กว่าฟางจะรู้สึกตัวอีกทีก็เกือบจะตอนเย็นอีกครั้ง เมื่อเธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมาและหันดูรอบ ๆ ห้องและไม่เห็นเวย์เธอจึงค่อย ๆ หยิบชุดคลุมมาสวม ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้ แม้ว่าจะยังคุยกันไม่จบแต่เหมือนว่าวิชญะจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ สินะ
“ตื่นแล้วเหรอ”
เธอสะดุ้งเมื่อเห็นเวย์ในชุดลำลองเดินเข้ามาหาเธอ
“คือว่า…”
“รีบไปอาบน้ำเถอะพี่พึ่งไปรับชุดที่ร้านซักรีดมาส่งให้น่ะ”
“พี่เวย์ส่งชุดของฟางไปซักเหรอคะ”
“อืม พอดีว่ามีชุดนักบินของพี่ด้วยก็เลยส่งซักทีเดียว ลุกไหวหรือเปล่า”
“ไหวค่ะ”
แต่เวย์ก็เดินเข้ามาและพยุงเธอลุกจากเตียง เธอไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาเพราะมัวแต่ใจสั่น คนอะไรแค่สวมชุดอยู่บ้านธรรมดาก็หล่อจนใจละลายแบบนี้
“พี่เอาชุดไปแขวนให้เดี๋ยวออกมาจะได้ใส่ได้สะดวก”
“ขอบคุณค่ะ”
“รีบอาบน้ำเถอะ”
เขาเดินมานั่งรอเธอที่โซฟาห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับโซนครัวและเครื่องดื่ม เมื่อหันมามองมือถือที่สั่นของฟางก็เห็นเบอร์ที่เธอบันทึกเอาไว้โทรเข้ามา
“ที่รัก”
“หึ ที่รักเหรอ แค่เห็นก็จะอ้วกแล้ว”
เวย์เอื้อมไปหยิบมือถือและตัดสายทิ้งทันที แต่ไม่นานเบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีกครั้งจนเขารำคาญจนต้องตัดสายทิ้งไปเสียดื้อ ๆ โดยปกติแล้วเขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเพราะมันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่น
แต่ว่าครั้งนี้เขาคงยอมไม่ได้เพราะตอนนี้ชนิตราถือว่าเป็นคนของเขาแล้วอย่างเต็มตัว ไม่ใช่ชนิตราที่ถูกผู้ชายเฮงซวยที่กำลังกระหน่ำโทรหาเธอทิ้งโดยไม่สนความรู้สึกเมื่อวานนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“พี่เวย์คะ คือว่าชุดนี้…”
เธอเดินถือชุดแบรนด์เนมสีขาวครีมสุดหรูออกมาเพราะมันเป็นชุดเดียวที่อยู่ในห้องแต่งตัว
“ทางร้านซักรีดน่าจะหยิบชุดมาให้ผิดหรือเปล่าคะ ชุดของฟางเป็นสีเดียวกันแต่ไม่ได้หรูแบบนี้ฟางว่า...”
“ไม่ใช่หรอก ชุดนั้นถูกแล้วล่ะชุดเมื่อคืนพี่เอาไปทิ้งแล้ว”
“ทิ้ง!!”
“ใช่ ทิ้งไปแล้วพี่เห็นว่ามันขาดน่าจะใส่ไม่ได้แล้วก็เลยสั่งชุดใหม่มาให้ ซักรีดด่วนให้แล้วลองใส่ดูสิ”
“แต่ว่าชุดนั้นราคาแพง อุตส่าห์ตัดใจตั้งนานกว่าจะซื้อได้”
เมื่อได้ยินเธอบ่นเขาก็เริ่มนึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง นี่เธอตั้งใจเลือกชุดสวย ๆ ทั้งแต่งหน้าทำผมเพื่อจะมาพบไอ้คนเฮงซวยที่บอกเลิกเธองั้นเหรอ
“ฟาง จะใส่เองหรือจะให้พี่ช่วยใส่ให้”
“ฟางใส่เองได้ค่ะพี่เวย์ออกไปก่อนเถอะค่ะ”
“เอ่อ ชุดชั้นในนั่นก็… ลองดูนะ พี่ก็กะเอาตอนที่จับ”
เวย์เดินออกไปแล้วฟางจึงรีบปิดประตูทันทีเพราะความอาย เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะซื้อแม้กระทั่งชุดชั้นในและบราเข้าชุดราคาแพงขนาดนี้ให้เธอ แต่ก็นั่นแหละเขาเป็นกัปตันและเงินเดือนคงจะสูงมากกว่าเธอถึงได้มาพักโรงแรมระดับนี้ได้หลายวัน
“เสร็จแล้วค่ะ”
เมื่อฟางเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เวย์ก็ต้องยิ้มอย่างพอใจเพราะชุดที่เตรียมให้เธอสวมได้พอดีและยังดูดีมาก ๆ อีกด้วย ไม่สิ มันดีกว่าที่คิดเสียอีก
“พี่จินนี่ยังใช้ได้อยู่”
“อะไรเหรอคะ”
“ไม่มีอะไร รีบไปทำผมสักหน่อยเถอะ”
“ค่ะ”
เธอไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะยังไม่อยากถูกวิชญะลากขึ้นเตียงอีกรอบ ดูเหมือนว่าเขาเองก็ยังพูดไม่จบแต่ความทรงจำสุดท้ายเหมือนกับว่าเขาจะขอคบกับเธอแล้วยังต่อว่าเรื่องที่เธอจะ “กินแล้วทิ้ง” ด้วย
“เสร็จแล้วค่ะ”
“อืม ยังสวยอยู่เลย ไปซื้อของกันก่อนแล้วแวะทานข้าวเย็นแล้วพี่จะส่งกลับบ้าน”
“ซื้ออของเหรอคะ แต่ว่าตอนนี้ฟางต้องรีบทานยา”
“ยา อ่อหมายถึงยาคุมฉุกเฉินน่ะเหรออ นี่ไง พี่สั่งให้คนซื้อมาเรียบร้อยแล้วแต่ต้องกินหลังอาหาร ไปกันเถอะ”
“เอ่อ ทำไมพี่เวย์ต้องพาฟางไปซื้อของด้วยละคะ”
“ก็ พี่คิดว่าถ้าเรายังคุยอยู่ในห้องนี้คงจะคุยไม่รู้เรื่องน่ะสิ"
วิชญะมองไปที่เตียงซึ่งผ่านศึกรักมาทั้งวันทั้งคืน ฟางรีบคว้ากระเป๋ามาสะพายและหันมาค้อนเขาด้วยหน้าแดงก่ำ
“เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ ไปกันเถอะ”
“เอ่อ แล้วห้อง…”
"ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ไม่ได้ค้างที่นี่ เปิดเอาไว้แค่นอนเพื่อปรับเวลาเฉย ๆ วันนี้พี่จะกลับคอนโดตัวเองแล้ว"
“แบบนี้นี่เอง กัปตันก็มีช่วงเวลามึนงงกับช่วงเวลาที่ต่างกันสินะคะ”
“เขาเรียกเจ็ทแลค แต่พี่ไม่ค่อยเป็นหรอกชินแล้ว”
วิชญะพาเธอเดินออกมาจากโรงแรมหรู เมื่อมาถึงลานจอดรถเธอพบว่าเขาทิ้งรถหรูเอาไว้ที่นี่ ซึ่งก็ดูสมฐานะกัปตันรายได้เฉียดครึ่งล้านอย่างเขา เมื่อเดินมาถึงและเขาเป็นคนเปิดประตูให้เธอด้วยตัวเองซึ่งก่อนหน้านี้ภาคภูมิไม่เคยทำให้เธอแม้แต่ครั้งเดียว
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
“ขอบคุณค่ะ”
เขาปิดประตูและรีบเดินไปที่นั่งคนขับ ไม่นานรถยุโรปสุดหรูของเวย์ก็ถูกขับออกมา แต่ช่วงเวลานี้รถค่อนข้างติดเขาจึงได้เริ่มชวนเธอคุย
“ฟางเป็นนักเขียนเหรอ”
“ค่ะ”
“ชอบแนวนี้สินะ ก็ดีนะอิสระดีไม่ต้องมีเจ้านาย ควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง เก่งมาก”
“จริงเหรอคะ พี่เวย์เป็นคนแรกเลยนะคะที่พูดกับฟางแบบนี้ คนรอบข้าง เพื่อน ๆ และครอบครัวไม่ค่อยสนับสนุนฟางเท่าไหร่หรอกค่ะเพราะคิดว่ามันทำเงินไม่ได้”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นนักเขียนชื่อดังอย่างเจ เค โรลลิ่งทำไมถึงได้โด่งดังจนหนังสือถูกนำไปทำภาพยนตร์ล่ะ”
“นั่นสิคะแต่ก็นั่นแหละค่ะ น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ”
“แค่ชอบก็ดีแล้วนี่ ว่าแต่เรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้ฟางลองคิดดูนะ ก่อนกลับบ้านพี่ต้องการคำตอบ”
“เรื่อง…ที่คุยกันเหรอคะ”
เวย์หันมามองเธอและยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เอียงเข้ามาใกล้ ๆ อีกครั้ง
“ใช่ เรื่องที่คุยกันก่อนจะถูกพี่กินจนหมดแรงอยู่บนเตียงไงล่ะ”
“พี่เวย์!”
“อยู่นี่ ๆ เสียงดังทำไมล่ะ”
“พูดอะไรคะเนี่ย”
“ทำเป็นอายไปได้”
รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปจนถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง เวย์พาเธอเดินซื้อของทั้งเสื้อผ้าของเขาและยังพาเธอบังคับให้เลือกซื้ออีกหลายชุด ฟางทั้งเพลียและเหนื่อยเพราะเขาสั่งให้เธอเปลี่ยนชุดและลองอยู่นาน
“พี่เวย์ฟางเหนื่อยแล้วก็หิวด้วย ไม่ลองแล้วได้ไหมคะ"
“ก็ได้ ผมเอาทั้งหมดนั่นแล้วก็… ช่วยส่งไปที่นี่นะครับ”
“ค่ะคุณผู้ชาย”
พนักงานขายมองหน้าทั้งคู่และหันมายิ้มให้ฟางด้วยความอิจฉาสุด ๆ เมื่อฟางนั่งลงที่โซฟาระหว่างรอเวย์เดินไปจ่ายเงินด้วยการ์ดดำสุดหรู ไม่นานเขาก็เดินมาหาเธอพร้อมกับถุงอีกสองสามถุงและพาไปที่ร้านอาหารชั้นบนที่เขามักจะมาทานเป็นประจำ
“นึกว่าเป็นกัปตันจะสบายเสียอีก ฟัง ๆ ดูแล้วก็ลำบากไม่น้อยเลยนะคะ เวลาพักผ่อนกับวันทำงานก็ไม่แน่นอน มิน่าล่ะตอนนั้น… เอ่อ”
“หึ ทำไมเหรอ หรือว่าเมื่อก่อนหยีคงไประบายอะไรเกี่ยวกับพี่ให้ฟังเยอะสินะ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพื่อน ๆ ก็พากันปลอบว่าเพราะพี่เวย์พึ่งจะเริ่มทำงาน อีกอย่างงานแบบนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนคนทั่วไปก็เลยอาจจะไม่ค่อยว่าง”
“แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นใช่ไหม ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าพวกผู้หญิงเวลามีปัญหากับแฟนจะคุยกันมากขนาดนี้”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ หยีก็แค่เหงา”
“หึ แค่เหงาเหรอ ไม่ใช่ว่าอยากหาเรื่องอยู่แล้วเหรอ”
“อะไรนะคะ”
“เปล่าหรอกไม่มีอะไร ตอนนี้ตารางการใช้ชีวิตของพี่ค่อนข้างปกติแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกฟางวางใจได้”
“คะ?”
“ทำไมทำหน้างงแบบนั้นอีกแล้วล่ะ หรือว่าคิดจะปฏิเสธพี่เหรอ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนนี้เป็นฝ่ายขอเองเลยนะ หรือว่าเรื่องนี้ก็จำไม่ได้”
“จำ ไม่เห็นได้เลยว่าพูด”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นพี่จะทบทวนให้เอาไหม ทบทวนตั้งแต่แรกเลยจะได้จำได้”
สี่ปีต่อมา “ขอบคุณนะคะ”“ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ “กัปตันเย็นชากับนางฟ้าสายโหด” เขียนแนวนี้อีกนะคะ”“ขอบคุณที่ชื่นชอบนะคะ จะเก็บไปพิจารณาเลยค่ะ”“เชิญเลยค่ะ คนต่อไปค่ะ”ด้านนอก“รามิลเห็นคุณแม่ไหมครับ พ่อคิดว่าตอนนี้คุณแม่เริ่มเหนื่อยแล้ว”“งั้นมิลจะเอาน้ำไปให้คุณแม่นะครับ”“ดีมากลูก พ่อจะนั่งรออยู่นี่นะ อ่ะนี่ครับ”“รามิล” เด็กน้อยวัยสี่ขวบรับน้ำจากคุณพ่อของเขาและเดินตรงไปที่โต๊ะแจกลายเซ็นนักเขียนของฟางในงานเปิดตัวหนังสือเรื่องใหม่ ซึ่งเป็นภาคต่อจาก "Love Flight" ที่เธอเขียนเอาไว้เมื่อสี่ปีก่อนซึ่งนับว่าได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาดเพราะนักอ่านต่างเฝ้ารอภาคต่อของเรื่องนี้มานานหลายปี สาเหตุเพราะนักเขียนคนโปรดของพวกเธอแต่งงานและต้องเลี้ยงลูก ทำให้เรื่องนี้ต้องรอเวลามากว่าสี่ปีถึงจะได้อ่านอีกครั้ง“คุณแม่ครับ มิลเอาน้ำมาให้ครับ”“กรี๊ด!!! นี่น้องรามิลใช่ไหมคะคุณซีซี”“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะครับลูก มานั่งตรงนี้กับแม่มา”ฟางหันมารับน้ำและยกตัวเด็กน้อยวัยเกือบสี่ขวบขึ้นมานั่งที่ตัก บางส่วนเริ่มขอถ่ายรูปเด็กน้อยคู่กับแม่ หลายคนนึกเสียดายที่พ้นคิวของตัวเองมาแล้วก็เลยอดถ่ายกับหนูน้อยรามิลถึงกับนั่งบ่น เ
หลังจากงานแถลงข่าว / คอนโด “พี่เวย์วางแผนมานานสินะคะ”“พี่เปล่านะ”“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ของพี่เวย์จะมาได้ยังไงคะ ไหนจะพาคุณพ่อคุณแม่ของฟางที่จะไปเที่ยวภูเก็ตมาด้วยอีก”“นั่นพี่ก็แค่บอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของฟางในฐานะนักเขียน และเป็นวันที่ต้องจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ครอบครัวว่าพี่จะทำเรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียว พ่อแม่พี่จะยอมพลาดงั้นเหรอ”“พี่เวย์… แอบอ่านนิยายของฟางเหรอคะ”เวย์ยิ้มก่อนจะดึงตัวคู่หมั้นของเขามากอดเอาไว้“รู้ไหมว่าพี่คิดหาวิธีขอแต่งงานมานานแค่ไหน พี่ว่ามันยากกว่าการที่จะทำข้อสอบตอนสอบกัปตันเสียอีกให้ตายเถอะ ทั้ง ๆ ที่ฟางก็ไม่ใช่คนที่เรื่องมากอะไร แต่พี่กลับรู้สึกกดดันมากกว่าทุกครั้ง คงเพราะพี่อยากจะให้มันออกมาพิเศษและประทับใจที่สุด ที่สำคัญต้องทำให้ฟางปฏิเสธพี่ไม่ได้ด้วย”“พี่เวย์บ้าหรือเปล่าคะ ปกติเราสองคนก็พูดกันตรง ๆ อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลย ฟางอายแทบตาย”“แต่ก็แอบยิ้มไม่ใช่เหรอ”“ไม่ใช่แค่ยิ้มค่ะ ดีใจและภูมิใจในตัวพี่เวย์มากเลยค่ะ วันนี้ทุกคนคงคิดว่าฟางเป็นนางเอกในนิยายที่ตัวเองเขียนแน่ ๆ เลย”“แต่นักอ่านดูจะอินมากเลยนะ”“จริงเหรอคะ”“งั้น…เราจ
หลังงานเปิดตัวหนังสือ “คุณอาร์ม แก้วจำได้ว่าคุณบอกกับคุณพิศาลว่าจะไปหน้างานที่ระยองไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้”“คุณแก้ว ไม่เอาน่าอย่าพึ่งมาทำหน้าที่เลขาจอมโหดอยู่แถวนี้ วันนี้มันเป็นวันสำคัญของเพื่อนสนิทผมเชียวนะ”“เหรอคะ แล้ว…”“ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรที่นี่กันล่ะ นี่นะเหรอที่บอกว่าขอลางานไปทำเรื่องสำคัญ”“ฉัน!…”“แก้ว” กวีณาเถียงไม่ออกเมื่อ “อาร์ม” พิศุจน์ยอกย้อนเธอกลับมา แก้วถลึงตาใส่เขาโดยมีอิงและนิดจับแขนเอาไว้คนละข้าง“ใจเย็น ๆ ก่อนนะแก้วมีอะไรกันเหรอ นี่แกรู้จักกับพี่อาร์มด้วยเหรอ”""รู้จักสิ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ""ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้เวย์และฟางเดินลงมาจากเวทีแล้วและแฟน ๆ หนังสือเริ่มจะต่อแถวเพื่อจะถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักเขียนคนโปรดของพวกเธอ “น้องแก้ว น้องอิงน้องนิด ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ไอ้อาร์มมึงอย่าบอกนะว่าเลขาหน้าโหดที่มึงเคยพูดถึงคือ…”“อะไรนะ เลขาอะไรนะนี่คุณกล้าพูดว่าฉันเป็น...”“ก็มันจริงนี่ วัน ๆ เอาแต่จับผิดคนอื่นแต่ตัวเองก็หนีงานมาเที่ยว”“ฉันไม่ได้มาเที่ยว ไอ้นิดแกปล่อยฉันจะต่อยปากมัน”“แกใจเย็น ๆ ก่อนแก้ว ยังไงพี่อาร์มก็เป็นรุ่นพี่ของเรานะ”“รุ่นพี
ห้องนอน“ฟาง หลับแล้วเหรอ”“พี่เวย์… มีอะไรเหรอคะ”“หายปวดท้องหรือยัง”ฟางหันมามองหน้าคนที่นอนข้าง ๆ เธอเครียดกับงานเปิดตัวหนังสือที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ อีกอย่างช่วงนี้เวย์ก็เริ่มทำท่าทางแปลก ๆ แม้ว่าเธอจะอยากถามแต่เขาก็มักจะตอบแบบเลี่ยง ๆ เสมอ“หายแล้วค่ะ พี่เวย์เป็นอะไรคะ พรุ่งนี้จะต้องบินแล้วไม่รีบนอนล่ะคะ”“พี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ อยากกอดฟาง”“อืม…ตื่นเต้นอะไรคะ หลังจากเรื่องนั้นก็บินมาสองรอบแล้วนี่คะ ยังกลัวอยู่อีกเหรอ”“เปล่าพี่ไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากอยู่ห่างฟาง ช่วงนี้พี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ไม่อยากห่างจากฟางไปไหนเลย แค่วันนั้นไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ ก็เอาแต่คิดถึงฟาง”“หึ พี่เวย์เคยชินน่ะสิคะ เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้จนไม่มีเวลาไปเจอคนอื่น ฟางผิดเองที่ทำตัวติดกับพี่เวย์มากเกินไป บางครั้งควรจะปล่อยให้พี่เวย์ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ บ้าง”“ไม่ใช่แบบนั้นพี่รู้สึกไม่อยากไปเองต่างหาก เมื่อวานก็รีบไปรีบกลับเพราะเป็นห่วงฟาง พี่กลายเป็นคนติดเมียไปแล้วจริง ๆ สินะแบบนี้”“อือ… นอนเถอะค่ะ”“ลูกแมวน้อยทำไมง่วงเร็วแบบนี้ล่ะ”“ขอโทษค่ะแต่ฟางมัวแต่ตรวจงานจนเพลีย…”สองวันมานี้ฟางทำแต่งาน ส่วนเวย์เอง
เวย์แค่มองตามฟางที่เดินเข้าห้องไปเงียบ ๆ อีกสองวันเขาจะบินอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ไปไกลมากและใช้เวลาไม่นานแต่เมื่อเห็นแฟนสาวเป็นแบบนี้เขาจึงไม่ค่อยสบายใจนักวันถัดมาอาร์ม รุจและราเชนทร์มาพบกับเวย์ที่ร้านอาหาร เพื่อน ๆ ต่างก็แปลกใจไม่น้อยที่เขานัดมาที่นี่ ปกติแล้วไม่เจอกันตามร้านเหล้าก็จะเป็นในผับ แต่พอมาเจอเวย์อีกครั้งกับสีหน้าที่ตึงเครียดพวกเขาจึงอดถามไม่ได้“ทำไมมึงนัดพวกกูมาแต่หัววันแบบนี้วะ ปกติต้องนัดหลังสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอไอ้เวย์”“นั่นสิไอ้อาร์มพูดถูก ว่าแต่มึงหายดีแล้วเหรอตั้งแต่เรื่องอุบัติเหตุครั้งก่อนพวกกูก็ไม่มีโอกาสได้เจอมึงเลย”“หายดีแล้วล่ะ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพียงแต่มันเป็นข่าวขึ้นมาก็เพราะ…”“กูรู้ เพราะน้องยาหยีนั่นใช่ไหม กูกับไอ้เชนตามข่าวอยู่เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลมขนาดนี้แล้วนี่น้องหวาน…ไม่ใช่ แฟนมึงไม่ว่าอะไรเหรอ”“ฟางมีเหตุผลมากพอที่จะไม่สนใจเรื่องแบบนี้ อีกอย่างนิสัยของอีกฝ่ายเป็นยังไงฟางรู้ดีที่สุดเลยไม่มีปัญหาเท่าไหร่”“ไม่มีปัญหาแต่ทำไมสีหน้ามึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันดูหนักกว่าอาการบาดเจ็บของมึงเสียอีกนะ ตอนมึงเลิกกับยาหยียังดูไม่กลุ้มมากขนาดนี้เลยนี่
วันถัดมา / สำนักพิมพ์“ขอบคุณมากนะคะพี่วุ้นที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเลย ในที่สุดก็จบโปรเจคเรื่องนี้เสียที”“พี่สิต้องขอบคุณน้องฟาง ดีใจมาก ๆ ที่ฟางยอมเขียนเรื่องนี้ให้จบ นักอ่านต่างก็ตั้งตารอเลยล่ะ อย่างน้อย ๆ ก็มีพลอตอื่นที่แหวกแนวออกมาบ้าง”“ขอบคุณค่ะ งั้นฟางขอตัวก่อนนะคะ”“กลับดี ๆ นะเอาไว้หนังสือเสร็จเมื่อไหร่แล้วพี่จะโทรหา”“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่วุ้น”ฟางเดินออกมาเพื่อจะไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ ๆ แต่กลับบังเอิญพบกับคนที่เธอเกือบจะลืมหน้าไปแล้ว เธอกำลังเดินมาที่สถานีเช่นกันแต่เมื่อเห็นก็รีบเดินเข้ามาทักทาย“คุณฟาง”“พี่จอย!”“จอย” เลขาของภาคภูมินั่นเองที่เดินเข้ามาทักทายเธอ วันนี้เธอสวมชุดคลุมท้องสีอ่อนทำให้ฟางตกใจเล็กน้อย ฟางจึงเอ่ยปากชวนเธอเข้าไปที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะคุยกัน ฟางเกือบจะลืมเรื่องราวของภาคภูมิและจอยไปหมดแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้พบเธออีกครั้ง“พี่จอยไม่ได้ทำงานกับ…เขาแล้วเหรอคะ”“พี่ย้ายมาเป็นเลขาให้คุณวิภาดาพี่สาวของคุณภูมิได้เกือบครึ่งปีแล้วค่ะ”“เกือบครึ่งปีเหรอคะ หรือว่า…”“หลังจากที่เขาเลิกกับคุณฟาง พอกลับไปที่บ้านแล้วคุณแม่ของคุณภูมิทราบก็ด