี่การ์ดเยอะดูแลดี ที่สำคัญผู้หล่อ”
“จริงเหรอคะ” ไซซีหูผึ่งทันที
“ใช่ค่ะคนสวย ไปลองเลย แนะนำแล้วจะติดใจ”
“ไปไหมซิน?” ไซซีมองมาที่ฉันตาเป็นประกาย เห็นท่าทางแบบนี้ฉันจะปฏิเสธทำไม ไปก็ไปสิ ที่จริงฉันเป็นคนที่ดื้อคนหนึ่งเลยนะ แต่แค่ไม่มีเพื่อนดื้อน่ะ พอไซซีมาฉันก็พร้อมที่จะแหกตัวเองออกจากกรอบ
“ไปก็ไป”
“เย่ งั้นคืนนี้เราหนีเที่ยวกันเถอะ!!” เพื่อนสาวตัวแสบเอ่ยอย่างดีใจ ก่อนจะกดหน้าลงมาจุ๊บแก้มของฉันเบา ๆ ถ้ายัยนี่มีแฟนนะ ให้ตายแฟนก็ไปไหนไม่รอด
“งั้นขึ้นหน้าที่ร้านเลยนะ เดี๋ยวให้พนักงานมาดูแล”
“แหม ไม่ค่อยจะรีบเลยนะเจ๊ นี่เจ้าของร้านหรือแก๊งรีดไถ”
“รีดไถ...อุ๊ย ช่างทำผมค่ะ...นี่เด็ก ๆ มาช่วยแต่งหน้าให้สองสาวหน่อยเร็ววว”
ไม่นานบรรดาช่างที่กำลังเตรียมตัวเก็บร้านเป็นอันต้องสลายตัว เมื่อเจอเจ๊แมนสั่งให้มาช่วยแต่งหน้าให้ฉันและไซซี จนผ่านไปเป็นชั่วโมง ก่อนจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ชั้นบนของร้าน ดีนะที่แวะซื้อเสื้อผ้าก่อน เราสองคนเลยได้ชุดเดรสสวย ๆ ใส่ไปเที่ยว
สรุปวันนี้ทั้งวันยังไม่กลับบ้านแต่เที่ยวต่อ ฉันไม่เท่าไรนะ แต่ยอมใจยัยไซซีเลย พลังงานเยอะเหมือนหมาตัวโต!!
หมับ!ใครบอกเขาไม่มีแรง โกหกทั้งเพ! เพราะนอกจากจะกอดรัดฉันขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วแล้ว เขายังตามมาทาบทับอีก ใบหน้าหล่อเหลาของไฟจ้องมองเต้าอวบตาเป็นประกาย มือหนายื่นไปบีบขยำก่อนจะรู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้นมาก“เธอแอบไปเสริมหน้าอกมาเหรอ”“บ้า ฉันจะไปเสริมทำไม แล้วไหนบอกไม่มีแรง...เดี๋ยวนี้หัดโกหกฉันเหรอ”“เปล่าไม่ได้โกหก แค่จะขอชิมเล็กน้อยเอง ไม่ทำอะไรหรอก”“อะ เบาหน่อยสิ เจ็บนะ”ควีนนิ่วหน้าเมื่อไฟไม่อ่อนโยน เขาสลัดคราบคนป่วยทิ้งจนหมด เพราะตรงหน้าเธอเห็นเพียงเสือที่เตรียมขย้ำเหยื่อ ตอนแรกแค่อยากจะแกล้งแต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องเลยตามเลยดวงตาคมกริบระยิบระยับจ้องมองยอดอกที่โดนนิ้วแกร่งสะกิดก็แข็งเป็นไตแล้ว ก่อนที่ริมฝีปากจะได้ครอบครอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อความพะอืดพะอมตีขึ้นมาจ่อที่คอหอยเขาอีกแล้ว ไฟรีบผุดลุกออกจากเตียงและไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว“ไฟ...เป็นอะไร”อ้วกกกกก!!!แค็ก แค็ก แค็กควีนเห็นท่าไม่ดีเลยโทรหาพี่วิทย์ บอดี้การ์ดของเขาให้มารับ ส่วนเธอก็รีบไปแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วมาดูเขาที่กำลังนั่งอ้วกอยู่ชักโครกอย่างน่าสงสารโรงพยาบาลแอล“ร่างกายอ่อนเพลียนะครับ” คุณหมอวัยกลา
3 ปีผ่านไปอ้วกกกก!!!“เป็นยังไงบ้าง”“ควีนนน”เช้ามืดฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนข้างกายขยับลงจากเตียงและเสียงโอ้กอ้ากภายในห้องน้ำ จึงตามมาดูแล้วเห็นสภาพน่าสงสารของเขาที่นั่งโก่งคออ้วกอย่างหมดแรง เมื่อเขาเห็นฉันก็หันมากอดเอวฉันแน่น“นายไม่สบายเหรอ”“ไม่รู้สิ ตื่นมาก็รู้สึกพะอืดพะอมอยากอ้วก”“ตัวก็ไม่ร้อน แล้วตอนนี้อาการเป็นยังไง”“ดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว”เธอประคองร่างสูงมานอนบนเตียง โดยที่เขายังนอนกอดเอวเธอไม่ยอมปล่อย ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวอย่างน่าสงสาร“วันนี้คงไปทำงานไม่ได้ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูบริษัทให้”จากนั้นฉันเลยโทรเรียกคุณหมอประจำตระกูลเข้ามาตรวจอาการก็ไม่พบความผิดปกติ หมอเลยวินิจฉัยว่าไฟอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ยิ่งช่วงรับตำแหน่งประธานบริษัทมาใหม่ เขาเลยต้องทุ่มเทเพื่อพิสูจน์ตัวเองหลังเรียนจบไฟเข้าไปทำงานที่บริษัทของคุณแม่ก่อน ปีที่แล้วพึ่งได้รับตำแหน่งประธานแบบเต็มตัว ส่วนปีนี้ก็เป็นคราวของบริษัทเจเคของพ่อเขา ซึ่งหลังจากเริ่มเข้ามาทำงานในบริษัทเขาก็คุยกับพ่อเขามากขึ้น ถึงจะไม่สนิทมากก็ตามส่วนครอบครัวของภรรยาน้อยก็มีเพียงไทม์ที่ได้เข้ามาทำงาน แต่ไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไร พอ
ตลาดปลาบางแสนหลังจากสอบมิดเทอมก็มีเวลาให้เธอได้หายใจหายคอก่อนจะเข้าสู่โหมดการเรียน วันหยุดไฟเลยพาฉันมาเปิดหูเปิดตาไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่าง ตลาดปลาบางแสน ที่เสมือนเอาญี่ปุ่นมาวางไว้ที่นี่บรรยากาศดีมากได้กลิ่นอายทะเลนิดหนึ่งและของกินเยอะ เพียงแต่ฉันไม่ใช่สายกินเลยไม่รู้จะกินอะไร คงเพราะติดนิสัยตอนเป็นนางแบบที่ต้องรักษาหุ่นตลอดเวลา ต่างกับไฟที่รู้จักของอร่อยเยอะเลย“อะนี่ ได้แล้ว ลองชิมดู”พ่อหนุ่มฮอตของฉันเดินถือไม้สตรอว์เบอร์รีเคลือบน้ำตาล ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าฉัน แลดูน่ากินแต่ฉันไม่รู้จัก คงเพราะเขาเห็นฉันคิ้วขมวดมั้งเลยยกยิ้ม“อันนี้เรียกว่าถังหูลู่ เป็นผลไม้เคลือบน้ำตาล ตอนเด็กฉันไปเที่ยวปักกิ่งแล้วเห็นเขาวางขาย อร่อยนะลองชิมดู...แต่กินเยอะไม่ได้”“อืม ก็น่าอร่อยดี ลองก็ได้”ริมฝีปากอวบอิ่มกัดเข้าไปคำแรกสัมผัสได้ถึงรสชาติหวานอมเปรี้ยว คงเพราะได้รสเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รีสดที่อยู่ภายในน้ำตาลเคลือบ“เป็นไง”“อืม อร่อย”“ก็เหมือนลูกอมที่เธอชอบตอนเด็กแหละ”“จริงด้วย”เนี่ยเขาใส่ใจและรู้ใจฉันมากกว่าตัวฉันเอง ตอนเด็กมันนานมากแล้วแม้แต่นิสัยตอนเด็กยังจำแทบไม่ได้
เมื่อเพลิงพิศวาสมาถึงจุดสูงสุด เขาก็กระแทกกายแกร่งถี่รัวใส่กุหลาบฉ่ำเยิ้มที่รัดตัวตนเขาแน่น ก่อนจะส่งเธอจนถึงฝั่งฝันและเกร็งกระตุกสองสามทีตามเธอไปติด ๆ“รักเธอจังเลยควีน”คนตัวเล็กนอนหอบอยู่บนเตียงอย่างเหน็ดเหนื่อย ปรือตามองร่างสูงที่ซบหน้าอยู่บนหน้าอกของเธอ เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าของเขาพูดอะไรสักอย่าง“อย่าพึ่งหลับ”ร่างสูงลุกขึ้นมาก่อนจะจับพลิกคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนปวกเปียกให้นอนคว่ำ และแทรกตัวตนขนาดใหญ่เข้ามาจนเธอร้องลั่นเมื่อรู้ชะตากรรมตัวเอง“ฮือ เหนื่อยแล้วอ่าา”“เธอทำตัวเองจะโทษฉันไม่ได้”“ไม่สงสารฉันเหรอ”ร่างบางที่ใบหน้าแนบกับหมอนส่งเสียงอย่างน่าสงสาร ให้เขาเห็นใจลดบทลงโทษให้เธอ“ไหนว่าจะทำให้ฉันเป็นของเธอไง...นี่มีแต่ฉันทำฝ่ายเดียว คนที่น่าสงสารมันคือฉันนะ”เขากดกระแทกสะโพกลงมาและเริ่มขยับอีกครั้ง ท่านี้ลึกมากจนเธอเผลอหลุดครางตั้งแต่โดนกระแทกครั้งแรก“เห็นไหมว่าฉันลงแรงขนาดไหน...เธอแค่นอนเฉย ๆ เองนะ”นอนครางต่างหากย่ะ!!!ไม่ใช่นอนเฉย ๆ เธอคิดในใจอย่างไม่ยินยอมที่เขาพูดมาเหมือนตัวเองเป็นคนเสียเปรียบเธอ มันใช่ที่ไหนล่ะ!!!ตับ ตับ ตับเพียะ!!“อ๊า...เจ็บนะ” ร่างเล็กงึมงำเมื่อโดนม
เขาคำรามในลำคอเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มครอบครองตัวตนของเขาอยู่ สลับกับลิ้นเล็กน่ารักที่กำลังไล่เลียตัวตนแข็งขืนจนทำให้อารมณ์เขาพลุ่งพล่าน มือหนายื่นออกมากดหัวเธอกระแทกเข้าออกเร็วขึ้นจนเธอแทบสำลัก“อ่า...พอแล้ว”“อะ เดี๋ยวสิ!!!”เมื่อโดนคนตัวเล็กปรนเปรอด้วยปากจนเสร็จ เขาก็จัดการดึงยัยตัวแสบขึ้นมาวางบนอ่างล้างหน้า จับเรียวขาแยกออกจากกันและแทรกกายเข้ามา ดวงตาคมมีเสน่ห์จ้องมองคนตัวเล็กไม่ละสายตาจนเธอเขิน เนื้อตัวแดงระเรื่อภายใต้ไฟสีส้มสลัว สภาพแบบนี้ทำให้เขาอยากจะรังแกเธอจนลุกไม่ขึ้นไปอีกหลายวันนิ้วโป้งปาดคราบสีขาวขุ่นบนริมฝีปากเล็กออกมา ก่อนจะดูดมันพลางมองใบหน้าแดงระเรื่อของคนเมา สายตาอ้อนออดนั้นอีกใครใช้ให้ทำสายตาแบบนี้กัน“เอาเลยนะ”“อื้อ อะ”มือหนาจับเรียวขาสวยเกี่ยวสะโพกสอบไว้แน่น พร้อมกับชักรูดท่อนลำสักพักและดันเข้าร่องรักพรวดเดียว จนคนตัวเล็กจิกเล็บลงบนบ่าแกร่งความคับแน่นของเธอทำให้เขาเหงื่อออกตามไรผมเพราะต้องรอให้ภายในเธอพร้อมก่อน ไฟโน้มหน้าลงไปประกบจูบเธอด้วยอารมณ์หลากหลายผสมกับแรงเสน่หา มือหนาละจากเรียวขาขึ้นมาลูบไล้แผ่นหลังนวลและเลื่อนขึ้นมากอบกุมความอวบอิ่มข้างหน้าปลายนิ้วแตะลง
คอนโด TCตุ้บ!“โอ๊ยยย เจ็บนะ”“เจ็บสิดี จะได้จำ”หลังจากอุ้มร่างบางออกมาจากผับเธอก็หลับคารถเลยแถมกลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเธอก็คละคลุ้งไปหมด แสดงว่ากินมาเยอะยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิดกับสภาพคนเมา คออ่อนแล้วกินอะไรขนาดนั้น ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กบนเตียงก่อนจะกระชากชุดเดรสออกแควก!“อร๊าย...จะทำ...อาราย” มือบางปัดป้องแต่ไม่ช่วย“อยู่นิ่ง ๆ ได้ไหม”“ม่ายยย นะ...นายอึก”“ทำไม จำฉันได้แล้วเหรอ”คนเมาได้แต่อ้ำอึ้ง สมองมึนเบลอ แต่เพราะไฟในห้องสว่างเธอจึงเห็นเขาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง มองเขาจัดการลอกคราบเธอจนร่างกายเปลือยเปล่า สายตาร้อนแรงของเขาทำเอาเธอหนาวสั่นไฟไล่สายตามองร่างบางขาวผ่องสะท้อนแสงไฟภายในห้อง แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากอยู่สักพัก ก่อนจะตัดใจแล้วอุ้มคนเมาเข้าไปในห้องน้ำและจัดการทำความสะอาดให้“สรุปว่าจำได้ไหม”“อือ”“แล้วในผับผีตัวไหนมันเข้าสิงเธอ”“กะ...ก็” เธออึกอักไม่รู้จะตอบยังไง ตอนนั้นเมามากอะ ก่อนจะได้ตอบเขาก็เปิดฝักบัวแล้วซ่า! ซ่าสายน้ำเย็นฉ่ำไหลลงมาบนร่างบางจนเธอยกแขนขึ้นมากอดตัวเอง เมื่อร่างกายอุ่นร้อนสัมผัสกับความเย็นทุกสิ่งทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมดในสายตาเธอ ไหนจะพื้นเอี