“ไม่เอาค่ะ พี่เวย์คะฟางไม่คิดว่าพี่เวย์จะพูดจริง ๆ เรื่องที่จะคบกัน”
“ไหงงั้นล่ะ ทั้งกินข้าว พามาซื้อของและนอนด้วยกันทั้งวันทั้งคืน มีเซ็กส์แบบเสียบสด…อื้อ”
ฟางหันมาปิดปากเขาทันที ไม่คิดเลยว่าคนที่สุขุมอย่างวิชญะจะพูดมากและพูดตรง ๆ ออกมาแบบนี้ได้ สมัยเรียนเขาก็เป็นแบบนี้หรอกเหรอไม่เห็นเหมือนที่เธอคิดเอาไว้เลยสักนิด
“ปิดปากพี่ทำไมล่ะ ก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้น”
“ฟางขอคิดดูก่อนไม่ได้เหรอคะ”
“ต้องคิดอะไรอีกหรือว่าฟางยังลืมอดีตกับแฟนเก่าห่วย ๆ อย่างไอ้คนเฮงซวยเมื่อวานไม่ได้”
“ไม่ใช่นะคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อยฟางก็แค่...”
ไม่คิดว่าแค่พูดถึง คนที่กำลังพูดถึงก็โทรเข้ามา เมื่อฟางเห็นเบอร์ที่หน้าจอก็แปลกใจแต่เวย์หยิบมือถือของเธอมา
“พี่เวย์ ทำอะไรคะ”
“รับปากไหม ถ้าไม่รับปากพี่จะเล่าให้เขาฟังว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกันบ้าง”
“พี่เวย์! ไม่เอานะคะ มันไม่ใช่แบบนั้นพี่อย่าทำแบบนี้”
“หนึ่ง…”
เขานับเพื่อจะกดรับสาย ฟางไม่คิดว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้มาก่อน
“ก็ได้ค่ะ ฟางจะคบกับพี่เวย์ ห้ามรับสายเขานะคะ”
“แน่นอน…ฮัลโหล”
ฟางเบิกตากว้างเมื่อเวย์รับสายของภาคภูมิต่อหน้าเธอซึ่งครั้งนี้เอาเบอร์ของแม่ของเขาโทรมา เมื่อปลายสายได้ยินเสียงก็แปลกใจที่มีผู้ชายรับสายของชนิตรา
“นั่นใครครับ”
“แล้วไม่ทราบว่าคุณโทรหาใครครับ”
“นี่ใช่เบอร์ฟาง เอ่อ คุณชนิตราหรือเปล่า”
“ใช่ครับผมเป็นแฟนของเธอคุณมีธุระอะไรหรือเปล่า”
“แฟนเหรอ!"
เสียงปลายสายลอดออกมาจนเธอได้ยินชัด แม้แต่เวย์ก็ต้องดึงมือถือออกและเริ่มโมโหเมื่อถูกตะโกนใส่ แต่เขากลับพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ กลับไป
“ใช่ ผมชื่อวิชญะเป็นแฟนของฟาง ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรก็แค่นี้นะ เสียเวลาผมอยู่กับฟาง ไอ้งั่ง”
เสียงของภาคภูมิดังขึ้นหลังจากนั้นแต่ฟางกลับฟังไม่รู้เรื่องเพราะเวย์ตัดสายทิ้งและตัดสินใจบล็อกอีกเบอร์เข้าแบกลิสต์
“พี่เวย์ทำไมถึงไปพูดกับ… เขาแบบนั้นละคะ”
“แล้วที่มันพูดกับฟางเมื่อวานไม่รู้สึกโกรธบ้างเหรอ”
“นั่น! ฟางก็สาดกาแฟใส่เขาไปแล้วยังไงละคะ”
“นั่นมันก็ดีมากอยู่หรอกแต่แค่นี้คงไม่พอ มันปากหมาขนาดนั้นแล้วยังกล้าบอกเลิกฟางในวันเกิดอีก สมควรโดนมากกว่านี้อีกนะนี่ถ้าไม่เห็นว่า…”
ฟางยิ้มและส่ายหัวออกมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานเวย์จะเห็นทั้งหมด ทำให้เธอหายอายในทันทีเมื่อเห็นเวย์ที่โกรธแทนและนั่งด่าภาคภูมิไม่หยุด
“กัปตันไม่ควรจะโมโหง่ายแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
“ปกติก็ไม่เป็นหรอก”
“ฟางอิ่มแล้วค่ะ”
"อิ่มแล้วเหรอ งั้นก็กินยาก่อน"
เขายื่นยาคุมฉุกเฉินออกมาให้เธอพร้อมกับน้ำเปล่าที่เทใส่แก้วให้ เมื่อออกมาจากร้านอาหารทั้งคู่ก็เดินกลับออกมาที่ลานจอดรถซึ่งเวย์บอกแล้วว่าจะไปส่งเธอ ฟางไม่ได้ว่าอะไรเพราะถึงเถียงก็ไม่ชนะเขาอยู่ดี
คอนโดฟาง
“ที่นี่แหละค่ะ”
“อ้อ ที่นี่เอง แล้วปกติต้องทำงานหรือเปล่า”
“ช่วงนี้พักก่อนค่ะเพราะงานเก่าพึ่งจะออกไปฟางว่าจะเริ่มเขียนเรื่องใหม่อีกสองสามวัน”
“งั้นก็ดี”
“ดียังไงคะ เอ๊ะ! พี่เวย์”
เธอเห็นเวย์เดินลงจากรถจึงรีบเดินตามลงไป เมื่อเห็นเธอลงมาก่อนที่เขาจะไปเปิดให้ก็รีบล็อกรถและจับมือเธอเข้าไปที่คอนโดหรูทันที
“เข้าออกมีคีย์การ์ดหรือเปล่า ต้องตรวจสอบก่อน”
“มีค่ะ มี รปภ. ร้านสะดวกซื้อก็อยู่ใกล้ ๆ ไม่มีอันตรายหรอกฟางอยู่ที่นี่มาสี่ปีแล้ว”
“สี่ปี ตั้งแต่เรียนจบเหรอ”
“ค่ะ”
“รีบเปิดประตูสิรออะไรล่ะ”
“พี่เวย์ไม่กลับบ้านเหรอคะ”
“นี่พี่อุตส่าห์พาไปซื้อของ ไปกินข้าวพอมาส่งก็จะไล่กลับเลยเหรอ ใจดำกับแฟนเกินไปหน่อยไหมครับ”
“ไม่ได้ขอร้องสักหน่อย”
“หืม ว่าไงนะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
เธอบอกระหว่างที่ยกกระเป๋าใบเล็กขึ้นไปแตะที่ประตูเพื่อเปิดประตูเข้าไปในตัวตึกก่อนจะกดหมายเลขชั้นเพื่อเรียกลิฟต์ลงมารับ เวย์ทำตัวสบาย ๆ เมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์ที่พึ่งจะมีคนเดินออกมา
สาว ๆ สามคนที่พึ่งเดินออกมามองเขาเป็นตาเดียวจนฟางเริ่มหงุดหงิด เธอเดินนำเขาเข้าไปก่อนที่เวย์จะเดินตามและดึงเอวเธอเข้ามากอดและเริ่มหอมแก้มเธอต่อหน้าคนที่มองอยู่จนคนหน้าลิฟต์หันหน้าหนี
“พี่เวย์! ปล่อยเลยนะ”
“หึงก็ยอมรับว่าหึงสิ”
“ใครหึงกันล่ะคะ”
“แล้วกระแทกปุ่มลิฟต์ทำไม สายตาฟาด ๆ นั่นอีกคิดว่าจะปากแข็งได้นานเหรอ”
มือสองข้างของวิชญะล้อมเธอเอาไว้ในลิฟต์และสบตาเธอจนฟางรู้สึกวาบหวิวพิกลแต่ไม่ใช่เพราะลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นแปดเธอจึงรีบเดินนำเขาออกไป เวย์เดินยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นแฟนสาวของเขาหน้าแดงจัดเพราะความอาย
“ถ้ารู้ว่าน่ารักขนาดนี้ครั้งนั้นไม่ปล่อยไปหรอก”
เมื่อเธอเดินไปที่หน้าประตูและกดรหัสห้องของเธอเขาก็สังเกตเห็นบางอย่างซึ่งมันง่ายจนแทบไม่ต้องมอง
“สองสองหนึ่งหนึ่งงั้นเหรอ”
“พี่เวย์!”
“อะไรล่ะ ไม่คิดว่าจะตั้งรหัสง่าย ๆ แบบนี้ไม่เดาง่ายไปหน่อยเหรอนี่มันวันเกิดฟางนี่”
เธอสะดุดและรู้สึกแปลกใจเมื่อเวย์รู้ว่าเป็นวันเกิดของเธอ
“พี่เวย์รู้ได้ยังไงคะว่าเลขนี้คือ…”
“อ๋อ เอ่อก็เลขมันจะเป็นอะไรได้ล่ะ เบอร์โทรก็ไม่ใช่เพราะพี่บันทึกไว้แล้ว ก็เหลือแค่เลขวันเกิดเท่านั้นไม่ใช่เหรอเพราะมันเป็นวันที่ของเมื่อวานนี้เอง”
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องเขาก็พบว่าคอนโดของเธอหรูหราไม่น้อยหน้าคอนโดราคาแพงใจกลางเมืองของเขาเลยแม้ว่าจะเล็กกว่านิดหน่อยแต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมีทั้งห้องครัวแยกและห้องนอนซึ่งมีถึงสองห้อง
อีกทั้งของที่ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ มีแค่โต๊ะทำงานของเธอที่มีคอมพิวเตอร์วางอยู่เท่านั้นที่ค่อนข้างรก
“จัดห้องได้น่ารักมาก”
“ขอบคุณค่ะ พี่เวย์จะดื่มน้ำหน่อยไหมคะ”
“ก็ดี พี่ขอล้างมือหน่อยสิ”
“ทางนี้ค่ะ”
เธอเดินนำเขาไปที่ครัวและเปิดน้ำอุ่นให้เวย์ล้างมือ ฟางเดินไปเปิดตู้เย็นและยกขวดน้ำแร่ออกมาและเทใส่แก้วสะอาดเพื่อนำมาให้เวย์ดื่มแก้กระหายซึ่งเธอก็ดื่มไปแล้วหนึ่งแก้วเช่นกัน
“พี่เวย์จะบินอีกทีเมื่อไหร่เหรอคะ”
“ทำไม ถามแบบนี้อยากจะแอบหนีเที่ยวที่ไหนเหรอ หรือว่าจะเริ่มเช็คเวลาแฟนแล้วเหรอครับ”
“เปล่านะคะฟางก็แค่ถามดูเท่านั้น แล้วไม่รีบกลับไปพักผ่อนเหรอคะนี่ก็ดึกแล้ว”
“นั่นสินะ นี่ก็ดึกแล้วจริง ๆ ด้วยนั่นแหละ อีกอย่างก็ยังไม่ค่อยชินกับเวลามากเท่าไหร่ถ้าขับรถบ่อย ๆ อาจจะมีอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน”
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นต้องทานยาอะไรป้องกันเอาไว้หรือเปล่าคะ ฟางไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกพี่ไม่เป็นไรแค่ได้นอนพักก็หายแล้ว”
“อ้อ ค่ะ”
“จริงสิ อีกสองวันพี่มีนัดกับเพื่อน ๆ สมัยมหาลัยอาจจะดื่มกันนิดหน่อย”
“ค่ะ แล้ว...”
“ก็รายงานไงละครับเผื่อว่าฟางอยากจะรู้”
ฟางเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะเธอเองก็ไม่เคยทำแบบนี้กับภาคภูมิมาก่อน โดยปกติเธอจะไม่ถามว่าเขาจะทำอะไร ไปที่ไหนกับใครเพราะมันเป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวจนมากเกินไป และอาจเป็นเพราะเธอไม่จู้จี้ไม่เซ้าซี้และน่าเบื่อ จึงทำให้เขาคิดว่าเธอไร้ความรู้สึกและตายด้าน
“ฟางคิดอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าขนาดอยู่ต่อหน้าแฟนตัวเองก็ยังคิดถึงคนอื่นอยู่"
เวย์เดินเข้ามาจนถึงตัวเธออยู่แล้วแต่ฟางที่มัวแต่เหม่อลอยกลับไม่ทันรู้สึกตัว เมื่อเขาเดินมากอดเธอและเริ่มก้มลงมาหาจึงตกใจและเผลอคว้าเขาเอาไว้ นั่นก็เข้าทางเวย์เช่นกัน
“พี่เวย์ ขอโทษค่ะฟางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“สงสัยจะเหนื่อยเหมือนกัน วันนี้พี่ก็พาเดินเสียนานเลย ไม่เป็นไรเราไปนอนกันเถอะจะได้รีบพักผ่อนพี่อยากอาบน้ำด้วย”
“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนค่ะแล้วพี่เวย์ไม่กลับบ้านเหรอคะ”
“กลับสิ แต่คืนนี้ดึกแล้วพี่ก็เลยคิดว่าค้างกับฟางน่าจะปลอดภัยกว่าขับรถดึก ๆ น่ะ ร้อนจังไปอาบน้ำด้วยกันนะ”
สี่ปีต่อมา “ขอบคุณนะคะ”“ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ “กัปตันเย็นชากับนางฟ้าสายโหด” เขียนแนวนี้อีกนะคะ”“ขอบคุณที่ชื่นชอบนะคะ จะเก็บไปพิจารณาเลยค่ะ”“เชิญเลยค่ะ คนต่อไปค่ะ”ด้านนอก“รามิลเห็นคุณแม่ไหมครับ พ่อคิดว่าตอนนี้คุณแม่เริ่มเหนื่อยแล้ว”“งั้นมิลจะเอาน้ำไปให้คุณแม่นะครับ”“ดีมากลูก พ่อจะนั่งรออยู่นี่นะ อ่ะนี่ครับ”“รามิล” เด็กน้อยวัยสี่ขวบรับน้ำจากคุณพ่อของเขาและเดินตรงไปที่โต๊ะแจกลายเซ็นนักเขียนของฟางในงานเปิดตัวหนังสือเรื่องใหม่ ซึ่งเป็นภาคต่อจาก "Love Flight" ที่เธอเขียนเอาไว้เมื่อสี่ปีก่อนซึ่งนับว่าได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาดเพราะนักอ่านต่างเฝ้ารอภาคต่อของเรื่องนี้มานานหลายปี สาเหตุเพราะนักเขียนคนโปรดของพวกเธอแต่งงานและต้องเลี้ยงลูก ทำให้เรื่องนี้ต้องรอเวลามากว่าสี่ปีถึงจะได้อ่านอีกครั้ง“คุณแม่ครับ มิลเอาน้ำมาให้ครับ”“กรี๊ด!!! นี่น้องรามิลใช่ไหมคะคุณซีซี”“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะครับลูก มานั่งตรงนี้กับแม่มา”ฟางหันมารับน้ำและยกตัวเด็กน้อยวัยเกือบสี่ขวบขึ้นมานั่งที่ตัก บางส่วนเริ่มขอถ่ายรูปเด็กน้อยคู่กับแม่ หลายคนนึกเสียดายที่พ้นคิวของตัวเองมาแล้วก็เลยอดถ่ายกับหนูน้อยรามิลถึงกับนั่งบ่น เ
หลังจากงานแถลงข่าว / คอนโด “พี่เวย์วางแผนมานานสินะคะ”“พี่เปล่านะ”“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ของพี่เวย์จะมาได้ยังไงคะ ไหนจะพาคุณพ่อคุณแม่ของฟางที่จะไปเที่ยวภูเก็ตมาด้วยอีก”“นั่นพี่ก็แค่บอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของฟางในฐานะนักเขียน และเป็นวันที่ต้องจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ครอบครัวว่าพี่จะทำเรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียว พ่อแม่พี่จะยอมพลาดงั้นเหรอ”“พี่เวย์… แอบอ่านนิยายของฟางเหรอคะ”เวย์ยิ้มก่อนจะดึงตัวคู่หมั้นของเขามากอดเอาไว้“รู้ไหมว่าพี่คิดหาวิธีขอแต่งงานมานานแค่ไหน พี่ว่ามันยากกว่าการที่จะทำข้อสอบตอนสอบกัปตันเสียอีกให้ตายเถอะ ทั้ง ๆ ที่ฟางก็ไม่ใช่คนที่เรื่องมากอะไร แต่พี่กลับรู้สึกกดดันมากกว่าทุกครั้ง คงเพราะพี่อยากจะให้มันออกมาพิเศษและประทับใจที่สุด ที่สำคัญต้องทำให้ฟางปฏิเสธพี่ไม่ได้ด้วย”“พี่เวย์บ้าหรือเปล่าคะ ปกติเราสองคนก็พูดกันตรง ๆ อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลย ฟางอายแทบตาย”“แต่ก็แอบยิ้มไม่ใช่เหรอ”“ไม่ใช่แค่ยิ้มค่ะ ดีใจและภูมิใจในตัวพี่เวย์มากเลยค่ะ วันนี้ทุกคนคงคิดว่าฟางเป็นนางเอกในนิยายที่ตัวเองเขียนแน่ ๆ เลย”“แต่นักอ่านดูจะอินมากเลยนะ”“จริงเหรอคะ”“งั้น…เราจ
หลังงานเปิดตัวหนังสือ “คุณอาร์ม แก้วจำได้ว่าคุณบอกกับคุณพิศาลว่าจะไปหน้างานที่ระยองไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้”“คุณแก้ว ไม่เอาน่าอย่าพึ่งมาทำหน้าที่เลขาจอมโหดอยู่แถวนี้ วันนี้มันเป็นวันสำคัญของเพื่อนสนิทผมเชียวนะ”“เหรอคะ แล้ว…”“ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรที่นี่กันล่ะ นี่นะเหรอที่บอกว่าขอลางานไปทำเรื่องสำคัญ”“ฉัน!…”“แก้ว” กวีณาเถียงไม่ออกเมื่อ “อาร์ม” พิศุจน์ยอกย้อนเธอกลับมา แก้วถลึงตาใส่เขาโดยมีอิงและนิดจับแขนเอาไว้คนละข้าง“ใจเย็น ๆ ก่อนนะแก้วมีอะไรกันเหรอ นี่แกรู้จักกับพี่อาร์มด้วยเหรอ”""รู้จักสิ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ""ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้เวย์และฟางเดินลงมาจากเวทีแล้วและแฟน ๆ หนังสือเริ่มจะต่อแถวเพื่อจะถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักเขียนคนโปรดของพวกเธอ “น้องแก้ว น้องอิงน้องนิด ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ไอ้อาร์มมึงอย่าบอกนะว่าเลขาหน้าโหดที่มึงเคยพูดถึงคือ…”“อะไรนะ เลขาอะไรนะนี่คุณกล้าพูดว่าฉันเป็น...”“ก็มันจริงนี่ วัน ๆ เอาแต่จับผิดคนอื่นแต่ตัวเองก็หนีงานมาเที่ยว”“ฉันไม่ได้มาเที่ยว ไอ้นิดแกปล่อยฉันจะต่อยปากมัน”“แกใจเย็น ๆ ก่อนแก้ว ยังไงพี่อาร์มก็เป็นรุ่นพี่ของเรานะ”“รุ่นพี
ห้องนอน“ฟาง หลับแล้วเหรอ”“พี่เวย์… มีอะไรเหรอคะ”“หายปวดท้องหรือยัง”ฟางหันมามองหน้าคนที่นอนข้าง ๆ เธอเครียดกับงานเปิดตัวหนังสือที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ อีกอย่างช่วงนี้เวย์ก็เริ่มทำท่าทางแปลก ๆ แม้ว่าเธอจะอยากถามแต่เขาก็มักจะตอบแบบเลี่ยง ๆ เสมอ“หายแล้วค่ะ พี่เวย์เป็นอะไรคะ พรุ่งนี้จะต้องบินแล้วไม่รีบนอนล่ะคะ”“พี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ อยากกอดฟาง”“อืม…ตื่นเต้นอะไรคะ หลังจากเรื่องนั้นก็บินมาสองรอบแล้วนี่คะ ยังกลัวอยู่อีกเหรอ”“เปล่าพี่ไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากอยู่ห่างฟาง ช่วงนี้พี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ไม่อยากห่างจากฟางไปไหนเลย แค่วันนั้นไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ ก็เอาแต่คิดถึงฟาง”“หึ พี่เวย์เคยชินน่ะสิคะ เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้จนไม่มีเวลาไปเจอคนอื่น ฟางผิดเองที่ทำตัวติดกับพี่เวย์มากเกินไป บางครั้งควรจะปล่อยให้พี่เวย์ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ บ้าง”“ไม่ใช่แบบนั้นพี่รู้สึกไม่อยากไปเองต่างหาก เมื่อวานก็รีบไปรีบกลับเพราะเป็นห่วงฟาง พี่กลายเป็นคนติดเมียไปแล้วจริง ๆ สินะแบบนี้”“อือ… นอนเถอะค่ะ”“ลูกแมวน้อยทำไมง่วงเร็วแบบนี้ล่ะ”“ขอโทษค่ะแต่ฟางมัวแต่ตรวจงานจนเพลีย…”สองวันมานี้ฟางทำแต่งาน ส่วนเวย์เอง
เวย์แค่มองตามฟางที่เดินเข้าห้องไปเงียบ ๆ อีกสองวันเขาจะบินอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ไปไกลมากและใช้เวลาไม่นานแต่เมื่อเห็นแฟนสาวเป็นแบบนี้เขาจึงไม่ค่อยสบายใจนักวันถัดมาอาร์ม รุจและราเชนทร์มาพบกับเวย์ที่ร้านอาหาร เพื่อน ๆ ต่างก็แปลกใจไม่น้อยที่เขานัดมาที่นี่ ปกติแล้วไม่เจอกันตามร้านเหล้าก็จะเป็นในผับ แต่พอมาเจอเวย์อีกครั้งกับสีหน้าที่ตึงเครียดพวกเขาจึงอดถามไม่ได้“ทำไมมึงนัดพวกกูมาแต่หัววันแบบนี้วะ ปกติต้องนัดหลังสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอไอ้เวย์”“นั่นสิไอ้อาร์มพูดถูก ว่าแต่มึงหายดีแล้วเหรอตั้งแต่เรื่องอุบัติเหตุครั้งก่อนพวกกูก็ไม่มีโอกาสได้เจอมึงเลย”“หายดีแล้วล่ะ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพียงแต่มันเป็นข่าวขึ้นมาก็เพราะ…”“กูรู้ เพราะน้องยาหยีนั่นใช่ไหม กูกับไอ้เชนตามข่าวอยู่เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลมขนาดนี้แล้วนี่น้องหวาน…ไม่ใช่ แฟนมึงไม่ว่าอะไรเหรอ”“ฟางมีเหตุผลมากพอที่จะไม่สนใจเรื่องแบบนี้ อีกอย่างนิสัยของอีกฝ่ายเป็นยังไงฟางรู้ดีที่สุดเลยไม่มีปัญหาเท่าไหร่”“ไม่มีปัญหาแต่ทำไมสีหน้ามึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันดูหนักกว่าอาการบาดเจ็บของมึงเสียอีกนะ ตอนมึงเลิกกับยาหยียังดูไม่กลุ้มมากขนาดนี้เลยนี่
วันถัดมา / สำนักพิมพ์“ขอบคุณมากนะคะพี่วุ้นที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเลย ในที่สุดก็จบโปรเจคเรื่องนี้เสียที”“พี่สิต้องขอบคุณน้องฟาง ดีใจมาก ๆ ที่ฟางยอมเขียนเรื่องนี้ให้จบ นักอ่านต่างก็ตั้งตารอเลยล่ะ อย่างน้อย ๆ ก็มีพลอตอื่นที่แหวกแนวออกมาบ้าง”“ขอบคุณค่ะ งั้นฟางขอตัวก่อนนะคะ”“กลับดี ๆ นะเอาไว้หนังสือเสร็จเมื่อไหร่แล้วพี่จะโทรหา”“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่วุ้น”ฟางเดินออกมาเพื่อจะไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ ๆ แต่กลับบังเอิญพบกับคนที่เธอเกือบจะลืมหน้าไปแล้ว เธอกำลังเดินมาที่สถานีเช่นกันแต่เมื่อเห็นก็รีบเดินเข้ามาทักทาย“คุณฟาง”“พี่จอย!”“จอย” เลขาของภาคภูมินั่นเองที่เดินเข้ามาทักทายเธอ วันนี้เธอสวมชุดคลุมท้องสีอ่อนทำให้ฟางตกใจเล็กน้อย ฟางจึงเอ่ยปากชวนเธอเข้าไปที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะคุยกัน ฟางเกือบจะลืมเรื่องราวของภาคภูมิและจอยไปหมดแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้พบเธออีกครั้ง“พี่จอยไม่ได้ทำงานกับ…เขาแล้วเหรอคะ”“พี่ย้ายมาเป็นเลขาให้คุณวิภาดาพี่สาวของคุณภูมิได้เกือบครึ่งปีแล้วค่ะ”“เกือบครึ่งปีเหรอคะ หรือว่า…”“หลังจากที่เขาเลิกกับคุณฟาง พอกลับไปที่บ้านแล้วคุณแม่ของคุณภูมิทราบก็ด