วารีเฝ้าหาคำตอบให้ตัวเองมาตลอดว่าทำไมเธอถึงไม่มีใครสักคนจริงจังสักที ทั้งที่เธอมีพร้อมทุกอย่าง แต่หัวใจมันกลับว่างเปล่า ที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่หัวใจมันเหมือน.เฝ้ารอใครบางคนอยู่ตลอดเวลา
View Moreบทที่ 1 ผู้โดยสารจอมวุ่นวาย
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหน
เครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย
“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”
เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนัก
นลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาชายหนุ่มทั้งหลายให้หันมามองเธอเป็นตาเดียว
“โอ๊ย ฉันล่ะเบื่อ เดินข้างแกมีแต่คนมอง เมื่อไหร่จะลดความสวยลงหน่อยยะชะนี เบื่อ ๆ ๆ”
คนที่เดินอยู่ข้างกันแสร้งหันมามองค้อน แต่เมื่อได้รับรอยยิ้มสวยจากนลกลับไป แม้แต่สจ๊วตที่มีท่าทีออกสาวก็มักจะใจเต้นกับรอยยิ้มนี้อยู่บ่อยครั้ง
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบสายตาเหล่านั้นเลยสักนิด น่าเบื่อพวกผู้ชายหัวงู เจอแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันไม่อยากกลับบ้าน”
นลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย บอย เพื่อนร่วมงานคนสนิทพยักหน้าเล็กน้อย อีกฝ่ายเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นลบ่นเรื่องทำนองนี้ให้ฟัง
“ฉันบอกแกแล้วให้หาแฟนเป็นตัวเป็นตนซะ หรือจะเอาฉันไปเป็นไม้กันหมาก่อนก็ได้นะ แฟนปลอม ๆ ไง ไม่ติดนะ”
นลส่ายหน้าพลางหัวเราะ โบกมือปัดป่ายกลางอากาศเป็นการเน้นย้ำการปฏิเสธ
“ไม่เอาด้วยหรอก ขืนทำแบบนั้น สามีแกที่เป็นดาราอะไรนั่นได้มากินหัวฉันพอดี”
“โอ๊ย อย่าไปพูดถึงเลย รายนั้นน่ะฉันเทไปแล้ว เดือนนึงคุยกันสองครั้งใครจะไปทนไหว อีกอย่าง อาชีพอย่างเรา ๆ อยู่แต่บนเครื่อง แกก็รู้ว่ามันยากนะนล”
“อืม ก็ยากจริง”
บทสนทนาของหนึ่งสาวและหนึ่งหนุ่มสิ้นสุดลงเมื่อได้เวลาทำงาน ทั้งนลและบอยเป็นพนักงานบริการบนสายการบินเที่ยวบินต่างประเทศ และเที่ยวบินในวันนี้เป็นการเดินทางจากกรุงเทพไปเยอรมันนี ใช้เวลาในการเดินทางราวสิบสองชั่วโมง
หน้าที่ของนลคือการดูแลผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ตั้งแต่ก่อนเครื่องขึ้น จนถึงหลังเครื่องลง
เริ่มตั้งแต่การต้อนรับ ช่วยหาที่นั่ง เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารที่มีทั้งอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลัก รวมไปถึงการดูแลความสะดวกสบายและการสร้างความสัมพันธ์
ซึ่งดูเหมือนว่า ข้อสุดท้ายจะเป็นสิ่งที่นลไม่ชอบที่สุด แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นเวลาของการปฏิบัติงาน ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ตามความสามารถได้อย่างเหมาะสม
ลูกค้าชั้นธุรกิจที่นลได้พบเจอในช่วงหลายปีของการทำงานแทบไม่ต่างกันนัก ส่วนใหญ่มักเป็นนักธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูง บางครั้งก็เป็นครอบครัวที่มีฐานะ ต้องการความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางยาวไกล หลายคนใช้เวลาอยู่บนเครื่องเพื่อทำงานอย่างตั้งใจ ขณะที่บางคนเลือกพักผ่อนหลับใหลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับจุดหมายปลายทาง แต่ก็มีไม่น้อยที่มีความต้องการพิเศษหรือเรียกร้องมากเกินไป ซึ่งนลเรียนรู้ที่จะรับมือและปรับตัวกับเรื่องเหล่านี้จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
ระหว่างที่นลกำลังเดินตรวจความเรียบร้อยหลังจากกัปตันนำเครื่องขึ้นได้ไม่นาน เสียงกระดิ่งเรียกพนักงานบริการก็ดังขึ้น
นลถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเพราะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกระดิ่ง มักจะมีความวุ่นวายใจตามมา แต่เพราะเป็นหน้าที่จึงทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปยังที่นั่งหมายเลข A2 ด้วยท่าทีสุภาพและรอยยิ้มแสนหวานที่เปรียบเหมือนอาวุธประจำตัวของเธอ
ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในที่นั่งชั้นธุรกิจเบอร์นั้นคือ ปราณปภัส หญิงสาวรูปลักษณ์สง่างามที่ดูมีบุคลิกเยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมองนล ราวกับกำลังรอคำตอบที่ควรจะมาเร็วกว่านี้
“คุณผู้โดยสารต้องการอะไรเพิ่มเติมรึเปล่าคะ แจ้งได้เลยค่ะ”
นลเอ่ยเสียงสุภาพ แต่สายตากลับมองใบหน้างดงามนั้นไม่วางตา จริงอยู่ว่าคนตรงหน้าเธอสวยสะกดจนนลเผลอมองอย่างไม่รู้ตัว แต่ลึก ๆ ในใจเธอกลับเห็นความเย่อหยิ่งในท่าทีนั้น
หากให้เดาจากการแต่งกายด้วยชุดสูทสีเทาที่ตัดเย็บด้วยความประณีต ผู้โดยสารของเธอคนนี้คงเป็นนักธุรกิจแนวหน้า หรือไม่ก็ผู้บริหารระดับสูงเป็นแน่
“ฉันขอน้ำเปล่าเย็นจัดไปครั้งนึงแล้วไม่เห็นมีใครมาเสิร์ฟ ทำไมต้องรอนานขนาดนี้”
ปราณพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
"ขออภัยด้วยค่ะ น้ำเย็นจัดพิเศษกำลังเตรียมอยู่ในครัว เดี๋ยวดิฉันจะนำมาเสิร์ฟให้ทันทีค่ะ"
นลตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง แต่ในใจเริ่มรู้สึกถึงความท้าทายที่คนคนนี้กำลังสร้างขึ้น
ปราณไม่ตอบ แต่ทำเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนหันกลับไปมองหน้าจอภาพยนตร์ตรงหน้า ราวกับจะบอกว่าสิ่งที่เธอพูดไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบอีก
หลังจากน้ำเย็นจัดถูกนำมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นลรีบเดินไปโดยไม่ต้องเดาว่าใครเป็นคนกด
“คุณผู้โดยสารมีอะไรต้องการเพิ่มเติมอีกคะ”
นลยิ้มสุภาพ แม้ในใจจะเริ่มสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังทดสอบความอดทนของเธอหรือเปล่า
"กาแฟค่ะ ขอเป็นเอสเปรสโซเข้ม ๆ อย่าลืมใส่น้ำผึ้งนิดเดียว ฉันไม่ชอบหวาน"
ปราณพูดโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ
"ได้เลยค่ะ ขอเวลาเตรียมสักครู่"
นลเดินกลับไปยังห้องครัวอย่างอดกลั้น และเมื่อเตรียมกาแฟเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินกลับมาพร้อมถาดเล็ก ๆ และวางลงตรงหน้าปราณอย่างสุภาพ
"กาแฟของคุณพร้อมเสิร์ฟค่ะ"
ปราณหยิบถ้วยขึ้นจิบ ก่อนจะวางลงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ขมไปนิด คุณน่าจะใส่น้ำผึ้งมากกว่านี้"
นลรู้สึกถึงความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัว แต่เธอยังคงยิ้มตอบ
"ดิฉันจะนำแก้วใหม่มาเสิร์ฟให้นะคะ"
ถาดใบเล็กและแก้วกาแฟถูกนำกลับไป โดยที่นลไม่รู้เลยว่าจังหวะที่เธอหันหลัง ใครอีกคนเผลอยกยิ้มมุมปากออกมาไม่รู้ตัวและมองแผ่นหลังของนลจนอีกฝ่ายเดินไปลับตา
“เรื่องมากชิบ”
ถาดรองกาแฟถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ในห้องอาหาร ทำให้บอยอดสงสัยไม่ได้ถึงท่าทีบึ้งตึงของนลเพราะปกติแล้วเพื่อนสาวคนสนิทมักจะมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาการทำงาน
“เป็นอะไรนล ผู้โดยสารวีนเหรอ”
บอยขยับเข้ามาใกล้ ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนอีกใจก็เป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาซะดื้อ ๆ
“ไม่ได้วีนหรอก แต่เรื่องเยอะเป็นบ้า ฉันว่าฉันก็เจอมาเยอะแล้วนะแก แต่คนนี้สุด ๆ ไปเลย”
“คนไหนวะ”
บอยขมวดคิ้ว ดูอยากรู้มากขึ้น นลเลยบอกเลขที่นั่งผู้โดยสารต้นเรื่อง เมื่อบอยเดินออกไปตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งจึงกลับเข้ามาพร้อมหน้าตาแตกตื่น
“นล!”
“โอ้ย เรียกซะตกใจ อยู่ใกล้กันแค่นี้”
นลที่กำลังเตรียมกาแฟแก้วใหม่ให้ผู้โดยสารจอมวุ่นวายถึงกับสะดุ้ง
“นล ผู้โดยสารคนที่แกบอกน่ะ คนดังเลยนะ ลูกสาวนายกรัฐมนตรีไงแก คุณปราณปภัส ที่เพิ่งมารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แกไม่ติดตามเค้าบ้างรึไง คนนี้นะ ชีฮอตในหมู่LGBTQเลยนะ เคยมีข่าวลือว่าคบแฟนผู้หญิงคนนึงมาตั้งเกือบสิบปี แต่ต้องเลิกไปเพราะพ่อไม่ยอมรับ ข่าวดังอยู่นะแก ช่วงนั้นพ่อของชีก็ต้องออกมาตอบคำถามสื่อแทบทุกวัน หน้าดำคร่ำเครียดเลยล่ะแกเอ๊ย”
บอย ผู้ที่รู้ดีทุกเรื่องในทุกวงการบันเทิง และมักจะรู้จัก ดารานักร้องอินฟูลเซเลบไฮโซทั้งหลายแหล่ พูดเรื่องปราณปภัสให้นลฟังอย่างออกรส
“ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเลยแก แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย ถึงว่าล่ะทำไมดูหยิ่ง ๆ ที่แท้ก็ลูกสาวนายกรัฐมนตรี”
นลรีบจัดการเครื่องดื่มในมือให้เสร็จสิ้นเพื่อจะเอาไปเสิร์ฟ ก่อนที่เธอจะยกถาดใบเล็กออกมาก็ยังไม่วายได้ยินเสียงเม้ามอยของบอย
“แปลกนะที่มานั่งชั้นนี้ จริง ๆ มีเงินนั่งเฟิร์สคลาสได้สบาย สงสัยอยากหลบหลีกผู้คน”
“ช่างเค้าเถอะน่า แกไปเตรียมเสิร์ฟอาหารได้แล้วบอย ไปทำงานทำการบ้าง”
“รู้แล้วย่ะ ไม่ต้องพูด!”
บอยหันกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง ส่วนนลเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถาดกาแฟในมือที่ถือมาด้วยความมั่นใจ
เรื่องที่ปราณปภัสมีแฟนเป็นผู้หญิง นลไม่ได้แปลกใจนัก เพราะเธอรับรู้ด้วยเซนต์บางอย่างตั้งแต่เห็นแววตาของผู้หญิงคนนี้ ตนและอีกฝ่ายก็ไม่ต่างกัน หนำซ้ำเรื่องที่ที่บ้านไม่ยอมรับ นลเองก็เข้าใจดี ช่างเหมือนกันเหลือเกิน
“กาแฟของคุณผู้โดยสารได้แล้วค่ะ”
ปราณปภัสละสายตาจากหน้าจอแล็บท็อปเงยหน้ามองนลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเช่นเดิม
“นานจัง รอจนง่วง”
อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเหลียวมองแก้วกาแฟที่ไอร้อนยังส่งกลิ่นหอมกรุ่น แต่กลับจ้องหน้าของนลแทบไม่ละสายตา
“ขออภัยที่ทำให้รอนานนะคะ เนื่องจากเครื่องดื่มแก้วนี้ใช้ความพิถีพิถัน และดิฉันอยากให้คุณผู้โดยสารได้รับรสชาติที่ตรงตามความต้องการ จึงใช้เวลานานเล็กน้อยค่ะ”
“ฉันคงไม่ดื่มแล้วล่ะ อยากจะนอนพักสักหน่อย คุณช่วยเอาแก้วกาแฟไปเก็บแล้วเอาหมอนใบใหม่มาให้หน่อยนะ รู้สึกว่าใบนี้มันแข็งเกินไป”
นลินภาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นับหนึ่งถึงสิบท่องไว้ในใจแล้วยกถาดกาแฟมาถือไว้
“ค่ะ ฉันจะไปหาหมอนใบใหม่มาให้”
ร่างสูงระหงเดินกลับไป ส่วนปราณปภัสกลับยิ้มกว้างออกมา
นลหายไปไม่นานเธอกลับมาพร้อมหมอนใบใหม่ ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนความอดทนในการทำตามความต้องการของผู้โดยสารจะหมดลงแล้ว หลังจากยื่นหมอนให้ปราณ นลตัดสินใจโน้มตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อยแล้วเอ่ยกระซิบเบา ๆ
"ดิฉันหวังว่าคุณจะพักผ่อนได้สบายขึ้นนะคะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม รบกวนเรียกให้น้อยกว่านี้หน่อย เพราะเราอยากให้ผู้โดยสารทุกคนได้รับการดูแลที่ดีเท่ากันค่ะ"
ปราณหันมามองนลเต็มตา แววตานิ่ง ๆ นั้นเหมือนจะบ่งบอกว่าเธอไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้กับเธอมาก่อน
"คุณกำลังจะบอกฉันว่าเรียกมากเกินไปเหรอ?"
ปราณพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่อยากให้คุณได้รับการบริการที่ดีที่สุด โดยที่ดิฉันสามารถดูแลผู้โดยสารคนอื่นได้อย่างเหมาะสมเช่นกันค่ะ"
นลตอบกลับอย่างมั่นคง เน้นย้ำชัดเจนทุกคน ทำเอาปราณปภัสนิ่งงันไปครู่หนึ่งเพราะไม่เคยมีใครกล้าขัดแย้งความต้องการของเธอเลยสักครั้ง นลเป็นผู้หญิงคนแรก และอาจจะเป็นคนเดียวที่กล้าขัดความต้องการของเธอ
"เข้าใจแล้วค่ะ"
หลังจากนั้น แม้เสียงกระดิ่งจะไม่ได้ดังขึ้นอีก แต่นลก็สัมผัสได้ถึงสายตาของปราณที่มองเธอในแบบที่แตกต่างออกไป ราวกับว่าหญิงสาวที่ดูเย่อหยิ่งและแข็งกระด้างคนนี้ เริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ
แต่นลก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจในสายตาคู่นั้น เธอยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ และดูแลผู้โดยสารทุกคนอย่างเท่าเทียม
แน่นอนว่าในเที่ยวบินนี้ไม่มีใครกดกริ่งมากครั้งเท่ากับปราณปภัสอีกแล้ว เมื่อเสียงกระดิ่งเงียบลง ทุกอย่างจึงอยู่ในความสงบ และปราณปภัสไม่เอ่ยขออะไรอีกเลยจนถึงปลายทาง
บทที่ 2 ยังไงก็ไม่แต่ง
สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Airport - FRA) คือปลายทางของเที่ยวบินนี้ หลังจากใช้เวลาเดินทางราวสิบสองชั่วโมงปราณปภัสก็มาถึงจุดหมาย ซึ่งครั้งนี้เธอต้องมาเจรจาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคู่ค้าและพันธมิตร อีกทั้งยังต้องหารือเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคงระหว่างประเทศอีกด้วย
แน่นอนว่าการก้าวมารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นงานที่หนักหน่วงสำหรับปราณปภัสเป็นอย่างมาก ยิ่งการที่เธอมีพ่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกย่างก้าวย่อมเป็นที่จับตามอง แต่ครั้งนี้เป็นการมาพูดคุยเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระหว่างประเทศ หรือจะเรียกว่าเป็นการส่งมาดูงานก็ได้ ปราณปภัสจึงไม่ขอคนติดตามและต้องการเดินทางอย่างส่วนตัว แน่นอนว่าเธอได้ทุกอย่างตามที่ขอ
นับตั้งแต่ที่เธอเลิกรากับคนรักที่คบหามาเกือบสิบปีและยอมก้าวขามารับตำแหน่งนี้ตามความต้องการของคนเป็นพ่อ ไม่ว่าปราณปภัส จุลวงศ์กิติสกุล ต้องการอะไร เพียงแค่เอ่ยปากหรือกระดิกนิ้วเธอก็ได้ทุกอย่างตามที่ขอ สิ่งที่ปราณปภัสต้องทำคือ ช่วยรักษาภาพพจน์ของนามสกุลนี้ไว้และสร้างภาพให้ดูดียิ่ง ๆ ขึ้นไปเท่านั้น
นอกจากตัวเธอเอง ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าปราณปภัสต้องสูญเสียอะไรบ้าง กับการมายืนตรงนี้
สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ปราณปภัสพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบเดินผ่านประตูเลื่อนบานแล้วบานเล่าเพื่อตรงไปยังประตูทางออกเพราะคิดว่าคนขับรถคงรออยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะมาต่างประเทศครั้งนี้เพียงคนเดียว แต่ด้วยบุคลิกท่าทางและชุดสูทสีเทาเข้ารูปมันกลับทำให้เธอดูสง่างามและน่าเกรงขาม ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเรียกสายตาของใครหลายคนให้หันมามองเธอ โดยเฉพาะเพศเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้นปราณปภัสก็ไม่เคยปรายตามองใคร เพราะรู้ดีว่าความรักในแบบที่เธอต้องการยากจะหาคนมาเข้าใจ ด้วยวัยสามสิบห้า เธอไม่พร้อมจะเอาใครมาเสี่ยงกับเกมการเมืองของพ่อเธออีกแล้ว บางทีการใช้ชีวิตคนเดียวมันคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ในขณะที่สายตาของปราณสอดส่องมองหาใครบางคน เธอก็พบกับนลอีกครั้ง แอร์โฮสเตสสาวที่เพิ่งปะทะฝีปากกันบนเที่ยวบิน
อีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่รู้อะไรที่กระตุกต่อมความอยากรู้ของปราณปภัสขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก แต่ตอนนี้สองเท้าของเธอกำลังก้าวไปใกล้อีกฝ่ายและยืนแอบมุมเสาใกล้ ๆ โดยที่นลไม่ทันได้สังเกต
“แม่คะ นลบอกแล้วไงว่ายังไงนลก็ไม่แต่ง ต่อให้เป็นลูกท่านหลานใครที่ไหน ยศใหญ่ยังไงนลก็ไม่เอา นลไม่ได้ชอบผู้ชายนะแม่ นลบอกแม่ไปหลายครั้งแล้วนะ”
ปราณปภัสยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำสนทนา เธอยืนหลบมุมอยู่นานจนได้ยินทุกคำพูดของนลอย่างชัดเจน และสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้แทบทั้งหมดจนรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เกิดความเคร่งเครียดบนใบหน้า
ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่ได้รู้มาจะถูกใจปราณปภัสไม่น้อย จนลืมไปว่าเธอกำลังแอบฟังเรื่องของคนอื่นอย่างลืมตัว
“คุณมาทำอะไรตรงนี้!”
ปราณปภัสสะดุ้งโหยงเมื่อเจอเข้ากับสายตาของนลที่มองเธออย่างสงสัย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจบการสนทนาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และมายืนอยู่ตรงหน้าเธอนานแค่ไหนแล้ว
“เอ่อ คือ”
“นี่อย่าบอกว่าคุณแอบตามฉันมานะ”
“เฮ้ย ไม่ใช่ ๆ”
ปราณปภัสรีบปฏิเสธทันที แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่น้อย
“โรคจิตปะเนี่ย”
“โอ๊ย คุณ ฉันไม่ได้พิศวาสคุณนักหรอก แล้วก็ไม่ได้ตามคุณมาด้วย”
“แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ หรือแอบมาฟังฉันคุยโทรศัพท์ อยากรู้เรื่องฉันเหรอ”
“คือว่า เอ่อ”
“ลองบอกเหตุผลดี ๆ มาสักข้อ เพื่อที่ฉันจะได้หายสงสัยว่าคุณไม่ได้แอบตามฉันมา ไม่งั้นฉันจะคิดว่าคุณเป็นโรคจิตจริง ๆ ด้วย”
“หนิ คุณไม่รู้จักฉันรึไง คนอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นโรคจิต บ้ามาก”
“ไม่ใช่โรคจิตแล้วมายืนลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงนี้ทำไม ประตูทางออกก็ไม่ใช่สักหน่อย”
ดูเหมือนว่านลจะไม่ยอมปล่อยปราณปภัสไปง่าย ๆ อีกอย่างตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในเวลาปฏิบัติหน้าที่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโอนอ่อนให้ปราณปภัส หนำซ้ำนลยิ่งตั้งแง่กับปราณปภัสมากขึ้น จากที่รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งกลายเป็นไม่ชอบหน้าเข้าไปใหญ่
“ฉันอยากได้เบอร์คุณ”
“ห้ะ!”
นลแทบไม่เชื่อหูกับถ้อยคำที่ได้ยิน ส่วนปราณปภัสนั้นมีสีหน้าราบเรียบ ราวกับไม่รู้สึกอะไรในถ้อยคำที่ตัวเองเอ่ยออกมา
“อืม ที่ฉันมาอยู่ตรงนี้เพราะฉันอยากได้เบอร์ของคุณ ก็เลยตามมา โอเค ยอมรับก็ได้ว่าเดินตามมา แต่ไม่ได้เป็นโรคจิต แค่อยากได้ช่องทางติดต่อ”
คำพูดของปราณปภัสยิ่งทำให้นลขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายแทบไม่กะพริบตา พยายามหาความจริงใจในสายตาของผู้หญิงคนนี้
แต่สุดท้ายนลก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“เบอร์โทรเป็นข้อมูลส่วนตัว ฉันไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ หรอกนะ ขออภัยด้วย”
นลพูดจบก็เตรียมลากกระเป๋าเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ปราณปภัสรีบเอาตัวเองไปขวางไว้ซะก่อน คราวนี้กลับเป็นเธอที่ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่าย ๆ
“นี่ รู้ไหมว่าคุณเป็นคนแรกที่ปฏิเสธฉัน ถามจริง ไม่รู้จักปราณปภัส จุลวงศ์กิติสกุลรึไง” คนสูงกว่าเลิกคิ้วถาม สองมือกอดอกเข้าหากันด้วยความมั่นใจ เชื่อเหลือเกินว่าถ้าหากอีกฝ่ายรู้ว่าตนคือใครคงรีบถอนคำพูดและยินยอมให้เลขสิบตัวกลับมาแน่ ๆ แต่ปราณปภัสก็คิดผิด
“ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ แต่ถึงรู้ก็ไม่สน ขอตัวนะคะ”
นลลากกระเป๋าคู่ใจเดินไปอีกทาง ไม่คิดจะหันมามองปราณปภัสแม้แต่น้อย มีเพียงสายตาอีกฝ่ายที่จ้องมองรูปร่างสมส่วนนั้นเดินห่างออกไปไกล
ครั้งแรกที่โดนปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เสียใจน่ะคงไม่ แต่เสียหน้านี่สุด ๆ ไปเลย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเที่ยวบิน แอร์โฮสเตสมักได้รับเวลาพักตามลักษณะงานและตารางเที่ยวบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินระยะไกล ซึ่งเวลาพักอาจยาวนานหลายชั่วโมงหรือบางครั้งกินเวลาหนึ่งถึงสองวัน โดยสายการบินมักจัดเตรียมที่พักในโรงแรมสำหรับลูกเรือเพื่อความสะดวกสบาย
ครั้งนี้นลได้รับเวลาพักผ่อนสองวันเต็ม แต่กลับกลายเป็นสองวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราววุ่นวายใจ สิ่งที่ทำให้นลกระวนกระวายที่สุดคือเรื่องการแต่งงานที่ครอบครัวกำลังจะจัดเตรียมให้
ชายหนุ่มที่พวกเขาเลือกไว้นั้นกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เธอคิดไม่ตก ความกังวลและคำถามต่างๆ ผุดขึ้นในใจจนไม่อาจปล่อยวางได้ แม้เวลาพักจะมี แต่จิตใจก็กลับไม่อาจสงบลงตามไปด้วย
“หน้าเป็นตูดอีกแล้วชะนี เที่ยวบินนี้ดูแกไม่แฮปปี้เลยนะ”
บอยวางจานสลัดลงตรงหน้านลก่อนจะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมหลังจากเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพักเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนสาวปรายตามองอาหารตรงหน้าเล็กน้อยแล้วเลื่อนจานสลัดออกห่างอย่างไม่ไยดี
“แม่โทรมาเรื่องแต่งงานอีกแล้วว่ะแก ฉันจะทำยังไงดี”
นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ไม่ต้องพูดอะไรให้มากบอยก็พอจะเดาสถานการณ์น่าอึดอัดใจนี้ได้ดี
“โอ๊ย แกก็บอกไปสิว่าแกไม่ได้ชอบผู้ชาย ของแบบนี้มันบังคับกันได้ที่ไหน”
บอยขยับจานสลัดมาตรงหน้าตัวเองแทน ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจ ตัวเองเลยต้องทำหน้าที่รับจบเหมือนทุกครั้ง
“ฉันบอกแม่ไปประมาณสามพันครั้งได้แล้ว ยิ่งคราวนี้เป็นลูกชายของผู้ว่าจังหวัด แม่กับพ่อยิ่งอยากให้ฉันแต่งงานกับเขาจนตัวสั่น หน้าตาเป็นยังไงฉันยังไม่รู้เลย”
“นล ถ้าฉันพูดอะไรไปแกอย่าโกรธนะ”
บอยมีสีหน้าจริงจัง วางช้อนส้อมในมือลงชั่วขณะ
“อืม ว่ามาสิ”
“ฉันว่าพ่อแม่แกเนี่ย หลงใหลพวกยศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งกว่าอะไรเลย ผู้ชายแต่ละคนที่เค้าหามาให้แกนี่ลูกคนใหญ่คนโตทั้งนั้น ฉันว่านะ ถ้าแกอยากจะต่อรองกับเขา แกต้องหาคนยศใหญ่มาแต่งงานด้วยแล้วล่ะ ปลัดกระทรวงคนนั้นเป็นไง ลูกค้าชั้นธุรกิจจอมวุ่นวายของแกน่ะ ไม่เลวนะเว้ย”
ความคิดเห็นของบอยทำให้นลนิ่งงันไปทันที เธอมัวแต่กังวลใจจนลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิท พอมาคิดดูดี ๆ ทั้งเรื่องของตำแหน่งหน้าที่การงานและการมีหน้ามีตาในสังคม ปราณปภัสไม่มีข้อติติงตรงไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่การแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ยิ่งถ้าแต่งเพราะต้องการจัดฉากบังหน้า ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องไตร่ตรองให้ดี
“คนเย่อหยิ่งแบบนั้นจะเอามาแต่งงานด้วยทำไมให้ปวดหัว”
“โอ๊ย แม่คนสวย คนตัวเลือกเยอะ งั้นก็เชิญแกกลับไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่แกเลือกไว้ให้เถอะย่ะ”
บอยสะบัดหน้ามองบนด้วยสีหน้าเอือมระอา ตามด้วยการตักผักสลัดในจานเข้าปากไปอีกหลายคำ หัวข้อสนทนาเรื่องนี้ถูกยกไปเพราะเป็นเรื่องที่นลไม่อยากเอ่ยถึงมากนัก แต่แน่นอนว่าในใจของเธอยังคงคิดวกวนตลอดเวลา
แต่งงานกับปราณปภัสงั้นเหรอ นลยังมองไม่เห็นภาพนั้นในหัวเลยสักนิด
หลังจากแยกย้ายกับบอยกลับไปพักผ่อน นลกลับมาทิ้งตัวที่ห้องตัวเองด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอล้มตัวลงบนเตียงนอนนุ่มก่อนจะคว้ารีโมททีวีมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
และภาพในจอทีวีทำให้นลต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้งเมื่อเห็นข่าวของปราณปภัสในหน้าจอ
นลตั้งใจดูข่าวในทีวีจนได้รู้ว่าปราณปภัสเดินทางมาประชุมระหว่างประเทศและหารือเรื่องเศรษฐกิจ ภาพของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและรอยยิ้มสวยสะกดทำให้นลเองเผลอมองความงามนั้นจนลืมตัวเช่นกัน
ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็นแต่เธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า ปราณปภัสเป็นคนที่มีเสน่ห์และสามารถดึงดูดสายตาของทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันได้อย่างง่ายดาย นลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ปลัดกระทรวงการต่างประเทศงั้นเหรอ ตำแหน่งใหญ่โตดีจังคุณปราณ พ่วงด้วยสถานะลูกสาวท่านรัฐมนตรียิ่งดูดีเข้าไปใหญ่”
นลเอ่ยกับตัวเอง ในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอดูข่าวในทีวีจนจบ ผู้หญิงที่ได้พูดคุยด้วยไม่กี่ประโยคกลับเข้ามามีอิทธิพลในความรู้สึกของเธอเป็นอย่างมาก บวกกับเสียงของบอยที่ยังแว่วในหู
แกต้องหาคนยศใหญ่มาแต่งงานด้วยแล้วล่ะ ปลัดกระทรวงคนนั้นเป็นไง
“โอ้ย บ้าเถอะ คิดอะไรอยู่เนี่ยนล ต่อว่าเค้าไว้ตั้งเยอะ ใครจะอยากมาคุยดีด้วยอีก อีกอย่าง คนไม่รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไง”
นลยังคงพึมพำกับตัวเอง จนกระทั่งสายเรียกเข้าของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง มันเปรียบเสมือนระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่นับถอยหลังรอเวลาระเบิดมากขึ้นทุกที
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ
Comments