“มึงช้าตลอดซินน์” ไออุ่นเบะปากใส่ซินน์ทันทีเมื่อมันเดินมาถึงโต๊ะ ก่อนจะหยิบแก้วมาชงเหล้าให้
“ขอเข้ม ๆ นะเพื่อน” เข้ม ๆ
“เข้มอะไร พ่อมึงมา กูเห็นออร่าพ่อมึง” ฉันชี้ไปที่ห้องวีไอพีชั้นบน จนมันถอนหายใจใส่
“พ่อแม่พวกมึงไม่หวงบ้างเหรอ ถามจริง” ฉันอดขำมันไม่ได้เลย หน้าบูดบึ้งสุด ๆ
“หวงทำไม พวกกูโตแล้ว” ฉันเอามือปิดปากหัวเราะ มีแต่ไอ้ซินน์ที่ถอนหายใจใส่พวกเรา เออ โดนพ่อคุมแบบนี้ เป็นใคร ใครก็เซ็ง! เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ ตอนนี้มันซดเหล้าที่ไออุ่นชงให้หมดแก้วแล้ว!
“โอ้ย! อดอยากมาจากไหนเนี่ย” ไออุ่นรีบตีมือซินน์ดัง เพียะ
“โอ้ย มึงอ่ะ ชงมาด่วน ๆ เลย จะได้รีบเต้น รีบกลับ กลัวใจคุณพ่อว่ะ” มันพูดไปมองหาพ่อตัวเองไป
“เออ ๆ เห็นซดเหล้าพรวด ๆ แบบนี้ แล้วคิดถึงน้ำปั่นเลย ไม่รู้เรียนที่อังกฤษเป็นไงบ้าง ได้หลัวฝรั่งแล้วมั้ง ฮ่า ๆ”
ไออุ่นชงเหล้า และเต้นไปด้วย เหมือนที่มันพูดถึงนั่นแหละ ฉันมีเพื่อนอีกคนชื่อน้ำปั่น ตอนนี้มันไปอบรมวิชาชีพที่อังกฤษ นางเป็นสัตวแพทย์
ฉันเต้นสักพักก็เผลอไปเห็นนาวิน ตาไม่ฝาดหรอก นาวินแฟนไอ้ซินน์จริง ๆ และอีกคนก็พี่ชายแฝดเขา ชื่อนาวา เดินมาพร้อมกัน ให้ตาย! พวกนี้กลับจากอังกฤษปุ๊บ ก็มาเที่ยวผับเลยเหรอ?
เออใช่ ไอ้ซินน์มันจำแฟนตัวเองไม่ได้นี่น่า
“น้ำปั่นไม่รู้ รู้แต่ว่า พี่ชายแฝดมันหล่อมาก สามนาฬิกา สามนาฬิกา ด่วนเป้าหมายกำลังเปลี่ยนเส้นทาง มองทีละคนสิวะ!” ฉันตีไออุ่นกับซินน์ทันที เมื่อพวกมันหันไปมองพร้อมกัน
จนมีผู้ชายที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยสุด ๆ เดินมายืนข้าง ๆ
“ไงปลายฟ้า” ไทม์ ลูกชายพ่อแม่บุญธรรมอนันธาราของฉันเอง!
ฉันมองหน้าไทม์ จนทะลุไปถึงคนข้างหลัง ก่อนที่จะเห็นแฟนไอ้ซินน์นั่งลงที่โซฟามองมาที่เรา และพี่ชายแฝดเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ทำฉันรีบหันกลับมาทันที ก่อนที่จะเห็นไทม์ยืนยิ้มอยู่
“ไทม์!” พอสติกลับมา ฉันก็กระโดดกอดไทม์แน่น... ถึงจะคนละพ่อคนละแม่ แต่เราก็โตมาด้วยกัน ผูกพันยิ่งกว่าอะไร
“โหย ๆ กอดกันแน่นเชียว ไม่ใช่แค่พี่น้องมั้ง” ไออุ่นเริ่มชงเหล้าให้ไทม์ ไทม์ยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นพลักหัวไออุ่นกับซินน์ทีละคน
“พูดไปเรื่อย กินเหล้าเข้มจริง ๆ ผู้หญิงพวกนี้” ไทม์ยกเหล้าที่ไออุ่นชงให้ ดื่มพรวดเดียวจนหมด
“ธรรมดา ๆ” ฉันตอบแล้วตบไหล่ไทม์เบา ๆ จนเขาวางแก้วลง
“งั้นไปแล้ว ๆ เพื่อนรออยู่ บาย” เรารีบโบกมือบ้ายบายไทม์ ที่เดินไปโต๊ะโซฟาในมุมมืดอีกฝั่ง ค่ะ! ตรงแฟนไอ้ซินน์นั่งอยู่นั่นล่ะ โห… นาวินมองไอ้ซินน์ตาไม่กระพริบเลย
แต่ไอ้ซินน์กลับไม่เห็นซะงั้น
“อุ้ย ที่กูบอกว่าเห็นคนหล่อ... เขาเดินไปทางนั้นเหมือนกัน” ฉันจึงชี้ตามหลังไทม์ไป จนไอ้ซินน์มองตามทันที
ลองดู ว่ามันจะเห็นนาวินและจำได้ไหม? จนซินน์มันเดินไปที่โต๊ะนั้นเลย ก่อนที่จะกลับมาโวย! ว่านาวินเรียกมันเป็นเด็กนั่งดริ้งค์!
กรรม สรุปว่ามันจำไม่ได้! จนสักพัก หลังจากที่ซดเหล้าไปชุดใหญ่ มันก็กลับไปพร้อมพ่อตัวเอง
ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับไออุ่น ที่นั่งเปื่อย เพราะเพื่อนเท
“มึงเมายัง?” และไออุ่นมันก็ถามฉันขึ้นมา หึ! ถามแบบนี้ รู้เลย มันจะยุบวงแน่ ๆ
“เออ ๆ จะแยกย้ายใช่ไหม งั้นกูกลับดีกว่า... ถึงจะเมาก็ไม่ซีเพราะมาแท็กซี่จ้ะ” ไออุ่นพยักหน้าแล้วเรียกพนักงานมาเก็บโต๊ะ
“แท็กซี่เหรอ? ให้กูไปส่งไหม” ฉันมองมันที่แก้มเริ่มแดง แล้วรีบโบกมือปฏิเสธไป ท่าจะไม่ไหวกว่ากูอีกมึงอ่ะ!
พอฉันแยกย้ายกับไออุ่น ก็เดินออกมารอแท็กซี่หน้าผับ บอกตรง ๆ ว่ารอเกือบชาติเศษ รอนานมาก! แท็กซี่ก็ไม่มาสักที ฉันทั้งนั่งทั้งยืน จนเริ่มเมื่อย จึงยืนพิงรถสปอร์ทคันนึงรออย่างเซ็ง ๆ
‘ครืน~’
จนเสียงลงกระจกรถดังขึ้น! ทำฉันรีบหันควับไปมองทันที ก่อนที่จะเห็นคนข้างใน แล้วเบิกตากว้าง เฮ้ย! นาวา! พี่ชายแฝดแฟนไอ้ซินน์!
“เธอ... เอาก้นออกไปจากรถฉัน” ฉันรีบยืนปกติทันที แล้วส่งยิ้มเเห้ง ๆ ให้เขา
“เอ่อ… ขอโทษที เมื่อยน่ะ นายจำฉันได้ไหม ฉันปลายฟ้าไง” เขามองฉันหัวจรดเท้าแล้วเลื่อนกระจกขึ้น ก่อนที่จะเปิดประตูรถก้าวลงมา ยืนจ้องหน้าฉัน
“ยิ้มทำไม” อะไรวะ ยิ้มไม่ได้รึไง!
“ทำไมเหรอ? ฉันรู้จักนายนี่น่า” เขาขมวดคิ้วทำนึกคิด ก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ จำฉันได้ไหม? ต้องจำได้สิ ฉันออกจะสวยจนน่าจดจำ!
“อ๋อ เธอคือ พี่ไอ้ไทม์? ที่แต่ตอนนั้นอ้วน ๆ”
ไม่ใช่! กูไม่เคยอ้วน แค่แก้มเยอะ แค่อวบ! อวบอ่ะเข้าใจไหม เรียนหมอมาแยกแยะไม่ออกรึไง ระหว่างอวบกับอ้วนอ่ะ
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี