เธอ ”แอบแซ่บ” กับเพื่อนสนิทของน้องชาย แต่มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ ก็เด็กมัน “สมยอม” อะ ผิดทั้งคู่! “หยุดทำไม” คนที่ยังติดใจรสชาติจูบแสนหวานถามเสียงกระเส่า ปล่อยมือออกจากลำคอแกร่ง เพื่อใช้มันลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกกำยำ เด็กนี่โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่คิดว่าคิริวจะมีร่างกายใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน “พราว อย่าเสียใจทีหลังนะ อย่าลืมด้วยว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้น” ถ้าลืมกู ‘เอา’ ตาย คิริวต่อคำนั้นในใจ เพราะเขาโดนดึงคอลงไปจูบอีกแล้ว ดูเหมือนพี่พราวแม่งจะติดใจจูบเขาเข้าแล้ว และคราวนี้เธอเป็นคนจูบเขาเอง ลิ้นเล็กขยับไปมาอย่างช่ำชอง ดูดดึงลิ้นของเขาจนเกิดเสียงดังน่าเกียจ แต่กลับเร้าให้รู้สึกอยากมากขึ้น คนตัวเล็กกว่าพยายามดันให้เขานอนบนเตียง เขาเลยทำตัวเชื่องๆเข้าไว้ เพื่อให้พี่พราวได้ทำทุกอย่างตามใจต้องการ ลิ้นเล็กเริ่มแผลงฤทธิ์ เปลี่ยนจากจูบ มาดูดไปตามลำคอเขา ไม่ได้แรงมาก แต่ก็ไม่ได้เบานัก มันคงขึ้นรอยแหละ แต่แม่งปล่อยให้ทำไปก่อน
View Moreบ้านเมษารักษ์มีสมาชิกทั้งหมดห้าคน นั่นคืออรรถพร วริษา พราวนภา วินณภัทร และ วรเชษฐ์
เพราะการแต่งงานใหม่ของบิดากับอดีตคนรักของท่านอย่างวริษา ทำให้พราวนภาที่เป็นลูกสาวคนเดียวมาตลอด มีน้องชายเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน คนแรกคือวินณภัทร ลูกติดสามีเก่าของแม่เลี้ยง และวรเชษฐ์ ลูกที่เกิดจากพ่อของเธอ แม้วินณภัทรจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่เธอก็ดูแลไม่ต่างกับน้องชายอีกคนอย่างวรเชษฐ์ จนกระทั่งเธอโตขึ้น ความรู้สึกรักและเอ็นดูแปรเปลี่ยนไปมาก คงไม่ผิดนักถ้าเธอจะรักน้องชายอย่างวินณภัทร ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง แต่เธอเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง(?) ไม่เคยแสดงออกอะไรที่เกินกว่าที่เคยทำ(?) โชคดีที่ตอนนี้วินณภัทรเรียนอยู่มหาลัย การพบกันเลยน้อยลง เพราะเขาอยู่หอซะส่วนใหญ่ มีกลับมานอนบ้านบ้าง ช่วงเสาร์- อาทิตย์ หรือไม่ก็ตอนที่พ่อกับแม่ต้องบินไปทำงานต่างประเทศ แต่โอกาศให้เจอกันแทบจะไม่มี เพราะเธอเองก็ต้องทำงาน กลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลาอยู่แล้ว พราวนภาเป็นผู้หญิงร่างสูงเพรียว หุ่นไม่ต่างจากนางแบบนัก เพราะสูงถึง 173 เซนติเมตร เสื้อผ้าที่สวมใส่ทันสมัยเพราะทำงานในวงการ เธอทำงานเป็นสไตล์ลิสส่วนตัวให้กับดาราหลายคน วันนี้มีปาร์ตี้หลังเลิกงาน สภาพตอนที่กลับมาถึงบ้านจึงไม่เหมือนเดิม ผมสีน้ำตาลยาวสวยดัดเป็นลอนดูยุ่งเหยิง เพราะเจ้าตัวดึงทึ่งหัวตัวเองขณะเดินเข้าบ้าน กึ่งเดิน กึ่งคลานเข้าบ้านไปอย่างยากลำบาก เพราะความเมาที่เพิ่มมากขึ้น ปึ่ง! คนเมาทรุดตัวลงกับพื้นหน้าประตูทางเข้าบ้าน เมื่อฝืนทนต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายไม่ไหว ไม่รู้ขับรถกลับมาบ้านได้ยังไง ตอนที่ขับรถอยู่ยังไม่รู้สึกเมาขนาดนี้เลย แต่ทำไมลงรถได้ โลกใบนี้กลับไม่เหมือนเดิม มันหมุนคว้างจนเธอปวดหัวตุบๆ แข้งขาอ่อนแรง และตัดสินใจนอนแม่งตรงนี้แหละ! เสียงดังหน้าบ้าน ดังพอจะทำให้คนที่นั่งดูบอลอยู่ รีบวิ่งออกมาดู ใบหน้าหล่อเหลาของวินณภัทรดูตกใจมาก เมื่อเห็นพี่สาวนอนราบอยู่บนพื้น รีบเข้าไปพยุงเธอขึ้นจากพื้น แต่เพราะหุ่นใกล้เคียงกันและพี่พราวนั้นเมาหนัก เขาจึงไม่สามารถอุ้มพี่สาวขึ้นจากพื้นได้ “ริว มาช่วยกูแบกพี่พราวหน่อยสิ” วินณภัทรตะโกนเรียกตัวช่วย นั่นก็คือเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่วันนี้เขาขอให้มันมานอนด้วย คนที่คุยโทรศัพท์จีบสาวอยู่รีบวางสาย เพื่อเดินมาช่วยเพื่อนทันที มองคนที่ฟุบอยู่บนพื้นก่อนจะส่ายหน้า เมาเหมือนหมาเลยเว้ย! “กูอุ้มเอง” ร่างสูงกว่า 187 เซนติเมตร ย่อตัวลงช้อนร่างคนเมาขึ้นจากพื้น เบ้หน้านิดๆ เมื่อคนที่คิดว่าตัวเบา กลับตัวหนักมากกว่าที่คิดไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นแนบอกได้อย่างสบายๆ ก่อนจะรีบเดินไปในทิศทางที่รู้ดีที่สุด ว่าห้องของเธออยู่ที่ไหน วินณภัทรปล่อยให้เพื่อนสนิทอุ้มพี่สาวนอกสายเลือดไปส่งที่ห้อง เพราะเขาไว้ใจเพื่อนตัวเองมาก ปกติคิริวกับพี่พราวไม่ค่อยลงรอยกัน เจอหน้ากันทีไร จิกกัดกันตลอด คงไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรอกมั้ง แม้จะรู้มาตลอดว่าเพื่อนตัวเอง แอบชอบพี่พราวอยู่ แต่ก็วางใจตรงที่พี่พราวไม่เคยมองริวเป็นผู้ชายเลย ร่างสูงก้าวเท้าไปที่เตียง วางคนในอ้อมกอดลงอย่างเบามือ จดจ้องใบหน้าสวยนิ่งๆ เมาแล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มันน่าตีนัก เบอร์เขากับไอ้วินก็มี ไม่ยอมโทรตามให้ไปรับ ขับรถกลับมาเองด้วยสภาพนี้ มันอันตรายมากทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่นที่ใช้รถใช้ถนน โตแล้วคิดไม่ได้ ต้องโดนลงโทษ! ริมฝีปากหนากดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากอวบอิ่ม อย่างที่เคย ‘แอบทำ’ บ่อยๆ เขาแอบชอบพราวนภามานานหลายปีแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนอยู่มอสาม พี่สาวต่างสายเลือดของเพื่อนไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยจีบเธอด้วยมั้ง เธอเลยไม่รู้ตัว ซ้ำยังหาว่าเขาเป็นเกย์อีก มันน่าน้อยใจที่สุด ทั้งที่เขาออกจะแมน หน้าตาก็ใช่ว่าขี้เหร่ ตอนนี้เป็นถึงนายแบบ แต่ก็คงเท่านั้นแหละมั้ง เพราะเธอไม่เคยชายตามองเลย “อื้อ” เพราะเมาหรือเปล่า เสียงครางหวานถึงฟังเร้าอารมณ์สุดๆ ใบหน้าคมก้มลงไปใกล้อีกครั้ง กำลังจะแอบหอมหน้าผากคนอายุมากกว่า ต้องชะงักการกระทำค้างไว้ เมื่อดวงตากลมโตลืมขึ้น มองเขานิ่งๆ ด้วยแววตาหวานฉ่ำน่าหลงใหล ชิบหาย! “วิน?” คนเมาถามเสียงอู้อี้ เพ่งมองคนตรงหน้าตาเขม็ง เมื่อใบหน้าของน้องชายต่างสายเลือด ดูหล่อเหลาขึ้น สองมือยกขึ้นลูบไล้อย่างลืมตัว ดึงสองแก้มแรงๆ เมื่อมั่นใจแล้วว่า คนตรงหน้าไม่ใช่วิน แต่เป็นคิริว! “ทำไมต้องคิดถึงแต่มัน!” น้ำเสียงทุ้มมีแววกรุ่นโกรธ เมื่อโดนคนที่ตัวเองชอบเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ชายที่เธอรัก พราวนภาชอบน้องชายตัวเอง ทำไมเขาจะดูไม่ออก เขาเห็นอยู่ตลอด ว่ายัยพี่พราวชอบหน้าแดงเวลาคุยกับไอ้วิน แม้จะพูดคุยปกติ แต่ท่าทีมันออกเว้ย ยิ่งตอนที่รู้ว่ามันมีแฟน ยัยพี่พราวยิ่งหงอย ดูออกง่ายจะตาย จนไอ้วินมันอึดอัดใจที่ต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะแบบนั้นมันจึงชวนเขามานอนด้วยทุกครั้ง ที่ต้องกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาว ในช่วงที่พ่อกับแม่มันไม่อยู่บ้าน “เปล่าสักหน่อย” ริมฝีปากรูปกระจับเบ้ขึ้น เพราะคำพูดคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง เสียงกับใบหน้านี้ต้องเป็นคิริวแน่ๆ แต่ทำไมถึงใจเต้นแปลกๆ กับผู้ชายที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นคู่เกย์ของวิน “เหอะ!” “ริว! เมื่อกี้ริวแอบจูบพี่ใช่ไหม” พราวนภาถามเสร็จก็หน้าแดง สัมผัสอุ่นร้อนยังติดอยู่ที่ริมฝีปากเธออยู่เลย บ่อยครั้งที่เธอแอบหลับและรู้สึกแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนี่แอบทำแบบนี้กับเธอมาตลอด ไอ้เด็กเวร! “ถ้าใช่แล้วจะทำไม” คนที่สูงมากกว่าโน้มตัวลงไปใกล้ ให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน จ้องหน้าคนเมาตาเขม็ง ทำไม? ถ้ารู้ว่าเขาแอบจูบแล้วจะทำอะไรเขา? “ห่วยแตก” พราวนภารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เธอไม่ใช่จะไม่เคยมีแฟนเลย เคยจูบแล้วด้วย แต่ยังไม่เคยทอดกายให้ใครเชยชม จะว่าถูกสลัดรักตั้งแต่จูบเสร็จก็ว่าได้ ผู้ชายที่เธอคบด้วย ขอเลิกกับเธอทันทีที่จูบเสร็จ เพียงเพราะเธอจูบเก่งเกินไป มันดูเหมือนผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาเยอะ เขาว่ามางั้นอะ! และสิ่งที่คิริวทำนั้นห่วยแตกที่สุดเท่าที่เคยจูบมาการรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด
“พี่อรรถจะปล่อยให้บริษัทขาดทุนสินะ พนักงานสิบกว่าชีวิตที่ตรากตรำมากับเราพี่ไม่สนใจเลยใช่ไหม กับอีแค่ยืมไปก่อน แล้วค่อยหาเงินไปไถ่คืน มันจะอะไรนักหนา” แบบนี้เธอก็โดนอีพราวมันหยุมหัวฟรีอะดิ! วริษามองหน้าสามีด้วยความไม่พอใจ “ทางอื่นยังมี” หวังว่านะ! “ทางไหนล่ะ โดนกดดันทุกทางแบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะพราวทั้งนั้น ถ้าลูกพี่ยอมไปขอโทษทางนั้นดีๆ เขาคงไม่ส่งคนมาขู่และทำกับบริษัทเราแบบนี้” วริษามองคนที่อยู่ด้านหลังเพื่อนสนิทของลูกชายคนโตด้วยสายตาเกลียดชัง อีเด็กเปรต มารความสุข! “เห้อ! พราวจะเข้าไปขอโทษ” พราวนภาถอนหายใจเบาๆ พูดบอกพ่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เปิดซองเอกสารหยิบเอากล่องทองประดับเพชรออกมาหนึ่งกล่อง จำได้ว่าในกล่องใบนี้มีทองน้ำหนัก 5 บาท ประดับเพชรอีก ถ้าเอาไปจำนำหรือเอาไปขาย คงได้ราคาเยอะพอสมควร เพราะช่วงนี้ราคาทองกำลังดีดขึ้นสูงมาก “เก็บไว้เถอะ” อรรถพรบอกลูกสาวที่ยื่นกล่องสีแดงกำมะหยี่มาให้ แต่กล่องนั่นกลับถูกคว้าไปโดยวริษา ท่านจึงต้องใช้สายตาปรามภรรยาใหม่ “จะมองทำไมพี่อรรถ เดือดร้อนก็ต้องช่วยกันป่ะ แค่นี้มันพอที่ไหน” “อย่าเยอะ! วริษา พราวจะย้ายออกไปอ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ” เขาดึงพี่พราวที่กำลังนั่งน้ำตารินเข้ามากอดไว้เบาๆ เธอโดนกดดันเรื่องครอบครัว ถึงแม้พี่พราวจะไม่ค่อยชอบใจพ่อตัวเอง แต่เธอรักท่านมากเขารู้ดี และไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อน “พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” พราวนภายิ้มนิดๆ ผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นเบาๆ เดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้คนตัวโตยืนมองด้วยสายตาห่วงใย อยากจะทำทุกอย่างตามใจ แต่ไม่กล้าสอดมือเข้าไปยุ่ง แม้จะอยากทำแบบนั้นมาก แต่ถ้าทำแล้วพี่พราวรู้ทีหลัง เขาจะถูกพี่พราวเกลียด “โอ้ย แม่ง!” คิริวเดินกลับไปทำแซนด์วิชอย่างหัวเสีย แต่ถึงอย่างนั้นก็บรรจงจัดเรียงหมูหยองกับแฮมลงบนขนมปังอย่างประณีตบรรจง ยิ้มนิดๆเมื่อคิดถึงใบหน้าของคนกิน เขาทำตัวดีขนาดนี้ ต้องรักเขาแล้วแหละ ว่าไหม! พราวนภาเดินออกมาหาเสื้อผ้าในตู้ เธอลืมหยิบมันเข้าไปในห้องน้ำด้วย จึงต้องออกมาด้วยสภาพที่ค่อนข้างหน้าอาย ผ้าเช็ดตัวพันกายผืนเดียว ผ้าเช็ดตัวห้องคิริวมีแต่ผืนสั้นๆด้วยนะ หยิบชุดที่จะใส่ได้ เธอตั้งใจจะรีบกลับเข้าไปใส่มันในห้องน้ำ แต่พอหมุนตัวกลับมา ก็ถูกคนตัวโตกักขังไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างซะแล้ว “คิดดีแล้วไง ออกมาด้วยสภาพนี้” ดวงต
“มันแปลกๆใช่ไหม เพราะเมื่อก่อนพี่กับริวชอบทะเลาะกัน แต่พี่ไม่เคยเกลียดริวเลยนะ” พูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนขึ้น จนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “อืม” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วตอนนี้ เดาอารมณ์พี่พราวไม่ถูก อยู่ดีๆก็เป็นแบบนี้ เขาไม่รู้จริงๆว่าต้องพูดยังไง รู้ดีว่าการเริ่มต้นของเขากับเธอนั้นมันแปลก ปกติต้องคบก่อนค่อยเอา แต่นี่เอาก่อนแล้วค่อยคบ มันคงทำให้พี่พราวสับสนไม่น้อย “เป็นพี่ดีแล้วเหรอ บางทีริวไม่ต้องรับผิดชอบอะไรพี่ก็ได้นะ วันนั้นพี่กินยาคุมไปแล้ว คงไม่ท้องหรอก” พูดถึงตรงนี้เธอไม่สามารถกั้นน้ำตาไว้ได้อีก มันรู้สึกแย่มากๆ ที่ปล่อยให้แอลกอฮอล์ชักนำจนขาดความยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล แม้เขาจะสมยอมเธอก็ควรคิดไตร่ตรองให้มันมากกว่านี้ “พล่ามจบยัง!” ดวงตาฉ่ำน้ำ หันกลับมามองคนที่พูดขึ้นห้วนๆ ใบหน้าหล่อเหลามีแววโกรธเคืองฉายชัด แต่ไม่โกรธสิแปลก คำพูดของเธอไม่ต่างจากบอกเลิกเลยสักนิด “ไม่เลิก! นี่เป็นของพราว และพราวเป็นของนี่ ตอนนั้นจะอะไรช่างแม่งเหอะ ตอนนี้เราคบกัน จบนะ!” คิริวคว้ามือเข้าที่ปลายคาง เชิ่ดขึ้นนิดๆให้พี่พราวสบตา คิดว่าร้องไห้งอแงใส่แล้วจ
พราวนภามาถึงที่ทำงานด้วยอาการเหม่อลอย พยายามตั้งสติอยู่ตลอด แต่ทุกครั้งที่เผลอนึกถึงเรื่องของคิริว สติเธอก็หลุดไป ใครจะไปคิดละว่าคิริวจะเป็นคนแบบนี้ รวมทั้งเธอด้วย ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นได้ขนาดนี้เพราะเขา “พราว มีอะไรดีๆอุบไว้งั้นเหรอ หน้าตาไม่เหมือนคนที่โดนเล่นงานเลยนะ อ้อ! ลืมไป แกต่างหากที่เล่นงานยัยเด็กนั่น” ศศิธรพูดอย่างชอบใจ หัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงคลิปสั้นที่แชร์ว่อนอยู่ตอนนี้ ตอนที่เพื่อนเธอฟาดหน้าอินทิรา เธอดูออกว่าเพื่อนยั้งแรงไว้มาก ถ้าเป็นเธอนะ เธอจะตบหนักๆ เอาให้เลือดกบปากไปเลย “พูดไปเรื่อย พราวจะไปเล่นงานใครเขาได้” พราวนภายืนเลือกชุดต่อ เพราะยังไม่ได้ชุดที่ถูกใจเพื่อนดาราที่นั่งอยู่ตรงนั้น ถ้าอินทิราเรื่องมาก ศศิธรก็เรื่องมากกว่าหลายเท่า แต่เธอไม่อะไรหรอก ยัยนี่เป็นเพื่อนสนิทอะ ซินมันก็เรื่องมากเฉพาะกับเธอนั่นแหละ ไม่กล้าไปเรื่องมากกับคนอื่นหรอก “ตอบคำถามแรกด้วยสิยะ” “ไม่มีอะไรให้ตอบ” “พราว! แกแอบมีแฟนใช่ไหม ดูเสื้อผ้าที่แกใส่ก็รู้ ปกติแกใส่เสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองตลอด แล้วนี่เสี่ยที่ไหนเปย์ของพวกนี้ให้แกหะ!” ศศิธรมองเพื่อนที่ยืนอยู่ห่างตั้งแต่หัวจร
“อาร์มมาพอดี มานี่หน่อยสิ” คนเป็นพ่อเอ่ยรั้งตัวลูกชายที่กำลังจะแอบย่องออกนอกบ้านไว้ เขามานานแล้วเถอะ ถ้าพ่อสังเกตสักหน่อยจะรู้ “มีอะไรครับ” “ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้น้องหน่อยสิ อาร์มเองก็รู้จักผู้หญิงคนนั้นนี่” “ครั้งนี้ผมคงช่วยไม่ได้ครับพ่อ เพราะยัยอิงค์ผิดเต็มๆคลิปก็มีให้ดู ดีแค่ไหนแล้วที่ทางนั้นเขาไม่ขอให้เราไปขอโทษ จบเถอะครับ อย่าให้มันมากไปกว่านี้เลย” อรุษตอบทันที โดยไม่สนสายตาของน้องสาว ที่มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจ “พี่อาร์มไม่ต้องปกป้องมันเลยนะ ไม่เห็นเหรอว่ามันทำอิงค์เสียชื่อแค่ไหน” “พี่ว่าเราทำตัวเองมากกว่า เงียบๆไว้หน่อยก็ดี อย่าพยายามโยนอะไรไปให้พราวเลย เดี๋ยวจะโดนทางนั้นเล่นงานกลับ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน” อรุษเตือนด้วยความหวังดีและหวังอย่างยิ่งว่าน้องสาวจะฟัง เขารู้จักพราวมานาน รายนั้นไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้ใครเล่นงานเธออยู่ฝ่ายเดียวแน่ นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าเขาที่เป็นแฟนเขา เขาว่ายัยน้องสาวอาจจะโดนข่าวลือเสียหายหนักกว่านี้ “เพราะมันเคยเป็นแฟนเก่าพี่ใช่ไหม พี่ถึงปกป้องมัน อย่าคิดว่าอิงค์ไม่รู้นะ ว่าพี่กับมันเคยคบกัน ถ้าพี่ไม่ช่วยให้มันออกมาขอโทษอิงค์ พี่ก
Comments