เวลาห้าทุ่มครึ่ง ขณะที่ฉันกำลังจะนอน ตริ๊ง!!! เสียงเตือนจากโปรแกรมแชทสีเขียว ทำให้หน้าจอโทรศัพท์ฉันสว่างวาบ จากที่กำลังจะนอน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นะ..นี่..มัน
Rungsiman’s Sun : พริมนอนรึยังครับ
ฉันแทบจะตอบกลับทันที
Primrose : ยังไม่นอนค่ะ
ยังไม่นอนบ้าอะไร เกือบจะไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งหลายหน
Rungsiman’s Sun : ผมเข้าเวรอยู่ห้องฉุกเฉิน อยากดื่มมอคค่าเหมือนวันนั้นอ่ะครับ ตอนนี้ง่วงมาก จะรบกวน
พริมเกินไปไหม
Primrose : รบกวนอะไรกันคะ รอสักยี่สิบนาทีนะคะ เดี๋ยวไปส่งถึงที่
ในยี่สิบนาทีนั้น ฉันเสียเวลาสิบนาทีแต่งหน้าบางๆ เทรนด์เหมือนไม่ได้แต่ง สิบนาทีหลังฉันรีบชงมอคค่าเย็นหวานน้อยด้วยความเร็วสูง นึกได้ว่าหมออาจจะยังไม่ทานอะไรทั้งวัน จึงเอาบะหมี่เส้นโฮลวีทที่ฉันทำเองไปเวฟอยากให้หมอซันทานอะไรร้อนๆ พอจัดเตรียมเสบียงเสร็จสรรพ ฉันก็ข้ามถนน เดินลัดเลาะไปตามทางเพื่อไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล พอไปถึงหน้าห้อง ฉันก็ไลน์หาคุณหมอทันที
Primrose : เสบียงมาเสิร์ฟถึงที่แล้วค่ะ มารับได้เลย
Rungsiman’s Sun : โอเคครับ
หมอซันเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ใบหน้าขาวเนียนมีออร่า มีรอยคล้ำใต้ตาเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มทอประกาย หมอซันสวมเครื่องแบบสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำ ร่างสูงโปร่งบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“วันนี้เหนื่อยมากครับ ตาจะปิดแล้ว” หมอซันเดินนำฉันมานั่งด้านข้างประตูห้องฉุกเฉิน ฉันทรุดนั่งลงข้างๆ
“ทานอะไรรึยังคะ พริมเอาบะหมี่เส้นโฮลวีททำเองมาด้วย น้ำซุปพริมก็เคี่ยวเองนะคะ หมอซันทานบะหมี่ก่อนนะ” ฉันเอาถ้วยเก็บความร้อนพร้อมช้อนส้อมส่งให้หมอ หมอซันยิ้มตาหยี ไม่เสียแรงที่อดนอนมาหา ได้เห็นรอยยิ้มนี้ ใจบางอีกแล้ว ฮือ...
“ขอบคุณมากนะครับ” หมอทานบะหมี่เงียบๆ วันนี้โชคดีที่ไม่มีเคสฉุกเฉิน ฉันเลยได้นั่งคุยกับหมอนานหน่อย
“ดูแลคนอื่นก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะหมอ ไม่งั้นก็ปล่อยให้คนอื่นดูแล”
“ใครจะมาดูแลหมอล่ะครับ” หมอซันถามยิ้มๆ
“ก็คนข้างๆ ไงคะหมอ เค้าพร้อมจะดูแล แค่หมอบอก เห็นมั้ยแค่บอกว่าหมออยากดื่มมอคค่า เค้าก็มา หมอจะไม่รับเค้าไว้พิจารณาหน่อยเหรอคะ” นอกจากฉันจะชงกาแฟเก่ง ฉันยังชงตัวเองเก่งด้วย หมอซันเงียบไป เจอลูกหยอดเข้าไปเป็นไงล่ะ
“หมอกลัวเค้าเสียเปรียบน่ะสิ เค้าคงจะได้ดูแลหมอฝ่ายเดียว มันคงไม่ยุติธรรมอ่ะเนาะ” หมอซันหัวเราะ โอ้ย เกลียดการหัวเราะกลบเกลื่อนของอีตาหมอคนนี้เหลือเกิน ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
“กาแฟค่ะหมอ” หลังจากที่หมอทานบะหมี่หมดถ้วย น้ำก็ไม่เหลือ ท่าจะหิวจริง
“พริมชงเองเหรอ เก่งเนาะ ทำอาหารก็เก่ง เครื่องดื่มก็ทำได้ แถมยังทำขนมอร่อยอีก น่าอิจฉาแฟนพริมอ่ะคงได้กินแต่ของอร่อยๆ” ฉันยิ้มที่หมอชม แต่ประโยคหลังเนี่ยสิ หมอพูดทำไม ทั้งก็รู้ว่าฉันโสดแถมยังซิง วันนั้นเล่นบอกหมอไปหมดเลย
“หมอไม่ต้องอิจฉาตัวเองหรอกค่ะ”
“ยังไง หมอไม่เข้าใจ” อีตาหมอยังตีมึน ฉันรู้หรอกน่า หมอรับรู้แหละว่าฉันชอบ แต่ทำเฉยเนียนมาก
“ก็หมอจะมาเป็นว่าที่แฟนพริมไงคะ หมอก็ได้กินแต่ของอร่อยๆ ดีไหมคะ” เมื่อหมอทำเนียน ฉันก็ทำหน้ามึนหยอดหมอต่อไป แล้วไง น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน ฉันเชื่อทฤษฎีของสไมล์ หมอซันจะใจแข็งแค่ไหนเชียว..
“พริมล้อหมอเล่นรึเปล่า ฮ่าๆ ขอบคุณที่มานะ เดี๋ยวหมอไปก่อน พยาบาลตามแล้ว” หมอซันยืดตัวเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้าห้องฉุกเฉิน หมอหันมายิ้มให้อีกครั้ง ดวงตาสีเข้มของเขาสบตากับฉันชั่วขณะ หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ หมอยกยิ้มก่อนจะโบกมือลา และไม่รู้ว่าหมอจะว่างอีกตอนไหน แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยถามพยาบาลจิ๋ว ตอนเช้าฉันลากร่างเดินลงมาจากชั้นบน แทบจะหลับตาเดิน เมื่อคืนหลังจากที่กลับจากโรงพยาบาลก็นอนไม่หลับ มัวแต่คิดถึงรอยยิ้มของหมอซัน พอกำลังจะหลับก็เช้าซะแล้ว มิกกับเดียร์กำลังเตรียมตัวเปิดร้าน ป้าแก้วสาละวนอยู่กับการจัดอาหารเช้าเหมือนเคย
“คุณหนู ทำไมใต้ตาคล้ำขนาดนั้น เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอคะ” สภาพของฉันยังกะหมีแพนด้าอดนอน ไม่แปลกที่ป้าแก้วจะทัก
“พริมนอนไม่ค่อยหลับ พอจะหลับก็เช้าแล้วค่ะ ต้องรีบตื่นทำขนม” ฉันอ้าปากหาวหวอดๆ นี่อดนอนแค่วันเดียวยังขนาดนี้ ถ้าต้องอดนอนเป็นกิจวัตรอย่างหมอซัน ฉันคงสติหลุดไม่แรงทำอะไร คนเป็นหมอนอกจากเก่งแล้วยังต้องเสียสละอดทนเพื่อมวลมนุษย์จริงๆ เพราะฉะนั้นฉันเกิดมาเพื่อดูแลหมอถูกต้องแล้ว อิอิ
“ทานข้าวเช้าก่อนนะคะ เจ้ามิกเจ้าเดียร์ป้าทำมาเผื่อด้วยนะ เดี๋ยวมาทานด้วยกัน” ป้าแก้วเอาอาหารเช้าจากบ้านใหญ่มาให้ฉันและยังเอามาเผื่อ น้องๆสองคนของฉันด้วย
“ขอบคุณค่ะป้า ตอนเดียร์เอาอาหารฝีมือป้ากลับบ้าน แม่ชมตลอดเลย รสมือป้าแก้วจัดว่าเด็ด” ป้าแก้วยิ้มหน้าบาน
“ตอนเย็นป้าจะทำแกงส้มชะอมไข่ทอด เจ้ามิกเจ้าเดียร์อย่าลืมเอากลับบ้านนะ”
“ขอบคุณครับป้าแก้ว ผมอยากทานขนมจีนน้ำเงี้ยว ทานที่ไหนก็ไม่สู้ฝีมือป้าแก้ว”
“เจ้ามิก หลอกชมป้ารึเปล่า เจ้าเดียร์ตอนเย็นไปตลาดเป็นเพื่อนป้าด้วย พรุ่งนี้ป้าว่าจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวพอดี”
“พีมิก ขวัญใจป้าแก้ว ได้กินขนมจีนน้ำเงี๊ยวสมใจแล้ว” น้องเดียร์ล้อ
“ขอบคุณครับป้าแก้ว มิกจะทานให้อร่อยเลย” น้องมิกก้มตัวลงมาเอาหัวถูไหล่ป้าแก้วอย่างประจบประแจง เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูดังขึ้น ร่างสูงโปร่งคุ้นตากำลังเดินเข้ามาในร้าน วันนี้เราเปิดร้านเร็ว จะมีเครื่องดื่มขายก่อน ส่วนขนมจะสายสักหน่อย ถึงจะเริ่มขาย
“พะ...พี่มิก คุณหมอใหม่เหรอโคตรหล่อเลย ผิวขาวออร่าหล่อเด้งมาแต่ไกลถ้าบอกว่าเป็นดาราก็เชื่อนะ” น้องเดียร์กระซิบกับน้องมิกทั้งคู่ยืนประจำที่ตัวเอง พร้อมเปิดร้าน
“หมอซัน เพิ่งออกเวรเหรอคะ” ฉันทัก สภาพของหมอตอนนี้ พอๆ กันกับฉัน แต่หมอซันดูอิดโรยและเหมือนซอมบี้เดินได้มากกว่าฉัน
“ครับ ว่าจะหาอะไรกินแล้วกลับไปอาบน้ำ เตรียมราววอร์ดตอนเจ็ดโมงครึ่ง” หมอซันปิดปากหาว เขาทรุดนั่งลงที่นั่งติดกับกระจกด้านหน้าร้าน
“หมอรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพริมจะอุ่นครัวซองต์ให้ทาน มิกชงมอคค่าร้อนหวานน้อยให้คุณหมอด้วยนะ” ฉันเดินเข้าไปในครัว และอุ่นครัวซองต์แช่แข็งในเตาไมโครเวฟ ตอนเดินออกมากาแฟร้อนๆหอมกรุ่น ก็เสิร์ฟพร้อมครัวซองต์เนยสด ป้าแก้วขอตัวไปทำความสะอาดห้องฉันเหมือนเคย น้องมิกกับน้องเดียร์ต่างเตรียมของทำหน้าที่ตัวเองเงียบๆ แต่ฉันดูออกว่า น้องๆทั้งสองตั้งใจฟังฉันคุยกับหมอซันอย่างใครรู้ หมอซันจิบกาแฟ และใช้ส้อมเล็กกับมีดค่อยๆหั่นครัวซองต์เป็นชิ้นพอคำเข้าปาก
“พริมดูเนือยๆนะ นอนไม่หลับเหรอครับ”
“นิดหน่อยค่ะ พอจะนอนก็เช้าพอดี หมอล่ะไหวมั้ยเนี่ย ยังกะซอมบี้เดินได้” ฉันหัวเราะ สภาพของหมอยิ่งกว่าฉันอีก คนอดนอนสะสมก็เป็นงี้แหละ
“ไหวครับ สบายมาก หมอได้อาบน้ำก็สดชื่นแล้วครับ” หมอซันชูสองนิ้ว แต่ตาแทบจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ฉันกลั้นยิ้ม โอ้ย ขนาดนี้ยังบอกว่าไหวอีกคนเหล็ก 2020
“พริมขำอะไรหมอ” หมอซันเลิกคิ้วเข้มๆ อย่างสงสัย ใบหน้าขาวเนียนเปล่งประกาย ยื่นมาใกล้ๆ ฉันแอบได้กลิ่นจางของน้ำหอมผู้ชาย เผลอสูดเข้าไปเต็มปอด คนอะไรทำไมหล่อใสขนาดนี้ ฉันกรีดร้องในใจ
“หมอ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวสิ ทำเป็นเก่งเนาะ ตอนกลับให้พริมเดินไปส่งไหม พริมกลัวหมอเดินหลับแล้วเดินชนเสาไฟฟ้า”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ บ้านพักหมออยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินห้านาทีก็ถึงแล้ว” หมอซันชี้ไปที่บ้านหลังคาสีเขียวที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล
“พริมกลัวหมอเป็นอะไร แล้วพริมจะเป็นม่ายครองความโสดน่ะสิคะ” ฉันเอียงหน้าเข้าไปใกล้สบตาสีเข้มอย่างยั่วเย้า หมอซันไม่มีทีท่าจะหลบสายตา เจ้าตัวยิ้ม สายตาสีเข้มทอประกาย เหมือนลูกศรปักกลางใจ หมออย่ายิ้มเรี่ยราดได้ไหม แอบหึงที่หมอยิ้มแบบนี้ให้ทุกคน แม้จะเป็นคุณยายแก่ๆ ก็เหอะ ฉันหวงนะเว้ย
“ขอบคุณนะพริมสำหรับอาหารเช้า เท่าไหร่ครับ หมอต้องขอตัวเดี๋ยวไม่ทันราววอร์ดเช้า” ฉันส่ายหน้า
“ไม่คิดเงินค่ะ ขอแค่....” ฉันหยุดพูดและอมยิ้ม
“อะไรครับ” หมอซันยิ้ม ตาสีเข้มสบตาฉัน เขามองลึกเข้าไปในแววตาฉันจนฉันเป็นฝ่ายหลบสายตาเขา คนบ้าอะไร เอะอะก็ยิ้ม จะน่ารักเกินไปแล้ว ฮึ่ยยย!!
“หัวใจของหมอไง ให้พริมดูแลได้ไหม” ฉันพูดเบาๆ แอบเขินเหมือนกันนะ น้องๆในร้านทำทีไม่สนใจแต่หูนั้นบานเท่าจานดาวเทียม
“พริมแซวหมออีกแล้วนะ ฮ่าๆ หมอไปก่อนนะ” หมอซันหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่มีทีว่าเขินอายกับมุกเสี่ยวๆของฉันเลย เฮ้อ ชักจะท้อใจ ไม่ได้ๆ ฉันต้องไม่แพ้ยัยแพร หยอดวันนิดจิตแจ่มใส พอหมอซันออกจากร้าน ป้าแก้ว น้องมิกและน้องเดียร์ ต่างรุมซักไซ้ไล่เลียงฉัน
“ใครอ่าพี่พริมแฟนพี่พริมเหรอ” น้องเดียร์ได้คิวแรกเลยได้ถามก่อน
“ว่าที่สามีค่ะ”
“อุ้ย!!! แรงอ่า คุณหนูเป็นสาวเป็นนาง” ป้าแก้วตีแขนฉันเบาๆ
“ก็พริมชอบหมอซันนี่คะ ผู้ชายสุภาพ ใจดี อ่อนโยนอย่างหมอ จะหาได้ที่ไหน คุณสมบัติว่าที่พ่อของลูกชัดๆ ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ใจบางแล้ว ฮือ...”
“เดียร์เห็นด้วยค่ะ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อ ออร่ากระจาย เดียร์ไม่แย่งพี่พริมหรอกนะขอมองไกลๆ”
“ไม่เห็นจะหล่อเลย สู้พี่ก็ไม่ได้เดียร์ตาถั่ว” น้องมิกไม่พอใจที่น้องเดียร์ทำท่าปลื้มคุณหมอจนออกนอกหน้า
“ถ้าพี่มิกหล่อ โลกนี้ไม่มีใครหล่ออ่า”
“ดี เย็นนี้กลับเองนะ ไม่ไปส่ง” น้องมิกทำท่างอนและเดินกลับไปหลังบาร์เครื่องดื่ม
“โอ้ย พี่มิกของเดียร์หล่อที่สุดในสามโลก” น้องเดียร์ตามไปง้อ น้องมิกกลั้นยิ้ม สองคนนี้ชอบกันตอนไหนเนี่ย ความใกล้ชิดสินะ แล้วแบบนี้ฉันจะสู้ยัยแพรได้ไหม ยัยแพรได้อยู่ใกล้หมอซันมากกว่าฉันทั้งคู่เรียนด้วยกันตั้งหกปี แถมที่ทำงานก็เจอกันทุกวัน ฉันอดหวั่นๆไม่ได้ แต่ทำยังไงได้ชอบไปแล้วนี่ ต้องเดินหน้ารุกต่อไป สู้โว้ย!!