(เคมี)
“นี่”
“อะไร”
ไฟฟ้าเอ่ยขึ้นทำให้ผมที่นั่งเล่นเกมต้องตอบรับ แต่สายตาก็ยังคงจ้องโทรศัพท์อย่างจดจ่อ คลาดสายตาไม่ได้ครับไม่งั้นเดี๋ยวผมจะแพ้
“คือแบบว่าเรียกนาย ๆ เรา ๆ ไม่ชินรู้สึก จะว่าอะไรไหมถ้าจะเป็นตัวของตัวเอง”
“ก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่ไง? ทั้งสัสทั้งกู”
“จริงดิ”
“ชนะ!”
หูฟังเขาพูดแต่สายตาผมก็ยังคงจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ตลอดเวลาเล่นเกม เขานี่ก็ถามผมอย่างกับตัวเองเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างนั้นแหละ ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมแทบไม่ได้ยินอะไรเสนาะหูจากปากของเขาสักครั้ง เขายังมีน่ามาถามอีกว่าจริงไหม แต่ผมก็ไม่สนใจเล่นเกมจนชนะ
“หิวข้าวว่ะ”
“มีมาม่าในครัว”
“ทำให้หน่อยดิ...นะ”
เขาพูดขึ้นและมองหน้าผมตาปริบ ๆ สิ่งที่ผมมองเห็นนี่ไม่ผิดใช่ไหม ไฟฟ้าอายุใกล้เลขสามที่หมายถึงสามขวบจริง ๆ ใช่ไหม ทำไมเขาดูเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ แต่บางครั้งทำไมก็ดูเป็นผู้ใหญ่ใจกล้าเกินไป
“อย่าหาทำแบบนี้อีกนะ เห็นแล้วจะอ้วกทำอะไรหัดดูตัวเองบ้าง”
“ไอ้!!”
“อะ อะ พูดดี ๆ นะไม่งั้นก็ไปทำกินเอง”
“น้องเคมีครับ ต้มมาม่าให้พี่ไฟฟ้าแดก เอ๊ย! รับประทานสักชามสิครับ พลีส”
“อันนี้ก็ดูตอแหลไป”
“สรุปมึงจะให้กูพูดยังไงไอ้เคมี ไหนมึงว่ามาสิครับ”
ผมพูดแหย่เขารู้แล้วล่ะว่าเขาต้องมีหัวร้อน จึงรีบลุกหนีให้ไกลก่อนที่ฝ่าเท้าจะสัมผัสแผ่นหลังของผม คำพูดที่ไพเราะไม่ได้เข้ากับบุคลิกคนอย่างไฟฟ้าเอาซะเลย ทำเอาผมทำกลั้นขำไม่ไหว ตอนนี้เขาชี้หน้ามาที่ผมอย่างโมโห ก็ผมเล่นยั่วโทสะซะขนาดนั้น ทำเอาคนห่ามหัวร้อนทันที
“รอแป๊บ เดี๋ยวไปทำมาให้”
“เนี่ย! มึงมันชอบกวนตีน ชอบให้กูหัวร้อน พอกูพูดดี ๆ เพราะ ๆ มึงก็ยั่วประสาทกูเล่นไอ้เคมี”
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้น่า”
ผมทิ้งท้ายคำพูดติดตลก แต่คนฟังคงยังหงุดหงิดไม่หาย ผมเดินเข้าครัวไปจัดการต้มมาม่าให้กับคุณชายไฟฟ้าที่รอกินมาม่าฝีมือของผมอย่างแสนสำราญ นอกจากนับเดือนแล้ว การที่จะมีใครเข้ามาในห้องพักของผมก็เป็นไฟฟ้า ขนาดว่าเพื่อนขอมาผมยังไม่อนุญาต มีแต่นัดเจอกันข้างนอก ที่จริงผมก็ไม่ได้เชิญให้มาหรอกครับแต่ไฟฟ้าเสนอหน้าด้าน ๆ มาเอง ผมก็ขี้เกียจจะไล่ สุดท้ายก็เลยตามน้ำจนกลายเป็นความเคยชิน
“เสร็จแล้วลุกมากินเร็ว”
“อืม”
ผมยกชามมาม่าวางลงบนโต๊ะ ประเคนให้ถึงที่อย่างกับเจ้าชายแล้วผมคือคนรับใช้งั้นแหละ ไฟฟ้าก็เดินมานั่งกิน ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่มองหน้าผม ไม่พูด หรืออะไร เขากินแบบเงียบ ๆ เพียงลำพัง ซึ่งดูผิดปกติจากก่อนหน้านี้
“พอกินได้ไหม?” ผมลองถาม
“อืม” คำเดียวสั้น ๆ เขาผิดปกติจริง ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่ารู้สึกปวดแผล” ผมลองถามอีกครั้ง อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงดูเงียบผิดปกติ
“นิดหน่อย” นี่ไม่ใช่ไฟฟ้าที่ผมเคยรู้จัก
“เป็นอะไรอะถามคำตอบคำ”
“เปล่า”
“เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้”
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปกะทันหันเพียงเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น เดินไปหยิบน้ำในครัวพร้อมกับคิดทบทวนว่าผมทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า เขาถึงได้ดูเปลี่ยนจากเดิมได้เพียงนี้ ทั้งที่ยังปากดีกับผมไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“อิ่มแล้วเหรอ” ผมรีบถามเมื่อเห็นว่าเขาเดินผ่านหน้าไป เหมือนว่าเขาจะออกไปจากห้องของผม
“อืม กลับละขอบใจสำหรับมาม่าและเตียงนอน”
“ไฟฟ้า!”
เขาหันมาพยักหน้า แล้วพูดบอกลาผมอย่างรีบร้อน ก่อนจะรีบเดินออกไป ผมเรียกตามหลังก็ไม่หันกลับมา เขาปิดประตูเสียงดัง และผมก็ยังคงยืนงงอยู่ข้างหลังอย่างไม่เข้าใจถึงการเปลี่ยนไปของไฟฟ้า...หรือว่าเขาเข้าสู่วัยทอง?
//วันถัดมา//เคมี“พี่พร้อมไหม?” ผมจับมือพี่ไฟฟ้า พร้อมกับเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่เขายืนกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด เพราะพวกเราสองคนนั่งอยู่ในรถราวสิบห้านาที“พะ พร้อม” ตอบตะกุกตะกัก ดูน่าสงสารมากเลยครับ“ถ้าพี่ไม่ไหว วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้นะ” เห็นสีหน้าเขาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วง“ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน” พี่ไฟฟ้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าพี่โอเค เราเข้าไปกันเลยไหม?”“อืม”ตกลงกันได้ผมกับพี่ไฟฟ้าจึงพากันเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน การมาครั้งนี้ผมได้ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาเพื่อนสนิทมาทำความรู้จัก ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่ายินดี และตามด้วยข้อความของพ่อ บอกจะรออยู่ที่บ้าน ซึ่งดูท่านก็ตอบปกติ ไม่ได้ถามต่อให้มากความ“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาแล้ว” ผมพูดเมื่อเดินมาในบ้าน ตรงโซนรับแขก“สวัสดีครับ” พี่ไฟฟ้ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของผม และฉีกยิ้มอ่อนเบา ๆ“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้ คุยเล่นกับพ่อไปก่อนนะ” แม่เงยหน้าจากจอทีวีแล้วทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้ม แม่ของผมเป็นคนใจดีครับ“นั่งสิ” เป็นเสียงพ่อที่บอกกล่าว แล้วพวกเราก็นั่งลงเก้าอี้ข้างกัน“ขอ
เหมือนลมหายใจเดียวกันเคมี“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ใช่ไหม?” ผมถามพร้อมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากรถยนต์จอดสนิท“ก็ว่าจะไม่...”“พี่ไฟฟ้า” ผมเรียกเสียงอ่อนเหมือนอ้อนวอนตัดบท“แต่ทำงานเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับ” ประโยคตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มทันที“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ พี่จะได้อาบน้ำแล้วพักผ่อน”“อืม”จากนั้นผมและพี่ไฟฟ้าก็ขึ้นมายังหอพัก เขาวางสีหน้าบึ้งตลอดตั้งแต่เดินทางมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เห็นโหด ๆ แต่บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกินผมเข้าใจในความโกรธที่พี่ไฟฟ้าเป็นดี หลังจากที่พี่ไฟฟ้าหนีออกมาในวันนั้น ก็นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายหน จนผมตระหนักได้ และรู้นิสัยของพี่ไฟฟ้าว่าเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมากและขี้หวง แม้นิสัยที่แสดงออกมานั้นจะห่าม แต่ลึกแล้วเขามีใจเปราะบางแต่แสร้งเข้มแข็ง ผมไม่น่าจะใส่อารมณ์กับพี่ไฟฟ้าไปแบบนั้น ทั้งที่รู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี ผมรู้สึกผิดและเสียใจมาก เมื่อย้อนคิดในเรื่องราวเหตุการณ์ใต้ตึกคณะในวันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่ แต่ใจผมรู้ดีว่ารุ่นพี่คิดยังไงกับผม ซึ่งเป็นอย่างที่พี่ไฟฟ้าคาดเดา เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว การที่รุ่
วันต่อมาผมเข้าบริษัทตามปกติ เพราะวันนี้มีนัดประชุมเรื่องโครงการใหม่ หลังจากที่เมื่อเช้าไปเยี่ยมไอ้กลาส ตอนนี้กลาสรู้สึกตัวแล้ว และมีน้องเพชรพลอยคอยดูแลไม่ห่าง ผมยืนสังเกตท่าทีของกลาสและน้องเพชรพลอยอยู่ด้านนอกผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ เลยไม่อยากเข้าไปขัด ทำให้เสียบรรยากาศ กลาสมันดูปฏิบัติกับน้องเพชรพลอยแตกต่างจากแต่ก่อน เห็นแล้วทำให้ผมยิ้มตามและรู้สึกยินดี บางทีการที่บอกว่ากลบข่าวเรื่องเกย์ อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไม่รู้ตัวก็ได้“ทำไมพี่ไม่อ่านข้อความหรือรับสายผมบ้าง” ระหว่างที่ผมจอดรถสนิทและกำลังจะปิดประตู เสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น จึงทำให้ผมนิ่งและหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบ“ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้มีโครงการใหม่เลยยุ่ง ๆ” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมาจะเข้าไปในตึกสำนักงาน“พี่หลบหน้าผม”“เปล่า...แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?”“คุยกันก่อนพี่ไฟฟ้า” เคมีมันคว้าแขนของผมไว้ ทำให้ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง น้องมันเลยขยับมายืนตรงหน้าของผม“วันนี้กูมีประชุม”“พี่โกรธผมใช่ไหม?”“ไม่ได้โกรธ...จะให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องเมื่อสามวันก่อนที่เราทะเลาะกัน”“กูผิดก็ขอโทษ
ผมขับรถออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้หัวสมองมันเริ่มจะประมวลภาพพวกนั้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมอยากจะเชื่อคำพูดของเคมี แต่อดที่จะคิดไม่ได้...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อย“อืม...ว่าไงไม้?”“อยู่ไหนวะไฟฟ้า”“ขับรถอยู่”“มึงเห็นข่าวไอ้กลาสหรือยัง?...ด่วน ๆ เลยตอนนี้”เมื่อไม้บอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วร้อนรน ผมเลยรีบจอดรถข้างถนนทันที แล้วเปิดดูหน้าข่าวตามลิงก์ที่ไม้มันส่งมาให้ในแชต“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้กลาสกันแน่”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ไอ้กิตอยู่กับไอ้กลาส ติดต่อไปก็ไม่มีใครรับสาย”“กูจะไปโรงพยาบาลตอนนี้แหละ”“อืม ๆ เดี๋ยวกูจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“เจอกัน”“อืม”ทันทีที่ผมเห็นข่าวก็ตกใจจนมือสั่น เพียงแค่เห็นภาพของไอ้กลาสที่โชกเลือด แม้ภาพข่าวจะมีการเซ็นเซอร์เอาไว้ ผมก็รู้ว่านั่นคือกลาสเพื่อนสนิทของกลุ่มผม พวกเราเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ห่วงว่ากลาสจะเป็นอันตราย แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่กลาสเจอ ว่าต้นตอเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่ากลาสไม่มีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากวงการธุรกิจของครอบครัวมัน//โรงพยาบาล//ผมมาถึงในเวล
(ไฟฟ้า)“เบื่อว่ะ”“เบื่อไรของมึงอีกครับพี่ไฟฟ้า”“บางครั้งกูก็รักอิสระ แต่กูก็อยากมีโมเม้นมีแฟน แต่กูก็ยังรักอิสระ แต่กูก็อยากมีแฟน แต่บางครั้งกูก็อยากอยู่คนเดียว แต่กูก็อยากมีแฟนอะ”“แต่ตอนนี้กูอยากถีบมึงมากครับพี่ เพราะกูรำคาญมึง และกูก็อยากอยู่คนเดียว”“โอ๊ย!...ใจร้าย หยอกเล่นหรอก ก็มึงไม่สนใจกูเลยไง เอาแต่สนใจหนังนี่หว่า”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาการไหนก็ไม่รู้ครับ แต่ผมอยากจะกวนตีนไอ้ดื้อที่มันไม่สนใจผมสักนิด เอาแต่นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ เลยอยากจะเรียกร้องความสนใจ แต่เหมือนน้องมันจะไม่ค่อยแคร์แถมยกเท้าถีบผมจนตกโซฟาก้นกระแทกพื้นอีก“สมน้ำหน้า”“มึงจำไว้เลยเคมี อย่าให้ถึงทีกูนะ ถีบมาได้ไอ้บ้านี่”“กวนอยู่ได้คนกำลังดูหนังสนุก ๆ กลับบ้านไปเลยไป”“ไม่กลับ...กูไม่กลับ”“ลูกดี ๆ ที่ไหนปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านลำพังวันสุดสัปดาห์”“ลูกดี ๆ แบบกูนี่แหละ”“ทำตัวเหมือนไม่มีที่นอนเป็นของตัวเอง”“ทุกที่คือที่นอนของกูไงครับ”“ต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน”“ต่อปาก...มึงกล้าปะทะกับกูปะล่ะ”“วุ้ย! วนมาเรื่องลามกอีกละ”กวนกันไปกันมาด้วยความมีไหวพริบแบบผม เลยท
“พี่ใจเย็นก่อนสิครับ”“เห็นหน้ามึงแล้วกูอดใจไม่ไหวเคมี”เพียงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก ก็ถูกลุกล้ำด้วยการไล่จูบ ถูกพี่ไฟฟ้าดันแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้อง สองมือของเขาถอดเสื้อของผมอย่างคนรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างล่อแหลมแม้เราสองคนจะยังไม่ถึงเตียงนอน เขาปลุกปั่นอารมณ์ของผมจนยากที่จะหักห้าม“พี่ครับ”“กูต้องการมึงเคมี รักมึงมากนะ”เขาบอกรักผมทั้งที่ยังดอมดมตามซอกคอ นั่นยิ่งสร้างความปั่นป่วนภายในร่างกายของผมให้ร้อนรุ่ม“เรายังไม่ได้ทำความสะอาด”“ช่างแม่ง แข็งจนจะระเบิดแล้ว”“อื้ม พี่ครับ”ผมดันอกของพี่ไฟฟ้าไว้ แล้วเตือนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับก่อนทำกิจกรรมบนเตียง แต่พี่ไฟฟ้าไม่ได้สนใจสักนิด เขายังเล้าโลมตามร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน เขาบดจูบปากของผมด้วยความช่ำชอง จูบอย่างดูดวิญญาณผมก้าวขาเดินตามแรงของพี่ไฟฟ้าอย่างไม่รู้ทิศทางด้วยความเคลิบเคลิ้มจากรสจูบที่พี่เขาปรนเปรอ รู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวตอนนี้เสื้อผ้าของเราสองคนหลุดออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว จนเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกันและกัน ผมเริ่มทัดทานแรงเร้าของพี่ไฟฟ้าไม่ไหว ดันเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ตัวตนที่ขึงขังชี้หน้าผมอย่