K Club
เสียงเพลงสากลในจังหวะเร้าอารมณ์เคล้ากับเสียงหัวเราะจากโต๊ะ VVIP ที่มีบรรดาลูกหลานเศรษฐีแถวหน้าของประเทศนั่งดื่มกันอย่างสนุกสนาน
“Cheers!” การชนแก้วกันนับครั้งไม่ถ้วนในคืนนี้ทำให้สติสตังของไฮโซสาวอย่าง “ไวน์ วรัญชิตา” เริ่มหดหาย แม้เธอจะเป็นสาวสวยเซ็กซี่ที่มีลุคดูร้อนแรง แต่เธอนั้นไม่ได้ดื่มเก่งสมชื่อเอาเสียเลย
ด้วยนิสัยเอาแต่ใจ และไม่ยอมคนสมกับเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเอาใจทำให้เธอยืนกรานว่าจะดื่มจนกว่าคลับจะปิด!
ก็แน่อยู่แล้ว เพราะ ‘วรัญชิตา วงศ์ธารานิพิฐ’ คือลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัววรเวช ผู้เป็นเจ้าของอนาจักรเครื่องดื่ม และห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของประเทศ ความหรูหรา และชีวิตที่ถูกตามใจกับวรัญชิตาน่ะเป็นของคู่กัน
แถมตอนนี้หัวใจก็ไม่แข็งแรงเพราะคนที่คุยกันมาทุกวันจนคิดว่าเป็นเหมือนแฟน ดันมาเปิดตัวคบหากับคนอื่นหักหน้าเธออย่างจัง
เท่ากับว่าที่ผ่านมาเธอได้แต่หวังอยู่ฝ่ายเดียวสินะว่าสุดท้ายเธอกับเขาจะได้ลงเอยเป็นแฟนกัน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายคุยกับผู้หญิงคนอื่นมาตลอดเวลา!
ทั้งเจ็บ ทั้งจุก สิคะรออะไร คุยกันทุกวันเธอบอกว่าเป็นพี่น้อง พี่น้องพ่อเธอเหรอบอกคิดถึงกันทุกวัน! แค่วันนี้เธอไม่นั่งร้องไห้กลางวงเหล้าก็บุญแล้ว (จริง ๆ ร้องไปหลายรอบแล้วต่างหาก)
“มาเล่นเกมกันดีกว่า” ณิณีหนึ่งในเพื่อนสาวไฮโซที่มาแฮ้งเอ๊าท์กันในวันนี้เอ่ยขึ้นมากลางวงสนทนา
“เกมหมุนขวดสุดคลาสสิก…”
“โห่ เกมนี้อีกแล้วเหรอ! รอบที่แล้วฉันจำได้ว่ามันจบลงที่ฉันต้องถ่ายก้นตัวเองลง I* เลยนะ”
“และใช่ค่ะ ฉันโดนแม่ด่าไป 7 วัน ฮ่า ๆ ” วรัญชิตาเอ่ยขำกับตัวเองที่ทำลงไปได้ ถึงจะลงรูปไปได้แค่ไม่กี่นาทีแต่ก็มีคนแคปไปฟ้องคุณแม่จนเกือบโดนไล่ตะเพิดออกจากบ้าน
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่รูปก้นเสียทีเดียว มันเป็นรูปด้านข้าง และเธอใส่ชุดว่ายน้ำแบบ Thong ตอนไปทะเลที่กรีซกับเพื่อน ๆ แต่องศาและท่าโพสบวกกับส่วนเว้าส่วนโค้งสุดแสนยั่วยวน ภาพที่ออกมามันคงจะเซ็กซี่ไปนิด
“เอาน่า ไม่เล่นเท่ากับป๊อดนะ”
“เล่นอยู่แล้ว ใครสนกันล่ะ” ว่าจบมือเรียวก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งอึกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจ ไม่ว่าจะคำท้าอะไรก็มาเลย!
“วู้ว~” เสียงเชียร์ของบรรดาแก๊งเพื่อนสาวยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกสนุกสนาน แม้ว่าตอนนี้จะเมาจนแทบอยากอาเจียนออกมาเป็นน้ำเมาราคาแพงก็ตาม
“เริ่ม!”
ขวดไวน์ถูกหมุนบนโต๊ะแก้วครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสาว ๆ แต่ละคนนั้นโดนคำท้าที่ไม่ธรรมดา
‘โทรหาแฟนเก่า 3 นาที’
‘จูบกับบาร์เทนเดอร์’
แต่โชคนับว่ายังดีที่หมุนกี่รอบขวดก็ไม่มาตกตรงหน้าวรัญชิตาสักที เธอได้แต่นั่งดื่ม และหัวเราะให้กับคำท้าปั่น ๆ ที่เพื่อนสาวแต่ละคนท้ากันอย่างสะใจ
“อุ๊ย สงสัยโชคจะไม่ช่วยแล้วล่ะมั้ง” เวรล่ะ! ขวดเจ้ากรรมดันหมุนมาตกตรงหน้าเธอจนได้ หญิงสาวได้แต่จับแก้วไวน์ไว้แน่น พลางคิดในใจว่าขออย่าให้เจอคำท้ายาก ๆ เลย
“ฉันขอท้าให้เธอไปชวนหนุ่มหล่อโต๊ะนั้นมานั่งกับเราสักคนหนึ่ง” ริษาเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาไปยังโต๊ะ VVIP อีกฝั่ง
“...”
วรัญชิตาเม้มปากแน่น อีกใจนึงก็กังวล แต่อีกใจก็ต้องทำใจดีสู้เสือ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน แต่ก่อนไปขอซดสักครึ่งขวดกลบความอายก่อนแล้วกัน
“เฮ้ ๆๆ ครึ่งขวดเลยเหรอ ยัยไวน์เอาจริงแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ”
ถึงแม้จะมึนหัวนิด ๆ สติสตังก็ไม่ค่อยจะมี แต่ร่างระหงก็ทำใจกล้าลุกจากโต๊ะและตรงดิ่งไปที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามทันที
“โว้ว ดูสิใครเดินมา” หนุ่ม ๆ ในโต๊ะต่างส่งเสียงร้องเมื่อเห็นยัยคนสวยเดินเข้ามา
ด้วยชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำที่เน้นสัดส่วนบวกกับใบหน้าสวยหวานซ่อนเปรี้ยวที่ตอนนี้นัยน์ตาหยาดปรือ กับผมลอนยาวสีน้ำตาล ทำให้เธอดูเซ็กซี่สุด ๆ แม้อยู่ในที่ไฟสลัวก็ตาม
“มีใครอยากไปนั่งดื่มกับพวกเราไหมคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามพลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างเชื้อเชิญ
“ถึงจะอยากไปแค่ไหน แต่ก็คงต้องเป็นคนที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำแหละครับ เห็นเล็งมาตั้งแต่เริ่มแล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยพลางพยักหน้าไปทางด้านหลัง
หญิงสาวจึงหันกลับไปดู ก่อนจะพบว่าร่างกายสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุม 2 เม็ดให้เห็นแผงอกแน่น กับใบหน้าหล่อร้ายที่ดูยังไง๊ยังไงก็คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน
“พี่กาย!” ใช่เลย เขาคือ “กาย การัณย์” ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวกรรชัยแห่งตระกูลแสนวัฒนกุล เจ้าของธุรกิจสายการบินที่เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่ของเธอ
ด้วยความที่เธอเด็กกว่าเขา 3 ปี ซึ่งแน่นอนว่าในทุกงานสังสรรค์ทางสังคมที่เหล่าลูกหลานประธานบริษัทต้องไปมักจะมีเขาโผล่ไปด้วยเสมอ
และคำถามในทุกครั้งที่เจอกันคือ ‘ยังโสดอยู่อีกเหรอ สงสัยต้องเตรียมขึ้นคานแล้วมั้ง’ ซึ่งคำนี้มันเป็นคำถามที่สร้างบาดแผลในใจให้หญิงสาวเป็นอย่างมาก
ใช่! เธอยังโสดทุกครั้งที่เจอ ก็คนมันไม่ประสบความสำเร็จด้านความรัก ถึงยังโสดมาตลอดชีวิตจนอายุ 26 นี่แหละ ใครจะเหมือนเขาล่ะที่มีแต่สาว ๆ อยู่ข้างกายมาตลอดน่ะ
ใครจะไม่อยากมีแฟน ใครจะไม่อยากมีความรัก แต่พอเธอเริ่มคุยกับใครจุดจบมันก็เป็นแบบเดิมทุกครั้งคือไม่ถูกหลอกก็โดนทิ้ง!
เธอก็ถามตัวเองตลอดว่าตัวเองเอาแต่ใจไปไหม สวยเกินไป หรือรวยเกินไปเหรอ ถึงได้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ถึงยังไงไอ้คนปากหมาอย่างเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดดูถูกเธอแบบนั้นไหม!
“ไง คนสวย โต๊ะนี้ไม่มีหนุ่มโสดหรอกนะครับ” เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซ็นติเมตรโน้มตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อทักทายสาวสวยที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาตั้งแต่เด็ก
กรี๊ดดดดดดดด! ไอ้ปากปีจอ จะผ่านไปกี่ปีกี่ชาติก็ยังล้อเลียนเธอไม่เลิกเลยสินะ
“อ๋อ เสียดายนะคะที่ไม่มีใครโสด อย่างว่าแหละค่ะ พวกพี่ ๆ เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน ไม่ได้ขึ้นเตียงไม่เลือกหน้าไปทั่วแบบพี่” วรัญชิตาตอบกลับอย่างเจ็บแสบ
“อู้ว…เจ็บจังค่ะคนสวย” เขาแกล้งทำเป็นเจ็บปวดกับคำพูดทั้ง ๆ ที่มุมปากบางได้รูปกำลังกระตุกยิ้มอยู่
“เสียเวลาจริง ๆ ” หญิงสาวสบถออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะรีบเดินออกมาจากโต๊ะ แต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าข้อมือไว้ได้ก่อน
“ไหนเมื่อกี้ได้ยินว่าไอ้เจมส์บอกว่าเราจะชวนพี่ไปนั่งที่โต๊ะไม่ใช่เหรอ” มือใหญ่ยังคงเกาะกุมข้อมือน้อยไว้แน่น
“ไม่ชวนแล้วไงคะ”
“อ๋อ ไม่กล้านี่เอง ตอนเด็กป๊อดยังไงตอนโตก็ป๊อดแบบนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างยียวนกวนประสาท พลางปล่อยข้อมือหญิงสาวและยักไหล่ให้กับความใจเสาะของเธอ
แล้วไหนจะรอยยิ้มเย้ยหยันนั่นอีก นี่มันหยามกันเกินไปแล้ว!
ฟุ่บ!
วรัญชิตาตัดสินใจเป็นฝ่ายฉุดข้อมือใหญ่และกึ่งเดินกึ่งลากมาที่โต๊ะแทน แต่คนตัวสูงก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขาออกจะยิ้มมุมปากด้วยความพอใจด้วยซ้ำ
“ไงครับสาว ๆ ” ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามยัยคนสวยที่ตอนนี้หน้าบูดเป็นตูดแมว แถมยังซัดน้ำเมาไปอีกหลายอึกเพื่อข่มอารมณ์ไม่พอใจไว้
“พี่กาย…” บรรดาหญิงสาวต่างส่งเสียงเรียกชื่อการัณย์ ด้วยความที่เหล่าไฮโซก็มักจะแฮ้งเอ๊าท์กันเอง และเจอกันตามงานสังคมธุรกิจ จึงไม่แปลกที่จะรู้จักกันแทบทั้งหมด
สายตาระยิบระยับของเพื่อนสาวยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด จะอะไรกันนักกันหนา ก็ยอมรับแหละว่าเขาหล่อ หล่อมาก! แต่ก็ไม่เห็นต้องดี๊ด๊ากันขนาดนั้น
“พี่กายดื่มหน่อยไหมคะ”
“แน่นอนครับ” การัณย์รับแก้วไวน์จากณิณีมาจิบพลางใช้สายตาคมกริบจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างไม่วางตา
“พวกเราเล่นเกมกันอยู่ค่ะ พี่กายเล่นด้วยกันสิคะ”
“พี่น่ะเล่นอยู่แล้วครับ แต่เหมือนจะมีคนไม่กล้าเล่นนะ” เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ซึ่งรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ช่างน่าสนใจไม่ใช่เล่น
และเธอน่ะ…เกลียด เกลียดไอ้รอยยิ้มร้าย ๆ นี้ที่สุด!
“ทำไมจะไม่กล้าเล่นคะ มาสิ หมุนขวดเลย” ว่าจบก็ซัดไวน์เข้าไปอีก 1 แก้ว ตอนนี้เธอทั้งเมาทั้งโมโห แต่ก็แสร้งทำเป็นว่าเล่นเกมต่อไหว ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้แทบจะประคองสติตัวเองไม่รอด
“ว้าว ยัยไวน์เปิดรอบเลยเหรอเนี่ย”
“หา…” นัยน์ตาหยาดปรือเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อย พลางคิดว่าตัวเองช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่ได้เป็นคนเปิดเกมในรอบนี้
“ถ้าไม่ไหวไม่ต้องเล่นก็ได้นะไวน์” ณิณีเอ่ยอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นสภาพเพื่อนสาวตอนนี้ดูไม่จืดเอาเสียเลย
“ไหว…ท้ามาเลย ขอแรง ๆ ”
“งั้นฉันขอท้าให้เธอไปจูบพี่กายแบบดูดดื่ม ฮ่า ๆ ”
“ว้ายยย! กรี๊ดดดดดดด แรงมาก” บรรดาเพื่อนสาวต่างกรีดร้องกับคำท้าสุดวาบหวามของริษา
“จะบ้าเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก” จะให้เธอไปจูบคนแบบนั้นเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว แค่มองหน้ายังไม่อยากจะมองเลย
“ทำไมอะ เธอไม่กล้าเหรอ ไหนบอกขอแรง ๆ ไง” ริษายังคงท้าทายไม่เลิก
หญิงสาวกำมือแน่นอย่างไม่พอใจ ไอ้เราก็เป็นคนไม่ยอมใครเสียด้วยสิ พอมาโดนท้าแบบนี้ถ้าไม่จูบก็เสียหน้ากันพอดี
“แค่จูบไร้ความหมายจูบเดียว เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู!” ว่าจบน้ำเมาสีแดงเข้มก็ไหลลงคอไปหลายอึกเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวในใจ
หญิงสาวลุกขึ้นเดินมายังที่นั่งของการัณย์และจัดการขึ้นคร่อมจนตอนนี้เรือนร่างแข็งแกร่งกับร่างขาวนวลแนบชิดกันทุกส่วน โดยเขาเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยกันสอดแขนมาโอบกระชับรอบเอวเล็กของเธออย่างแนบแน่น
วรัญชิตายกมือเรียวไปจับไว้ที่บริเวณสันกรามของชายหนุ่ม พลางจ้องมองไปยังนัยน์ตาคมที่ตอนนี้ฉายแววระยิบระยับอย่างมีเลศนัย
‘รีบจูบรีบจบ!’ คิดได้เช่นนั้นใบหน้าสวยจึงหลับตาและรีบประกบริมฝีปากอวบอิ่มลงบนริมฝีปากร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว
แต่การกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน ร่างกายของทั้งสองก็เหมือนมีประกายไฟบางอย่างลุกโชน แม้คนตัวสูงจะชะงักไปกึกหนึ่งเพราะนึกไม่ถึงว่ายัยน้องจะกล้าขนาดนี้ แต่ก็ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างรวดเร็ว
เขาดึงสองมือน้อยที่วางอยู่บนสันกรามให้ลงมาโอบรอบคอแกร่ง พลางใช้มือใหญ่สอดเข้าไปใต้กลุ่มผมลอนสีน้ำตาลเข้ม และจัดการจับท้ายทอยของเธอให้ได้องศาเพื่อพร้อมกับการตอบรับความอุ่นชื้นที่กำลังสอดเข้าไป
ปลายลิ้นที่ร้อนแรงราวกับไฟสอดแทรกเกี่ยวตวัดกับลิ้นน้อยที่พยายามทำใจกล้าเป็นจูบเขาตอบ ทั้ง ๆ ที่ดูจากความไม่ประสีประสาก็รู้ว่าเธอไม่เคยจูบใคร
ความจริงเขาออกจะเซอร์ไพรส์ในระดับหนึ่ง เพราะด้วยความที่ยัยน้องเป็นสาวนักปาร์ตี้แถมยังมีข่าวออกเดตมาก็บ่อย แต่กลับมอบจูบแบบสะเปะสะปะราวกับคนไม่เคย
‘แบบนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ’
“...”
การัณย์ยังคงบดเคล้าริมฝีปากอิ่มอย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่ปลายลิ้นร้อนที่ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนกันและกันก็ยังคงเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง
ความหวามไหวในสัมผัสที่แสนเชี่ยวชาญจากคนตัวสูงและรสชาติมัวเมาจากไวน์ราคาแพง ทำให้สติของหญิงสาวแทบหลุดออกจากร่าง
แม้ว่าจูบอันดูดดื่มจะทวีคูณความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่สมองของเธอกับขาวโพลน และสติเริ่มจะหดหาย เกือบทรงตัวบนตักแกร่งไว้ไม่อยู่จนคนตัวใหญ่ต้องประคองกอดไว้ไม่ให้เธอล้มพับลงกับพื้น
เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานกี่นาที เพราะตั้งแต่ริมฝีปากได้สัมผัสกัน…มันก็ราวกับว่าโลกใบนี้หยุดหมุน เวลาหยุดเดิน ความดังของเพลง เสียงเชียร์ของสาว ๆ ค่อย ๆ เงียบหายไป
มีแต่สัมผัสของเขากับเธอเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง…
“กลับคอนโดก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่และตอนไหนที่เขาถอนริมฝีปากออกและเปลี่ยนมาเป็นกระซิบข้างหูแทน
“ค่ะ…” หญิงสาวได้แต่ตอบรับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมทั้งหลับตาลง ไม่รู้เป็นเพราะน้ำเมาด้วยไหมที่เธอถึงทำตัวเชื่องกับเขาราวกับแมวน้อยแบบนี้
“กลับก่อนนะสาว ๆ กลับกันเองใช่ไหมครับ”
“เดี๋ยวที่บ้านมารับค่า~” ริษาตอบด้วยน้ำเสียงเมามาย สภาพของเธอตอนนี้คือแทบจะคลานกลับบ้านอยู่แล้ว
“โอเคครับ เดี๋ยวพี่ฝากเพื่อนดูแลนะ” เขาเอ่ยอย่างสุภาพพลางส่งซิกให้เพื่อน ๆ มาดูแลสาว ๆ ที่ยังอยู่ในโต๊ะ เห็นว่าพวกเขาเจ้าชู้กันแบบนี้ แต่ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ทำอะไรผู้หญิงตอนเมานะครับ
“...” แขนแกร่งออกแรงอุ้มแมวน้อยที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไว้ในอ้อมแขน ร่างกายนุ่มนิ่มแทบจะกลายเป็นของเหลวไหลตามแรงโน้มถ่วง จนเขาต้องออกแรงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อที่เธอจะได้ไม่ล้มลงไป
“หิ้วสาวกลับบ้านเหรอวะ” เจมส์เอ่ยแซวทันทีที่เขาอุ้มยัยน้องผ่านโต๊ะที่พวกหนุ่ม ๆ นั่ง
“บ้าน่า…นี่น้อง”
“ให้มันจริง”
“เออ” ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจและมุ่งหน้าเดินออกจากคลับไปยังลานจอดรถ VVIP ที่มีรถ McLaren สีดำเงาจอดอยู่
“ให้ช่วยไหมครับ” คุณพนักงานที่ลานจอดรถรีบกุลีกุจอเข้ามาหาเขาทันทีที่เดินเข้ามา
“ช่วยหยิบกุญแจและปลดล็อครถให้หน่อยครับ อยู่ในกางเกงข้างซ้าย”
“ได้ครับ ให้ผมเปิดประตูให้เลยไหมครับคุณการัณย์” คุณพนักงานเอ่ยอย่างสุภาพ เพราะโซนนี้คือโซนของลูกค้าระดับสูง จึงมีพนักงาน 2-3 คนคอยบริการอยู่เสมอ และการัณย์เองก็เป็นลูกค้าประจำของคลับชื่อดังแห่งนี้
“ครับ”
หลังจากคุณพนักงานจัดแจงเปิดประตูรถให้เสร็จ ร่างสูงก็ย่อตัวลงและค่อย ๆ วางคนตัวเล็กลงบนที่นั่งข้างคนขับเบา ๆ และปิดประตูรถให้เรียบร้อย ก่อนจะหันมาขอบคุณและยื่นธนบัตรสีเทาสามใบให้คุณพนักงานที่บริการอย่างดี
ทันทีที่กดปุ่ม Start เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นมาสมราคาของมัน ชายหนุ่มจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตนเองและปรับแอร์ให้เป็นอุณหภูมิไม่หนาวจนเกินไป เพราะกลัวความเย็นจะไประคายผิวกายขาวนวลที่โผล่พ้นออกมาจากชุดเดรสสีดำ ถึงแม้จะเป็นชุดแขนยาวแต่ก็เปิดเผยลาดไหล่และมีความสั้นจนเห็นต้นขาเรียว
ในจังหวะที่เขาโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้ วรัญชิตาที่กำลังหลับไหล ใบหน้าของทั้งคู่ก็ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่พ่นออกมาในจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังหลับอย่างสบายใจ
เมื่อได้มองใกล้ ๆ เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยจริง ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ แต่ประกอบไปด้วยนัยน์ตากลมโตพร้อมขนตางอน พวงแก้มใส บวกกับริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเจ่อจากการแลกจูบสุดเร่าร้อนเมื่อกี้ ทำให้ลำคอของเขาเริ่มแห้งผาก
‘อยากจูบอีก…’
จู่ ๆ ความคิดอกุศลก็ลอยเข้ามา…เขาจึงสะบัดหัวเพื่อละทิ้งความคิดนั้นไปเสีย และได้แต่ท่องในใจว่า
‘มึงกำลังเมาอยู่ไอ้กาย’
“...อื้อ ถึงแล้วเหรอคะ” ราวกับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังถูกความคิดอกุศลกำลังครอบงำ หญิงสาวลืมตาขึ้นมาได้ทันเวลาพอดี
“ยังครับ กำลังจะออกจากคลับ”
“ขอดู Location คอนโดเราหน่อยสิ” วรัญชิตาบิดขี้เกียจเล็กน้อย แม้จะหลับไปไม่กี่นาที แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึง จากนั้นมือบางจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดส่ง Location ที่อยู่ของตัวเองไปให้การัณย์ใน Line เมื่อได้ที่ตั้งแล้วรถยนต์คันสวยก็พุ่งทะยานออกจากคลับทันที
ในจังหวะที่หญิงสาวส่ง Location ให้ชายหนุ่มเสร็จ เธอจึงกดเข้าไปเช็ก I* สตอรี่ของ ‘วิล’ คนคุยเก่าของเธอ และก็ต้องน้ำตาแทบร่วงเมื่อเขาลงรูปคู่กับหญิงสาวคนหนึ่งแล้วขึ้นแคปชั่นว่า ‘1 year’
1 ปีงั้นเหรอ… มันก็เท่ากับเวลาที่เขากับเธอเริ่มคุยกันเลยนี่นา งั้นแสดงว่าที่ผ่านมาคือเรื่องหลอกลวงใช่ไหม?
เธอโดนทิ้งอีกแล้วเหรอ…เธอไม่ดีพอใช่ไหมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้
คำถามที่ถาโถมเข้ามาในหัวใจทำให้หยาดธาราใสร่วงออกมา เธอปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่เงียบ ๆ พลางมองไปยังกระจกด้านข้างที่แสดงถึงการขับเคลื่อนของกาลเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงคอนโดสุดหรูของเธอ
“ถึงแล้วครับ”
“ขึ้นไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนไวน์หน่อยสิคะ”
“หืม?”
“ไวน์ไม่อยากอยู่คนเดียว…”
คืนนี้เธอเปราะบางจนไม่สามารถอยู่คนเดียวได้จริง ๆ ถึงแม้ว่าคนที่เธอขอให้อยู่ด้วยจะเป็นการัณย์แต่ก็ยังดีกว่าคน ๆ นั้นที่พังหัวใจของเธอไม่มีชิ้นดี
“แต่งค่ะ” หลังจากคำตอบแสนหวานจากคนที่เขารักที่สุดออกมา การัณย์ก็ไม่รอช้ารีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที เขาลุกขึ้นมากอดหญิงสาวบนเตียงด้วยความรักใคร่เป็นที่สุด“พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องไวน์กับลูกของเราให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะครับ” “ค่ะ” วรัญชิตาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอไปเต็มเบ้าตา มันเป็นหยาดธาราที่มาจากความปลื้มปิติใจ ถึงแม้ว่าการถูกขอแต่งงานมันออกจะล่อแหลมไปนิด เพราะเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ท่ามกลางหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก แต่ก็สมกับเป็นคู่เธอจริง ๆเพราะจุดเริ่มต้นก็มาจากการเกือบจะ One Night Stand กัน แต่วันนี้ดันกลายมาเป็นสามีภรรยากันเสียอย่างนั้น!“พี่ขออะไรได้ไหม…” “ได้สิคะ” เธอหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของคนรัก อ้อมกอดที่อบอุ่นกว่าสิ่งใด อ้อมกอดที่จะคอยปกป้องเธอได้อย่างปลอดภัย“ขอจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่สมฐานะหน่อยนะครับ ไม่อยากให้น้องไวน์น้อยหน้าใคร จะจัดที่ประเทศไหน กี่วัน แขกกี่พันคนก็ได้ แต่ขอแบบยิ่งใหญ่ จะใช้เงินกี่ร้อยล้านก็พร้อมทุ่ม” “ฮ่า ๆ ได้สิคะ เอาจริง ๆ ไวน์ก็แอบอยากจัดเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวนะ แต่ในเมื่อ ‘สามี’ ขอมาแบบนี้ก็จัดให้ค่ะ” การัณย์หัวใจพองโตเมื่อได้ยินคุณภร
“อยากกอดเมีย…” “แต่พี่เพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะคะ เมื่อกี้ยังจะตายอยู่เลย…” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา เพราะเธอไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชิดกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว“ก็คิดถึง อยากกอด อยากจูบ รู้ไหมว่าสองอาทิตย์ที่เราห่างกันพี่ทรมานแค่ไหน ใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่ได้เหรอ…” เขาถามเสียงออดอ้อน พลางใช้จมูกโด่งเป็นสันจรดลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างไปมาด้วยความคิดถึง“เปล่าค่ะ แค่…” “คิดถึงเมีย…อยากกอดเมีย” หญิงสาวได้แต่นอนใจเต้นแรงกับสรรพนามใหม่ที่เขาใช้ คำก็เมียสองคำก็เมีย เธอเขินจนแทบจะละลายติดกับโซฟาอยู่แล้ว! ฟื้นขึ้นมาก็หื่นเลย ไม่ไหวจะเคลียร์กับคุณชายเขาจริง ๆ“ไม่ให้ปฏิเสธหรอกนะ” ว่าจบริมฝีปากร้อนก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากอวบอิ่มของเธอด้วยความโหยหา…เขากดริมฝีปากลงมาอย่างล้ำลึก บดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาลิ้มชิมความหวานละมุนที่คิดถึงมาเนิ่นนานริมฝีปากของทั้งคู่สอดประสานแลกเปลี่ยนรสจูบให้แก่กันและกันอย่างเป็นจังหวะ ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดโรมรันอย่างไม่มีใครยอมใครเพราะต่างคนก็ต่างคิดถึง…ต่างคนก็ต่างโหยหาจูบครั้งนี้เป็นเหมือนการระบายความอัดอั้นตันใจในเวลาที่ห
บ้านพักตากอากาศของวรัญชิตาเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนแรกก็ยังมีความไม่ชินกับอากาศที่หนาวเหน็บเพราะหิมะตกทุกวันบ้างแต่เธอก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว แถมยังหากิจกรรมใหม่ ๆ มาทำไม่ให้ตัวเองเหงาอยู่เสมอ เช่นเรียนทำอาหารจากป้ามาร์ลีน ขับรถไปเดินเล่นที่ตลาดแถวบ้าน และการไม่เสพข่าวอะไรก็ทำให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะยังร้องไห้บ้างเพราะแผลมันยังสดมาก แต่เธอก็พยายามจะไม่คิดถึงคน ๆ นั้นจะว่าไปแล้ว…การได้มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ไม่แย่อย่างที่คิด เพราะปกติในชีวิตจะมีแต่คนห้อมล้อมมาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่การได้อยู่กับตัวเองในบรรยากาศธรรมชาติปราศจากรถติดและความวุ่นวายนั้นเป็นเหมือนยาที่คอยบรรเทาให้จิตใจเธอสงบขึ้นในแต่ละวันเธอใช้เวลาไปกับการตกแต่งบ้าน ทำอาหาร นอนอ่านหนังสือท่ามกลางวิวหิมะตกสวย ๆ แม้ว่าในแต่ละคืนเธอจะยังสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บปวดยังเกาะกินอยู่ในใจ แต่เธอก็ให้กำลังใจตัวเองในกระจกทุกวันว่ามันจะผ่านไป และเธอต้องดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดเสียงกริ่งดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน…วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอนัดกับป้ามาร์ลีนว่าจะออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินรับลมหนาว แต่ดูเหมือนว่
หลังจากได้รับข้อมูลที่อยู่ของวรัญชิตาจากวรเวชเขาก็รีบติดต่อเลขาให้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้เรียบร้อย แม้ว่าเขาไม่อาจจะรอช้าได้เพียงวินาทีที่จะต้องไปขอโทษดวงใจของเขาให้ได้ แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนไป…คือจัดการกับสิ่งเลวทรามที่เอมี่ทำไว้สำนักงานใหญ่ SK-Airwaysการัณย์กลับมาที่สำนักงานใหญ่เพื่อเตรียมตัวคุยกับทีมทนายฝีมือฉกาจประจำตระกูล ทีมไอที และทีมภาพลักษณ์ของบริษัท เขาเดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานเพื่อนั่งรอคนเหล่านั้นและสูบบุหรี่เงียบ ๆ แต่เสียงโวยวายที่หน้าห้องทำให้เขาต้องเปิดประตูไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เข้าไปไม่ได้นะคะ!” “ปล่อยฉันนะ!” ชายหนุ่มเปิดประตูมาเจอภาพการยื้อยุดระหว่างเลขาส้มและเจ้าของชุดเดรสสีแดง โดยที่ตอนนี้คุณส้มดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบจากพละกำลังของเอมี่ การัณย์เลยเดินเข้าไปห้ามสถานการณ์ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ“อยากเข้าก็เข้ามา ไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกับคุณส้ม” หลังจากได้ยินคำนั้น เอมี่ก็สะบัดมือออกจากเลขาส้มและมองจิกเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม“เป็นแค่เลขาอย่าสะเออะมาสอดเรื่องเจ้านาย!” เธอเอ่ยสั้น ๆ ก่อนเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูใส่หน้าเลขาดัง ๆปัง!“ไง เซอร์ไ
ปัง ปัง ปัง!เสียงเคาะประตูดังลั่นห้อง ปลุกการัณย์ให้ตื่นจากการหลับใหล เขาเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบากจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซัดไปหลายแก้วเมื่อคืนแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องนอนแสนหม่นหมองใครกันที่เข้ามาในเพนต์เฮาส์ของเขาได้…คนที่มีคีย์การ์ดของที่นี่ก็มีแต่วรัญชิตากับเอมี่นี่นา ไม่สิ ยังมีอีกคนคือเก้ากวินทร์พี่ชายเขาแต่เขาภาวนาให้คนที่มาเคาะประตูเป็นวรัญชิตาได้ไหม…เขาคิดถึงเธอจนใจจะขาดแล้วปัง ปัง ปัง!การัณย์รีบขยี้ตาและลุกจากเตียงไปเปิดประตูห้องนอนด้วยความรีบร้อน แต่คนที่มาเคาะประตูโครมครามดันเป็นเก้ากวินทร์เสียอย่างนั้น ร้อยวันพันปีพี่ชายตัวดีของเขาไม่เคยมาที่นี่ วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น…“มึงอ่านข่าวเดี๋ยวนี้เลย” เขารับมาจากพี่ชายด้วยหัวใจที่กระตุกวูบอย่างรุนแรง…ขออย่าให้เป็นข่าวที่ทำร้ายจิตใจของคนที่เขารักเลย แค่นี้เธอก็เจ็บมากพออยู่แล้ว‘ข่าวลือแซ่บซู๊ดปากส่งท้ายปีมาแล้วพวกเธอ…วงในว่ากันว่าไฮโซ ว. เป็นมือที่สามในความสัมพันธ์สุดร้อนฉ่า แถมตอนนี้เธอยังท้องป่องโดยที่ฝ่ายชายไม่รับเป็นผิดชอบอีกด้วย’ ‘นัวชั้นสูงที่แท้จริง! ชาวเน็ตตาดีส่องสตอรี่ IG ของไฮโซสาวอีกคนที่เป็นเจ้าของฉายานางฟ้าแมวจรจัด
ในที่สุดการเดินทางหลายชั่วโมงก็ผ่านพ้นไป ตอนนี้วรัญชิตาได้เดินทางถึงบ้านพักที่ครอบครัวซื้อไว้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว“คุณไวน์…” คริสและมาร์ลีนรีบเดินมากอดต้อนรับอย่างอบอุ่น“คิดถึงจังเลยค่ะ” ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ดีเลิศจากการเรียนโรงเรียนนานาชาติมาทั้งชีวิต เธอจึงสามารถสื่อสารได้คล่องแคล่วมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เริ่มสนิทกับคริสและมาร์ลีนตั้งแต่เจอกันแรก ๆ“ปีนี้หนาวหน่อยนะคะคุณไวน์ แต่ป้าเตรียมเตาผิงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ” เธอเห็นด้วยว่าปีนี้หนาวจริง ๆ ปกติที่เคยมาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วอากาศไม่หนาวขนาดนี้ หรือเป็นเพราะช่วงนี้มันปลายเดือนพฤศจิกาแล้วด้วยอุณหภูมิจึงลดลงต้อนรับฤดูหนาววรัญชิตาถอดเสื้อคลุมออกและนั่งลงบนโซฟาหนังตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น ความอบอุ่นจากเตาผิงที่ถูกจุดไว้ทำให้ใส่แค่เสื้อไหมพรมตัวเดียวก็เอาอยู่โดยไม่ต้องเปิดเครื่องทำความร้อนเพียงไม่นานมาร์ลีนก็นำแก้วโกโก้อุ่น ๆ มาเสิร์ฟ เธอยกดื่มและนั่งคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กับมาร์ลีนและคริสไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินลืมความเศร้าไปชั่วขณะคุณแม่ของเธอคิดถูกจริง ๆ ที่ส่งเธอมาพักใจอยู่ที่นี่ เพราะกา