Special Chapter lพนักงานใหม่หนึ่งวันผ่านไปก็แล้ว...สองอาทิตย์ผ่านไปก็แล้ว...สามเดือนผ่านไปก็แล้ว...แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่นับแต้มจะกลับมา!ภายในห้องทำงานของท่านประธานบริษัท Being you Group ที่อยู่ชั้นบนสุดของตึก เจ้าของห้องกำลังเคาะปากกาลงบนโต๊ะจนได้ยินเสียง กึก กึก อยู่ตลอดเวลา ใบหน้าหล่อเหลาที่ได้รับสืบทอดยีนเด่นมาตั้งแต่ต้นตระกูลนั้นกำลังขมวดคิ้วยุ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวที่ไม่คงที่นักนัยน์ตาสีเข้มทอดมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่ดับไปแล้ว นึกย้อนถึงบทสนทนาของตนกับนับแต้มที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ของยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เขาพยายามเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะกลับมาแต่เจ้าของปลายสายนั้นกลับเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่นอย่างจงใจนี่เขากำลังถูกทิ้งอีกครั้งเหรอ?ร่างสูงเริ่มนั่งไม่ติด เข่าที่อยู่ใต้โต๊ะเริ่มเขย่าไปมาอย่างเสียบุคลิก เป็นไปไม่ได้หรอก...ไนล์เริ่มคิดปลอบใจตัวเอง ในเมื่อสองเดือนแรกที่นับแต้มกลับไปนั้นเขายังเทียวขึ้นเทียวลงไปกลับเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ทุกเสาร์อาทิตย์อยู่เลย อีกอย่างตอนที่ไม่ได้เจอกันเราก็ยังคุยโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลกันเป็นปกติดีแม้กระทั่งเมื่อกี้ที่คุ
Final Chapterofficially“อย่าโมโหไปเลยน่า เขาคงเมานั่นแหละ น่านะ”ฉันพูดขึ้นเมื่อเราสองคนเข้ามาอยู่ในรถ หันหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังตีหน้ามุ่ยอยู่ นัยน์ตาเข้มจับจ้องไปที่ท้องถนนที่อยู่ด้านหน้า มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยรถไว้แน่น ช่วงนี้อารมณ์ของร่างสูงนั่นค่อนข้างจะอ่อนไหว ซึ่งฉันรู้ดีว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะอะไรตลอดทางจากร้านชาบูมายังหอพักที่ฉันเช่าเอาไว้ร่างสูงไม่พูดอะไรออกมาสักแอะ ยิ่งพอเข้ามาในห้องอารมณ์ของอีกฝ่ายก็เหมือนจะดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ หน้าของเขามืดไปแปดส่วนขณะทอดสายตาไปยังกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าอยู่ตรงมุมห้องเพราะยังเก็บของไม่เสร็จไนล์เดินปั้นปึ่งไปทิ้งตัวนั่งกอดอกอยู่บนเตียงนอน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นจนเกิดเป็นรอยย่นตรงหน้าผาก ฉันมองแผ่นหลังกว้างแล้วเดินตามไปทรุดตัวนั่งลงข้างๆ อ้าแขนกอดรวบร่างอีกฝ่ายเอาไว้พลางเงยหน้าขึ้นวางคางบนหัวไหล่ของเขาเป็นที่ค้ำ“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”เป็นไนล์ที่เอ่ยออกมาก่อน เสียงของเขาฟังดูเศร้าสร้อยเสียจนคนฟังอย่างฉันใจอ่อนยวบ แต่ถึงอย่างนั้นฉันและไนล์ต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้“ไม่ไปก็เรียนไม่จบสิ” ฉันบอกในสิ่งที่เจ้าตัวรู้อยู่แล้วหลังจากฝึกง
Chapter 29การบ้าน“เราสองคนกำลังคบกันอยู่ครับ”แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย แต่พอได้เอ่ยออกไปในลักษณะที่เป็นทางการเช่นนี้ก็อดที่จะตื่นเต้นและคาดหวังอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของทั้งสามคนไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่นักหากแต่ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็ทำให้ห้องนี้เย็นขึ้นเท่าตัวโดยที่ไม่ต้องปรับอุณหภูมิ“ผมเสียโอกาสดูแลนับแต้มไปครั้งหนึ่งแล้ว ผมเลยไม่อยากเสียโอกาสดูแลนับแต้มอีกเป็นครั้งที่สอง ผมรู้ดีว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงนับแต้มกลัวว่าผมจะมาหลอกลูกสาวคนเดียวของพ่อกับแม่และผมก็ไม่รู้จะพิสูจน์ความจริงใจของผมได้ยังไงนอกจากใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”“...”“พ่อกับแม่ไม่ต้องเชื่อใจผมในวันนี้ ปีนี้ หรือสิบปีนี้ก็ได้ ผมยินดีใช้เวลาที่เหลือต่อจากนี้พิสูจน์ให้พ่อกับแม่ได้เห็น แต่พ่อแม่ครับ...ถึงว่าพ่อกับแม่จะไม่เชื่อผม แต่ผมก็อยากให้พ่อกับแม่เชื่อในตัวนับแต้ม ลูกสาวของพ่อกับแม่คนนี้เป็นคนฉลาด เป็นคนเก่งและดูคนเป็น ผมเชื่อว่านับแต้มฉลาดพอที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ชีวิตนับแต้มลำบากมามากพอแล้วเธอคงไม่เลือกใครก็ได้เข้ามาเพิ่มความลำบากให้ชีวิตเธออีกแน่ๆ”“...”“ผมไม่รู้อนาคตแต่ผมสา
Chapter 28เราคบกันอยู่ครับแม่เดินนำฉันมาหยุดตรงระเบียงของชั้นที่จัดไว้เป็นมุมพักผ่อนเล็กๆ ฉันมองแผ่นหลังของแม่พบว่าอีกคนอยู่ในชุดตัวเก่งที่ซื้อมานานมากแล้วตั้งแต่ฉันอยู่มัธยมตอนต้น ราคาของมันอยู่ที่หลักพันซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แพงที่สุดในบรรดาเสื้อผ้าของแม่แม่เป็นคนสวย เรียกได้ว่าเมื่อในอดีตแม่ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้านคนหนึ่ง ลึกๆ แล้วฉันรู้ว่าแม่เป็นคนรักสวยรักงามแต่เนื่องจากสถานะการเงินที่ไม่อำนวยแม่เลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองมากนัก ฉะนั้นความฝันของฉันตั้งแต่เด็กๆ คือทำให้แม่ได้ซื้อของที่ตัวเองอยากได้โดยที่ไม่ต้องคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน“เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนของลูกเหรอ” แม่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังแม้ว่าจะเจอกันเพียงช่วงสั้นๆ แต่การกระทำไม่ว่าจะเป็นการออกหน้าช่วยเหลือหรือการซื้ออาหารมาฝากก็ทำให้คนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าห้าสิบปีเดาได้ไม่ยากนัก แม่มองหน้าฉันอย่างรอคอยคำตอบ ใบหน้าของอีกฝ่ายติดจะกังวลอยู่หน่อยๆ“ไนล์เขาเป็นแฟนหนูค่ะแม่ เราคบกันตั้งแต่หนูยังเรียนอยู่ที่นี่ก่อนจะเลิกกันไปตอนที่หนูลาออกจากมหาลัย เรามาเจอกันอีกครั้งตอนที่หนูฝึกงานที่บริษัท บังเอิญว่า
Chapter 27เพื่อนลูกเหรอ?ตุบ!โทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น ความโหวงเหวงแล่นพล่านอยู่ในอก ใบหน้าคล้ายจะถูกย้อมด้วยสีขาว ประสาททุกส่วนของร่างกายเหมือนวูบดิ่งลงไปในเหวลึกไม่สามารถทรงตัวให้ยืนได้อีกต่อไป ยังดีที่ไนล์เกี่ยวเอวฉันเอาไว้ได้ทันก่อนร่างจะล้มลงไป“ไนล์...นับตังค์...” ฉันช้อนตาไปมองร่างสูงด้วยความตกใจปกความหวาดกลัว เค้นเสียงเอ่ยออกมาอย่างไม่สามารถเรียงต่อกันให้เป็นประโยคได้ไนล์ก้มเก็บโทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงลงไป “ครับ...ผมเป็นแฟนของพี่สาวนับตังค์ครับ ตอนนี้เธอช็อกอยู่ อาจารย์สามารถคุยกับผมได้เลยครับ”ร่างสูงส่งสายตาให้กับหมิวให้ช่วยดูแลฉันก่อนที่ไนล์จะเดินออกจากฮอลล์ไป“เกิดอะไรขึ้นแก” หมิวถามอย่างเป็นห่วง“นับตังค์...นับตังค์โดนรถชน” หมิวที่ได้ยินเช่นนั้นก็จับมือฉันแน่นไม่ต้องพูดอะไรมากมายก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน “ฉันจะไปหาน้อง”“ฉันไปด้วย”เมื่อเดินออกไปก็เห็นร่างสูงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงแบ็กดร็อปหน้างานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉันสูดลมหายใจลึกอย่างพยายามตั้งสติที่แตกกระเจิงให้กลับมาอยู่รวมกันแม้ในหัวจะคิดไปต่างๆ นานาแล้วก็ตามฉันเดินตรงไปหาไ
Chapter 26ผู้หญิงของผมยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่คนก็ยิ่งทยอยกันเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากเหล่าพนักงานของบริษัทแล้วก็ยังมีทั้งลูกค้ากิตติมศักดิ์และคู่ค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์กันถูกเชิญมาร่วมงานด้วย โต๊ะแต่ละโต๊ะจะมีรายชื่อแขกกำกับอยู่ไว้ ด้านหน้าสุดจะเป็นโต๊ะของเหล่าบอร์ดบริหารและไล่เลียงกันมาตามตำแหน่งใหญ่น้อยพี่เฟี้ยตประจำอยู่ที่มุมเครื่องดื่มทำให้ตอนนี้ฉันอยู่กับหมิวเพียงแค่สองคน หมิวดูที่นั่งในการ์ดเชิญก่อนจะพบว่าโต๊ะของพวกเรานั้นอยู่ตรงด้านหน้าติดกับโต๊ะของน้านาฏ เมื่อเดินเข้าไปถึงก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังติดพันกับแขกอยู่จึงไม่ได้เอ่ยทักทายอะไรออกไปฉันทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ นอกจากหมิวแล้วก็ยังมีคนร่วมโต๊ะคนอื่นอีกหกคนซึ่งคนเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในระดับผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายต่างๆ บางคนเคยเห็นผ่านตาบางคนก็ไม่เคยเห็นเลย ฉันยกมือไหว้อย่างมีมารยาทแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไปเพราะไม่ได้สนิทคุ้นเคยนัก คนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเพียงปรายตาขึ้นมองอย่างสงสัยเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นรับไหว้อย่างไว้ตัวรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากแต่ละคนนั้นสร้างความอึดอัดปกคลุมบรรยากาศบนโต๊ะอยู่ไม่น้อย