วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ
“ยังเจ็บอยู่เหรอ”
“เปล่า”
“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”
“ใช่!”
“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”
“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย
“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า
“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น
“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผล
เมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุด
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเมื่อไม่ต้องเจอเขา
แต่ไหนเลย ณ ตอนนี้มันกลับทำให้เธอรู้สึกว่างเปล่า น้อยใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ เธอถอนหายใจแล้วลุกจากเตียงนอน เดินก้มหน้าออกจากห้องด้วยสีหน้าระห้อย
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เราต้องออกเดินทางตอนนี้” เสียงคุ้นเคยทำให้วันสุขเงยมอง นึกว่าเขาออกจากบ้านไปแล้วเสียอีก
“ไปไหน?” เธอถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ฮ่องกง” เขาตอบสั้น ๆ แล้วก้าวเดินเข้าห้องนอนส่วนตัว ทว่าเธอคว้าแขนของเขารั้งไว้ เพราะไม่เข้าใจถึงการเดินทางครั้งนี้ มันเกี่ยวอะไรกับเธอตรงไหน
“แล้วทำไมฉันต้องไปด้วยล่ะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับฉันสักหน่อย”
“ผมไม่วางใจปล่อยคุณไว้ที่นี่คนเดียว”
“อย่างกับฉันจะหนีไปไหนพ้นอย่างนั้นแหละ” เธอพึมพำ
“รีบไปเก็บของเถอะ...ผมมีเวลาไม่มาก” เขาบอกจากนั้นก็เดินเข้าห้องนอนส่วนตัว
ใช่ว่าเขากลัวเธอจะหนี แต่หากทิ้งเธอไว้ที่นี่ ชีวิตของเธอนั่นแหละจะไม่ปลอดภัย ศัตรูรอบกายของเขามีไม่น้อย ที่คอยจะเล่นงาน ไม่อาจมองข้ามไปได้ เขาต้องป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
จากประเทศไทยสู่พื้นที่ปกครองตนเองฮ่องกงใช้เวลาเดินทางราวห้าชั่วโมง ปลายทางที่วันสุขสงสัยตั้งแต่เดินทางจวบจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าเพราะอะไร เธอถึงต้องตามเขา แล้วทำไมเธอถึงจะไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่เมืองไทยเพียงลำพัง
“จะบอกได้หรือยัง” เธอถามด้วยประโยคสั้น ๆ ขณะนั่งรถยนต์ส่วนตัว
“เรื่องอะไร?” กวินย้อนถาม สายตาพลางมองหน้าจอแท็ปเลตที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือในไฟล์เอกสาร
“ทำไมฉันต้องมาที่นี่กับนายด้วย นายมาทำงานไม่ใช่หรือไง?”
“ก็บอกว่าไม่วางใจที่ปล่อยให้อยู่คนเดียว” เขาให้คำตอบเหมือนเดิม
“แล้วทำไมถึงไม่วางใจ มันมีเรื่องอะไรกันแน่”
“คุณคือผู้หญิงของผม”
“พูดให้ฉันเข้าใจกว่านี้ได้ไหมเนี่ย” เธอเริ่มอารมณ์เสีย เมื่อประโยคคำพูดของเขา ช่างเข้าใจยากเย็นเสียเหลือเกิน
“รู้แค่ว่าคุณต้องอยู่ใกล้ผมก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องรู้หรอก”
“ขาดความอบอุ่นหรือไง ประสาท” เมื่อเขาไม่ยอมอธิบายให้เข้าใจ เธอก็ยิ่งหงุดหงิด
“ผมกำลังอ่านงานอยู่ อย่าส่งเสียงรบกวน” เขาสั่งและนั่นก็ทำให้เธอเงียบปากลง นั่งกอดอกอย่างไม่พอใจ มองออกไปยังนอกตัวรถชมทิวทัศน์แทน
“แล้วเพื่อนนายคนนั้นล่ะหายไปไหน?” เงียบไปสักพักเธอก็อ้าปากถามอีก
“เรื่องมันกะทันหัน เขาเลยบินมาก่อนแล้วตอนที่คุณนอนหลับ” เขาให้คำตอบทั้งที่สายตาจดจ้องเอกสาร ก่อนจะปิดมันลง แล้วนั่งเอนหลังพิงกับเบาะ หลับตานวดขมับให้ผ่อนคลาย
ท่าทางและสีหน้าของกวิน เหมือนกำลังเครียดและกลัดกลุ้ม วันสุขมองออก แม้เขาจะไม่เอ่ยปาก นั่นทำให้เธอเงียบและไม่ถามอะไรเขาต่ออีก จนรถยนต์จอดสนิทหน้าบริเวณบ้านหลังหนึ่งในเวลาถัดมา
ผู้คนยืนเรียงรายหน้าประตูบ้าน ในชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านพ่อบ้าน อย่างกับในหนังมาเฟียที่เธอเคยดูไม่มีผิด
“ลงมาสิ” เขาเปิดประตูแล้วพูดสะกิด เมื่อหญิงสาวเอาแต่มองอ้าปากค้าง
“นี่บ้านนายเหรอ?” เธอถามให้มั่นใจ ทั้งที่ก็พอจะเดาได้
“อืม”
วันสุขลงจากรถ ผู้คนที่ยืนเรียงหน้ากระดาน ต่างค่อมหัวเคารพเมื่อกวินเดินผ่าน วันสุขทำตัวไม่ถูกแม้บ้านเธอจะเคยร่ำรวย แต่เหล่าคนรับใช้ก็ไม่เคยทำถึงขนาดนี้ เธอรีบค่อมหัวตอบรับเพราะคนเหล่านั้นดูอาวุโสกว่าเธอมาก เทียบเท่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ของเธอได้เลย
“คีย์มาหรือยัง” กวินถามชายอายุราวห้าสิบกว่า ๆ คนหนึ่งที่เดินตามเข้ามา
“รออยู่ในห้องทำงานแล้วครับ” ชายคนนั้นให้คำตอบอย่างสุภาพ กวินพยักหน้ารับรู้
“พานายหญิงขึ้นไปพักเถอะ” เขาออกคำสั่ง
“แล้วนาย?” เธอจับชายเสื้อของกวินรั้งไว้ สายตาแอบซ่อนความหวาดหวั่น เมื่อต้องเจอกับคนแปลกหน้า และสถานที่ไม่คุ้นเคย
“ผมต้องคุยงานด่วนกับคีย์ ที่นี่ปลอดภัยไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวผมจะตามไปหลังคุยธุระเสร็จ” และนั่นจึงทำให้เธอยอมทำตาม
บ้านหลังงามสุดหรูเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยเสียง...“เฮ้ย! ชั้นวางขวดนมวางตรงนี้ก่อน มึงจะเอาไปเก็บที่อื่นทำไมวะคีย์!?”“เพราะมึงวางขวางทางเดิน! เดี๋ยวกูเหยียบลื่นล้มหัวแตก ใครจะอุ้มหลาน!?”“อุ้มหลาน? นี่ลูกกู!!”เสียงปะทะของสองคุณพ่อและคุณอาผู้เห่อหลานสนั่นไปทั้งบ้าน จนแม่บ้านต้องเดินอ้อมไปอีกทาง เพราะไม่อยากถูกลูกหลงจากสงครามของสองชายวัยสามสิบกว่า ๆวันสุขที่เพิ่งลงจากชั้นบน มาพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขน ส่งสายตามองสองท่านผู้ใหญ่ ที่เถียงกันเรื่องขวดนมกับผ้าเช็ดตัวแบบไม่มีใครยอมใครเธอวางลูกเบา ๆ บนเบาะเด็ก แล้วกอดอกมอง แล้วเอ่ยเสียงนิ่งแต่ฟาดหัวใจ“นี่พวกคุณไม่คิดจะไปทำงานกันบ้างเหรอ?”ห้องทั้งห้องเงียบลงในพริบตา คีย์ยักไหล่ก่อนตอบเสียงเรียบ“มีลูกน้องดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่”กวินพยักหน้ารับตามทันที“ใช่ ผมเซ็นมอบอำนาจรองผู้บริหารไว้หมดแล้วครับที่รักไม่ต้องกลัวเลย มีแม็กดูแลบัญชี มีบอดี้การ์ดชุดเต็มรับมือทุกสถานการณ์”“แล้วฉันล่ะ?” วันสุขถามนิ่ง ๆ“คุณเป็นแม่ของลูกผม เป็นวีไอพีของบ้านนี้” กวินตอบพร้อมส่งยิ้มละมุนวันสุขถอนหายใจยาว “งั้นแม่ของลูกจะไปจัดตารางงานต่อ ฝากเลี้ยงลูกด้วยนะ
เสียงรถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าบ้าน พร้อมกับกวินที่เดินลงจากรถในชุดลำลอง แต่ความขึงขังยังเต็มพิกัด เขาไม่ใช่แค่มาเฟียระดับโลกอีกต่อไป...แต่เป็นคุณพ่อมือใหม่ ที่เตรียมทุกอย่างไว้ละเอียดยิ่งกว่าแผนลอบสังหารศัตรูระดับประเทศ"ชุดเด็กพร้อม""เปลไฮเทคสั่งตรงจากเยอรมันติดเซ็นเซอร์ตรวจจับลมหายใจ""กล้องวงจรปิดในห้องนอนลูกมีระบบเอไอจับอารมณ์""หุ่นยนต์ป้อนนมอัตโนมัติสำรอง 2 ตัว""ยามรักษาความปลอดภัยรอบบ้านเพิ่มอีกหนึ่งทีม"คีย์ที่เดินมาด้วยถึงกับยกมือทาบอก"มึงแน่ใจนะว่านี่ลูก ไม่ใช่ผู้นำประเทศ"กวินปรายตามองเพื่อนอย่างนิ่งขรึม “ลูกกูเกิดมาทั้งที ต้องปลอดภัยที่สุดในโลก”วันสุขที่พุงโตมาก ๆ เดินออกมาช้า ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มละมุน“กวินคะ บางอย่างมันเกินไปแล้วค่ะ ขนาดตู้เสื้อผ้าเด็กยังมีระบบสแกนฝุ่น PM 2.5 ก่อนเปิด”กวินรีบเข้ามาประคองเธอทันที “อย่าเดินเร็วแบบนั้นสิครับเดี๋ยวลื่น”“จะลื่นได้ไงคะ พื้นบ้านคุณมันสะอาดกว่าห้องผ่าตัดโรงพยาบาลอีก...” เธอยิ้มขำ ๆกวินจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเธออย่างแสนรัก “ผมไม่เสี่ยงแม้แต่วินาทีเดียว คุณกับลูกคือทั้งชีวิตของผม”กลางดึกที่มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ลอดผ่านกระจกหน้าต่างเ
เสียงล้อเครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินนานาชาติประเทศไทย พร้อมกับเสียงถอนหายใจของคีย์ ผู้ที่เป็นมือขวาคู่ใจและเพื่อนรักเพื่อนตายของกวิน ในวันนี้ไม่ได้กลับมาเพื่อเคลียร์ศัตรู ไม่ได้กลับมาเพื่อคุมธุรกิจ... แต่กลับมาเพราะจะตั้งชื่อลูกให้เพื่อน“บอส! คุณคีย์กลับมาแล้วครับ!” แม็ก คนสนิทของกวิน รายงานอย่างขึงขัง แต่พอเห็นคนตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าล้อลาก และตุ๊กตาหมีสีฟ้ายักษ์ บรรยากาศก็เปลี่ยนทันที“อ้าว... พวกแกไม่ยืนตั้งแถวต้อนรับหลานฉันเหรอ!” คีย์ตะโกนลั่น“ลูก! กู! ไอ้คีย์” เสียงกวินดังมาจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ตึงเป๊ะ“เอ้า กวิน! กูรีบกลับมาเพราะเรื่องนี้เลยนะ ไหนหลานอยู่ไหน กูจะตั้งชื่อให้ว่าลีโอดีไหม หรือคาเรน ถ้าเป็นผู้หญิงชื่อนี้ความหมายดีนะ”กวินยกคิ้ว “สรุปมึงจะตั้งชื่อลูกกู?”คีย์ยักไหล่ “ก็หลานกูปะวะ”“คุณคีย์จะเห่อเกินไปแล้ว” แม็กพึมพำเบา ๆ จนวันสุขที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลุดหัวเราะ“นี่! อย่าคิดว่ากูจะไม่หาของเล่น นี่ซื้อมาครึ่งชั้นวางของในห้างแล้ว!” คีย์พูดอย่างภาคภูมิใจ พลางหยิบของเล่นเด็กอ่อนขึ้นมาโชว์เป็นชิ้น ๆวันสุขส่ายหัวพลางยิ้มกริ่ม“คุณคีย์คะ หลานยังไม่คลอดนะคะ อีก
คฤหาสน์ธาราพิพัฒน์หนึ่งเดือนหลังพิธีเปิด Phoenix Sovereign V.2ช่วงเย็นอบอุ่น แสงอาทิตย์สาดลอดผ้าม่านผืนบาง วันสุขเดินลงบันไดอย่างสบาย ๆ แต่กลับไม่เจอใครเลยในบ้าน แม้แต่แม่ของเธอก็หายตัวไปเงียบ ๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายสวนด้านหลังคฤหาสน์ เส้นทางไม้เรียงด้วยกลีบดอกกุหลาบ เสียงเพลงคลาสสิกแผ่วเบาลอยมา วันสุขเดินตามกลิ่นหอมบาง ๆ ของลาเวนเดอร์ จนถึงศาลากลางสวน ที่ถูกประดับด้วยไฟระยิบระยับ ภายในศาลามีโต๊ะอาหารสำหรับสองที่ ไวน์แดง แชนเดอเลียร์คริสตัล และแม่ของเธอ ยืนยิ้มอยู่ข้างประตู “แม่?” วันสุขงงจนแทบหลุดยิ้ม แม่ของเธอยิ้มแล้วเดินมากุมมือเธอ“แม่เคยเห็นแววตาผู้ชายแบบเดียวกับพ่อของลูกครั้งหนึ่ง ในดวงตาของกวิน และวันนี้แม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ ในฐานะแม่ของลูกสาวที่กำลังจะถูกรักตลอดไป”เสียงเท้าคนเดินเข้ามาเงียบ ๆ กวินในชุดสูทเรียบหรู ก้าวออกมาจากเงาไม้ ไม่มีบอดี้การ์ด ไม่มีปืน ไม่มีอำนาจ มีแค่แหวนในกล่องเล็ก ๆ และแววตาที่อ่อนโยน เหมือนพระจันทร์กลางคืนที่ไม่มีเมฆ“วันสุข ผมเคยสัญญากับพ่อคุณว่าจะดูแลคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากดูแลคุณเพราะสัญญาอีกแล้ว…”เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ยื่นกล่องแหวนออกมา มือข้างหนึ
กรุงเทพฯ สำนักงาน Phoenix Sovereign แห่งใหม่วันสุขในชุดสูทสีครีมเข้ม กวินอยู่ข้างกายในลุคมาดนิ่ง และคีย์เดินตามในมาดเงียบขรึม บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยพันธมิตร นักลงทุนระดับโลกและสื่อชั้นนำ“ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้ค่ะ...” วันสุขเปิดการประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงเบื้องหน้าจอขนาดใหญ่ฉายสไลด์เปิดเผยโครงการลับ D-CHAIN พร้อมภาพของ เลิศศักดิ์ ณัฐพงศ์ ที่ถูกจับกุมแล้ว สร้างเสียงฮือฮาจนดังทั่วห้อง!“ผู้ชายคนนี้เคยพยายามเปลี่ยน Phoenix ให้กลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ ใช้เพื่อควบคุมระบบการเงินในโลกมืด วันนี้เขาถูกปลดจากทุกอำนาจอย่างถาวร”เสียงปรบมือเริ่มดัง แต่วันสุขยกมือขึ้นห้ามเบา ๆ“ยังไม่จบค่ะ…เพราะคนที่ร่วมมือกับเขายังมีชีวิตอยู่ และกำลังเตรียมแผนใหม่”บรัสเซลส์ ฐานลับของ Oblivion Techเซเลน่ากำแฟ้มข่าวเลิศศักดิ์แน่น หน้าเธอนิ่งสนิท...แต่นัยน์ตาแดงก่ำ“พวกเขารวมพันธมิตรแล้ว งั้นเราจะสร้างฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเองบ้าง”เธอสั่งเปิดโปรเจกต์ใหม่ในระบบลับของบริษัทชื่อว่า Oblivion Mind AI แบบไม่ผ่านคณะกรรมการควบคุม แต่ถูกออกแบบให้ตัดสินใจได้ในระดับรัฐบาล“ถ้า Phoenix จะควบคุมโลกด้วยความสมดุล Obli
แฟรงก์เฟิร์ต เวลา 09:18 น.วันสุขเปิดโน้ตบุ๊กขึ้น หน้าจอแสดงข้อมูลชุดใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนชื่อไฟล์คือ Phoenix.Layer.2 Blackroom เอกสารภายในคือแผนขยายอิทธิพล Phoenix ที่ไม่เคยเปิดใช้พ่อของวันสุขเคยร่วมออกแบบโครงสร้างนี้ร่วมกับสามนักวิจัยเอไอระดับโลก แต่มันถูกแช่แข็งไว้ เพราะมันควบคุมได้มากเกินไปกวินเดินเข้ามา พร้อมถือถ้วยกาแฟสองใบ“คุณเปิดหมากแล้วใช่ไหม?”วันสุขหันมายิ้ม“อืม…ถึงเวลาทำให้เซเลน่ารู้ว่า ฉันไม่ได้มีแค่สิทธิ์บน Phoenix แต่มีทางเลือกใหม่ที่เธอไม่มี”เซเลน่าอยู่ตรงโถงล็อบบี้ตึกประชุมหลัก เธอได้รับอีเมลฉบับหนึ่งจาก WS.DP-Corp รหัสที่เธอจำได้ดีว่าคือวันสุข หัวข้ออีเมล:Let’s make it global. But on my terms. (เรามาทำให้มันเป็นระดับโลกกัน...แต่ต้องตามเงื่อนไขของฉัน)เธอเปิดเมล สิ่งที่แนบมาคือแผนของ Phoenix Layer 2 ที่วันสุขเป็นคนถือลิขสิทธิ์ร่วมโดยสมบูรณ์ พร้อมข้อความสั้น ๆ ว่า…“คุณเสนอ Phoenix Oblivion…ฉันเสนอ Phoenix Sovereign มาร่วมโต๊ะใหม่ ที่ฉันเป็นเจ้าภาพสิ”เซเลน่ากำแก้วกาแฟแน่นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ“เธอเริ่มเดินเกมของตัวเองแล้วสินะ…”@ห้องของวันสุ