(ไฟฟ้า)
ผมตีมึนรีบกระโดดขึ้นเตียง ทั้งที่เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต แกล้งทำทีว่าผมนอนหลับได้ยินเขาบ่นอะไรสักอย่างผมได้ยินไม่ชัด ถ้าหากผมช้าก็กลัวว่าเขาจะไล่ตะเพิดกลับบ้าน เลยต้องอาศัยความหน้ามึนหน้าด้านที่มีเป็นเอกลักษณ์ เข้าใจผมใช่ไหมที่ทำแบบนี้ ผ่านไปราวยี่สิบนาทีผมก็พลิกตัวด้วยความเบาที่สุด มองหน้าคนที่นอนหลับสนิท แล้วเริ่มใช้ความคิดว่าหลังจากนี้ผมจะได้รับสถานะที่มากกว่าคำว่าเพื่อนนี้ไหม
“เมื่อไหร่จะเป็นได้มากกว่านี้”
“.....”
จ้องมองใบหน้าที่ขาวเนียนเหมือนผิวผู้หญิงของคนตรงหน้าที่ยังมีรอยช้ำ แล้วพูดขึ้นมาลอย ๆ ภายในใจหวังลึก ๆ ว่าผมจะได้รับโอกาสนั้นสักครั้ง
“ได้สักครั้งจะไม่ยอมพลาดเลย”
“.....”
ผมก็ยังคงพูดคนเดียวพร้อมสายตาที่มองนายเคมี เปลือกตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ดูสมส่วน เหมือนกับพระเจ้าตั้งใจปั้นขึ้นมา ทำให้ผมไม่อยากจะละสายตามองไปทางอื่น มันคือสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ คอยแต่จินตนาการด้วยความหวังว่าจะสักวันเขาจะเปลี่ยนใจ แม้จะดูยากเหลือเกินกับการพลิกหัวใจของใครสักคนที่มันแตกต่างราวฟ้ากับเหว ให้มาเดินบนเส้นทางเดียวกัน
สายตาที่จ้องมองไม่กะพริบ กับความรู้สึกลึก ๆ ที่ผมเก็บกลั้นเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ สมองที่มันสั่งการว่าให้ผมค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสผิวหน้าเนียนละเอียดที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ผมบรรจงลูบไล้อย่างเบามือเพียงไรขนเพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกตัวตื่น ความรู้สึกที่มันห้ามไม่ใจสมองที่แสนจะสั่งการตามหัวใจเรียกร้อง ผมค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าที่เคยอยู่ห่างกันเริ่มชิดใกล้ จนลมหายใจของเขากระทบลงผิวแก้มของผม
“0.0 ทะ ทะ ทำอะไร”
“เปล่า...แค่หิวน้ำ”
“ก็ไปกินดิ”
ดวงตาเปิดกว้างที่กำลังมองทำให้ผมตกใจจนต้องกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ เขาถามด้วยน้ำเสียงติดขัด ผมจึงรีบตั้งสติให้คงที่แล้วตอบเขาด้วยความโกหก ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำจริง ๆ
“น้ำมันวางฝั่งนาย”
“อ้อ เดี๋ยวเทให้ แขนเจ็บไม่ใช่หรือไง”
“อะ อืม”
ผมขยับตัวออกห่างแล้วบอกเขาและมองสื่อไปยังขวดน้ำที่วางอยู่ตู้ข้างหัวเตียงฝั่งเขา จึงทำให้เขามองตามและหยิบขวดน้ำยื่นให้ผม เกือบไปแล้วครับดีที่สายตาไวและมีไหวพริบอันชาญฉลาด ไม่อย่างนั้นผมคงพลาดไปแล้ว
“ทำไมตื่นไวหรือว่าจะกลับบ้านแล้ว”
“ก็บอกว่าหิวน้ำ”
เขาถามพร้อมกับรับขวดน้ำที่ผมดื่มเสร็จแล้ว ใครจะอยากกลับกันล่ะ ผมจึงรีบตอบย้ำไปอีกครั้งด้วยประโยคเดิมก่อนหน้า
“เจ็บแผลว่ะ”
“ก่อนหน้าได้กินยาบ้างยัง”
“ยัง”
“ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเอง...รอแป๊บเดี๋ยวหยิบยาแก้ปวดให้”
รู้สึกเจ็บแปล๊บตรงแผลที่โดนเหล็กตกใส่จึงพูดขึ้น เขาจึงได้ถามผม จากนั้นก็บ่นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะลงจากเตียงแล้วเดินออกไป และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกระปุกยา
“อะ กินซะไม่งั้นจะปวดมากกว่าเดิม”
“ขอบใจ”
“เอ้า! นายนี่มันจริง ๆ”
เขายื่นยามาตรงหน้าพร้อมกับขวดน้ำขวดเดิมที่ผมดื่มไม่หมด ผมจึงโน้มหน้าลงบนฝ่ามือที่มียาวางอยู่ ทำให้เขาเกือบชักมือกลับแต่ก็ไม่ทำ คงตกใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับผมมันโคตรจะรู้สึกดี แม้จะเป็นความรู้สึกฝ่ายเดียวก็ตาม มันก็ทำให้ผมยิ้มได้
“ช่วยนิดหน่อยทำเป็น...ก็เห็นอยู่ว่าแขนมีแผล”
“แขนมีแผลข้างเดียวไหม?”
“เอาไว้ยกขวดน้ำดื่มไง”
“เห็นว่าไม่ปกติหรอกนะถึงไม่อยากจะเถียงด้วย”
“เด็กดีของเฮีย”
“เหอะ”
ผมแสร้งทำเป็นชักสีหน้าใส่แล้วอ้างสิ่งที่เป็น แต่เขาก็ย้อนผมซะเกือบสะดุด แต่ก็รอดมาได้ด้วยไหวพริบที่มี คงจะเอือมระอาเขาจึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ผมจึงยกมือข้างที่ไม่มีบาดแผลลูบผมของเขาเบา ๆ พร้อมการพูดแซว
“นายไม่นอนต่อเหรอ”
“ไม่ล่ะ นายอยากจะนอนก็นอนไป”
“งั้นนอนนะ”
“แล้วแต่”
ผมถามเมื่อเห็นเขานั่งลงพิงกับหัวเตียงและหยิบมือถือขึ้นมาเล่น เขาเลิกสนใจผมทันทีเอาแต่มองหน้าจอมือถือ สังเกตเห็นว่าเขาดูนิ่งไปจากเดิม ผมจึงยืดคอยาวแอบมองไปยังหน้าจอของเขา เป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมเดาว่าคงเป็นแฟนเก่าที่ทิ้งเขาไป ชำเลืองมองหน้าเขามันดูเศร้า เขาคงยังตัดใจจากเธอไม่ได้สินะ
“ใครอะ?”
“.....”
“แฟนเก่าเหรอ?”
“อืม”
ผมแกล้งถามทั้งที่คิดว่าเดาถูก เขาเงียบและรีบเก็บมือถือลง ผมจึงลองถามอีกครั้ง เขาแค่นเสียงตอบในลำคอพร้อมพยักหน้าตอบรับ
“ก่อนหน้าก็เห็นเธอลงรูปคู่กับสามีพร้อมแผ่นฟิล์ม”
“แล้วไง?”
“ทำใจไม่ได้ ผมรักเธอที่เป็นรักแรก”
เขาบอกเล่าให้ฟังพร้อมดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ เห็นแล้วผมก็อยากจะปลอบเขาด้วยความใกล้ชิด แต่คิดว่าคงยังไม่เหมาะสม ผมจึงทำได้เพียงตบบ่าของเขาเบา ๆ เท่านั้น มันคือการปลอบในแบบสถานะเพื่อน แม้ภายในใจของผมจะคิดไกลไปมากกว่านั้นก็ตาม
“ผมคงไม่มีโอกาสอีกแล้วจริง ๆ”
“รู้แล้วก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอดีตเถอะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตาที่แดงมองมายังผมด้วยรอยยิ้มที่ไร้ความสดใส มันเป็นรอยยิ้มแห่งความเจ็บปวด เขาคงจะปวดใจมากจริง ๆ เพราะน้ำตาเสมือนความอ่อนแอที่ลูกชายไม่ควรแสดงออกมาต่อหน้าคนอื่น ผมสัมผัสได้แบบนั้น
“ไม่รู้จะปลอบยังไงว่ะ กูยิ่งปลอบคนเสียใจไม่ค่อยเป็น”
“ไม่ต้องปลอบหรอก”
“แต่กูก็อยากปลอบมึงนะ”
“อย่าเลยเดี๋ยวผมเสียใจหนักกว่าเดิม”
“สัส!”
เกือบจะดีอยู่แล้ว แต่มันก็ดันเบรกผมซะงั้น ทำให้ผมต้องปล่อยหมาออกจากปากในทันที แอบเห็นว่าเขามีเสียงหัวเราะเยาะผมเล็กน้อย ดีเหมือนกันอย่างน้อยความปากหมาของผมก็เรียกเสียงหัวเราะให้เขาได้บ้าง
//วันถัดมา//เคมี“พี่พร้อมไหม?” ผมจับมือพี่ไฟฟ้า พร้อมกับเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่เขายืนกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด เพราะพวกเราสองคนนั่งอยู่ในรถราวสิบห้านาที“พะ พร้อม” ตอบตะกุกตะกัก ดูน่าสงสารมากเลยครับ“ถ้าพี่ไม่ไหว วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้นะ” เห็นสีหน้าเขาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วง“ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน” พี่ไฟฟ้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าพี่โอเค เราเข้าไปกันเลยไหม?”“อืม”ตกลงกันได้ผมกับพี่ไฟฟ้าจึงพากันเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน การมาครั้งนี้ผมได้ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาเพื่อนสนิทมาทำความรู้จัก ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่ายินดี และตามด้วยข้อความของพ่อ บอกจะรออยู่ที่บ้าน ซึ่งดูท่านก็ตอบปกติ ไม่ได้ถามต่อให้มากความ“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาแล้ว” ผมพูดเมื่อเดินมาในบ้าน ตรงโซนรับแขก“สวัสดีครับ” พี่ไฟฟ้ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของผม และฉีกยิ้มอ่อนเบา ๆ“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้ คุยเล่นกับพ่อไปก่อนนะ” แม่เงยหน้าจากจอทีวีแล้วทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้ม แม่ของผมเป็นคนใจดีครับ“นั่งสิ” เป็นเสียงพ่อที่บอกกล่าว แล้วพวกเราก็นั่งลงเก้าอี้ข้างกัน“ขอ
เหมือนลมหายใจเดียวกันเคมี“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ใช่ไหม?” ผมถามพร้อมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากรถยนต์จอดสนิท“ก็ว่าจะไม่...”“พี่ไฟฟ้า” ผมเรียกเสียงอ่อนเหมือนอ้อนวอนตัดบท“แต่ทำงานเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับ” ประโยคตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มทันที“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ พี่จะได้อาบน้ำแล้วพักผ่อน”“อืม”จากนั้นผมและพี่ไฟฟ้าก็ขึ้นมายังหอพัก เขาวางสีหน้าบึ้งตลอดตั้งแต่เดินทางมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เห็นโหด ๆ แต่บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกินผมเข้าใจในความโกรธที่พี่ไฟฟ้าเป็นดี หลังจากที่พี่ไฟฟ้าหนีออกมาในวันนั้น ก็นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายหน จนผมตระหนักได้ และรู้นิสัยของพี่ไฟฟ้าว่าเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมากและขี้หวง แม้นิสัยที่แสดงออกมานั้นจะห่าม แต่ลึกแล้วเขามีใจเปราะบางแต่แสร้งเข้มแข็ง ผมไม่น่าจะใส่อารมณ์กับพี่ไฟฟ้าไปแบบนั้น ทั้งที่รู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี ผมรู้สึกผิดและเสียใจมาก เมื่อย้อนคิดในเรื่องราวเหตุการณ์ใต้ตึกคณะในวันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่ แต่ใจผมรู้ดีว่ารุ่นพี่คิดยังไงกับผม ซึ่งเป็นอย่างที่พี่ไฟฟ้าคาดเดา เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว การที่รุ่
วันต่อมาผมเข้าบริษัทตามปกติ เพราะวันนี้มีนัดประชุมเรื่องโครงการใหม่ หลังจากที่เมื่อเช้าไปเยี่ยมไอ้กลาส ตอนนี้กลาสรู้สึกตัวแล้ว และมีน้องเพชรพลอยคอยดูแลไม่ห่าง ผมยืนสังเกตท่าทีของกลาสและน้องเพชรพลอยอยู่ด้านนอกผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ เลยไม่อยากเข้าไปขัด ทำให้เสียบรรยากาศ กลาสมันดูปฏิบัติกับน้องเพชรพลอยแตกต่างจากแต่ก่อน เห็นแล้วทำให้ผมยิ้มตามและรู้สึกยินดี บางทีการที่บอกว่ากลบข่าวเรื่องเกย์ อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไม่รู้ตัวก็ได้“ทำไมพี่ไม่อ่านข้อความหรือรับสายผมบ้าง” ระหว่างที่ผมจอดรถสนิทและกำลังจะปิดประตู เสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น จึงทำให้ผมนิ่งและหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบ“ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้มีโครงการใหม่เลยยุ่ง ๆ” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมาจะเข้าไปในตึกสำนักงาน“พี่หลบหน้าผม”“เปล่า...แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?”“คุยกันก่อนพี่ไฟฟ้า” เคมีมันคว้าแขนของผมไว้ ทำให้ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง น้องมันเลยขยับมายืนตรงหน้าของผม“วันนี้กูมีประชุม”“พี่โกรธผมใช่ไหม?”“ไม่ได้โกรธ...จะให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องเมื่อสามวันก่อนที่เราทะเลาะกัน”“กูผิดก็ขอโทษ
ผมขับรถออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้หัวสมองมันเริ่มจะประมวลภาพพวกนั้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมอยากจะเชื่อคำพูดของเคมี แต่อดที่จะคิดไม่ได้...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อย“อืม...ว่าไงไม้?”“อยู่ไหนวะไฟฟ้า”“ขับรถอยู่”“มึงเห็นข่าวไอ้กลาสหรือยัง?...ด่วน ๆ เลยตอนนี้”เมื่อไม้บอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วร้อนรน ผมเลยรีบจอดรถข้างถนนทันที แล้วเปิดดูหน้าข่าวตามลิงก์ที่ไม้มันส่งมาให้ในแชต“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้กลาสกันแน่”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ไอ้กิตอยู่กับไอ้กลาส ติดต่อไปก็ไม่มีใครรับสาย”“กูจะไปโรงพยาบาลตอนนี้แหละ”“อืม ๆ เดี๋ยวกูจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“เจอกัน”“อืม”ทันทีที่ผมเห็นข่าวก็ตกใจจนมือสั่น เพียงแค่เห็นภาพของไอ้กลาสที่โชกเลือด แม้ภาพข่าวจะมีการเซ็นเซอร์เอาไว้ ผมก็รู้ว่านั่นคือกลาสเพื่อนสนิทของกลุ่มผม พวกเราเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ห่วงว่ากลาสจะเป็นอันตราย แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่กลาสเจอ ว่าต้นตอเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่ากลาสไม่มีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากวงการธุรกิจของครอบครัวมัน//โรงพยาบาล//ผมมาถึงในเวล
(ไฟฟ้า)“เบื่อว่ะ”“เบื่อไรของมึงอีกครับพี่ไฟฟ้า”“บางครั้งกูก็รักอิสระ แต่กูก็อยากมีโมเม้นมีแฟน แต่กูก็ยังรักอิสระ แต่กูก็อยากมีแฟน แต่บางครั้งกูก็อยากอยู่คนเดียว แต่กูก็อยากมีแฟนอะ”“แต่ตอนนี้กูอยากถีบมึงมากครับพี่ เพราะกูรำคาญมึง และกูก็อยากอยู่คนเดียว”“โอ๊ย!...ใจร้าย หยอกเล่นหรอก ก็มึงไม่สนใจกูเลยไง เอาแต่สนใจหนังนี่หว่า”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาการไหนก็ไม่รู้ครับ แต่ผมอยากจะกวนตีนไอ้ดื้อที่มันไม่สนใจผมสักนิด เอาแต่นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ เลยอยากจะเรียกร้องความสนใจ แต่เหมือนน้องมันจะไม่ค่อยแคร์แถมยกเท้าถีบผมจนตกโซฟาก้นกระแทกพื้นอีก“สมน้ำหน้า”“มึงจำไว้เลยเคมี อย่าให้ถึงทีกูนะ ถีบมาได้ไอ้บ้านี่”“กวนอยู่ได้คนกำลังดูหนังสนุก ๆ กลับบ้านไปเลยไป”“ไม่กลับ...กูไม่กลับ”“ลูกดี ๆ ที่ไหนปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านลำพังวันสุดสัปดาห์”“ลูกดี ๆ แบบกูนี่แหละ”“ทำตัวเหมือนไม่มีที่นอนเป็นของตัวเอง”“ทุกที่คือที่นอนของกูไงครับ”“ต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน”“ต่อปาก...มึงกล้าปะทะกับกูปะล่ะ”“วุ้ย! วนมาเรื่องลามกอีกละ”กวนกันไปกันมาด้วยความมีไหวพริบแบบผม เลยท
“พี่ใจเย็นก่อนสิครับ”“เห็นหน้ามึงแล้วกูอดใจไม่ไหวเคมี”เพียงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก ก็ถูกลุกล้ำด้วยการไล่จูบ ถูกพี่ไฟฟ้าดันแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้อง สองมือของเขาถอดเสื้อของผมอย่างคนรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างล่อแหลมแม้เราสองคนจะยังไม่ถึงเตียงนอน เขาปลุกปั่นอารมณ์ของผมจนยากที่จะหักห้าม“พี่ครับ”“กูต้องการมึงเคมี รักมึงมากนะ”เขาบอกรักผมทั้งที่ยังดอมดมตามซอกคอ นั่นยิ่งสร้างความปั่นป่วนภายในร่างกายของผมให้ร้อนรุ่ม“เรายังไม่ได้ทำความสะอาด”“ช่างแม่ง แข็งจนจะระเบิดแล้ว”“อื้ม พี่ครับ”ผมดันอกของพี่ไฟฟ้าไว้ แล้วเตือนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับก่อนทำกิจกรรมบนเตียง แต่พี่ไฟฟ้าไม่ได้สนใจสักนิด เขายังเล้าโลมตามร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน เขาบดจูบปากของผมด้วยความช่ำชอง จูบอย่างดูดวิญญาณผมก้าวขาเดินตามแรงของพี่ไฟฟ้าอย่างไม่รู้ทิศทางด้วยความเคลิบเคลิ้มจากรสจูบที่พี่เขาปรนเปรอ รู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวตอนนี้เสื้อผ้าของเราสองคนหลุดออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว จนเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกันและกัน ผมเริ่มทัดทานแรงเร้าของพี่ไฟฟ้าไม่ไหว ดันเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ตัวตนที่ขึงขังชี้หน้าผมอย่