“เหอะ… ระวังธุรกิจจะเจ๊งเอานะครับ มีเจ้าของชอบเถลไถลไปเรื่อยแบบนี้ "
แมกซ์ตันสวนเสียงเรียบ แม้ตัวเองจะฐานะไม่ถึงขั้นรวยล้นฟ้าเหมือนใครบางคน ไม่ได้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร แถมเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่เต็มไปด้วยสื่อต่างๆรอบๆตัวไม่เว้นวัน ไหนจะผู้หญิงทั่วเมืองที่ตามจ้องหมายปองอย่างเซบาสเตียน เขาเชื่อว่าผู้หญิงเรียบง่ายอย่างวิเวียนคงอยากเลือกความสบายใจเสียมากกว่าต้องมานั่งกลุ้มใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง “พูดจาแบบนี้อยากมีเรื่องหรอครับ” เซบาสเตียนถามเสียงเย็น ที่ไม่ใส่หมัดเข้าหน้ามันตั้งแต่เมื่อกี้ก็เพราะเขาให้เกียรติวิเวียน ทว่าปากหมาๆ ของไอ้นี่มันดันวอนโดนตีน “ก็มาดิครับ” แมกซ์ตันแสยะยิ้มกวน โดนว่าแค่นี้ยังทนไม่ได้ ให้มันใส่หมัดเข้ามาเยือนบนหน้าเขาต่อหน้าวิเวียนไปเลยก็ดี หญิงสาวจะได้รู้สักทีว่าไอ้นี่มันอารมณ์ร้อนไม่พอ แถมยังชอบใช้ความรุนแรง “เอ่อ… วิว่าพวกคุณอย่ามีเรื่องกันเลยค่ะ กลับกันก่อนดีกว่านะคะ วิเองกะว่าจะปิดร้านพอดีเลยค่ะ” เสียงหวานจากตัวเล็กรีบดังแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาของสองชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเริ่มร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ วิเวียนจึงตัดสินใจเอ่ยห้ามก่อนจะได้มีเรื่องกันเข้าจริงๆ ไม่ยักรู้ว่าสองคนนี้เคยมีเรื่องกันข้างนอกมาก่อนรึเปล่า เพราะดูจะไม่ถูกกันขั้นรุนแรงเหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน “คุณวิ—” “อ้าว คุณวิจะปิดร้านแล้วหรอครับ ขอโทษด้วยจริงๆนะครับที่รบกวน แถมยังมาแสดงกริยาแบบนี้ในร้านคุณอีก ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ งั้นคุณวิเชิญตามสบายเลยนะครับ ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน” เป็นอีกครั้งที่เซบาสเตียนเปร่งเสียงแทรกตักบทของชายอีกคน เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้เว้ย เพราะเขาจะไม่มีทางยอมให้มันเก็บแต้มได้แน่ รีบเอ่ยขอโทษวิเวียนด้วยการใช้ทั้งถ้อยเสียงและสายตาที่ช่างจะดูเป็นหมาน้อยน่าสงสาร บอกเลยเรื่องแบบนี้เขาเก่ง ผู้ชายไม่ทันโลกอย่างแมกซ์ตันอย่าได้คิดจะสู้เชียว มีแต่แพ้กับแพ้ “ค่ะ… กลับดีๆ นะคะ” วิเวียนยิ้มแห้งพร้อมกล่าวรับคำลา เมื่อสองคนยังดูเหมือนจะเคืองๆกันอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าจะนัดกันไปต่อยหลังออกจากร้านเธอไปรึเปล่า “ไปสิครับ ยืนบื้ออยู่ทำไมไม่ทราบครับ ไม่ได้ยินรึไงครับว่าคุณวิเค้าจะปิดร้านแล้ว” เซบาสเตียนยังคงกวนไม่เลิกยันถึงวินาทีสุดท้ายที่จะก้าวออกจากร้าน อีกคนก็ไม่คิดที่จะยอมเช่นกัน “คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรอครับ ไปสิครับ!” แมกซ์ตันสวนเสียงแข็ง ตัวเองยังยืนบื้อทำควายอยู่ตรงหน้าได้ ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีก หากไม่ใช่เพราะเกรงใจวิเวียน จะเอาให้ได้กินข้ามต้มโรงบาลกันไปข้างเลย “คุณก็ไปก่อนสิครับ พอดีผมมีมารยาทมากพอที่จะให้คนอื่นออกไปก่อน” เซบาสเตียนยิ้มกวน คิดจะเถียงกับเขาคงคิดผิด เกิดมาเขาไม่เคยต้องยอมใครหากไม่ยืนยอมเอง แล้วตอนนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น ก็เขามันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแม่นี่เนาะ “เหอะ… งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณวิเวียน” แมกซ์ตันเบ้ปากหมั่นไส้ ก่อนจะหันกลับมาลาวิเวียนนํ้าเสียงสุภาพต่างจากคุยกับอีกคนอย่างสิ้นเชิง “ค่ะ” วิเวียนตอบรับเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มที่มักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าเธอเสมอ แมกซ์ตันยิ้มตอบก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ก่อนจะก้าวเท้าออกไปก็ไม่ลืมที่จะชำเลืองมองชายที่นับเป็นศัตรูหัวใจตาขวาง ทว่าอีกคนกลับไม่สะทกสะท้าน ทำเป็นเมินเฉยไม่เห็นแล้วหันมาลาวิเวียนเสียงนุ่ม “งั้นผมไปนะครับ ไว้เจอกันใหม่วันหลังนะครับคุณวิ “ "ค่ะ กลับดีๆนะคะ” วิเวียนยิ้มรับ แต่หารู้ไม่ว่าคำตอบเธอที่แตกต่างออกไปจากคนก่อนหน้า ทำเซบาสเตียนยิ้มหน้าบานแทบจะหุบปากไม่ได้ รีบหันหลังเดินออกไปด้วยความพึงพอใจเหมือนได้ทำอะไรสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต “เฮ้อ…” เมื่อสองคนออกไป วิเวียนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ก่อนจะจัดการปิดประตูร้านทันที ฟ้ายังไม่ทันมืดก็ต้องมาปิดร้านเพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้าสองคนนั้นสะดิบดี “ได้ยินแล้วใช่ป่ะ เค้าบอกแค่กับกูว่า กลับดีๆ นะคะ ไม่ได้เอ่ยปากบอกมึงสักคำ “ เซบาสเตียนเมื่อก้าวออกจากร้านก็รีบสาวเท้ายาวเดินมาเทียบข้างแมกซ์ตันที่กำลังอยู่ระหว่างทางไปยันรถตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงล้อเลียนจากศัตรูหัวใจก็ต้องหยุดฝีเท้าก่อนจะหันมามองกันซึ่งๆ หน้า "เหอะ! อย่าเพิ่งดีใจไปด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ คนจริงมันต้องรอดูกันไปยาวๆเว้ย! ยังไงกูก็ต้องได้ใจคุณวิ " แมกซ์ตันสวนเสียงหนักแน่น ก็แค่คำลาไม่กี่คำ ทำมาเป็นอวดดี เหอะ… แม้จะยอมรับว่าเจ็บใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้กลางคัน เมื่อวิเวียนคือผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองมาเนิ่นนาน “อย่าดีแต่พูดแล้วกัน มารอดูกันยาวๆ แต่บอกไว้ก่อนเลย ว่าเรื่องแบบนี้… กูไม่เคยพลาด หึ… “ ปากหยักได้รูปยกยิ้มขึ้น มือหนาสองข้างล้วงเข้ากางเกงตั้งท่าโชว์เท่ไปตามปราสาคนชนะตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม กวนอีกคนได้สำเร็จก็เดินชิวออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง ต่างจากอีกคนที่หน้าตาบูดเบี้ยวแทบจะยกมุมปากยิ้มไม่ขึ้น “เหอะ… คิดว่าตัวเองเป็นใคร เก่งมาจากไหนวะ” แมกซ์ตันพึมพำอย่างหัวเสีย อย่าให้ถึงโอกาสของเขาขึ้นมา จะเยาะเย้ยคืนให้ฟันร่วงกันไปข้างเลยคอยดูปึ้ง! วิเวียนที่นั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ความเศร้าถึงกับสดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆซาร่าก็ทุบโต๊ะด้วยแรงโมโหจนเกิดเสียงดังปั้ง หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้ลูกน้องสาวฟัง “อะไรกันคะ! จะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไอ้คุณชายนั่น!” ไม่ยักรู้ว่าคนที่จะโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแทนที่จะเป็นตัวเธอเองแต่ตอนนี้กลับเป็นซาร่าสะงั้น “ใจเย็นๆซาร่า” “จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันคะ พี่วิรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ซาร่าอยากทำอะไรมากที่สุด ซาร่าอยากบุกบ้านไอ้คุณชายนั่นแล้วซัดหมัดนี่เข้าเบ้าหน้าหล่อๆที่มาหลอกคนอื่นเข้าให้จนเละเลยค่ะ!” วิเวียนถึงกับยิ้มแห้งกับอารมณ์โทสะของสาวน้อยที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตลอด เพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆอารมณ์พรุ่งพร่านแทนเธอได้ขนาดนี้ “พี่วิไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ซาร่าจะจัดการทุกอย่างให้พี่เองค่ะ” “หื้ม?” คิ้วบางขมวดอย่างไม่เข้าใจ ดูจากสีหน้าที่มุ่งมั่นของซาร่าแล้วบ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ ยัยเด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกัน แล้วก็เป็นแบบที่เธอพูด เมื่อซาร่ามากดกริ่งหน้าบ้านเธอแต่เช้าตอนตีสี่ วิเวียนที่เพิ่งจะผลอยหลับไปจากการนั่งคิดมากได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินงัวเงียมาเปิดประตู “มาค่ะพี่วิ
ถ้อยเสียงเบาแผ่วเอ่ยขึ้นดั่งน้อยใจ เรียกรอยยิ้มซุกซนจากอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างได้ใจ ดูเหมือนว่าแผนชั่วที่เพื่อนเขากล่าวจะได้ผลดีเลยล่ะ “คิดถึงผมหรอครับ” คนโตกว่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้ามาพูดไกล้อีกคนจนลมหายใจอุ่นรดเข้าสัมผัสผิวเนียน นำพาเสียงหัวใจดวงน้อยลุกขึ้นเต้นแข่งกันตุบตับ “ผมมีงานใหญ่ที่ต้องจัดการน่ะครับ พอรีบเคลียร์เสร็จผมก็รีบมาหาคุณนี่แหละอย่าน้อยใจสิครับ หื้ม” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมอีกคนทัดหูไปด้วยอย่างอ่อนโยน ทำหัวใจดวงน้อยวูบไหวรีบหลบสายตาที่มองมา “ว…วิไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อยค่ะ” “งั้นก็โอเคครับ เรามานั่งคุยกันดีกว่า ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยนิดหน่อย” ดวงตาวูบไหวเงยมองเจ้าของคำพูด เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงถ้อยเสียงของเขาที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรรึเปล่า “เรื่องอะไรคะ..” “คือว่า… ผมอยากให้คุณไปจัดสถานที่ให้น่ะครับ สถานที่ขอแต่งงาน…” ดวงตาคนฟังเบิ่กกว้างเหมือนตกอยู่ในภวังค์คำพูดของเซบาสเตียน เขาหมายความยังไงถึงคำว่าสถานที่ขอแต่งงาน คำถามมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด ใครกันที่จะแต่งงานหรือว่าเป็นเขา แล้วถ้าหากเป็นเขาล่ะ ทุกอย่
ผ่านไปสามวัน… “พี่วิ” ซาร่าเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นั่งเหม่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทนดูไม่ได้จึงมานั่งข้างๆ “มีอะไรรึเปล่าซาร่า” “พี่วิโอเคมั้ยคะ หลายวันมานี้ซาร่าเห็นพี่เหม่อเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเลย” “ไม่มีอะไรหรอก…” วิเวียนก้มหน้า ปากบอกไม่มีอะไร แต่สีหน้าเธอมันบ่งบอกชัด ความจริงซาร่าไม่ต้องถามก็รู้ เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเอาแต่นั่งหมกมุ่น “เฮ้อ… พี่รอคุณชายนั่นอยู่ใช่มั้ยคะ” วิเวียนเงียบไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรื่องจริงน่ะสิ ไม่รู้ว่าไอ้คุณชายนั่นคิดอะไร มาตามติดพี่สาวเธอเหมือนจริงจัง แต่อยู่ๆ กลับมาเล่นหายหัวไปปล่อยให้วิเวียนต้องมานั่งกลุ้ม “ไอ้คุณชายบ้านั่น อย่าให้เห็นโผล่มานะ เดี๋ยวซาร่าจะซัดเข้าให้ มาทำให้คนอื่นมีใจแล้วหายหัวไปไหนไม่รู้” ซาร่าบ่นอุบ มันน่าโมโหจริงๆเลยมั้ยล่ะ “เอาน่าซาร่า เค้าคงจะยุ่งกับงาน” “แต่ก็ควรจะบอกกันสักคำสองคำมั้ยล่ะคะ” ทันทีที่ซาร่าสวนไปแบบนั้น แววตาคู่สวยก็สั่นไหวขึ้นมาทันที ลูกน้องสาวพูดมีเหตุผลพอสมควร สีหน้าวิตกของเธอทำเอาซาร่าแทบกลืนนํ้าลายลงคอด้วยความรู้สึกผิด เธอปากมากจนลืมคำนึงถึงความรู้สึกวิเวียนเลย อยากจะตบผีใน
“ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ คุณลุงสนใจดื่มชาก่อนมั้ยคะ” วิเวียนรีบยิ้มหวานชวนเบรย์เดนนั่งเป็นการไถ่โทษที่ต้องให้เขารอนาน ส่วนชายวัยกลางเมื่อสายตาสบอยู่บนใบหน้าสวยก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เธอสวยและเรียบง่ายจนสบายตาไม่พอแถมยังเพิ่มความสบายใจให้คนมองเข้าไปทวีคุณ ไม่แปลกใจหากลูกชายจะประทับใจในตัวแม่หนูคนนี้นักหนา “เอาสิ” เบรย์เดนไม่ตราหนักใจที่จะยิ้มตอบพร้อมนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนตามคำชวนของวิเวียน เขารู้สึกถูกชะตากับแม่หนูคนนี้เสียเหลือเกิน แม้กระทั่งท่าทางการรินชาของเธอยังดูเรียบร้อยสบายตาจนเขาประทับใจไม่น้อย “คุณลุงลองชิมดูนะคะ ชานี่เป็นชนิดพิเศษที่ทางร้านคิดค้นทำขึ้นมาเองค่ะ” “งั้นหรอ…” ชายวัยกลางเกิดนึกสงสัย ยกแก้วชาขึ้นจิบก็ต้องขมวดคิ้มเข้มเข้าหากัน เมื่อเพียงมันแตะถึงลิ้นเขาก็รับรู้ได้ถึงชนิดของชาทันที “ชาดอกไม้?” “ใช่ค่ะ คุณลุงเคยดื่มหรอคะ” “ภรรยาลุงชอบทำให้ดื่มอยู่บ่อยๆน่ะ” แววตาเขาดูมีความหมายเมื่อกล่าวถึงภรรยา แต่ก็แอบมีความเศร้าหมองแฝงอยู่ในนั้น จนวิเวียนที่จับสังเกตได้อดไม่ไหวที่จะพลั้งปากถามออกไป “คุณลุงคงจะรักเธอมากเลยสินะคะ..” “รักสิ รักมากเลยล่
“ร้านนี้หรอ” เสียงทุ้มจากชายวัยกลางถามขึ้น ในขณะที่สายตาทอดมองไปยันร้านดอกไม้ที่ถูกตกแต่งประดับประดาสวยงามตรงหน้า เห็นลูกน้องมันมาฟ้องนักหนาว่าเจ้าลูกชายมันหลงเจ้าของร้านดอกไม้นี้หัวปักหัวปำ ก็เกิดนึกอยากจะมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อย “ใช่ครับท่าน” “อืม…” เบรย์เดนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปเยือนในร้าน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความคุ้นเคยที่ห่างหายมานานหลายปี… “ยินดีต้อนรับค่ะคุณผู้ชาย” ในขณะที่สายตาคมกำลังทอดมองรอบๆ ก็เกิดเสียงหวานจากสาวน้อยแทรกขึ้นมาต้อนรับ “เชิญเดินดูได้ตามสบายเลยนะคะ” ซาร่าพูดซํ้าพร้อมยิ้มแย้มเป็นมิตร “ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านนี้ฝีมือการจัดดอกไม้ดีมากและแตกต่างไปจากใครๆ” “จริงแท้แน่นอนค่ะคุณผู้ชาย อยากได้แบบไหนสามารถบอกได้เลยนะคะ ทางเราทำได้ทุกแบบทุกชนิดค่ะ” “อืม… จะเป็นการรบกวนมั้ยครับ ถ้าผมอยากคุยกับเจ้าของร้านหน่อย” “ไม่มีปัญหาค่ะ คุณลูกค้าเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวซาร่าไปตามให้ค่ะ” ดวงตาคู่คมหันกลับไปกวาดมองรอบๆ บรรยากาศที่คุ้นเคยนี้นำพาเขาย้อนคิดกลับไปถึงวันวานเก่าๆ ในวันที่แสงแดดอ่อนๆจากท้องฟ้าสาดส่องลงมาแตะยันพื้นหญ้าเข
รอยถึงกับอ้าปากเหวอ พอเวลาธรรมดาก็เอาแต่ร้องเรียกหาแต่ว่าที่เมีย แต่พอมาเวลาแบบนี้ สันดานนักล่าผู้หญิงที่ติดตัวมาแต่เกิดก็ไม่เคยจางหายเลยจริงๆ ดูจากสายตาที่กำลังล่อเหยื่อให้ติดกับนั่นสิ แหม เดี๋ยวจะฟ้องคุณคนสวยซะเข้าให้! “หืม ให้ผมหรอครับ” คิ้วเข้มขมวดขึ้นข้างนึงเบาๆ เชิงมองหญิงตรงหน้าที่กำลังยื่นแก้วไวน์แดงให้กับเขา “รอบๆนี้คงไม่มีใครหล่อเท่าคุณแล้วแหละค่ะ” ก็แหงสิ เขามันเทพบุรุษ เซบาสเตียนเหยียดยิ้มซุกซนพร้อมยื่นมือไปรับแก้วไวน์โดยไม่ปฏิเสธ ก็ไม่ต่างจากการบ่งบอกว่าเขายอมรับข้อเสนอของผู้หญิงตรงหน้า “เห็นว่าคุณทำหน้าเครียดๆ … ก็เลยอยากจะมาเสนอเป็นที่ระบายให้สักหน่อยน่ะค่ะ” ไม่เพียงแต่พูดเปล่า หญิงสาวรีบเซร่างตัวเองเข้าไกล้เขาพรางทาบฝ่ามือบางลงบนอกแกร่งแล้วลูบไล้ไปมา ส่งสายตาอ่อยสุดฤกษ์ วันนี้ไม่ได้ผู้ชายคนนี้ไปอยู่บนเตียงก็ให้มันรู้ไป “ที่ระบาย… หึ น่าสนใจนะครับ” “ฉันไม้พายนะคะ บอกไว้เผื่อคุณติดใจอยากจะรู้จักขึ้นมา” “ไม้พาย… ชักอยากรู้แล้วสิครับ ว่าไม้พายนี้จะพาผมไปถึงฝั่งได้รึเปล่า” “ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงกันล่ะคะ” “ผมกะว่าจะรีบกลับห้องไปนอนพัก แต่ดูเหมือนม