ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วกัดฟันตอบเขาไป
“ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าฉันเคยอ้วนด้วย” เขาเอามือล้วงกระเป๋า มองฉันหัวจรดเท้า
“ไม่เคย ตอนนี้ก็อ้วน” ฉันถึงกลับอ้าปากค้าง! เขาเป็นผู้ชายคนแรก ที่บอกว่าฉันอ้วน!
กูเอวยี่สิบสี่เองนะ พูดอะไรเกรงใจกางเกงไซส์เอสกูบ้าง!
“เหอ ๆ โอเค… ฉันไม่ถือ เพราะนายเป็นคนแรก ที่ว่าฉันอ้วน ตานายคงไม่ถึงเอวเอสฉัน”
“อืม ตามใจ แล้วเธอ?” เขาชี้มาที่ฉันสลับกับถนน คงจะถามว่าฉันรออะไรสินะ
“อ๋อ ฉันรอแฟนมารับ” หมั่นไส้ บอกว่าแฟนมารับซะเลย
“อืม ๆ” เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป ฉันเองได้แต่ยืนรอแท็กซี่ คันไหนขับผ่าน ก็ไม่ใครจอดรับฉันเลย!
จนแล้วจนเล่า จนมันดึกขึ้นเรื่อย ๆ
หาว~
“แฟนเธอขับแท็กซี่เหรอ” ฉันเอามือปิดปากตัวเองที่หาวแทบไม่ทัน เมื่ออยู่เขา ก็เดินมายืนข้าง ๆ
“อืม ๆ ทะเลาะกันนิดหน่อย” เขามองไปที่ถนนแล้วหัวเราะเบา ๆ หัวเราะที่กูหาวปากกว้างแน่ ๆ
“หึหึ โกหกเก่งนะ”
“โกหก? เอ่อ แล้วนายลงมา ทำไม มีอะไรเหรอ?”
“ขึ้นรถ... เดี๋ยวฉันไปส่ง ยืนอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็โดนจับไปชั่งกิโลขาย” บอกฉัน และชี้กลับไปที่รถ ไม่มองหน้าฉันเลย
“ไม่เป็นไร เกรงใจ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เธอยิ้มไม่ออกแน่”
“ไม่มั้ง แหะ ๆ แล้ว น้องนายล่ะ นาวิน” เขาหันกลับไปเปิดประตูรถ แล้วยืนเอาแขนค้ำไว้
“ช่างหัวมัน เร็ว ๆ ฉันง่วง!” อะไรวะ ฉันตกใจนิดหน่อยที่เขาทำเสียงเข้ม แต่ทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบ แล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถเขา
เพราะฉัน ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว!
ขึ้นรถมา ฉันก็เห็นหนังสือเต็มไปหมด เอิ่ม… อย่างกับห้องสมุดเคลื่อนที่ อะไรมันจะขนาดนี้วะ สมงสมองได้พักบ้างไหม
“นาย อ่านหนังสือในรถเหรอ?”
“ป่าว รถมันโล่ง” แค่รถโล่ง?
“นี่คือเหตุผลจริง ๆ เหรอ?” เขาถอนหายใจใส่ฉัน แล้วขับรถต่อ พอฉันถามอะไรเขาก็ไม่ตอบ พูดอะไรด้วย เขาก็ไม่สนใจ เหมือนธาตุอากาศที่ล่องลอยอยู่แถวนี้ ไม่ใช่เขานะ... กูนี่ล่ะ!
ฉันจึงนั่งเงียบ เงียบจนเขาหันมามอง
“บ้านเธออยู่ไหน?”
“ฉันอยู่คอนโด ไปส่งคอนโดก็ได้”
“แล้วคอนโดเธออยู่ไหนล่ะ” ฉันรีบบอกทางเขาทันที ก่อนที่จะนั่งเงียบต่อ ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปเขาก็ไม่คุยด้วย เสียพลังงานฉิบ
จนรถเขามาถึงคอนโด...
“ขอบใจนะ” ฉันจึงรีบหันไปขอบคุณ แล้วเปิดประตูรถทันที แต่เขากลับไม่ปลดล็อคให้ซะงั้น
“นาวา ปลดล็อคหน่อยสิ” เขามองไปที่คอนโดฉันสักพักแล้วปลดล็อคให้ ก่อนที่จะหันกลับมาพยักหน้า เหมือนกำลังจะไล่กูลงจากรถ
“บาย เอ้อ ขับรถดี ๆ นะ”
“อืม ๆ” เขาตอบฉันแค่นั้นล่ะ คงจะขี้เกียจอ้าปากจริง ๆ จนฉันปิดประตูรถใส่อย่างรำคาญ แล้วเดินตรงขึ้นคอนโด เดี๋ยว! คีย์การ์ด!
กระเป๋า! ฉันลืมกระเป๋าไว้ในรถเขา!
ฉันรีบวิ่งกลับไปที่ลานจอดรถทันที แต่ไม่เห็นรถเขาแล้ว โอ้ยตาย! มือถือ ของทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดเลย ยาคุมรักษาสิวฉันก็ด้วย
ฉันจะติดต่อเขายังไงดี โนมือถือ โนเอวี่ติง!
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” พอฉันยืนเลิ่กลัก ทำอะไรไม่ถูก ก็มีพนักงานฟร้อนท์ของคอนโด เดินเข้ามาถาม
“ลืมคีย์การ์ดค่ะ ห้อง 8021 รบกวนขอคีย์การ์ดสำรองได้ไหมคะ” เธอยิ้มกว้างแล้วผายมือไปที่ฟร้อนท์ทันที
“ได้ค่ะ” จนฉันได้คีย์การ์ดสำรองมา แล้วขึ้นห้องอาบน้ำนอน นอนพลิกไปมา คิดอยู่สักพัก ไม่รู้จะทำยังไงดีกับยาคุมรักษาสิว ถ้าไม่กินวันนึงคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฉันไม่ได้คุมกำเนิดซะหน่อย ไม่รู้จะท้องกับหมาที่ไหน
เฮ้อ! พอฉันกำลังหลับตาลง
‘กริ้ง กริ้ง~’ โอ้ย! ใครมาป่านนี้วะ ฉันคลานลงจากเตียง เดินไปส่องตาแมวดูก็ไม่เห็นใคร พอจะเดินกลับเข้าห้องนอน เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีก
‘กริ้ง กริ้ง~’
ฉันจึงเดินกลับไปส่องอีกรอบ ไม่มี! ผีเหรอ? ใครแกล้งกู ไม่ตลกนะเว้ย กูร้องนะ! ฉันยกมือไหว้พระบนหิ่งแล้วเดินตรงเข้าห้องนอนทันที คุณพระคุณเจ้า คุ้มครองลูกด้วย กลัวจริง ๆ ถ้าดังอีกรอบ... คง
‘กริ้ง กริ้ง~’
กรี๊ด… ฉันวิ่งเปิดไฟทุกดวงในห้อง แล้วค่อย ๆ เดินไปเปิดประตู จริงด้วย! เปิดออกมาไม่มีใครเลย จนฉันตัดสินใจก้าวออกไปจากห้อง แล้วมองซ้าย มองขวาดู!
“กรี๊ด…”
ตุ๊บ! โอ้ย! ฉันตกใจถอยหลังทันที จนขาสองข้างเสียหลัก ทำฉันล้มก้นกระแทกพื้น และไอ้กระโปรงชุดนอนก็เลิกขึ้น จนเห็นต้นขา
“…” เขามองฉันนิ่ง ๆ สลับกับขาอ่อนตรงหน้า ก่อนที่จะยื่นกระเป๋าลงมา แล้วหันไปทางอื่น
แต่ฉันไม่รับมัน พยายามดึงกระโปรงตัวเองปิดขา และลุกขึ้น แต่…
“โอ้ย~ ไม่ไหว เจ็บก้น นายมายืนทำอะไรตรงนี้! กดกริ่งแล้วไปยืนแอบข้าง ๆ พิงผนังทำเพื่ออะไร? โอ้ย…” ฉันทั้งบ่นเขา ทั้งคลำก้นตัวเอง ช้ำแน่นอน ช้ำแน่ ๆ
“ขี้เกียจยืน กระเป๋าเธอตกในรถฉัน ช่วยเอาคืนไปสักที” เขายื่นกระเป๋าให้ฉันอีกรอบ และไม่มองหน้าฉันเหมือนเดิม
ช่วยกูลุกขึ้นให้ได้ก่อนเถอะ!
“โอ้ย… ช่วยฉันก่อน นาวา” เขาเหลือบมองฉันแว๊บนึงแล้วถอนหายใจใส่
ก่อนที่จะก้มลงมา พยุงฉันยืนขึ้น
“ขอบใจนะ” แล้วเขาก็ปล่อยแขนฉันทันที
“ว้าย…” แต่ฉันยังทรงตัวไม่ได้! เซไปข้าง ๆ จนรีบกอดเขาไว้แน่น
ตะ… ตอนนี้ หน้าห่างกันนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ ฉันไม่เคยกอดผู้ชาย ไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายจน จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ แบบนี้เลย ทำไมมัน รู้สึกอบอุ่น และรู้สึกดีขนาดนี้!
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี