1 เดือนผ่านไป
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นหญิงสาวก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเช้าตื่นไปทำงานเลิกงานก็กลับบ้านชีวิตประจำวันของเธอก็มีอยู่แค่นี้ แต่ก็จะมีบ้างนัดเจอกัน ทานข้าว ดูหนัง เดินห้างกับมีนเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวของเธอตามภาษาวัยรุ่น นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เจอพีทอีกเลยเช่นกัน มีนบอกว่าเขาไปต่างประเทศแล้ว เหตุการณ์การวันนั้นเธอไม่ได้บอกมีนและก็ไม่คิดที่จะบอกเด็ดขาด เธอไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง เรื่องมันแล้วมาก็ปล่อยให้แล้วไปไม่อยากจะเอามาคิดให้ปวดหัว ถึงแม้เธอจะรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากฝีมือของพีทเป็นคนเอายาปลุกเซ็กใส่ในแก้วเครื่องดื่มของเธอเพราะนอกจากเครื่องดื่มที่มีนชงให้ก็มีเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายเท่านั้นที่พีทเป็นคนเอามายื่นให้เธอ ซึ่งอาการแปลกๆก็เกิดขึ้นกับเธอขึ้นหลังดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นของพีท
หลังเกิดเรื่องคืนนั้นหญิงสาวก็ไม่มีความคิดที่จะกลับไปหาชายแปลกหน้าคนนั้นเพื่อที่จะให้เขารับผิดชอบเธอกับอะไรก้ตามที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ ถึงแม้เธอจะจำใบหน้าหล่อเหลาเขาได้อย่างแม่นยำก็ตาม มันก็เพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนหรือที่ใครๆเขาก็ต่างเรียกมันว่าความสัมพันธ์แบบone night stand ครั้งเดียวจบ ต่างฝ่ายต่างได้วินกันทั้งคู่ และก็คงไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้ทั้งเธอและเขาได้พบกันอีก
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะมาทำงานที่คาเฟ่แห่งนี้เธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยเสียด้วย เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน การที่พ่อกับแม่ต้องมาจากไปตั้งมัธยมปลายทำให้เธอต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยตัวเองจนทำให้คนอื่นที่เห็นก็มักจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่ง เข้มแข็ง แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอก็มีอีกมุมที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างมีน เพราะมุมนี้จะมีแต่พ่อกับแม่เท่านั้นที่จะได้เห็นและก็คิดว่าจะไม่มีใครได้เห็นมันอีก
กริ๊งๆ
“อ้าว ปรางมาแล้วหรือจ๊ะ” พี่มายด์เจ้าของร้านที่หญิงสาวทำงานด้วยเอ่ยทักขึ้นทันที่เห็นเธอเดินเข้ามาภายในร้าน
“สวัสดีค่ะ พี่มายด์” หญิงสาวสวัสดีทักทายเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้มแม้ในใจจะรู้ใจหายอยู่เหมือนที่จะไม่ได้มาทำงานที่นี่แล้ว ตลอดเวลาที่ทำงานมาสี่ปีทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับร้านนี้และทุกคนที่ทำงานอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ต้องจำใจลาออกเพราะเธอต้องไปฝึกงานอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
“วันนี้มาทำเป็นวันสุดท้ายแล้วใช่ไหม “มายด์ถามหญิงสาว
“ใช่ค่ะ”
“เอาจริงปรางไม่ต้องลาออกก็ได้นะ ฝึกงานเสร็จก่อนกลับมาทำ” มายด์ยื่นขอเสนอให้หญิงสาวไม่ลาออกเพราะเธอก็แอบเป็นห่วงว่าถ้าไม่ทำงานแล้วหญิงสาวจะเอาเงินที่ไหนใช้เพราะเธอก็พอรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเธอมาบ้าง ซึ่งทำให้เธอรู้ว่าเด็กคนนี้จะต้องเจออะไรมาบ้างกว่ามาถึงทุกวันนี้
“ขอบคุณนะคะ แต่หนูเกรงใจค่ะ แบบนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ”
“โอเคๆ ออกก็ออก แต่ถ้าอยากกลับมาทำก็มาได้ตลอดนะ พี่ยินดี”มายด์ยอมตกลงอย่างจำยอม
“ขอบคุณพี่มายด์มากๆอีกครั้งนะคะ ที่เอ็นดูหนูและใจดีกับหนูมาตลอดเลย ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันถึงตอนนี้”
“ไม่เป็นไร เราก็เหมือนน้องพี่คนหนึ่ง ไปๆ เปลี่ยนเปลี่ยนชุดมาทำงานลูกค้าเริ่มเยอะแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ทำงานกันพอดี”
“ค่ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”พูดจบหญิงสาวก็เดินไปเปลี่ยนชุดหลังร้านเพื่อทำงาน
“จ๊ะ เดี๋ยวเลิกงานพี่จะพาไปเลี้ยงส่ง”ทั้งคู่พูดคุยทั้งทายกันเล็กน้อยตามภาษาคนที่ทำงานด้วยกันมานานครั้งแรกที่มายด์เห็นหญิงสาวเธอก็รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกมาถูก
มายด์จำวันแรกที่หญิงสาวเดินเข้ามาสมัครงานที่ร้านได้เป็นอย่างดี เด็กน้อยหน้าตาน่ารักริมฝีปากอวบอิ่มยิ้มส่งมาให้เธอแต่แววตาของเธอกลับเศร้าต่างจากรอยยิ้มบนใบหน้า
เข้ามาขอสมัครงานที่ร้านเธอเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน หญิงสาวจัดเป็นเด็กที่มีไหวพริบดี หัวไว และมีมารยาทรู้จักเข้าหาคน นอบน้อมถ่อมตน
แต่จู่ๆหญิงสาวที่เธอรักเหมือนน้องเดินมาบอกว่าจะขอลาออกเพราะต้องไปฝึกงานคงไม่ได้มาทำงานที่ร้านเพราะอยากเก็บเกี่ยวความรู้ขณะฝึกงานให้ได้มากที่สุด
ในครั้งแรกเธอก็ปฏิเสธไปจะให้แค่พักงานฝึกงานเสร็จค่อยกลับมาทำแต่พอเห็นแววตาอ้อนวอนก็ยอมใจอ่อนและเพราะเหตุผลที่หญิงสาวบอกกับเธอ
“หนูฝึกงานตั้งสี่เดือนเลยนะคะ หนูไม่อยากเอาเปรียบพนักงานคนอื่น”
“ เห่อ ก็ได้พี่ยอมก็ได้ เด็กคนนี้นี่นะ ฝึกงานก็ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด เข้าใจไหม” เด็กคนนี้ทำอะไรมักมีเหตุผลเสมอแล้วก็ดันฟังขึ้นด้วยสิ
“ขอบคุณนะคะ ที่เข้าใจหนู”
ทางด้านปวีร์
ทางด้านฝั่งประทานหนุ่มนับตั้งแต่วันนั้นที่เขามีความสัมพันธ์กันเด็กน้อยของเขา ซึ่งก็ทำให้เขารู้ว่าเขาคือคนแรกและก็จะชายเพียงคนเดียวของเธอ เขาจะไม่ยอมให้เธอไปเป็นของใครเด็ดขาดประธานหนุ่มสั่งให้กิตต์เลขาคนสนิทของเขาไปดูกล้องวงจรปิดหน้าห้องแล้วไปสืบประวัติเด็กน้อยของเขามาให้ สามวันต่อมาเลขาหนุ่มก็เอาประวัติของเด็กน้อยมาให้เขายังมิวายที่จะแซวผู้เป็นนายไปยกใหญ่เพราะเขาไม่เคยสนใจคู่นอนคนไหนขนาดนี้
แต่คนนี้ไม่ใช้คู่นอนแต่เป็นเมียเขาต่างหาก ตั้งแต่แรกเห็นเขารู้สึกถูกใจเธออย่างบอกไม่ถูกและบอกกับตัวเองว่าคนนี้แหละเมียและแม่ของลูกเขาในอนาคต
แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นเมียเร็วขนาดนี้ผู้หญิงหลายๆคนต่างก็อยากได้ตำแหน่งเมียจากเขาแต่ก็ไม่เคยมีใครได้มันไปแต่กับเธอที่ได้ไปกลับหนีเขาไปเสียได้ เดี๋ยวก่อนเถอะงานเสร็จเมื่อเจอดีแน่เด็กน้อย ประธานหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์ของตนเองก็สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน
ก๊อกๆก๊อกๆก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับท่าน”
“เข้ามา” ประธานหนุ่มตอบเสียงราบเรียบ
“ท่านครับ นี่เป็นเอกสารที่ต้องเซ็นครับ ส่วนนี่เป็นรายชื่อของนักศึกษาฝึกงานครับ”
“อืม เอาวางไว้ แล้วออกไปได้แล้ว”
“ท่านไม่เปิดดูรายชื่อนักศึกษาฝึกงานหน่อยหรือครับ” เลขาหนุ่มพูดเชิงหยอกเย้าเจ้านาย
“มันมีอะไรน่าสนใจนักหนาแค่นักศึกษาฝึกงาน แล้วปีนี้ได้มากี่คน”ประธานหนุ่มพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“1 คน ครับ ปีนี้เราเปิดรับแค่แผนกออกแบบภายใน ที่ผ่านการคัดเลือกก็แค่คนเดียว”
“อืม”ประธานหนุ่มตอบรับในลำคอแล้วทำงานไม่สนใจเลขาหนุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแม้แต่น้อย
“อะ....อ้าว ไม่เปิดดูหน่อยหรือครับ”
“ไหนมันมีอะไรทำไมถึงอยากให้เปิดดูนะ....นัก อื้ม” ประธานหนุ่มหยิบแฟ้มรายชื่อนักศึกษาฝึกงานขึ้นมาดูถึงกับอึ้งและพูดจาติดขัด ยกยิ้มมุมปากและได้แต่คิดว่าโลกอะไรมันจะกลมได้ขนาดนี้
“แหม ยิ้มใหญ่เลยนะครับ” เลขาหนุ่มเห็นอาการเจ้านายหลังจากเปิดดูแฟ้มรายชื่อนักศึกษาฝึกงานก็แอบแซวพอหอบปากหอมคอ
“แต่ก่อนที่ยิ้มจะดีใจจนเสียสติ ผมว่าท่านประธานพักผ่อนบ้างก็ดีนะครับ โทรมหมดแล้วเดี๋ยววันที่น้องเขามาฝึกงานแล้วเห็นเจ้าของบริษัทสภาพแบบนี้น้องเขาจะตกใจวิ่งหนีไม่อยากทำงานเอานะครับ”
“จะเดือนหนึ่งแล้วนะครับที่ท่านทำงานไม่พักเลย สุขภาพจะแย่เอานะครับ”เลขหนุ่มพูดด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเจ้านายจะป่วยไปเสียก่อนงานจะเสร็จนี่สิ แต่ก็แอบแซวอย่างอดไม่ได้
“รู้แล้วนายไปทำงานของนายได้แล้วไป อ่อ แล้วถ้าเธอวิ่งหนีฉันที่แหละจะวิ่งตามเอง หึ”
“ครับ งั้นผมไปทำงานต่อแล้วนะครับ อย่าหักโหมนะครับเดี๋ยวไม่มีแรงวิ่งตาม เมียเด็ก”
หลังเลขาหนุ่มออกจากห้องไปเขาก็อดขำกับคำพูดของเลขาไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นเขาทำงานแทบจะไม่มีเวลานอนเพราะธุรกิจของเขาไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีธุรกิจของครอบครัวที่เขาต้องดูแลอีกมากมายจนทำให้ทำงานไม่มีเวลาพัก และอีกอย่างคือเขาอยากเคลียร์งานเพื่อที่จะเอาเวลาไปตามหาเด็กน้อยของเขาแต่เห็นทีว่าจะไม่ต้องออกไปตามหาให้เหนื่อยเพราะเด็กน้อยมาหาเขาเอง ชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ
“หึ....เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเด็กน้อย แล้วเจอกันนะครับเมีย ที่รักของเฮียวีร์”
1 เดือนผ่านไป
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นหญิงสาวก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเช้าตื่นไปทำงานเลิกงานก็กลับบ้านชีวิตประจำวันของเธอก็มีอยู่แค่นี้ แต่ก็จะมีบ้างนัดเจอกัน ทานข้าว ดูหนัง เดินห้างกับมีนเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวของเธอตามภาษาวัยรุ่น นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เจอพีทอีกเลยเช่นกัน มีนบอกว่าเขาไปต่างประเทศแล้ว เหตุการณ์การวันนั้นเธอไม่ได้บอกมีนและก็ไม่คิดที่จะบอกเด็ดขาด เธอไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง เรื่องมันแล้วมาก็ปล่อยให้แล้วไปไม่อยากจะเอามาคิดให้ปวดหัว ถึงแม้เธอจะรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากฝีมือของพีทเป็นคนเอายาปลุกเซ็กใส่ในแก้วเครื่องดื่มของเธอเพราะนอกจากเครื่องดื่มที่มีนชงให้ก็มีเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายเท่านั้นที่พีทเป็นคนเอามายื่นให้เธอ ซึ่งอาการแปลกๆก็เกิดขึ้นกับเธอขึ้นหลังดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นของพีท
หลังเกิดเรื่องคืนนั้นหญิงสาวก็ไม่มีความคิดที่จะกลับไปหาชายแปลกหน้าคนนั้นเพื่อที่จะให้เขารับผิดชอบเธอกับอะไรก้ตามที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ ถึงแม้เธอจะจำใบหน้าหล่อเหลาเขาได้อย่างแม่นยำก็ตาม มันก็เพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนหรือที่ใครๆเขาก็ต่างเรียกมันว่าความสัมพันธ์แบบone night stand ครั้งเดียวจบ ต่างฝ่ายต่างได้วินกันทั้งคู่ และก็คงไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้ทั้งเธอและเขาได้พบกันอีก
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะมาทำงานที่คาเฟ่แห่งนี้เธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยเสียด้วย เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน การที่พ่อกับแม่ต้องมาจากไปตั้งมัธยมปลายทำให้เธอต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยตัวเองจนทำให้คนอื่นที่เห็นก็มักจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่ง เข้มแข็ง แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอก็มีอีกมุมที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างมีน เพราะมุมนี้จะมีแต่พ่อกับแม่เท่านั้นที่จะได้เห็นและก็คิดว่าจะไม่มีใครได้เห็นมันอีก
กริ๊งๆ
“อ้าว ปรางมาแล้วหรือจ๊ะ” พี่มายด์เจ้าของร้านที่หญิงสาวทำงานด้วยเอ่ยทักขึ้นทันที่เห็นเธอเดินเข้ามาภายในร้าน
“สวัสดีค่ะ พี่มายด์” หญิงสาวสวัสดีทักทายเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้มแม้ในใจจะรู้ใจหายอยู่เหมือนที่จะไม่ได้มาทำงานที่นี่แล้ว ตลอดเวลาที่ทำงานมาสี่ปีทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับร้านนี้และทุกคนที่ทำงานอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ต้องจำใจลาออกเพราะเธอต้องไปฝึกงานอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
“วันนี้มาทำเป็นวันสุดท้ายแล้วใช่ไหม “มายด์ถามหญิงสาว
“ใช่ค่ะ”
“เอาจริงปรางไม่ต้องลาออกก็ได้นะ ฝึกงานเสร็จก่อนกลับมาทำ” มายด์ยื่นขอเสนอให้หญิงสาวไม่ลาออกเพราะเธอก็แอบเป็นห่วงว่าถ้าไม่ทำงานแล้วหญิงสาวจะเอาเงินที่ไหนใช้เพราะเธอก็พอรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเธอมาบ้าง ซึ่งทำให้เธอรู้ว่าเด็กคนนี้จะต้องเจออะไรมาบ้างกว่ามาถึงทุกวันนี้
“ขอบคุณนะคะ แต่หนูเกรงใจค่ะ แบบนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ”
“โอเคๆ ออกก็ออก แต่ถ้าอยากกลับมาทำก็มาได้ตลอดนะ พี่ยินดี”มายด์ยอมตกลงอย่างจำยอม
“ขอบคุณพี่มายด์มากๆอีกครั้งนะคะ ที่เอ็นดูหนูและใจดีกับหนูมาตลอดเลย ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันถึงตอนนี้”
“ไม่เป็นไร เราก็เหมือนน้องพี่คนหนึ่ง ไปๆ เปลี่ยนเปลี่ยนชุดมาทำงานลูกค้าเริ่มเยอะแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ทำงานกันพอดี”
“ค่ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”พูดจบหญิงสาวก็เดินไปเปลี่ยนชุดหลังร้านเพื่อทำงาน
“จ๊ะ เดี๋ยวเลิกงานพี่จะพาไปเลี้ยงส่ง”ทั้งคู่พูดคุยทั้งทายกันเล็กน้อยตามภาษาคนที่ทำงานด้วยกันมานานครั้งแรกที่มายด์เห็นหญิงสาวเธอก็รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกมาถูก
มายด์จำวันแรกที่หญิงสาวเดินเข้ามาสมัครงานที่ร้านได้เป็นอย่างดี เด็กน้อยหน้าตาน่ารักริมฝีปากอวบอิ่มยิ้มส่งมาให้เธอแต่แววตาของเธอกลับเศร้าต่างจากรอยยิ้มบนใบหน้า
เข้ามาขอสมัครงานที่ร้านเธอเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน หญิงสาวจัดเป็นเด็กที่มีไหวพริบดี หัวไว และมีมารยาทรู้จักเข้าหาคน นอบน้อมถ่อมตน
แต่จู่ๆหญิงสาวที่เธอรักเหมือนน้องเดินมาบอกว่าจะขอลาออกเพราะต้องไปฝึกงานคงไม่ได้มาทำงานที่ร้านเพราะอยากเก็บเกี่ยวความรู้ขณะฝึกงานให้ได้มากที่สุด
ในครั้งแรกเธอก็ปฏิเสธไปจะให้แค่พักงานฝึกงานเสร็จค่อยกลับมาทำแต่พอเห็นแววตาอ้อนวอนก็ยอมใจอ่อนและเพราะเหตุผลที่หญิงสาวบอกกับเธอ
“หนูฝึกงานตั้งสี่เดือนเลยนะคะ หนูไม่อยากเอาเปรียบพนักงานคนอื่น”
“ เห่อ ก็ได้พี่ยอมก็ได้ เด็กคนนี้นี่นะ ฝึกงานก็ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด เข้าใจไหม” เด็กคนนี้ทำอะไรมักมีเหตุผลเสมอแล้วก็ดันฟังขึ้นด้วยสิ
“ขอบคุณนะคะ ที่เข้าใจหนู”
ทางด้านปวีร์
ทางด้านฝั่งประทานหนุ่มนับตั้งแต่วันนั้นที่เขามีความสัมพันธ์กันเด็กน้อยของเขา ซึ่งก็ทำให้เขารู้ว่าเขาคือคนแรกและก็จะชายเพียงคนเดียวของเธอ เขาจะไม่ยอมให้เธอไปเป็นของใครเด็ดขาดประธานหนุ่มสั่งให้กิตต์เลขาคนสนิทของเขาไปดูกล้องวงจรปิดหน้าห้องแล้วไปสืบประวัติเด็กน้อยของเขามาให้ สามวันต่อมาเลขาหนุ่มก็เอาประวัติของเด็กน้อยมาให้เขายังมิวายที่จะแซวผู้เป็นนายไปยกใหญ่เพราะเขาไม่เคยสนใจคู่นอนคนไหนขนาดนี้
แต่คนนี้ไม่ใช้คู่นอนแต่เป็นเมียเขาต่างหาก ตั้งแต่แรกเห็นเขารู้สึกถูกใจเธออย่างบอกไม่ถูกและบอกกับตัวเองว่าคนนี้แหละเมียและแม่ของลูกเขาในอนาคต
แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นเมียเร็วขนาดนี้ผู้หญิงหลายๆคนต่างก็อยากได้ตำแหน่งเมียจากเขาแต่ก็ไม่เคยมีใครได้มันไปแต่กับเธอที่ได้ไปกลับหนีเขาไปเสียได้ เดี๋ยวก่อนเถอะงานเสร็จเมื่อเจอดีแน่เด็กน้อย ประธานหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์ของตนเองก็สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน
ก๊อกๆก๊อกๆก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับท่าน”
“เข้ามา” ประธานหนุ่มตอบเสียงราบเรียบ
“ท่านครับ นี่เป็นเอกสารที่ต้องเซ็นครับ ส่วนนี่เป็นรายชื่อของนักศึกษาฝึกงานครับ”
“อืม เอาวางไว้ แล้วออกไปได้แล้ว”
“ท่านไม่เปิดดูรายชื่อนักศึกษาฝึกงานหน่อยหรือครับ” เลขาหนุ่มพูดเชิงหยอกเย้าเจ้านาย
“มันมีอะไรน่าสนใจนักหนาแค่นักศึกษาฝึกงาน แล้วปีนี้ได้มากี่คน”ประธานหนุ่มพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“1 คน ครับ ปีนี้เราเปิดรับแค่แผนกออกแบบภายใน ที่ผ่านการคัดเลือกก็แค่คนเดียว”
“อืม”ประธานหนุ่มตอบรับในลำคอแล้วทำงานไม่สนใจเลขาหนุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแม้แต่น้อย
“อะ....อ้าว ไม่เปิดดูหน่อยหรือครับ”
“ไหนมันมีอะไรทำไมถึงอยากให้เปิดดูนะ....นัก อื้ม” ประธานหนุ่มหยิบแฟ้มรายชื่อนักศึกษาฝึกงานขึ้นมาดูถึงกับอึ้งและพูดจาติดขัด ยกยิ้มมุมปากและได้แต่คิดว่าโลกอะไรมันจะกลมได้ขนาดนี้
“แหม ยิ้มใหญ่เลยนะครับ” เลขาหนุ่มเห็นอาการเจ้านายหลังจากเปิดดูแฟ้มรายชื่อนักศึกษาฝึกงานก็แอบแซวพอหอบปากหอมคอ
“แต่ก่อนที่ยิ้มจะดีใจจนเสียสติ ผมว่าท่านประธานพักผ่อนบ้างก็ดีนะครับ โทรมหมดแล้วเดี๋ยววันที่น้องเขามาฝึกงานแล้วเห็นเจ้าของบริษัทสภาพแบบนี้น้องเขาจะตกใจวิ่งหนีไม่อยากทำงานเอานะครับ”
“จะเดือนหนึ่งแล้วนะครับที่ท่านทำงานไม่พักเลย สุขภาพจะแย่เอานะครับ”เลขหนุ่มพูดด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเจ้านายจะป่วยไปเสียก่อนงานจะเสร็จนี่สิ แต่ก็แอบแซวอย่างอดไม่ได้
“รู้แล้วนายไปทำงานของนายได้แล้วไป อ่อ แล้วถ้าเธอวิ่งหนีฉันที่แหละจะวิ่งตามเอง หึ”
“ครับ งั้นผมไปทำงานต่อแล้วนะครับ อย่าหักโหมนะครับเดี๋ยวไม่มีแรงวิ่งตาม เมียเด็ก”
หลังเลขาหนุ่มออกจากห้องไปเขาก็อดขำกับคำพูดของเลขาไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นเขาทำงานแทบจะไม่มีเวลานอนเพราะธุรกิจของเขาไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีธุรกิจของครอบครัวที่เขาต้องดูแลอีกมากมายจนทำให้ทำงานไม่มีเวลาพัก และอีกอย่างคือเขาอยากเคลียร์งานเพื่อที่จะเอาเวลาไปตามหาเด็กน้อยของเขาแต่เห็นทีว่าจะไม่ต้องออกไปตามหาให้เหนื่อยเพราะเด็กน้อยมาหาเขาเอง ชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ
“หึ....เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเด็กน้อย แล้วเจอกันนะครับเมีย ที่รักของเฮียวีร์”
ช่วงเที่ยงของวันปรางทิพย์นั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเพราะสามีและลูกคนโตออกไปทำงานกันส่วนสองแฝดก็ไปเรียน เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆเพราะตั้งแต่มีลูกเธอก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย “ม๊าขา อยู่ไหมคะ”ปริมลูกสาวคนเดียวของบ้านตะโกนเรียกมารดามาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน “ม๊าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นลูก”ปรางทิพย์ขานตอบลูกสาวปริมเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังมาจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีปรางทิพย์เห็นว่าลูกสาววิ่งหน้าตั้งตาตื่นก็ตกใจนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น “ปริมมีอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ทำไมกลับมาเร็วไม่มีเรียนเหรอคะ”ปรางทิพย์รัวคำถามใส่ลูกสาวที่วันนี้บอกว่ามีเรียนเลิกสี่โมงเย็นแต่นี่พึ่งบ่ายสองทำไมกลับมาเร็ว “อาจารย์ยกคลาสค่ะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีกค่ะ”ปริมพูดด้วยความตื่นตระหนกราวกับเ
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่นอนกอดกันไม่ยอมตื่นลมแอร์ปะทะร่างกายทำให้ต้องกระชับกอดกันให้แน่นขึ้นเพราะความเย็นของแอร์ ปวีร์ขยับเปลือกตาค่อยๆลืมตาปรับแสงที่มากระทบตาเมื่อปรับได้แล้วก็หันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความสวยไม่เคยเลือนหายเขายังคงหลงใหลร่างกายนี้ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อได้สัมผัสก็ต้องการที่จะสัมผัสมากขึ้นทุกครั้งตอนนี้ก็เช่นกัน ปรางทิพย์ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินลื่นมือทำให้เมียของเขาน่าสัมผัสมากขึ้นอีกเท่าตัวปวีร์จับตัวภรรยาคนสวยให้นอนราบกับที่นอนและเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่เลียระดมจูบไปตามซอกคอทำให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงระเรื่อที่คอ มือหนาเลื่อนไปบีบขย้ำหนาอกอวบนิ้วแกร่งสะกิดยอกประทุมถันที่ชูชันอีกข้างก็เลื่อนลงไปที่กลีบกุหลาบงาม ปวีร์พรมจูบไล่ลงมาจนถึงกลีบกุหลาบงามมือหนาถอดกางเกงในของปรางทิพย์ออกและเลิกชายกระโปรงขึ้นลิ้นร้อนไล่เลียไปตามรอยแยกนิ้วแกร่งสอดเขาไปในร่
20 ปีผ่านไป ตอนนี้ลูกของประธานหนุ่มและภรรยาโตเป็นหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดทุกคนแล้ว ปริ๊น หรือ ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายคนโตของปวีร์และปรางทิพย์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปริ๊นเริ่มเข้ามาช่วยงานพ่อตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเพราะอยากช่วยงานพ่อแต่ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำมากขึ้นส่วนเด็กแฝดทั้งสองคนก็เรียนมหาลัยที่เดียวกับพี่ชายท้องที่สองเธอได้แฝดชายหญิงซึ่งสมใจพ่อเขานั้นแหละ “หนูวันนี้โทรบอกลูกๆแล้วใช่ไหมว่าให้เข้ามาทานข้าวที่บ้าน” ท่านประธานวัย54แต่ยังดูดีเหมือนคนวัย30ต้นๆ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยถามภรรยาที่ยังสวยไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันถึงแม้จะอายุเลขสี่แล้วก็ตาม “โทรบอกแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมากัน” “ครับ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่ครับ”ปวีร์เดินมานั่งข้างภรรยาโอบเอวไว้หลวมและเอ่ยถาม “ นั่งดูอะไรไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ”
1 เดือนผ่านไปอ๊วกๆ อ๊วกๆ อ๊วกๆ เสียงโก่งคออาเจียนของประธานหนุ่มดังขึ้นอย่างนี้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วหญิงสาวบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไปบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไรอาจจะเป็นผลมาจากการทำงาน “เฮียไหวไหมคะ ไปหาหมดเถอะนะ”หญิงสาวคะยั้นคะยอให้สามีไปหาหมอเพราะเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเป็นโรคร้ายแรง “เฮียไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”ประธานหนุ่มพูดแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวให้คลายกังวล “ตะ...” “ป๊าม๊าเสร็จยังครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นไปเรียนสายนะ”ลูกชายตัวแสบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู “พี่ปริ๊นครับ ไม่เสียงดังนะครับป๊าไม่สบายอยู่นะ”หญิงสาวบอกลูกชายให้เบาเสียงลง “ป๊าไม่สบายเหรอครับ งั้นม๊าอยู่ดูแลป๊านะครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นให้อากิตต์ไปส่ง”เด็กชายที่มีความคิดโตเกินเด็กวัยเดียวกันหันไปมองหน้าพ่อและพูดบอ
“ป๊า/ม๊าครับ พี่ปริ๊นมาแล้ว”เสียงเด็กชายเรียกพ่อกับแม่เข้าดังขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเดินมาในโรงเรียน ประธานหนุ่มและหญิงสาวขับรถมารับลูกชายหลังเลิกงานทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงเจ้าแสบดังมาแต่ไกลเรียกพวกเขาทำให้ประธานหนุ่มและหญิงสาวหันหน้ามองกันและยิ้มให้กับความน่ารักของลูกชาย “เป็นไงครับ มาเรียนวันแรกมีเพื่อนหรือยังครับ แล้วนี่ดื้อกับคุณครูหรือเปล่า”หญิงสาวย่อตัวตัวลงให้เสมอกับลูกชายและยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู “วันนี้พี่ปริ๊นไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามคุณครูได้เลย”เด็กชายพยายามหาพยานเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ดื้อ “พี่ปริ๊นดื้อไหมคะ คุณครู”หญิงสาวลุกขึ้นและส่งลูกชายไปให้สามีก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้ลูกของเธออยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง “พี่ปริ๊นไม่ดื้อเลยค่ะ เข้ากับเพื่อนในห้องได้ทุกคน โดยเฉพาะน้องเกลค่ะพี่ปริ๊นชอ
“พี่ปริ๊นครับลูก ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกหนูจำไม่ได้เหรอลูก” คุณม๊าคนสวยเดินขึ้นมาปลุกลูกชายวัยสองขวบที่วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกของเธอต้องไปเรียนวันแรกตอนบอกเรื่องโรงเรียนลูกชายของเธอดีใจกระโดดโลดเต้นยกใหญ่ แต่ทำไมคนที่ดีอกดีใจที่จะได้ไปเรียนถึงกลับไม่ยอมตื่นเสียที “พี่ปริ้นครับ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”คุณม๊าคนสวยไม่ลดความพยายามที่จะปลุกลูกชาย “ม๊าครับ พี่ปริ๊นยังอยากนอนอยู่เลย”เด็กชายงอแงไม่อยากตื่นและซุกหน้าลงหมอนหลับต่อแอดดดด “เอ้า ทำไมพี่ปริ๊นยังนอนอยู่ล่ะครับ ไหนว่าไปเรียนวันแรกไง”ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชายก็เห็นเมียนั่งมองลูกชายนอนหลับไหนว่าขึ้นมาปลุกแต่ทำไมเจ้าตัวแสบยังนอนอุตุอยู่ “ม๊าปลุกแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นบอกว่ายังอยากนอนอยู่เลย สงสัยอาหารเช้าของโปรดคงต้องเททิ้งแล้วสิ”หญิงสาวทำทีพูดว่าจะเอาของโปรดที่ลู