วันนี้ฟ้าครึ้มฝนมีทีท่าว่าจะตก ฉันกำลังจะปิดร้าน พลางบอกน้องมิกน้องเดียร์กลับบ้านได้เลย น้องๆไม่มีรถยนต์ กลัวน้องจะตากฝนกลับบ้านจนไม่สบาย
“ผมช่วยก่อนก็ได้ครับ พี่พริม” น้องมิกพูดอย่างเกรงใจ
“กลับเลย เดียร์ต้องรีบไปดูแลคุณยาย ป้าแก้วเตรียมอาหารเย็นให้ อย่าลืมเอากลับไปด้วยนะ”ฉันชี้ไปที่กล่องข้าวที่ป้าแก้วจัดสรรเป็นสองที่ สำหรับน้องมิกน้องเดียร์ ส่วนป้าแก้วขึ้นไปปิดหน้าต่างที่ชั้นบน ด้านนอกลมพัดแรง พายุกำลังจะมา พอน้องๆ กลับไปแล้ว ฝนก็ตกหนักทันที ฉันกำลังจะเดินไปล๊อกประตูกระจก เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆในชุดนักเรียนนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ข้างๆ ประตูหน้าร้าน
“หนู เข้ามาข้างในสิ” หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมา เนื้อตัวเปียกปอน ฉันประคองตัวน้องและช่วยถือกระเป๋า พามานั่งในร้าน ป้าแก้วกำลังเดินลงมาจากชั้นบน
“คุณหนู เด็กที่ไหนคะ”
“พริมเห็นน้องตากฝนยืนอยู่หน้าร้านค่ะ รบกวนป้าเอาผ้าเช็ดตัว เสื้อยืดและกางเกงสามส่วนของพริมให้น้องด้วยนะคะ” ผู้หญิงไซส์มินิอย่างฉัน เสื้อผ้าก็มีแต่ตัวสั้นๆ เด็กประถมก็ใส่ได้ อาจจะหลวมหน่อย ฉันไม่ใช่สาวร่างน้อยผอมเพรียวปลิวลมตามสมัยนิยม ค่อนข้างมีเนื้อหนังแต่ไม่ถึงกับอ้วนเผละจนน่าเกลียด เพราะฉันควบคุมอาหารเมื่อรู้สึกว่าเสื้อผ้าเริ่มใส่ไม่ได้
“หนูชื่ออะไรคะ”
“หนูชื่อน้องมิ้นท์ค่ะ” หนูน้อยตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีท่าทีเขินอาย
“แล้วคุณพ่อคุณแม่ไปไหนคะ”
“คุณแม่เป็นพยาบาลค่ะ คุณแม่บอกให้น้องมิ้นท์รอที่หน้าโรงพยาบาลพอดีฝนตกน้องมิ้นท์เลยวิ่งมาหลบฝนค่ะ” เด็กหญิงพูดตาใสๆ ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับใครสักคนแต่ก็นึกไม่ออก ฉันอดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ ป้าแก้วพาหนูน้อยไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ด้านนอกสายฝนเริ่มซา ฉันเห็นว่าตอนนี้เย็นมากแล้วน้องมิ้นท์คงจะหิว จึงทำ
สปาเกตตี้ซอสหมูสับให้ เด็กหญิงเคี้ยวตุ้ยๆ คำโต เสียงเคาะประตูกระจก พยาบาลจิ๋วที่วิ่งฝ่าฝนจนตัวเปียกยืนอยู่หน้าประตู ป้าแก้วเดินไปเปิดประตู
“นังจิ๋ว กว่าจะมาหาป้าได้นะแก”
“ป้า ช่วงนี้ฉันเข้าเวร เมคมันนี่ แทบไม่ได้พัก” พยาบาลจิ๋วดูอิดโรยเหมือนคนอดนอนสะสม ทำให้ฉันนึกถึงหมอซันแล้วอดยิ้มไม่ได้ รายนั้นก็แทบจะเป็นผีดิบเข้าทุกวัน อาชีพหมอและพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องมีความอดทนและเสียสละ สละเวลาส่วนตัวเพื่อคนส่วนรวม
“แม่จิ๋ว” น้องมิ้นวิ่งมากอดพี่จิ๋ว นึกอยู่ว่าน้องมิ้นท์หน้าเหมือนใคร พอทั้งสองยืนคู่กัน นะ..นี่มัน พี่จิ๋วตอนเด็กและพี่จิ๋วตอนโตชัดๆ
“ยายหนูยืนตัวเปียกอยู่หน้าร้าน คุณหนูให้น้าอาบน้ำเปลี่ยนชุดให้ กลัวยายหนูจะเป็นหวัดเป็นไข้”
“ขอบคุณนะคะ น้องพริม” พี่จิ๋วยิ้มให้ฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่จิ๋วทานขนมก่อนนะ ฝนหยุดค่อยกลับเนาะ” ฉันกุลีกุจอ คีบขนมในตู้กระจกส่งให้พี่จิ๋ว
“แล้วสามีแกไปไหน ทำไมไม่มารับลูก” ป้าแก้วถาม พี่จิ๋วหน้าเศร้าพลางถอนหายใจ
“เลิกกันตั้งแต่น้องมิ้นท์ยังเด็กๆ ฉันฝากแม่เลี้ยง จนน้องมิ้นท์เรียนประถมเลยเอามาอยู่ด้วยกัน จริงๆ แม่ฉันก็มาอยู่ด้วยนะ วันนี้แม่กลับบ้าน ฉันเลยให้น้องมิ้นท์มารอที่โรงพยาบาล”
“ยายหนูเป็นเด็กผู้หญิง สมัยนี้มันอันตราย เผื่อโดนคนเอาไปทำมิดีมิร้าย เอาอย่างนี้ถ้าวันไหนแกไม่ว่าง ฉันจะไปรับมาดูแลให้” ป้าแก้วคงสงสารพี่จิ๋วที่มีปัญหาชีวิตคู่ ที่สำคัญพี่จิ๋วเป็นญาติเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ของท่าน ป้าแก้วคงอยากช่วยเต็มกำลังที่ท่านมี
“ขอบคุณน้ามากนะ”
“คุณแม่ พี่สาวคนสวยทำสปาเกตตี้อร่อยกว่าแม่จิ๋วทำอีก”หนูน้อยยังกินไม่หยุด ซอสสีแดงเลอะปากเล็กๆ ฉันใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปากให้น้องมิ้นท์
“แม่บอกแล้วว่าแม่ไม่ได้ทำ แม่ซื้อที่ร้านสะดวกซื้อมาอุ่น”
“นี่ให้ลูกกินแต่อาหารแช่แข็งเหรอ สงสารนังหนูมัน” ป้าแก้วลูบหัวน้องมิ้นท์อย่างเอ็นดู
“เฉพาะวันที่แม่ฉันไม่มาเท่านั้นแหละ ทำไงได้ ฉันต้องทำงานหาเงินคนเดียว” พี่จิ๋วถอนหายใจยาวๆ
“น้องมิ้นท์ วันไหนที่คุณยายไม่อยู่ มาหาพี่พริมดีไหม พี่พริมจะสอนทำขนม”
“น้องมิ้นท์ อยากมาทำขนมกับพี่คนสวยค่ะ น้องมิ้นท์มาพรุ่งนี้เลยนะคะ” เด็กน้อยทำตาใส ดีใจราวกับได้ของเล่นอันใหม่
“จะไม่กวนน้องพริมเหรอคะ พี่เกรงใจ” พี่จิ๋วลำบากใจ
“ไม่เลยค่ะ พริมยินดี น้องมิ้นท์น่ารักน่าเอ็นดูช่างพูดช่างคุย พริมถูกชะตากับน้องค่ะ” ฉันคงแลดูมีคุณสมบัติมิสยูนิเวิร์สมาก พริมรักเด็ก รักน้ำรักปลา ที่สำคัญรักหมอ คิดเองก็เขินเอง พี่จิ๋วยิ้มกว้าง แล้วถอนหายใจ
“พี่รู้สึกผิดกับน้องพริมจังเลย วันนั้นที่พี่ใส่ชาร์ทคนไข้ผิด น้องพริมเลยเกือบโดนคุณหมอตรวจภายใน พี่ขอโทษนะคะ” พี่จิ๋วรู้ไหม? ฉันเกือบจะเสียความบริสุทธิ์ ฮือ…
“ว่าไงนะ นังจิ๋ว คุณหมอเกือบตรวจภายในคุณหนู” ป้าแก้วทำตาโต ตีแขนพี่จิ๋วอารามตกใจ พี่จิ๋วยกมือท่วมหัวไหว้ป้าแก้ว
“ป้า ฉันขอโทษจริงๆ แล้วฉันยังพูดไม่ดีน้องพริมด้วย วันๆ ฉันเจอแต่ผู้หญิงมาเต๊าะหมอ โดยเฉพาะหมอซัน ที่ทั้งหล่อ สุภาพ ใจดี ใครๆ ก็ชอบ ฉันสงสารหมอซัน ไม่ได้นอนแถมยังโดนคนไข้ ญาติคนไข้ มาขายขนมจีบประจำ เวลานอนยังไม่มี จะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน”
“พี่จิ๋วคะ พริมไม่โกรธนะคะ คนเราผิดพลาดกันได้ ต่อไปพี่จิ๋วก็ช่วยพริมจีบหมอด้วยนะคะ” ฉันจับมือพี่จิ๋วทำสัญญา เป็นพันธมิตรกัน
“คุณหนู มันไม่งามนะคะ ไปจีบผู้ชายก่อน ถ้าคุณท่านรู้ ป้าโดนไล่ออกแน่ๆเลยค่ะ” ป้าแก้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย คงเป็นห่วงอนาคตถ้าต้องโดนไล่ออกในวัยนี้
“ถ้าป้ากับพ่อจะหวงพริมขนาดนั้น พริมจะขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุโบราณแล้วนะคะ” ผู้หญิงอายุ 25 ปี ไม่เคยมีแฟน จริง ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่หรอก แต่ฉันไม่ชอบเนี่ยสิ ความสัมพันธ์ถ้ามันไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่ป่ะวะ ต้องฝืนคบไปทำไม
ก็เพราะคิดแบบนี้ฉันก็เลยโสดสนิทแบบนี้ไง ดูพ่อกับป้าแก้วก็ไม่เดือดร้อนที่ฉันไม่มีแฟน แต่กลับดีใจที่ฉันยังโสด เพราะถึงยังไงฉันก็ยังดูเป็นเด็กในสายตาพวกท่านเสมอ คราวนี้ขอฉันทำตามคำเรียกร้องของหัวใจ อยากเป็นแฟนหมอซัน
“ถ้าน้องพริมชอบหมอซัน จริงๆ พี่ขอพูดตามความจริงนะคะ ผู้หญิงเราถ้ามีแฟนจะต้องการผู้ชายที่ดูแลเอาใจใส่มีเวลาให้ใช่ไหมคะ แต่หมอไม่มีเวลาแบบนั้น วันเกิด วาเลนไลน์ ปีใหม่ หรือเทศกาลไหนๆ หมอมีเวรอยู่โรงพยาบาล สามีพี่ก็แอบมีกิ๊กตอนพี่เข้าเวรเนี่ยแหละ คิดแล้วมันน่านัก” พี่จิ๋วตบเข่าดังฉาด จนฉันกับป้าแก้วตกใจ
“พี่จิ๋วคะ พริมแค่อยากดูแลหมอซัน พริมชอบหมอซันจริงๆนะคะ ส่วนเรื่องหมอไม่มีเวลา ไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไร พริมก็ดูแลตัวเองได้ พริมอยู่กับพ่ออยู่กับป้าแก้ว พริมโอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้นะคะ” ฉันพูดอย่างมั่นใจ ไม่เห็นต้องมาดูแลอะไรกันมากมาย ฉันยืนด้วยขาตัวเองตั้งยี่สิบห้าปี ไม่ได้ต้องการคนประคองซะหน่อย
“ตอนนี้ผู้หญิงที่ใกล้ชิดหมอซันที่สุดคือหมอแพร ตอนแรกพี่เข้าใจว่าหมอสองคนนี้เป็นแฟนกัน แต่ดูหมอซันก็ไม่ได้ทำอะไรให้คนอื่นเห็นว่าหมอแพรเป็นคนพิเศษ พี่ได้ยินพยาบาลเจนที่เป็นเพื่อนหมอแพรบอกว่า หมอแพรเคยสารภาพรักกับหมอซัน หมอซันปฏิเสธเขายังไม่อยากมีแฟนเพราะไม่มีเวลาให้ใคร กลัวดูแลแฟนได้ไม่ดี แต่ถ้าหมอซันคิดจะมีแฟนจริงๆจะพิจารณาหมอแพรเป็นคนแรก” ฟังดูมันก็หน่วงๆ เหมือนกัน ถ้าหมอซันจะมีแฟน
คนแรกที่มีสิทธิ์คือยายแพรงั้นเหรอ? งั้นฉันก็ต้องต่อคิวจากยายแพร ไม่สิ ต่อคิวที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ก็อยู่หลังยายแพรอยู่ดี นี่ฉันจะไม่มีวันชนะยายแพรเลยเหรอ
“คุณหนู ทำไมทำหน้าบูดเป็นตูดลิง นังจิ๋วแกต้องช่วยคุณหนูให้เป็นแฟนคุณหมอซันให้ได้”
“อ่าวน้าแก้ว..ตะกี้ยังพูดว่าจีบผู้ชายก่อนไม่งามไม่ใช่เหรอ?”
“แกไม่เห็นเหรอว่าคุณหนูชอบคุณหมอซะขนาดนั้น ฉันรับปากคุณท่านกับคุณผู้หญิงไว้ว่าจะดูแลคุณหนู คุณหนูอยากได้อะไรแม้กระทั่งดาวเดือนฉันก็จะหาให้ได้ คุณหนูอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นนะคะ ป้าไม่สบายใจ” ฉันเอาหัวถูไหล่ป้าแก้วอย่างออดอ้อน
“รักป้าแก้วนะคะ”
“พี่จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ค่ะ ต้องทำใจไว้หน่อยนะคะ จีบหมอไม่เหมือนอาชีพอื่นนะคะ ถ้าหมอไม่ว่างหมอจะไม่ตอบข้อความ ไม่โทร บางทีก็หายไปเป็นวันสองวัน เพราะเข้าเวรติดกัน พอออกเวรก็ต้องการพักผ่อน เราต้องมีจังหวะดีๆ ในการเข้าหา ห้ามน้อยใจเด็ดขาด น้องพริมรับได้นะคะ” พี่จิ๋วถามย้ำอีกครั้ง
“โอเคค่ะ” สู้เว้ย ยายพริม ใครจะมาก่อนมาหลังไม่รู้ ถ้าไม่ลงแข่งจะรู้ได้ไงว่าจะแพ้หรือชนะ ถ้าจะแพ้ก็เป็นหมอซันปฏิเสธไม่ใช่คนอื่น ฝนเริ่มหยุดแล้ว พี่จิ๋วกับน้องมิ้นท์กลับไปได้สักพัก ป้าแก้วก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นให้คุณพ่อที่บ้านใหญ่ ฉันกำลังจะเดินไปล๊อกประตูหน้าร้าน ชายหนุ่มร่างสูงสองคน สวมเสื้อกาวน์แขนสั้น เดินตรงมาที่ร้าน หมอซันกับหมออีกคน ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า ผิวขาว หน้าตาดี เกาหลีสุดๆ พอยืนคู่กันสาววายคงชวนจิ้นอยู่ไม่น้อย ฉันยิ้มรับพลางเปิดประตู
“คุณหมอ จริงๆ พริมปิดร้านแล้วนะคะ แต่สำหรับคุณหมอ หัวใจพริมเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะคะ” ฉันหยอดมุกแรก
หมอซันยิ้มตาหยีพลางเกาหัวอย่างอายๆ เขินใช่มั้ยล่ะ? ฉันเข้าข้างตัวเอง
“นี่หมออ้ายเพื่อนสนิทหมอครับ หมออ้ายนี่พริม เจ้าของร้านขนมเครื่องดื่มแสนอร่อย” หมออ้ายยิ้มหวาน คิ้วเข้มตัดกับผิวขาวจัด ดวงตาสีอ่อนชวนฝัน ฉันไม่กล้ามองนาน ใจเริ่มบาง มองนานเกินไปอาจย้ายข้างมาชอบหมออ้ายก็เป็นได้
“ยินดีที่รู้จักค่ะ เพื่อนสนิทหมอซันก็เหมือนเพื่อนสนิทพริมค่ะ” ฉันติ๊ต่าง หมออ้ายหัวเราะเบาๆ
“ไม่เห็นหมอซันบอกเลยว่าเจ้าของครัวซองต์แสนอร่อยจะน่ารักขนาดนี้”
“ครัวซองต์อร่อย เจ้าของครัวซองต์แซ่บกว่านะคะ เผื่อหมออยากจะชิม” หมอซันยิ้มตาใส ใช้มือเสยผมม้าด้านหน้าขึ้น ช๊อตนี้มันกระแทกใจ คนอะไรหล่อน่ากินไปทั้งตัว
“วันนี้พริมพอจะทำอาหารง่ายๆ ให้พวกหมอทานได้ไหม วันนี้หมอไม่มีเวร ว่าจะทานข้าวแล้วนอนยาว” หมอเอามือลูบท้องด้วยความหิว โอ้ย น่ารักอีกแล้วดวงตาสีเข้มมองมาเหมือนจะอ้อนนิดๆ ใจบางแล้วเนี่ย
“ได้ค่ะ หมอรอสักหน่อยนะ เดี๋ยวหมอทานขนมรอดีไหม แล้วเนี่ยอาหารมื้อสุดท้ายทานกันตอนไหนคะ ทำไมดูหิวโหยซะขนาดนั้น”
“จำไม่ได้เลยครับ” หมออ้ายส่ายหน้า
“หมอต้องทานอะไรบ้างนะคะ เผื่อผ่าตัดไปอยู่ดีๆเป็นลมจะทำยังไง ไลน์ก็มีเดี๋ยวพริมเอาไปส่งนะคะ”
“ขอรบกวนบ้างเป็นบางเวลาละกันครับ หมอเกรงใจพริม” หมอซันพูดยิ้ม ๆ
“เกรงใจอะไรกันคะ เดี๋ยวหมอก็ต้องมาเป็นแฟนพริมอยู่แล้ว พูดแล้วเขินพริมไปทำอาหารดีกว่า” พูดเองเขินเอง ฉันคงบ้าไปแล้ว..ฉันวางชีสเค้กบลูเบอร์รี่สองที่สำหรับหมอหนุ่มทั้งสอง แล้วเดินเข้ามาในครัว ทำเมนูที่คิดว่าง่ายๆ สปาเกตตี้คาโบนาร่ากับซีซ่าร์สลัด รายการอาหารนี้มีในเมนูของร้านอยู่แล้วจึงมีวัตถุดิบพร้อมปรุง ฉันใช้เวลาไม่นานจึงยกอาหารออกไปเสิร์ฟลูกค้าคนพิเศษ
“มาแล้วค่ะ เมนูง่ายๆ สปาเกตตี้คาโบนาร่ากับซีซ่าร์สลัด น้ำสลัดพริมทำสูตรไขมันต่ำ ดีต่อสุขภาพดีต่อใจไม่อ้วนค่ะ” ฉันพรีเซ้นท์อาหาร หมอจะได้รู้ว่าฉันใส่ใจหมอซันแค่ไหน หมอไม่มีเวลาออกกำลังกายเพราะฉะนั้นควรจะเป็นอาหารแคลลอรี่ต่ำ ทานง่ายและดีต่อสุขภาพ
“นี่เมนูง่ายแล้วเหรอครับ หมอหมายถึงกะเพราะไก่ไข่ดาว ข้าวผัดอะไรอย่างนี้ ลำบากพริมจริงๆ” ฉันทำหน้าเหวอ นี่หมอต้องการเมนูง่ายๆแบบนั้นเองเหรอ ฉันจบจากสถาบันทำอาหารชั้นนำจากฝรั่งเศส เมนูง่ายๆ ฉันก็นึกว่าเป็นพวกสปาเกตตี้ สลัดอะไรประมาณนี้ซะอีก โอ้ย ยายพริม ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม
“ทานให้อร่อยนะคะ ย้ำอีกครั้ง ทั้งร้านแม่ค้าแซ่บที่สุด” พรีเซ้นท์อาหารไม่ลืมพรีเซ้นท์ตัวเอง..นี่แหละฉัน