เข้าสู่ระบบปัจจุบัน…
สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อน้ำตาลเป็นน้องสาวของพี่นักรบเป็นลูกสาวของพ่อทามไทกับแม่น้ำพิ้งค์และเป็นเพื่อนสนิทของยัยแพรวาตัวแสบค่ะ ตอนนี้เป็นพาทย์เรื่องราวของฉันแล้ว
แต่ฉันกำลังเจอปัญหาค่ะ คือฉันเป็นคนโสด ฉันไม่มีคู่ เป็นคนโสดที่เหงาใจมากๆ คิดจะมีแฟนก็มีไม่ได้เพราะพี่ชายจอมโหดของฉันจับตามองยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย แถมป๊าของฉันก็ยังเป็นกองกำลังเสริมให้พี่ชายอีก
ฉันอยากจะบ้าตายมาก คนอื่นมีแฟนกันหมดแล้ว ทั้งยัยเพอร์ที่แอบมีคนคุยและยัยแพรวาที่มีเฮียไคเป็นคนรัก แถมคู่ยัยแพรวากับเฮียไคก็หวานมาก หวานจนฉันรู้สึกเบาหวานมันจะขึ้นตาอะ
เฮียไค...จากผู้ชายที่เคยเย็นชามากๆ ปัจจุบันคือลบคราบพวกนั้นไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงผู้ชายที่น่ารักและแสนอบอุ่นของยัยแพรวาเท่านั้น แล้วคิดดูเอาเถอะเจอแบบนี้เข้าไป ฉันต้องรู้สึกยังไงที่ตัวเองยังโสดและไม่มีวี่แวว่าจะมีใครเข้ามาจีบอะ
เฮ้อ~
ไอ้พี่บ้านั่นก็นะ ขัดความสุขของฉันชะมัด ทีตัวเองมีคนรักได้แถมแต่งงานจดทะเบียนสมรสไปแล้วด้วย
ใช่ค่ะ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก พี่ชายของฉันมีเมียแล้ว แถมเมียของพี่ชายฉันก็คือเจ้พีชคนสวยคนงามยืนหนึ่งในใจฉันด้วย คิดๆ แล้วก็แค้นนะ ตัวเองมีความสุขกับเมียแต่กับน้องสาวอย่างฉันคือ ห้ามมีแฟน เหอะ!
คอยดูเถอะถ้าฉันมีแฟนได้ ฉันจะหาแฟนที่หล่อกว่าร้อยเท่าพันเท่ากว่าพี่ชายตัวเองเลย และฉันก็จะเย้ยไอ้พี่บ้านั่นเช้าเที่ยงเย็นด้วย
ฟุบ!
"ยัยตาล ยัยตาล!"
"โอ้ยยัยเพอร์ เรียกอยู่นั่นฉันได้ยินแล้วค่า~" ฉันเงยหน้าขึ้นว่าพร้อมทำหน้ามู่ทู่ใส่ยัยเพอร์ลี่ที่กำลังนั่งลงฝั่งตรงข้ามฉัน ก็ยัยเพื่อนบ้าของฉันเล่นเรียกเสียงดังขนาดนั้น ฉันที่กำลังส่องไอจีพี่ชายตัวเองที่ลงรูปกับเจ้พีชวันนี้ก็เลยต้องเงยหน้าตอบมันก่อน ไม่งั้นมันก็ยืนเรียกอยู่นั่นแหละ
"ดูอะไรอยู่อะ" ฉันไม่ตอบยัยเพอร์แต่เลือกที่จะหันหน้าจอโทรศัพท์ให้มันดูแทน ซึ่งก็เป็นรูปของพี่ชายฉันกับเจ้พีชที่วันนี้พากันไปจดทะเบียนสมรสกันมา "จดทะเบียนสมรสเลยอ่อว่ะ" หลังจากที่ดูรูปจบยัยเพอร์ก็ว่าพร้อมตาลุกวาวทันที มันคงไม่คิดว่าพี่ชายฉันจะเล่นใหญ่จับเจ้พีชไปจดทะเบียนสมรสทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ละสิ
หึ มันไม่รู้สินะ ว่าพี่ชายฉันนะคลั่งรักเจ้ลูกพีชขนาดไหน เมื่อก่อนนะฉันขออะไรก็ได้หมด แต่พอมีเมียกับเขาบ้างก็คือไม่เห็นหัวน้องสาวอย่างฉันไปแล้วค่ะ รักเมียห่วงเมียเวอร์มาก อีกนิดคือเบาหวานจะขี้นตาคนรอบข้างแล้วอะ หวานซะ!
"อืม" ฉันตอบเพื่อนไปแค่นั้นก็นั่งไถหน้าจอโทรศัพท์หน้าตาเบื่อหน่ายต่อโลกต่อ ส่วนยัยเพอร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันก็เลิกสนใจเรื่องของพี่ชายฉันไปแล้วก่อนที่จะนั่งชะเง้อคอมองไปทางประตูด้านหลังของฉันแทน
"นี้ยัยแพรยังไม่มาอีกเหรอ"
"ยังอะ"
"นี่แกเป็นไรอีกเนี่ย ทำหน้าเบื่อโลกซะ" ทันทีที่เพื่อนของฉันว่าแบบนั้น ฉันก็วางโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจสีหน้าเซ็งออกมาให้ยัยเพื่อนตรงหน้าฉันได้เห็นกับสิ่งที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ทันที
"เฮ้อ ฉันเซ็งอะเพอร์ ทุกคนมีแฟนกันหมดเลยยกเว้นฉันคนเดียว ขนาดแกยังมีคนคุยเลยเพอร์ แต่แกดูฉันดิ ไม่มีใครเข้ามาจีบเลยสักคน" ฉันระบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ให้เพื่อนฟังด้วยน้ำเสียงเศร้าแต่ติดหงุดหงิดเล็กน้อยที่ตอนนี้มันเหลือแค่ฉันคนเดียวที่ยังไม่มีแฟนสักที
คือมันน่าน้อยใจอะ ฉันไม่สวยตรงไหนเหรอ พ่อแม่ก็หน้าตาดีทั้งคู่ พี่ชายก็หล่อลากไส้ขนาดนั้น ส่วนฉันเองก็สวยนะ สวยมากด้วย แต่ดูสิ่งที่ฉันได้รับตอนนี้ดิ ไม่มีใครเข้ามาจีบฉันสักคน
หรือเป็นเพราะว่าฉันนมเล็กเหรอ ก็เปล่านะ นมฉันก็ไม่ได้เล็กจนไม่น่ามองอะ แค่ไม่ได้ใหญ่เท่าพี่สะใภ้ฉันเฉยๆ เท่านั้นเอง
"แกอย่ามาพูดว่าไม่มีคนจีบ คนจีบนะมีแต่พี่แกเล่นสกัดหมดแบบนั้น ใครมันจะกล้าเข้ามาจีบอีกว่ะ" เออ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลยแฮะ ก็จริงอย่างที่ยัยเพอร์ลี่ว่านะ มันไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบฉัน มันมีคนมาจีบแต่พอพี่ชายฉันรู้ ไอ้พี่บ้านั่นก็แอบไปเล่นเขาเลยไง ทุกคนที่จะเข้ามาจีบฉันก็เลยพากันกลัวไปกันหมด
เพราะไอ้พี่ชายจอมโหดแถมตำแหน่งเฮดว้ากจอมโหดมันแปะกลางหน้าผากของฉันอย่างเด่นร่าตอนนี้ ก็เลยไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบฉัน
จึ๊! น่าโมโหชะมัด!
"ถ้ามันจะมีคนมาจีบแกอะ คนคนนั้นต้องไม่ธรรมดาเว้ยตาลถึงจะเอาพี่แกอยู่" เหอะ แล้วไอ้คนที่ยัยเพอร์ลี่ว่านะ มันจะยังมีเหลือเหรอในมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอะ นอกจากกลุ่มแก๊งของพี่ชายฉันแล้ว มันจะมีใครที่ไม่ธรรมดาอีก เฮียไคก็ลูกเจ้าของมหาวิทยาลัย เฮียมาร์ตินก็เป็นลูกมาเฟีย พี่พระพายก็ฐานะไม่ธรรมดาและได้ข่าวว่าทางบ้านพี่เขาก็ไม่ใช่ไก่กาที่ไหนด้วย
ก็คือไม่ธรรมดากันทั้งกลุ่มอะ แล้วใครมันจะกล้าเข้ามากันล่ะ
"ถ้าจะเอาเหนือกว่าแก๊งพี่ชายฉันก็ต้องลูกพระเจ้าตากแล้วมั้งยัยเพอร์" ฉันตอบกลับเพื่อนตรงหน้าติดตลกด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย ทำเอายัยเพอร์ที่ได้ยินและเห็นสีหน้าของฉันตอนนี้ถึงกับขำออกมา
"หึ ฮ่าๆ แกก็พูดไป เอาน่าเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาจีบแกเองนั่นแหละ คนที่เขาชอบแกจริงๆ และพร้อมจะไฝว้กับพี่ชายแกอะ" เออ ฉันขอให้มีเถอะคนที่กล้าจะไฝว้กับพี่ชายฉันอะ
เบื่อพี่บ้านั่นเต็มทนแล้ว เดี๋ยวนี้ขอเงินก็ยาก อะไรๆ ก็ยากไปหมด
"โอ๊ะ! ยัยแพรมานั่นแล้ว ทางนี้แพร!"
คือฉันลืมบอกไปว่าตอนนี้ฉันกับเพอร์ลี่นั่งอยู่ในคาเฟ่แห่งหนึ่งแถวมหาวิทยาลัย วันนี้เป็นหยุดพวกฉันก็เลยนัดกันออกมาที่ร้านคาเฟ่กัน ตอนนี้ฉันกับเพอร์ลี่มาถึงกันแล้ว เหลือเพียงแค่แพรวาคนเดียวที่ยังไม่มา แต่เมื่อกี้ยัยเพอร์มันโบกมือพร้อมเรียกชื่อแพรวาแล้ว แสดงว่ายัยนั่นมาถึงแล้ว
แต่...
"ทำไมยัยแพรมันทำหน้าบึ้งใส่เฮียไคแบบนั้นว่ะเพอร์ ทะเลาะกันเหรอวะแก" ฉันที่หันหน้าไปดูด้วยคน แต่ดันเห็นจังหวะที่เฮียไคทำหน้าเครียดแถมยังยืนเท้าเอวใส่ยัยแพรวาที่ลงจากรถเตรียมจะเดินเข้ามาในร้านพอดี ก็เลยเอ่ยถามยัยเพอร์ที่กำลังนั่งจ้องมองอีกคน
"เออว่ะ ฉันว่าทะเลาะกันชัวร์ แกดูสีหน้าที่เครียดนั่นของเฮียไคดิ"
"พอก่อนๆ มันเดินมาใกล้ละ"
ฟุบ!
"อะฮึ่ม หน้าบึ้งมาเชียว ทะเลาะกับผัวมาเหรอ" อันนี้ไม่ใช่เสียงฉันนะ แต่เป็นเสียงยัยเพอร์ต่างหาก ก็ทันทีที่ยัยแพรวาเดินมาถึงโต๊ะและหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ฉัน มันก็เปิดปากถามทันที ยัยเพื่อนบ้านี้ไม่รอให้เพื่อนได้นั่งหายใจหายคอกันหน่อยหรือไง
"อืม ทะเลาะกันนิดหน่อยอะ"
"นิดหน่อยจริงดิ เห็นหน้าเฮียไคขมวดคิ้วพร้อมเท้าเอวทำหน้าตึงเมื่อกี้แล้ว ไม่หน่อยเลยนะ" ยัยเพอร์ว่าเสริมต่อ
"ก็ฉันขอเฮียเที่ยวคืนนี้ แต่เฮียไม่ให้ ฉันก็เลยเถียงกลับไปนิดหน่อยแถมขากลับฉันก็ห้ามไม่ให้เขามารับด้วย เขาก็เลยไม่พอใจนิดหน่อย" อ่อ แบบนี้นี่เอง
เอาจริงๆ จู่ๆ ฉันก็ผุดไอเดียขึ้นมาได้พอดีเลยอะ เห็นพี่พีชแต่งงานกับพี่ชายฉันแล้ว ฉันก็นึกสนุกอยากชวนพี่สะใภ้เที่ยวผับคืนนี้จัง โดยที่ไปเที่ยวผับที่ไม่ใช่ของพี่ชายฉันเป็นเจ้าของ มันน่าสนุกอยู่นะ อีกอย่างเซ็งๆ แบบนี้ได้ออกไปเที่ยวผับสักหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย
คิดแล้วก็ชวนยัยแพรเลยดีกว่า ส่วนคนอื่นๆ เดี๋ยวฉันค่อยส่งข้อความชวนไปทีหลัง...
"แกอยากไปเที่ยวอ่อแพร งั้นคืนนี้ไปเที่ยวกันไหม เราชวนพี่พราวฟ้าและพี่พีชไปด้วย เป็นการเฉลิมฉลองสละความโสดให้พี่พีช เอาไหม ฉันว่าเฮียให้ไปนะ"
"จริงอ่อ เอาดิแต่ถ้าจะให้ไปได้ก็ต้องแอบไปอะ ถ้าขอดีๆ ไม่ได้ไปหรอก" น่าน...แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าเป็นการสร้างความตื่นเต้นให้กับค่ำคืนนี้ อย่างเช่น หนีผัวเที่ยว ฉันว่าน่าจะตื่นเต้นมากแน่ๆ
"เอางั้นก็ได้แล้วแต่แกเลย แกไปไหมเพอร์" พูดกับยัยแพรเสร็จ ฉันก็หันไปชวนยัยเพอร์ต่อ "คืนนี้ฉันขอบายก่อนอะ พอดีมีนัดแล้ว"
"เหอะ กับแฟนอะดิ" ได้ยินคำตอบของยัยเพอร์แล้วฉันก็ถึงกับประชดออกไปทันที เพราะหมั่นไส้มันมากที่แอบไปมีแฟนตอนไหนก็ไม่รู้ทิ้งให้ฉันโสดอยู่คนเดียว แถมเดี๋ยวนี้มีการขอบงขอบายด้วยนะ ใช่ซี้มีแฟนแล้วนี่
"คนคุยเฉยๆ" ยัยเพอร์ตอบสีหน้าเหนียมอายเล็กน้อย เนี่ย มันบอกว่าคนคุยเฉยๆ แต่อาการที่แสดงออกมาตอนนี้คือไม่ใช่เลยนะ
"เออแล้วแต่แกเถอะ งั้นเอาตามนี้นะแพร เดี๋ยวคืนนี้ฉันโทรไปคอนเฟิร์มสถานที่นะ"
"เค"
หึ เอาซี้ คืนนี้ต้องสนุกแน่ๆ
สองชั่วโมงผ่านไป...Tiger part...หลังจากที่ผมนอนพักเอาแรงจากการเสียแรงไปกับเรื่องก่อนหน้านี้ ผมก็ลุกออกจากเตียงของน้ำตาลยืนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยออกจากร่างกาย ก่อนที่จะหันไปดูเจ้าของเตียงที่กำลังนอนตะแคงไปอีกฝั่งหลับไม่รู้เรื่องราวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มบางๆผมไม่รู้ว่าหลังจากตื่นมาแล้วน้ำตาลจะเป็นยังไง เธอจะโกรธผมไหมที่ทำให้เนินอกของเธอเป็นรอยหลายจุด เธอจะโกรธผมไหมที่บางจังหวะผมก็เผลอรุนแรงกับเธอทั้งๆ ที่บอกไปว่าจะทะนุถนอมเธอและสาเหตุที่ผมเผลอรุนแรงผมก็ขอสารภาพว่า เธอน่ากินมากและร่างกายของเธอก็ยั่วยวนผมไปทุกส่วน ไม่พอแค่นั้นไหนจะกลิ่นกายที่หอมรัญจวนใจผมซะเหลือเกิน ผิวขาวหิมะที่นุ่มมืออย่างกับผิวเด็กแรกเกิด ใบหน้าสะสวยที่ผมมองกี่ครั้งก็แทบจะตบะแตกอยากกระแทกแรงๆ ทุกครั้งคือน้ำตาลเธอไม่รู้ตัวไงว่าบางมุมของตัวเองมันเซ็กซี่ขยี้ใจผมแค่ไหน ผมที่ไม่อยากผิดคำพูดก็เลยได้แต่อดใจไว้ไม่อยากปล่อยธาตุแท้ออกไปมากจนเกินไป คือผมไม่ได้เลวนะ แต่เข้าใจไหมว่าเวลาที่ผู้ชายอยู่บนเตียง มันจะมีมุมหนึ่งที่เป็นด้านมืดของตัวเองแล้วอีกเรื่องที่ผมอดยิ้มไม่ได้คือตอนที่ผมผ่านเยื่อบางๆ แล้วมีของเหลวสีแดงสดไหลออกมา
"เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานเธอทำให้พี่โกรธมากแค่ไหนที่เห็นเธอลงรูปแบบนั้น"หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกแล้วสบตากับฉัน เขาก็พูดถึงเรื่องเมื่อวานทันที ซึ่งทันทีที่ฉันได้ยินเรื่องเมื่อวานดังออกมาจากริมฝีปากที่เพิ่งบดจูบริมฝีปากของฉันไปเมื่อกี้นี้และยังไม่หายรู้สึกเห่อร้อน จู่ๆ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ขณะที่สมองก็นึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับแพรวาเมื่อวานไปด้วย...เตรียมขาสั่น...ใช่ ตอนนี้สมองของฉันมันนึกถึงแต่ประโยคนี้ประโยคเดียวจริงๆ นี่ฉันกำลังจะโดนทำโทษแล้วใช่ไหม ก่อนหน้านี้ที่เขาจูบฉัน ฉันยังรู้สึกว่าเขาโหยหาฉันอยู่เลย แบบว่าเขาทั้งกอดทั้งจูบฉันแบบดูดดื่มขนาดนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจะลงโทษฉันแล้วใช่ไหม?"ตาลขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ""หึ" ทันทีที่ฉันพูดว่าขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดออกไป คนที่กำลังคร่อมร่างกายของฉันก็ขำออกมา ก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วเสมองทางอื่นแทน เขาแสดงออกแบบนี้หมายความว่ายังไง?เขาโกรธฉันมากถึงขั้นไม่อยากมองหน้าเลยเหรอหมับ!"พี่กำลังโกรธ?" ฉันจับใบหน้าหล่อเหลาของพี่ไทเกอร์ให้หันมาสบตากับฉัน จ้องตาของเขาแววตาเศร้า คือฉันก็ไม่คิดว่าการลงรูปแค่นั้นมัน
Namtan part…“เป็นอะไรของแกว่ะตาล ทำหน้างงเหมือนโดนใครตัดสายไปดื้อๆ อะ”หลังจากที่พี่ไทเกอร์โทรหาฉันเรื่องรูปอะไรสักอย่างกับฉัน แล้วตัดสายไปดื้อๆ โดยที่ก่อนจะตัดสายเขาได้คาดโทษบางอย่างเสียงติดเข้มมากด้วยเหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธอะ ยัยแพรวาที่เดินไปหยิบน้ำโค้กในถังน้ำแข็งก็เดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามฉันสีหน้าสงสัยคือตอนนี้พวกเรากำลังปาร์ตี้กันที่สระว่ายน้ำ ฉันที่ไม่มีคู่กับใครเขาก็เลยแอบมานั่งดื่มน้ำผลไม้ชิวๆ อยู่คนเดียวตรงมุมสระ ส่วนแพรวาที่ยังงอนเฮียไคไม่เลิกก็เลยมานั่งอยู่กับฉันด้วยแต่เรื่องที่พี่ไทเกอร์โทรมาเมื่อกี้นี้สิ มันหมายความว่าไงอะ?"คือว่าเมื่อกี้พี่ไทเกอร์เขาโทรหาฉัน แล้วถามว่าฉันลงรูปอะไรไว้ในไอจี ฉันก็งงๆ อยู่ก็เลยถามเขาว่ารูปอะไร แต่เขากลับตอบมาว่ากลับไปพรุ่งนี้เตรียมโดนบทลงโทษได้เลย แบบนี้อะ มันหมายความว่าไงวะแพร"ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ให้แพรวาฟังโดยที่บนสีหน้าของฉันตอนนี้มันก็มีแต่ความงงงวยและสงสัยเต็มไปหมด จนยัยแพรวาที่เห็นสีหน้าของฉันต้องวางกระป๋องน้ำโค้กในมือลงแล้วแบมือขอโทรศัพท์กับฉันแทน"ฉันขอดูโทรศัพท์แกหน่อย""โทรศัพท์เหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถาม"อื้ม
"ไปเที่ยวพรุ่งนี้ ห้ามยิ้มให้ใครนะ" หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากของฉันแล้ว จู่ๆ เขาก็พูดสั่งห้ามไม่ให้ฉันยิ้มให้ใคร ตอนแรกฉันก็เลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมต้องสั่งไม่ให้ฉันยิ้มให้ใครด้วย แต่พอสายตาของฉันปะทะเข้ากับสีหน้าบึ้งตึงเบาๆ ปนความงอแงของเขาที่แสดงออกให้ฉันเห็นตอนนี้เท่านั้นแหละ ฉันก็ถึงกับกลั้นยิ้มขำทันทีและลืมประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดแล้วด้วยหึ ให้ตายเถอะตัวโตเท่าตู้เย็นแต่กลับทำหน้างอแงเป็นเด็กสองขวบไปได้ "ขำอะไร" พี่ไทเกอร์คงจะเห็นว่าฉันกำลังกลั้นขำเขา ก็เลยขมวดคิ้วเข้มถามฉัน"หึ ขำพี่ไง ทำไมต้องทำหน้างอแงแบบนั้นด้วย""เหอะ ขำเหรอ ดีดหน้าผากสักทีดีไหม" เสียงทุ้มเค้นเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มทำหน้าเข้มใส่ฉันที่แอบขำเขาเมื่อกี้ แถมยังทำท่าจะดีดหน้าผากของฉันด้วยก่อนจะยืนเท้าเอวข้างหนึ่งยันโต๊ะข้างหนึ่งแล้วทำหน้าบึ้งตึงเสมองทางอื่นต่อ ฉันที่เห็นเขาทำหน้าแบบนั้น ก็เลยใช้มือตัวเองจับบริเวณมุมปากทั้งสองข้างของเขาหันหน้ามาหาตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงมุมปากของพี่ไทเกอร์ออกเป็นรอยยิ้มแทน ก่อนที่จะเอียงคอยิ้มตามด้วยอีกคน"เห็นไหมเวลาพี่
หลายนาทีผ่านไป...หลังจากที่ฉันยืนรอพี่ไทเกอร์พูดคุยกับสตาฟที่ดูแลเรื่องรถที่เขาได้ดูก่อนหน้านี้เสร็จ เราสองคนก็เดินทางกลับคอนโดกันต่อ แต่ระหว่างทางกลับคอนโด เขาก็ถามฉันว่าต้องการแวะที่ไหนไหม ฉันเห็นร้านข้าวต้มข้างทางแล้วจู่ๆ ท้องก็ร้องขึ้นมา ก็เลยบอกให้พี่ไทเกอร์แวะกินข้าวต้มก่อนกลับตอนนี้เราสองคนก็เลยนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกที่ทางร้านกางโต๊ะไว้บนฟุตบาท โดยบนโต๊ะมีข้าวต้มร้อนๆ หอมฉุยสองถ้วยวางตรงหน้าเราสองคน ถามว่าที่ผ่านมาฉันเคยนั่งกินอะไรแบบนี้กับใครไหม ตอบเลยว่าไม่เคยเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้กินข้าวต้มอร่อยๆ ข้างทาง และเป็นครั้งแรกที่ได้กินกับคนที่เพิ่งตกลงกันว่าเราจะเป็นแฟนกัน "อร่อยไหม" ฉันถามพี่ไทเกอร์ที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ตรงหน้าฉัน เขาดูเป็นคนที่ไม่ซับซ้อนอย่างที่เขาบอกว่าไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน เพราะเขาเป็นคนที่ง่ายๆ มาก ฉันบอกอะไรไปเขาก็พร้อมซัพพอร์ตทันที ไม่มีถามไม่มีสงสัยว่าร้านมันจะโอเคไหม สะอาดไหม ถ้าฉันกินเขาก็ไม่เกี่ยง ตรงไหนก็ได้ขอแค่ฉันอยากกินก็พอ เราก็เลยได้นั่งกินข้าวต้มร้านนี้ไง"เกินคำว่าอร่อยเลย""ดีใจจังที่พี่ไม่รังเกียจร้านแบบนี้""จะรังเกียจท
ไม่ทันและไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้พูดหรือได้ทักท้วงอะไรประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดออกมา ก็เล่นดึงฉันให้เดินตามลงไปที่ลานจอดรถกับเขาซะแล้ว สิ่งที่ทันในตอนนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือฉันใจเต้นแรงกับประโยคแบบนั้นของเขาอีกแล้ว และมันก็ทวีความเต้นแรงขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในร้านไอติมอีกด้วย รอบนี้มันรุนแรงกับหัวใจของฉันมากเพราะเขาพูดว่า 'เลี้ยงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งควรทำกับแฟนตัวเองไง'ใช่ มันมีคำว่าแฟนโผล่ออกมาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาพูดคำว่าแฟนบ่อยมาก บ่อยจนฉันเริ่มสับสนแล้วว่าตกลงตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?"นั่งคิดอะไรอยู่หรือเปล่า นั่งเงียบเชียว"หลังจากที่เราสองคนนั่งรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้สักพักและรถก็แล่นอยู่บนถนนใหญ่มุ่งหน้าออกนอกเมืองเล็กน้อย พี่ไทเกอร์ที่กำลังขับรถอยู่ก็เอ่ยพูดกับฉัน ทำให้ฉันที่อยู่กับความคิดของตัวเองก่อนหน้าชะงักชั่วขณะก่อนที่จะหันไปมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของเขาในเวลาต่อมาฉันจะถามเขาดีไหมนะ ฉันจะพูดเรื่องที่เขาทำให้ฉันสงสัยและคิดมากก่อนหน้านี้ดีไหมนะคือฉันเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้นที่จะต้องทำเป็นเฉยไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำแบบนั้นของเขาและคำพูดชวนคิดชวนใจเต้นแรงบ่อ







