"ตัวมึงแม่งโคตรสปกรก ไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคติดตัวมาบ้างหรือเปล่าวันๆเอาแต่คุ้ยถังขยะเก็บขยะ แม่งแค่คิดกูก็จะอ๊วก มึงจะไปนอนที่ไหนมึงก็ไปแต่อย่ามานอนห้องกู กูรังเกียจไป๊!!!" ผลัก!!!! ตุ่บ!!!! "โอ๊ย!!!" "หึสมน้ำหน้า กูไม่จับมึงโยนออกไปนอกบ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
View Moreเมษา
"แม่จ๋าหนูหิวข้าวจ๊ะ" เด็กน้อยเอามือขยี้ตาหลังจากตื่นนอนตอนกลางวันแกเดินมาหาฉันที่กำลังนั่งทำกับข้าวให้แกอยู่หน้าเตาฟืนภายในครัวเล็กๆหลังคามุงสังกะสี
"รอแป๊บนะลูกแม่กำลังทำไข่ตุ๋นให้หนูอยู่" ฉันหันไปบอกลูกสาวตัวน้อยวัยสามขวบที่มีชื่อว่าน้องพอใจ
"เย้ เย้ ไข่ตุ๋นของแม่อร่อยที่สุดหนูชอบ^^"
"ถ้าชอบหนูต้องทานให้หมดนะคะรู้มั้ย'
"เข้าใจค่า แต่แม่จ๋าหนูถามอะไรหน่อยสิจ๊ะ"
"ถามอะไรจ๊ะ"
"กุ้งกับปลาหมึกนี่มันอร่อยมั้ยจ๊ะ อร่อยเหมือนไข่ตุ๋นที่แม่ทำให้หนูกินหรือเปล่า"
"ไข่ตุ๋นของแม่อร่อยกว่าเยอะเลยจ๊ะ^^" ฉันพูดปลอบใจลูกด้วยความสงสารเพราะตั้งแต่เกิดมาแกไม่เคยได้ทานของพวกนี้เลยสักครั้งก็เลยไม่รู้ว่ารสชาติของมันเป็นยังไง
"จริงเหรอจ๊ะแต่ทำไมพี่อิ่มถึงบอกว่าอร่อยล่ะจ๊ะ หนูอยากลองกินดูบ้างจังเลยจ๊ะ" พี่อิ่มที่น้องพอใจพูดถึงคือเด็กผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องพอใจที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน น้องพอใจมักจะไปเล่นด้วยเสมอ
"เอาไว้แม่ได้เงินจากร้อยพวงมาลัยแม่จะซื้อมาให้หนูกินนะจ๊ะ"
"แต่มันแพงมั้ยจ๊ะ ถ้าแพงพอใจไม่กินก็ได้นะจ๊ะ"
"ไม่แพงเท่าไหร่หรอกลูกแม่ซื้อให้หนูได้ถ้าหนูอยากกิน"
"เย้ ๆ ๆแม่ของพอใจใจดีที่สุดในโลกเล้ยย" ฉันยิ้มให้ลูกสาวที่ชูมือกระโดดด้วยความดีใจเมื่อได้ยินว่าฉันจะซื้อกุ้งปลาหมึกมาให้แกได้กิน แต่ในรอยยิ้มของฉันก็มีความเศร้าเสียใจซ่อนอยู่ที่ฉันไม่เคยมีอาหารดีๆให้ลูกได้กินเลย ดีที่สุดก็คือ หมูทอด ไก่ทอด ถ้าวันไหนไม่มีเงินเมนูก็จะเป็นพวกไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่พะโล้ ผัดผัก เป็นต้นโชคดีที่น้องพอใจแกชอบแกก็เลยไม่เคยบ่นเวลาฉันทำให้แกกิน แต่ถึงอย่างนั้นอาหารที่ฉันทำให้ลูกฉันจะพยายามทำให้ครบทั้งห้าหมู่ และในเมื่อแกอยากกินกุ้งปลาหมึกเย็นนี้ฉันจะไปขอเบิกเงินจากเจ้หงษ์เจ้าของแผงขายดอกไม้สดพวงมาลัยที่ฉันรับจ้างร้อยพวงมาลัยส่งให้แกตอนนี้น่าจะได้เกือบพันแล้วล่ะเพราะฉันจะเบิกเงินจากแกเป็นอาทิตย์ ถึงแม้จะได้ค่าร้อยแค่พวงละห้าบาทฉันก็ต้องทำเพราะมันเป็นหนทางเดียวที่ฉันพอจะทำได้ตอนนี้ เนื่องจากว่าฉันต้องดูแลน้องพอใจเพราะแกยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน ทำให้ฉันไปหางานทำอย่างอื่นไม่ได้จะเอาแกไปฝากตามสถานรับเลี้ยงเด็กก็แพงฉันจึงคิดว่ารอให้แกโตอีกนิดจะพาแกไปสมัครเรียนที่โรงเรียนวัดแถวบ้านที่ค่าเทอมไม่แพง ตอนนี้ฉันก็เลยต้องเก็บเงินบางส่วนเอาไว้เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายตอนพาแกไปสมัครเรียนปีหน้า
ในทุกๆเช้าฉันจะเอาลูกซ้อนจักรยานปั่นไปรับดอกมะลิมาจากร้านเจ้หงษ์จากนั้นก็นำกลับมาร้อยที่บ้าน ฉันจะนั่งร้อยตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นแล้วก็จะเอาไปส่งเจ้หงษ์ที่ร้านเป็นแบบนี้ทุกวันไม่เคยหยุดเพราะถ้าหยุดก็คือไม่ได้เงินมีบ่อยครั้งที่ฉันไม่สบายแต่ฉันก็ต้องทน ทนเพื่อลูกสาวเพียงคนเดียวที่ฉันรักสุดหัวใจ ทุกครั้งที่ฉันทัอแท้พอได้มองหน้าลูกฉันก็จะมีกำลังแรงใจที่จะต่อสู้แม้รายได้วันนึงจะไม่ได้มากมายเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ฉันได้มีเงินซื้อข้าวซื้อนมซื้อขนมให้ลูกกินจนอิ่มทุกมื้อ
บ้านฉันอาศัยอยู่เป็นบ้านหลังเล็กๆในสวน ซึ่งเป็นสวยกล้วยสวนผลไม้แต่ไม่ใช่สวนของฉันหรอกนะฉันไม่ได้ร่ำรวยขนาดมีสวนมีบ้านเป็นของตัวเอง เพียงแต่เจ้าของสวนท่านใจดีให้ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ฟรีๆโดยไม่คิดค่าเช่า บ้านหลังนี้ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นฉันอาศัยอยู่กับยายสองคนแต่ตอนนี้ยายไม่อยู่แล้วท่านเสียไปหลายปีแล้วล่ะ ส่วนพ่อแม่ของฉันฉันไม่รู้ว่าท่านเป็นใครชื่ออะไรอยู่ที่ไหน ฉันรู้เพียงแค่ว่าฉันถูกนำมาทิ้งไว้ตั้งแต่แบเบาะแถมยังทิ้งไว้ข้างกองขยะจนยายมาเจอเข้ายายสงสารก็เลยเก็บฉันมาเลี้ยงตั้งแต่ตอนนั้น บุญคุณของยายฉันไม่ทันได้ตอบแทนท่านก็มาจากฉันไปแล้ว ทุกวันนี้ฉันยังคิดถึงท่านอยู่เสมอทุกวันพระฉันจะไปทำบุญให้กับยายเสมอ
ส่วนใครที่กำลังสงสัยว่าทำไมฉันกับลูกถึงอยู่กันตามลำพัง คือพ่อของน้องพอใจเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีลูกเพราะตอนที่ฉันจากมาฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังท้องอยู่จนกระทั่งผ่านไปสามดือนอาการแพ้ท้องเริ่มปรากฏฉันจึงไปตรวจโรงพยาบาลชุมชนจนรู้ว่าตัวเองท้องได้สามเดือนตอนนั้นยอมรับว่าช็อคจนทำอะไรไม่ถูกแต่พอตั้งสติได้ฉันก็รู้สึกดีใจที่ต่อไปนี้ฉันจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพังบนโลกใบนี้อีกแล้วฉันกำลังจะมีลูก แต่ถึงฉันจะท้องฉันก็ไม่ได้กลับไปหาพ่อของลูกเพราะไม่รู้จะกลับไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้รักฉันเขารังเกียจขยะแขยงฉันยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้ เขาถึงไล่ฉันออกออกมาจากชีวิตของเขาอย่างไม่ใยดีแล้วแบบนี้จะให้ฉันกลับไปหาเขาเพื่ออะไรกลับไปให้เขาเยาะเย้ยสมน้ำหน้าว่าไม่มีทางไปงั้นเหรอฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก ลูกคนเดียวฉันเลี้ยงเองได้และจะเลี้ยงให้ดีถึงแม้ว่าฉันจะจบแค่มอสามความรู้น้อยก็ตาม ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำให้ลูกอยู่ได้อย่างสุขสบายบนกองเงินกองทองเหมือนพ่อของแกแต่ฉันก็ไม่เคยให้ลูกอดข้าวอดน้ำ ต่อให้ฉันต้องอดฉันก็ทนได้ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เคยอดมาก่อน ฉันน่ะลำบากมาตั้งแต่เล็กแล้วเดินเก็บของเก่ากับยายทุกวันแต่ฉันก็มีความสุขเพราะได้ไปไหนมาไหนกับยายเราไม่เคยแยกจากห่างกันเลยสักวันใครจะมองจะดูถูกฉันกับยายยังไงฉันก็ไม่เคยใส่ใจหรือสนใจเพราะเราไม่ได้ไปแบมือขอทานใคร เราหาด้วยตัวของเราเอง มีก็อิ่มไม่มีก็อดจนเป็นความชินชา เพราะเหตุนี้ถึงทำให้ฉันอดทนเข้มแข็งมาได้จนถึงทุกวันนี้
เมษา...ตอนนี้เรามาถึงวัดกันแล้วค่ะระหว่างทางฉันก็ได้ปะทะคารมกับเขามาตลอดทางแต่เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเสียงดังหรอกนะคะเพราะกลัวว่าลูกจะได้ยินและสงสัยโชคดีที่เขาเปิดการ์ตุนให้ลูกดูลูกก็เลยไม่ได้สนใจฉันกับเขา พอรถจอดสนิทฉันกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าลูกมาอุ้มเพื่อพาแกลงจากรถแต่ไม่ทันเขาเพราะเขารีบลงจากรถแล้วเปิดประตูด้านหลังอุ้มลูกเดินออกไปหน้าตาเฉยโดยไม่รอฉันสักนิด ฉันจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วตามเขาไป แต่ก้าวขาไม่ถึงสามก้าวคุณไทด์ก็ขับรถมาจอดข้างๆพอดี ฉันจึงยืนรอคุณไทด์ลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปในวัดด้วยกัน แต่เหมือนมีใครบางคนจ้องมองมาที่ฉันฉันก็เลยมองกลับไปปรากฏว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันเองค่ะ คุณพีเจ เขามองฉันตาเขียวมองแบบไม่พอใจขั้นสุด เขาคงจะโกรธฉันที่ฉันไม่ยอมอยู่บ้านเขาก็ได้เพราะฉันยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่อยู่เด็ดขาด ฉันกลัว...กลัวอะไรหลายอย่าง กลัวใจตัวเองด้วย ทางเดียวที่จะทำให้ฉันเลิกกลัวก็คือการแยกออกมาอยู่กับลูกตามลำพังเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเพราะฉันกับเขาสถานะของเราเป็นแต่พ่อและแม่ของลูกเท่านั้นแม้ว่าตอนนี้น้องพอใจจะยังไม่รู้ว่าเขาคือพอ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะบอกลูกเมื่อไหร่ยังไง คือ
"ฉันมั่นใจว่าใช่นะ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะน้องพอใจมีปานที่ข้อมือเหมือนแม่ของฉันซึ่งฉันก็เพิ่งสังเกตเมื่อเช้า" ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ฉันพอจะนึกออกแล้วล่ะว่าเขาเคยพูดเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน และนั่นทำให้ฉันนึกย้อนไปตอนที่น้องพอใจอายุได้ซักขวบกว่าๆแกกำลังหัดพูดจู่ๆแกเรียกชื่อคุณพีเจขึ้นมาทั้งที่ฉันไม่เคยสอนไม่เคยบอกให้แกเรียก ฉันหันไปมองลูกที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียงเปิดดูอัลบั้มรูปที่วางอยู่ข้างโต๊ะหัวเตียงแกมองอย่างตั้งใจแล้วจู่ๆแกก็ร้องไห้ ฉันตกใจที่เห็นแกเป็นแบบนั้นก็รีบเดินไปหาลูกแล้วถามว่าแกเป็นอะไร แกบอกว่าแกคิดถึงคนๆนี้แล้วแกก็ชี้ไปที่รูปผู้ชายคนนึงซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร"คนๆนี้ใครเหรอคะ" ฉันหันไปถามเขา"รูปพ่อฉันเอง" คุณพีเจตอบฉันเสียงสั่นตอนที่เห็นลูกนั่งร้องไห้แล้วชี้ไปที่รูปของพ่อเขา"พ่อคุณ??""อื้มใช่""แล้วลูกร้องไห้ทำไมทำไมแกถึงบอกว่าแกคิดถึงล่ะคะ""อาจจะเป็นเพราะแม่รักพ่อมากก็เลยทำให้รู้สึกแบบนั้น""แล้วเราจะทำยังไงดีคะฉันไม่อยากให้แกต้องมารู้สึกหรือจดจำเรื่องราวเกี่ยวกับอดีต ตอนนี้แกคือลูกของฉัน คือ..." ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาเข้าใจฉันก
พีเจ...ผมรู้ดีว่าทำไมตัวผมเองถึงพูดคำว่าขอโทษ เพราะตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้ผมได้รับรู้ได้เห็นถึงความยากลำบากของเมษาที่ต้องดูแลลูกเพียงลำพัง ผมยอมรับว่าตัวเองทำให้เมษากับลูกลำบาก ถ้าบอกว่าผมรู้สึกผิดตอนนี้จะทันไหม ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเมษาจะลำบากขนาดนี้แล้วลูกผมอีกล่ะ บอกตามตรงว่าผมก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าตัวเองจะมีลูกเพราะผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นพ่อที่ไม่ดีจะทำให้ลูกผิดหวังเสียใจแบบที่พ่อผมเคยทำให้แม่ให้ผมเสียใจแต่พอได้รู้ว่าตัวเองได้เป็นพ่อคนผมก็อยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั่นก็คือการเลิกเที่ยวเลิกกินเหล้าเลิกเลี้ยงผู้หญิง คืออยากจะบอกว่าตั้งแต่รู้เรื่องลูกผมก็ไม่ได้ไปเข้าผับเข้าบาร์หรือพาผู้หญิงมานอนที่ห้องเหมือนที่เคย ตอนนี้ผมอยากสร้างอนาคตให้กับลูกสร้างไว้ให้แกในวันที่ผมไม่อยู่แกจะได้ไม่ลำบาก ในสายตาของคนอื่นผมอาจจะเป็นคนเลวแต่ผมก็รักลูก รักโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมไม่รู้ว่าผมรักแกมากแค่ไหนแต่ผมสามารถตายแทนแกได้ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรแบบนี้เป็น รู้สึกรักรู้สึกห่วงรู้สึกอยากปกป้องดูแลไม่อยากให้แกร้องไห้ ผมอยากให้แกมีแต่รอยยิ้มในทุกๆวันเพียงครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าแกและรู้ว่าแกคือลูกมันท
พีเจ...."คุณพีเจพาเด็กที่ไหนมาคะ หน้าตาน่ารักเชียว""ลูกผมเอง""ห๊ะ!!""ลูกคุณพีเจ??""คุณพีเจอำป้าหรือเปล่าคะ""ผมจะอำป้าเพื่ออะไร แกชื่อน้องพอใจเป็นลูกของผมกับ..เมษาน่ะ""หนูเมษาน่ะเหรอคะเป็นไปได้ยังไงกัน""เป็นไปแล้วครับ ว่าแต่ป้าอย่าเพิ่งถามอะไรมากป้าช่วยไปทำความสะอาดห้องนอนเก่าของเมษาให้ทีเพราะเดี๋ยวผมจะพาเมษากับลูกไปนอนที่ห้องนั้น""หนูเมษามาด้วยเหรอคะ""ครับ""แล้วตอนนี้หนูเมษาอยู่ไหนคะ ป้าคิดถึงจังเลยไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีตั้งแต่คุณพีเจไล่...อะ เอ่อออ เอ่อ ป้าว่าป้าขอตัวไปทำความสะอาดห้องหนูเมษาก่อนนะคะ" ป้าแม่บ้านพูดไม่ทันจบประโยคก็คงนึกขึ้นได้ว่ากำลังว่าให้ผมอยู่แกรีบสะกิดแม่บ้านคนอื่นๆให้รีบตามขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนของเมษา หลังจากนั้นผมก็พาลูกไปนอนรอที่ห้องของผมก่อนเพราะต้องรอให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องเมษาเสร็จก่อน ทุกคนคงจะสงสัยว่าในเมื่อเมษาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วทำไมยังมีห้องของเธออยู่อีก ผมยอมรับว่าผมเองเป็นคนบอกให้แม่บ้านทิ้งห้องนั้นไว้แบบนั้นไม่ต้องขนย้ายอะไรออกมาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋าเครื่องประดับที่ผมซื้อให้เธอแต่เธอไม่เอาไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียวผมก็เลยสั่งแม่บ้านว่
เมษา...ฉันเข่าแทบทรุดเมื่อกลับมาเห็นสภาพบ้านของตัวเองที่ตอนนี้ไฟกำลังลุกไหม้อย่างหนักเพราะเป็นบ้านไม้ทั้งหลังโดยมีหน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังช่วยกันดับไฟอยู่ ชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงก็ต่างมามุงดูกันเต็มไปหมดโชคดีที่เปลวไฟไม่พัดไปติดบ้านใครเพราะบ้านของฉันมันอยู่ในสวนห่างจากบ้านของชาวบ้านไกลพอสมควรซึ่งตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าไฟมันไหม้บ้านของฉันได้ยังไง ฉันมั่นใจว่าก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้าฉันก็ดับไฟในครัวแล้วและไม่ได้เสียบปลั๊กอะไรทิ้งไว้เลย "ฮือออ ฮือออ ไฟเต็มบ้านหมดเลย ฮืออออ ตุ๊กตาของน้องอยู่ข้างในด้วยฮืออออ" น้องพอใจร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อเห็นไฟไหม้บ้านของตัวเองตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อโชคดีที่คุณพีเจอาสาอุ้มลูกให้เพราะตอนนี้ฉันอุ้มแกไม่ไหวมันไม่มีแรงแขนขาหมดแรงไปหมดแล้วตอนนี้"ไฟมันไหม้ได้ยังไงกัน" ฉันพูดคนเดียวแต่เขาคงจะได้ยิน"เธอแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้เสียบปลั๊กไฟหรือก่อไฟเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน""ฉันมั่นใจค่ะ""ถ้าอย่างงั้นมันต้องมีคนทำเพราะจู่ๆบ้านเธอจะไหม้ได้ยังไง เอางี้ฉันจะให้ตำรวจช่วยสืบ""ฮือออ ฮือออแม่จ๋าแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ไฟไหม้บ้านเราหมดแล้วเราไม่มีที่น
เมษา...."น้องพอใจอยากไปเล่นสวนสนุกมั้ยครับ""อยากไปค่า""ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวลุงพาไปดีมั้ยครับ""ไม่เอาค่ะน้องอยากให้คุณอาพีเจพาน้องไป คุณอาขาคุณอาพาน้องไปเล่นสวนสนุกหน่อยได้ไหมค้า" ลูกชวนเขาแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ว่างเพราะฉันเพิ่งสังเกตเห็นเอกสารหลายปึกวางอยู่บนโต๊ะที่เขานั่งเขาอาจจะกำลังคุยงานอยู่ก็ได้"คุณพีเจพาหลานไปเล่นสวนสนุกก่อนก็ได้นะคะเรื่องงานไว้เดี๋ยวน้ำตาลไปคุยที่บริษัทก็ได้ค่ะ" ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามกับเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ เธอดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยไม่ได้แต่งตัวหวือหวาแตกต่างจากผู้หญิงของเขาคนก่อนๆที่ฉันเคยเจอ"ก็ได้ครับ ไว้ถ้าน้ำตาลจะเข้าไปที่บริษัทก็แจ้งที่เลขาของผมได้เลย""โอเคค่ะ ถ้าอย่างงั้นตาลขอตัวก่อนนะคะ" "ครับ" ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะลุกออกไปเธอหันมายิ้มให้กับฉันซึ่งฉันก็ยิ้มตอบไปตามมารยาท "เมษาเดี๋ยวพี่มานะขอไปทำธุระแป๊บนึงนะ" คุณไทด์บอกฉันก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบเร่งซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน"ป่ะน้องพอใจเราไปเล่นสวนสนุกกันดีกว่าน้องอยากเล่นอะไรอาจจะให้เล่นหมดทุกอย่างเลย" เขาบอกกับลูกอย่างอารมณ์ดีหลังจากคุณไทด์เดินออกไปจากร้านแล้ว"ค่าไปเล้ยยยย" แล้วเขาก็เอาล
Comments