ฟื้นตื่นขึ้นมาได้ด้วยกำยานของหมอหลวง เงือกสาวรู้สึกมีพละกำลังขึ้นไม่ใช่น้อย อีกทั้งเมื่อเห็นอาหารเรียงรายอยู่ไม่ไกลก็รีบผุดลุกขึ้นมาสวาปามในทันทีปักษิณสิงขรนั่งแกะก้างปลาตัวโตให้กับชายาของตน เมื่อเห็นว่ากำลังแกะไม่ทันผู้ที่กำลังกินก็ต้องปรามให้อีกฝ่ายกินให้ช้าลง“ค่อยๆ กินก็ได้ อาหารยังมิหมดง่ายๆ หรอกหนา”“ข้าหิ๊วหิวนี่เจ้าคะ”“เหตุใดสิงโตพวกถึงได้เดินเพ่นพ่านกันไปทั่วเลยล่ะเจ้าคะ” มองออกไปนอกตำหนักก็เห็นเหล่าชาวเมืองเดินกันให้ขวักไขว่ ไม่ผิดไปจากตอนงานแต่งงานของเธอแม้แต่นิดเดียว เธอจึงเห็นว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ“วันนี้จักมีพิธีลอยโคมเพื่ออวยพรให้พวกเราก่อนเดินทาง”“อีกกี่วันฤาเจ้าคะจึงจักเดินทางไปยังเมืองยักษ์”“วันที่เจ้าแข็งแรง”“ข้าเป็นตัวถ่วงฤาเจ้าคะ”“เหตุผลมิใช่เจ้าเพียงเท่านั้น แต่ข้ายังต้องรอให้อสูรนิลดำเรียกป่าท่านทิพย์ให้ปกคลุมเขตแดนของเผ่าสิงห์สุระเสียก่อน”“ที่นี่มีอันตรายฤาเจ้าคะ”“ตั้งแต่ศิลาชีวิตของเผ่าสิงห์สุระถูกขโมยไป พื้นที่นี้ก็มิค่อยปลอดภัยต่อทุกผู้ ขนาดป่าม่านทิพย์ยังกล้ำกลายเข้ามาได้โดยง่าย แล้วอสูรฤาปีศาจที่ชั่วร้ายกว่าอสูรนิลดำเล่า จักมิอยากเข้ามาฤา”“ที่น
“ข้าอยากดูแลเจ้า ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ปกครองเจ้า เจ้าจักเต็มใจฤาไม่”“อะ... ว่าอะไรนะเจ้าคะ”องครักษ์หนุ่มจับมือผีเสื้อสาวขึ้นมากุมเอาไว้ “จักรับไมตรีข้าได้ฤาไม่เล่า ที่ข้าอยากเป็นผู้ปกครองเจ้า แม้นข้าจักมีหน้าที่ดูแลท่านปักษิณ แต่หากเจ้ารับไมตรีของข้า ข้าจักดูแลเจ้า แลทำหน้าที่สวามีให้ดีที่สุดเท่าที่จักทำได้”“ท่านรณจักร” หัวใจของบุหวาราตรีตอนนี้เต้นรัวอย่างกับกองเพล จะให้เธอตอบกลับเขาไปตอนนี้ก็รู้สึกอายเหลือทน ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมาสารภาพความในใจเอาดื้อๆ อย่างที่เธอไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้รณจักรปักษาไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงปฏิเสธหรือยินดีตอบรับจึงเริ่มหน้าเสีย และค่อยๆ ปล่อยมือผีเสื้อสาวางเอาไว้ที่เดิม “หากข้าพูดอันใดทำให้เจ้ามิสบายใจ เจ้าก็อย่าถือสาข้าเลยหนา”“ข้ามิถือสาหรอกเจ้าค่ะ ข้ารับไมตรีของท่านเจ้าค่ะ” เอ่ยจบก็เอาแต่ก้มหน้า จะไม่พูดก็ไม่ได้ ด้วยกลัวว่าองครักษ์หนุ่มจะใจเสียคิดว่าเธอไม่ใส่ใจกับคำพูดของเขารณจักรปักษากุมมือของผีเสื้อสาวเอาไว้อีกครั้ง สีหน้าที่ห่อเหี่ยวลงเมื่อครู่กลับเบิกบาน “ข้าสัญญาว่าข้าจักมิผิดคำพูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว เสร็จจากการณ์ครานี้ ข้าจักรีบขอประทานงานสมรสขอ
“ขมอะไรขนาดนี้เนี่ย” ชมชีวันหน้าตาเหยเห กระดกยาไม่หมดถ้วยเพราะมันขมจนเธอแทบจะกลืนไม่ลงคอ“ขมมากเท่าไรเจ้าก็ต้องกิน” ปักษิณสิงขรพยายามประคองชายาเพื่อจะให้เธอดื่มยาให้หมด ทว่าเงือกสาวก็เอี้ยวตัวหนีตลอดเวลาจนเขาก็คร้านจะบังคับ“มิกินแล้วเจ้าค่ะ”“ต้องกินให้หมด มิอย่างนั้นจักหายได้อย่างไร”“ร่างกายฟื้นฟูตัวเองไงเจ้าคะ”“ทำอย่างไร” ครุฑหนุ่มจ้องหน้าชายาตนด้วยแววตาฉงน“ก็ให้เม็ดเลือดขาวทำลายเขื้อโรคไงเจ้าคะ”“ข้ามิเคยได้ยิน” คำพูดคำจาของเงือกสาวไม่เพียงเรียกแววตาฉงนของครุฑหนุ่มได้เท่านั้น ทว่าตอนนี้คิ้วทั้งสองของปักษิณสิงขรขทวดมุ่นเข้าหากันขึ้นเรื่อยๆ“เอาเป็นว่าช่างมันก่อนเจ้าค่ะ แต่ข้ามีเรื่องอยากจักถามท่านพี่”“เรื่องใดฤา”“ท่านพี่แอบลวนลามข้าตอนที่ข้ายังมิฟื้นฤาไม่เจ้าคะ” ชมชีวันจ้องตาสวามีตนเขม็ง“หลบสายตาทำไมเจ้าคะ” หรือเขาทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ ยิ่งหลบสายตาแบบนี้เธอยิ่งไม่ต้องเค้นหาคำตอบก็รู้ได้ในทันทีว่าที่สุมารีพูดเป็นความจริง“เหตุใดเจ้าถามเช่นนี้ รู้สิ่งใดมาฤา”“สุมารีเทวีบอกข้าว่าเห็นท่านพี่คลอเคลียหอมข้า เป็นเช่นนั้นจริงฤาไม่เจ้าคะ”“ข้ายอมรับ” ปักษิณสิงขรพยักหน้ายอมรับ เมื่อชายา
“ทำไมข้าต้องมานอนเป็นผักแบบนี้ด้วยเนี่ย” ชมชีวันตื่นลืมตามาได้ก็บ่นอุกถึงเรื่องความเจ็บป่วยของตัวเอง แม้นไข้หาย ทว่าร่างกายก็ยังรู้สึกระบมบอบช้ำจนแทบจะลุกนั่งไม่ได้“ท่านรู้ฤาไม่ว่าท่านปักษิณดูแลท่านมิห่างเลยหนา” สามนยื่นแก้วทองเหลืองที่มีน้ำเปล่าเต็มแก้วให้กับเงือกสาว“มิรู้เลย ไหนล่ะท่านปักษิณ”“ก็เพิ่งออกไปหาท่านพันพิภพก่อนท่านตื่นเพียงครู่เดียว”“แล้วผู้อื่นอยู่ที่ไหนกัน” เธอพอจะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่เผ่าสิงห์สุระ ทว่าตื่นขึ้นมาก็เห็นเพียงสามนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าผู้อื่นทิ้งเธอแล้วเดินทางไปที่เมืองยักษ์กันโดยที่ไม่รอเธอแล้ว“อยู่ที่ตำหนักอื่น ที่นี่มีเพียงท่านกับท่านปักษิณสิงขรอยู่เท่านั้น ผู้อื่นจักมาเยี่ยมท่านเป็นครั้งคราว ส่วนข้าจักอยู่กับท่านรณจักร เฝ้าท่านเพลากลางวันเท่านั้น อ่อ...ท่านรู้ฤาไม่ว่าท่านอัญญาภานารีจักร่วมเดินทางไปกับเราด้วยหนา”“น้องสาวท่านปักษิณฤา”“ใช่ขอรับ”“นางมาตอนไหน”“ตอนที่ท่านถูกอสูรนิลดำจับตัวไป ท่านปักษิณทำสมาธิสื่อสารกับท่านพญาครุฑ จากนั้นก็ได้ดาบมาเปิดป่า แล้วท่านพญาครุฑก็ส่งท่านอัญญาภานารีมาช่วยด้วย”“แล้วตอนนี้อสูรนิลดำเป็นยังไง ถูกเชือดไปแล้วฤาไม่
ปกป้องและชื่นชีวาถูกนินันท์ลากมาคุยกันในโซนไพรเวทของร้านอาหาร คราแรกไม่ได้คิดแอบฟังทั้งสองคน เพียงมาหาซื้ออาหารเอาไปฝากลูกชายคนเล็ก ทว่าเห็นปกป้องและชื่นชีวาจึงจะเข้าไปทักทาย แต่ก็ได้ยินเรื่องที่น่าสงสัยเสียก่อน หญิงวัยกลางคนโกรธจนควันแทบจะออกหูเพราะพอจะรู้แล้วว่าสาเหตุที่เธอยังไม่ได้อุ้มหลานเสียทีมันมีสาเหตุมาจากอะไร“เล่ามาให้หมด ตกลงเรื่องตาอัคกับชมพูเป็นยังไง ตกลงสองคนนั้นแกล้งรักกันเพื่ออะไรกันแน่”“คือ...” ชื่นชีวาได้แต่นั่งก้มหน้า เรื่องที่เธอไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“คือว่า อัคคีไม่อยากแต่งงานกับเค้กเพราะรู้ว่ายังไงคุณแม่ก็ต้องจับคู่ให้ ก็เลยจ้างให้ชมพูไปแต่งงานแลกกับเงินก้อนใหญ่ครับ”“แล้วเราก็เห็นดีเห็นงามด้วยเหรอตาป้อง สนิทกันยังไงไม่พากันไปในทางที่ล่ะฮะ”“ขอโทษครับ แต่ตอนนี้สองคนนั้นรักกันจริงๆ นะครับ”“ใช่ค่ะ ฉันเป็นพยานได้” ชื่นชีวารีบผสมโรง เพราะเธอเชื่อว่าตอนนี้น้องสาวของเธอกับอัคคีรักกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้นินันท์เชื่อได้หรือเปล่า“อย่าคิดว่าฉันจะเชื่อง่ายๆ ถ้ารักกันจริงๆ แล้วทำไมถึงไม่อยากจะมีหลานให้ฉัน หนอย...กล้ามาหลอกแม่ได้นะตาอัค” นินันท์ไม่เชื่อคำพูดขอ
“หอมจังเลยกระถิน” มนตรามัจฉาสูดดมกลิ่นข้าวผัดโบราณหน้าระรื่นขณะกำลังหั่นแตงกวาเพื่อเป็นผักเคียงข้างผัด“ฉันทำเอาไว้กระทะใหญ่เลยค่ะ พี่ชมพูจะได้เอาไว้อุ่นกินวันอื่นไงคะ”“ขอบใจนะ แล้วกระถินอยู่กับคุณโรมแค่สองคนเหรอ”“ค่ะ”ได้ยินคำตอบเช่นนั้นมนตรามัจฉาก็รีบละมือแล้วลุกขึ้นมายืนมองกรรณิกาด้วยสายตามีเลศนัย “คือว่า...กระถินกับคุณโรม ยังไงกันเหรอ”“เอ่อ...” สาวเจ้าเอียงอายเล็กน้อยที่จะต้องตอบเรื่องหัวใจ ทว่าเธอก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรคนที่เธอนับถือเป็นพี่ส่าวที่สนิทอยู่แล้ว“อันที่จริงฉันชอบคุณโรมตั้งแต่เขามาช่วยเหลือฉันตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ไม่กล้าฝันไกลว่าเขาจะสนใจคนธรรมดาที่ปัญหาเยอะอย่างฉัน ยิ่งเขาช่วยเหลือฉันหลายๆ อย่างฉันก็มีความรู้สึกดีๆ ให้เขามากขึ้น จนฉันอยากจะห่างกับเขาเพื่อรักษาหัวใจตัวเอง”“อย่างนี้นี่เอง” จะว่าไปเรื่องราวของกรรณิกาก็คล้ายกับเธอหลายอย่างจึงเข้าใจการกระทำของหญิงสาวดี“แล้วตอนนี้ล่ะเป็นยังไงกันเหรอ”“ตอนที่ฉันรับงานนี้ฉันถูกโมเดลลิ่งหลอกให้มาขายตัว”“อะไรนะ” มนตรามัจฉาไม่อยากจะคิดว่าเรื่องไม่ดีแบบนี้จะเกิดขึ้นกับกรรณิกา“ไม่ต้องตกใจค่ะพี่ชมพู คุณโรมช่วยฉันเอาไว