“งั้นรออยู่นั่นแหละค่ะ เดี๋ยวรีบลงไป” คนตัวเล็กกดตัดสายก่อนรีบเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นและหยิบกระเป๋าเตรียมจะออกจากคอนโดโดยไม่ลืมที่จะบอกลาเพื่อน ๆ
“ฉันกลับก่อนนะ” เธอพูดพลางยกแก้วแชมเปญที่ดื่มทิ้งไว้ขึ้นมาซดจนเกลี้ยงพร้อมทั้งรีบเดินไปยังห้องโถงและใส่รองเท้าด้วยท่าทีเร่งรีบจนเพื่อน ๆ สังเกตเห็นจึงเอ่ยแซวขึ้นมา
“พี่กายมารอล่ะสิถึงรีบขนาดนี้”
“เออสิ! ใครจะไปคิดว่าเขาจะมานั่งรออยู่ข้างล่าง” เธอสวนกลับขณะกำลังเช็คเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยหน้ากระจกระหว่างรอลิฟต์
“โห ภาพหายากแห่งปีนะเนี่ย พี่กายมานั่งรอสาวทั้งที” ณิณีหยอกเย้าเพื่อนสาวเบา ๆ พร้อมทั้งแตะคีย์การ์ดใช้ลิฟต์ให้วรัญชิตาได้ลงไปข้างล่าง
“จิ้นอยู่นะ คบกันจริง ๆ เร็ว ๆ ล่ะ!” เสียงตะโกนของริษาดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของณิณีที่ยืนส่งยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง
วรัญชิตาได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ ให้กับความซนของสองสาว ถ้าเรื่องแซวเรื่องแกล้งเพื่อนนี่ไม่เคยเหนื่อยกันหรอก มีแต่จะคอยหาจังหวะแหย่เธอตลอด เพราะตอนนี้เธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีจุดให้จี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องสนุก ๆ ราวกับได้ของเล่นใหม่ของเด็กน้อยสองคน
ติ๊ง!
ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก คนตัวเล็กก็รีบเดินออกมายังล็อบบี้และกวาดสายตามองหาร่างสูงโปร่งที่หล่อออร่ากระจายแม้นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาไกล ๆ ก็ยังมองเห็น
“มารอตั้งแต่กี่โมงคะเนี่ย”
“พี่วนรถออกไปแล้วไม่รู้จะไปไหนเลยมานั่งรอตั้งแต่ 5 โมงครับ” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมทั้งยื่นมือใหญ่มาจับมือเรียวของเธอไปไว้ในเกาะกุมอย่างธรรมชาติ ราวกับว่าเขากับเธอจับมือกันจนชินแล้ว ก่อนจะเดินตรงออกไปยังลานจอดรถ โดยที่หญิงสาวก็เดินตามเขาไปด้วยความรู้สึกงง ๆ
ถ้าจะให้กะคร่าว ๆ ก็แสดงว่าเขานั่งรอเธอเกือบ 3 ชั่วโมงโดยไม่บอกอะไรเลยเนี่ยนะ! นี่มันผิดปกติสุด ๆ เพราะคนเอาแต่ใจที่เธอรู้จักมาทั้งชีวิตดูไม่ใช่คนที่จะมาเสียเวลารอคอยใครนาน ๆ ขนาดเรื่องเล็ก ๆ อย่างการต่อแถวซื้อไอศกรีมที่สวนสนุกตอนที่ครอบครัวเธอเคยพาไปเที่ยวด้วยกันเมื่อครั้งยังเด็ก เขายังหน้าบูดเป็นตูดแมวเลย นับประสาอะไรกับมานั่งรอใครเป็นชั่วโมง
เอาจริง ๆ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถนั่งรอใครนาน ๆ ได้ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจคนที่ไม่แม้แต่จะต่อแถวสมัยยังเด็ก กลับมารอเธอโดยไม่บ่นสักคำ แถมยังมีใบหน้ายิ้มแย้มอีกต่างหาก มันหมายความว่ายังไงกัน?
วรัญชิตาพยายามไม่เร้าหรือถามว่าเขามารอทำไม แต่เลือกที่จะเดินจับมือเคียงข้างเขาไปเรื่อย ๆ แม้ว่าสัมผัสอบอุ่นของเขาจะทำให้ความเขินอายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แต่เธอก็เลือกที่จะทำตัวนิ่ง ๆ เพื่อกลบเกลื่อนอาการจนมาถึงลานจอดรถ
ทันทีที่เข้ามายัง Lamborghini คันสวย คนตัวสูงก็จัดการเปิดแอร์และอาจเป็นเพราะตัวรถไม่ได้กว้างนัก เขาจึงได้กลิ่นแชมเปญจาง ๆ ลอยมาตามอากาศในรถ
“ดื่มมาเหรอ?”
“นิดหน่อยค่ะ” วรัญชิตาตอบอย่างไม่คิดอะไร เพราะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโดนใครบางคนไม่พอใจใส่อย่างมาก
“ดื่มตั้งแต่ตอนไหน”
“ก็ทุ่มนึงมั้งคะ ถามทำไมเนี่ย”
“ต่อไปห้ามดื่มถ้าไม่ได้อยู่กับพี่”
“ทำไมจะดื่มไม่ได้ นี่ไวน์ก็ดื่มกับเพื่อนเป็นประจำอยู่แล้ว พี่มายุ่งอะไรด้วย” ด้วยความเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาบังคับกะเกณฑ์ วรัญชิตาจึงรู้สึกหัวเสียที่เขามาตั้งข้อห้ามที่ดูไร้สาระกับเธอ
“น้องไวน์ไม่รู้หรอกว่าตอนตัวเองเมามันไม่มีสติแค่ไหน ไม่งั้นก็คงไม่มาจูบพี่หรอกจริงไหม?”
“แต่ถ้าวันนั้นไม่ใช่พี่ล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นที่มัน…” เขาหยุดพูดแค่นั้นพลางขบสันกรามจนนูนขึ้นมา ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าคืนนั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นพวกหื่นกามที่จ้องจะงาบยัยน้องอยู่แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น…ถึงตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร เพราะก็เกือบอดใจไม่ไหวเหมือนกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาปลอดภัยกว่าพวกเลว ๆ รอรุมกินเหยื่อแน่ ๆ
แค่คิดหัวใจที่เคยหนักแน่นก็รู้สึกหน่วงแปลก ๆ เขาไม่อยากให้ใครได้สัมผัสคนที่ตัวทั้งหอมทั้งนุ่มนิ่มไปหมดทุกส่วน ไม่อยากให้ใครได้จรดริมฝีปากลงบนความอวบอิ่มสีชมพู ไม่อยากให้ใครได้ทำอะไรทั้งนั้นที่เขาเคยทำกับเธอ ไม่อยากให้แม้แต่ให้ใครเข้าใกล้!
เขาก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร…แต่มันคงเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เขายังเด็ก เพราะเขาน่ะเป็นคนขี้อิจฉา แถมหวงของ หวงแม้กระทั่งขนมก็ไม่เคยแบ่งให้ใคร แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้หญิงที่เขาสนใจในตอนนี้
“ยังไงก็ช่างเถอะ…ต่อไปถ้าไม่ได้อยู่กับพี่ก็ห้ามดื่ม” การัณย์พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด สายตาเขาจับจ้องไปที่คนตัวเล็กอย่างดุ ๆ
“ถ้าไวน์ไม่ทำตามแล้วจะทำไม” เธอถามกลับพร้อมยกคิ้วอย่างท้าทาย ความดื้อรั้นที่ซ่อนอยู่ภายในถูกเผยออกมา ใครหน้าไหนจะมาบังคับเธอได้ไม่มีทางเสียหรอก!
“อย่าคิดนะว่าเป็นแค่แฟนปลอม ๆ แล้วจะมาสั่งอะไรไวน์ก็…อื้อ” ยังไม่ทันจะพูดจบ ริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกริมฝีปากอุ่นร้อนฉวยโอกาสพุ่งเข้ามาทาบทับด้วยความรวดเร็ว
คนตัวสูงจงใจบดขยี้ริมฝีปากลงมาอย่างหนักแน่นและลึกล้ำราวกับต้องการจะลงโทษปากดื้อ ๆ ของแมวน้อยตัวนี้ให้เลิกพยศสักที ตอนแรกว่าจะแกล้งจูบเพื่อลงโทษเล่น ๆ แต่พอได้สัมผัสกับความอวบอิ่มที่คะนึงหาตั้งแต่คืนนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับเป็นไฟที่ถูกราดด้วยน้ำมัน แรงดูดดึงของริมฝีปากร้อนฉ่าที่กำลังไล้วนกับความอวบอิ่มนั้นเต็มไปด้วยความกระหายในอารมณ์
เขาสอดมือเข้ามาใต้กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มก่อนจะจัดองศาให้เธอเอียงคอให้เขาน้อย ๆ และสอดลิ้นเรียวแทรกเข้ามาในจังหวะที่ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนประกบริมฝีปากเธออย่างแนบแน่น และเกี่ยวตวัดความหวานล้ำในโพรงปากที่เขาติดใจมาตั้งแต่คืนนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ในทีแรกคนตัวเล็กก็ยังมีอาการตกใจและได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหินนานนับนาที แต่เมื่อยามที่ความอุ่นชื้นแทรกซอนเข้ามารุกล้ำอย่างเร่าร้อน ความรู้สึกที่เหมือนมีประกายไฟแล่นไปทั่วร่างกายก็ก่อเกิดขึ้นมาจนเธอคุมสติไม่อยู่ เผลอใจปล่อยให้เขาจูบเธออย่างหนักแน่นและไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หนีแม้เพียงเสี้ยววินาที ตอนนี้เรือนร่างนุ่มนิ่มไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะไปเกยอยู่บนตักแกร่งหากแต่มีคอนโซลกลางรถกั้นไว้
มือเรียวที่เคยกำแน่นเปลี่ยนเป็นเลื่อนมาประคองตรงบริเวณมือหนาที่ตรึงท้ายทอยเอาไว้ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลับตาลงราวกับกำลังตกอยู่ในมนตร์สะกดแห่งจุมพิตหวานล้ำที่เขามอบให้
ปลายลิ้นนุ่มละมุนเกี่ยวตวัดหยอกเย้ากับเขาอย่างซุกซนจนคนตัวสูงร้องครางในลำคอด้วยความพอใจ ตอนนี้ทั้งสองแลกเปลี่ยนความหวามไหวและช่วงชิงลมหายใจกันอย่างเมามันจนเกิดเสียงดังขึ้นชัดเจน
‘เธอจูบตอบเขาแบบนี้…ให้ตายสิ นี่กะจะทำให้เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยใช่ไหม!’
พอได้รับปฏิกิริยาตอบสนองของคนตัวเล็กที่แสนน่ารักเขายิ่งรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะคลั่ง ความต้องการที่พยายามระงับมาเกือบ 10 วัน กำลังปะทุออกมาอย่างรุนแรงจนเผลอดูดกลืนความหอมหวานนั้นอย่างดุดัน
มันควรจะเป็นจูบที่ทำให้เธอสั่นคลอนเพื่อให้รู้ว่าอย่ามาท้าทายคนอย่างเขา…แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาเสียเองที่กำลังทรมานราวกับมีไฟลุกท่วมในใจ เพราะความ ‘อยาก’ ที่เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
การตอบกลับอันอ่อนหวานของริมฝีปากอวบอิ่มทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพลุ่งพล่านยิ่งกว่าเคยจูบกับใครเป็นไหน ๆ ยิ่งเธอจูบตอบเขามากเท่าไหร่ความรู้สึกหลงใหลก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“อื้อ…” ลมหายใจของคนถูกจูบสะดุดขาดเป็นห้วง ๆ จนมือน้อยต้องทุบเข้าไปที่อกกว้างเพื่อให้เขาผ่อนปรนความหนักหน่วงให้เธอสักเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะขาดอากาศหายใจตายไปจริง ๆ ซึ่งกว่าที่คนตัวสูงจะยอมถอดถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งก็เล่นเอาเสียเธอหอบจนตัวโยน
“...”
หลังจากจำเป็นต้องยุติการจูบอย่างน่าเสียดาย ชายหนุ่มก็ปล่อยยัยน้องให้เป็นอิสระโดยไม่ลืมที่จะลูบผมยาวสลวยให้เป็นทรงเหมือนเดิม ใบหน้าสวยหวานตอนนี้ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก ริมฝีปากบวมเจ่อน้อย ๆ จากการถูกจุมพิตอย่างดุเดือดทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่จะโน้มตัวไปจูบปิดท้ายหนัก ๆ ที่ความหอมหวานนั้นอย่างลุ่มหลง
คนที่ถูกจุมพิตเข้ามาอีกครั้งได้แต่นั่งหอบหายใจอย่างหนักหน่วง แม้เขาจะถอนริมฝีปากออกไปแล้วแต่สัมผัสร้อนแรงนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ ความรู้สึกของเธอตอนนี้คือสับสนและเขินอายจนอยากให้ธรณีสูบให้มันรู้แล้วรู้รอด
หญิงสาวหันหน้าไปทางกระจกเพราะไม่สามารถจะสบตาเขาในตอนนี้ได้ แค่นี้หัวใจยังเต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกมาจากร่าง ถ้าหันไปสบสายตาคม ๆ ตอนนี้เธอน่าจะต้องกัดลิ้นตัวเองตายแน่ ๆ
“ทีนี้จะเลิกดื่มตอนที่ไม่ได้อยู่กับพี่ได้หรือยัง”
“...”
เจ้าของใบหน้าแดงระเรื่อเม้มปากแน่นพลางพยักหน้าเป็นคำตอบหงึกหงัก ถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วยและไม่ชอบใจที่ถูกบังคับสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปเพราะกลัวจะขัดใจคนออกกฎ ซึ่งเธอก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเขาเป็นห่วง กลัวเธอจะไปทำอะไรแผลง ๆ เหมือนวันนั้นอีก
แต่แน่นอนว่ามันคงจะไม่มีวันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแล้ว เพราะตอนนี้เธอรู้สึกละม้ายคล้ายกับมี ‘คนคุม’ อย่างไรชอบกล แค่การประกาศประกาศิตสุดดุดันเมื่อกี้ก็ทำเอาเธอแทบจะตัวเหลวลงไปบนเบาะรถแล้ว ถ้าขืนแสดงความแข็งกร้าวต่อมีหวังได้ถูกจุมพิตลงโทษอีกแน่ ๆ
แค่นึกถึงรสสัมผัสสุดลึกซึ้งเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกหวามไหวที่ยังคงติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา แม้เธอจะพยายามสะกดกลั้นความเขินอายด้วยการทำหน้าเรียบเฉยอย่างไม่แสดงอาการอะไรออกมา แต่พวงแก้มใสที่ขึ้นสีแดงแจ่มแจ้งนั้นชัดเจนกว่าสิ่งใด
ยิ่งเมื่อคนตัวสูงนำมือใหญ่มาวางบนต้นขาเธออย่างเนียน ๆ ใบหน้าของหญิงสาวก็ยิ่งร้อนผ่าวราวกับไฟเผา แม้จะพยายามทั้งแกะทั้งงัดแงะแต่มือแข็งแกร่งนี้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่อยากให้พี่จับก็อย่าใส่สั้นอีก…ก็รู้นี่ครับว่าพี่ติดสกินชิพ”
“มีสิทธิ์อะไรมาติดสกินชิพกับไวน์ไม่ทราบคะ”
“สิทธิ์ของแฟนไง แล้วก็เกือบจะเลื่อนขั้นเป็นผัวไปแล้วด้วย” กรี๊ดดด! ไอ้ทุเรศ กล้าพูดคำนั้นออกมาได้ยังไง วาจาสามหาวสุด ๆ รับไม่ได้!
“เป็นแค่แฟนปลอม ๆ อย่าเยอะค่ะ!”
“ก็อยากเป็นจริงอยู่เหมือนกัน” ไม่พูดเปล่าแต่นิ้วโป้งใหญ่ยังลากไล้บริเวณต้นขาขาวเนียนอย่างหยอกเย้า ประโยคเมื้อกี้ทำเอาหัวใจเธอกระตุกวูบวาบจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่ให้คนเจ้าเล่ห์สังเกตเห็น
ถึงจะพอเดาได้ว่าเขาก็แค่พูดเล่นตามประสาคนสนุกสนาน แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามปรามหัวใจไม่ให้คิดไปไกลได้เลย ใครล่ะจะไม่หวั่นไหวกับเขา…ใบหน้าหล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมาให้ ความกระล่อนแพรวพราวอีกเป็นที่หนึ่ง ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็พร้อมสยบแทบเท้าเขาแทบทั้งนั้น
แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะพาใจตัวเองรอดจากการตกหลุมลึกที่เขาขุดไว้ได้อีกสักกี่วัน นี่คงเป็นข้อเสียของคนที่ประสบการณ์ทางกายเป็นศูนย์ เพราะเมื่อเจอผู้ชายเสน่ห์ร้ายกาจแบบเขาแล้วเธอแทบจะต้านทานอะไรไม่ได้เลย
เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นสาวโสดมายี่สิบกว่าปีหรอกนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีคนเข้ามาคุยเรื่อย ๆ แต่อย่างมากก็จบลงแค่การนัดเจอกันครั้งสองครั้งแล้วก็เลิกคุยกันไป
ไม่เป็นพวกมีแฟนอยู่แล้ว ก็เป็นพวกหวังจะฟัน มันก็วนเวียนอยู่แค่นี้
จะมีก็แต่วิลนี่แหละที่เธอใช้เวลาคุยถึง 1 ปี แถมยังให้ใจเขาไปเต็ม ๆ แต่ก็ถูกหักหลังด้วยการที่เขาเองก็คุยกับผู้หญิงอีกคนซ้อนมา 1 ปีเช่นกัน
แต่กับการัณย์เองเขาก็ไม่น่าจะดีไปกว่าวิลสักเท่าไหร่ เพราะเขาก็ติ๊กถูกในผู้ชายอันตรายทุกข้อ แต่ไม่รู้ทำไมว่าคำพูดหวาน ๆ สัมผัสร้อน ๆ นั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอยู่เรื่อย คงเป็นเพราะว่าเขารู้วิธีในการเข้าถึงหัวใจของผู้หญิงและทำให้สาว ๆ ต่างหวั่นไหว แต่วรัญชิตาไม่ต้องการให้ตัวเองไปตกอยู่ในเกมของเขาง่าย ๆ แบบนั้น
เธอต้องพยายามตั้งกำแพงหัวใจให้แน่นหนาเพื่อป้องกันแรงดึงดูดมหาศาลยามใกล้ชิดกัน ถ้าเธอถลำลึกไปกับความอบอุ่นที่เขามอบให้ เธอก็จะกลายเป็นแค่หนึ่งในบรรดาสาวสวยที่เขาใช้แล้วทิ้ง
ถึงแม้จะต้องยอมรับว่าการจะตั้งการ์ดสู้กับเขานี่มันยากจริง ๆ แค่เขาแตะตัวนิดหน่อยร่างกายก็ร้อนราวกับจับไข้แล้ว ไหนจะห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวกับผู้ชายที่อันตรายต่อใจขั้นสุดอีก บอกเลยว่างานนี้ไม่ง่าย!
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่นิ้วปลาหมึกขยับลูกไล้บนต้นขาของเธออย่างซุกซนนี่ยิ่งยากเกินจะรับมือเป็นที่สุด นี่ขนาดพยายามขยับหนีจนตัวแทบจะหนีบกับประตูอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่อาจพ้นเงื้อมมือปีศาจไปได้
ระหว่างทางเธอทั้งตีทั้งหยิกมือใหญ่มาเรื่อย ๆ แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไร จนตอนนี้รถ Lamborghini ขับเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังงามโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงที่หมายหญิงสาวจึงรีบปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูลงจากรถ
แต่เมื่อกำลังก้าวเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ คนตัวสูงก็เดินอ้อมมายืนตรงหน้าพลางใช้มือใหญ่ประคองที่แก้มใสและโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น
“...”
วรัญชิตาได้แต่ยืนมองการกระทำนั้นตาปริบ ๆ แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อคนพี่จรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“คืนนี้อย่านอนดึกนะครับ…ฝันดีนะ” เขาส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ และใช้ปลายนิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มใสที่ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินกลับไปที่รถด้วยความอารมณ์ดี
สัมผัสนุ่มละมุนที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้หัวใจของคนตัวเล็กสั่นหวิว เธอยืนนิ่งไปชั่วขณะโดยที่รอยจูบอุ่น ๆ จากริมฝีปากร้อนที่ฝากไว้ยังคงติดตรึงไม่จางหาย
“อ้าวคุณหนู ยังไม่เข้าบ้านเหรอคะ”
“...”
เสียงเรียกจากคุณแม่บ้านทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ คนหน้าแดงยกมือขึ้นมาแตะพวงแก้มของตัวเองที่ร้อนผ่าวราวกับมีไอร้อนออกมา ก่อนจะรีบถอดรองเท้าและวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนด้วยความรวดเร็ว โดยไม่สนใจใครรอบข้าง
ปัง!
เมื่อเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว หญิงสาวก็ทิ้งตัวลงบนเตียงโดยที่หัวใจยังเต้นตุบ ๆ จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนระคนเขินอาย เพราะไม่รู้เลยว่าเมื่อกี้นี้มีใครเห็นการกระทำของเขาบ้าง แต่นับว่าฟ้ายังเข้าข้างที่พ่อกับแม่ของเธอน่าจะอยู่ในห้องทานอาหาร ไม่อย่างนั้นคงได้มาเห็นฉากโรแมนติกของเขากับเธอจนเข้าใจผิดกันไปใหญ่เป็นแน่
ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งสับสน ไม่ชอบตัวเองเลยสักนิดที่ไปหวั่นไหวกับเขาง่าย ๆ รู้อยู่เต็มอกว่าเขาเป็นคนยังไง หว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงใจอ่อนระทวยเก่งแค่ไหน แต่ทำไมยังไปเคลิบเคลิ้มกับเขาอยู่ได้
เห็นทีว่าเธอจะต้องจัดการกับหัวใจเจ้ากรรมขั้นเด็ดขาดก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นได้ไปหลงรักเขาจริง ๆ แน่!
-Line-
[ไวน์จะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับณิณีแล้วก็ริษาสัก 4- 5 วัน อาจจะไม่ค่อยได้ดูแชตนะคะ]
เธอตัดสินใจส่งข้อความไปหาการัณย์ ซึ่งแน่นอนว่านี่คือการโกหก แต่เธอแค่จะนอนหมกตัวดูซีรีส์อยู่ในบ้าน เพราะต้องการจะหลบหน้าเขาไปสักพักก็เท่านั้น
“ถ้าคืนนั้นเราไม่เกือบจะ One Night Stand กัน คงไม่ยุ่งยากแบบนี้หรือเปล่านะ…” วรัญชิตาถอนหายใจออกมาน้อย ๆ ในใจก็ได้แต่หวังว่าเขาจะจับ ‘โกหก’ เธอไม่ได้ และระหว่างนี้จะไม่มีใบหน้าหล่อ ๆ ลอยเข้ามากวนใจเธอแล้วกันนะ…
“แต่งค่ะ” หลังจากคำตอบแสนหวานจากคนที่เขารักที่สุดออกมา การัณย์ก็ไม่รอช้ารีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที เขาลุกขึ้นมากอดหญิงสาวบนเตียงด้วยความรักใคร่เป็นที่สุด“พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องไวน์กับลูกของเราให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะครับ” “ค่ะ” วรัญชิตาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอไปเต็มเบ้าตา มันเป็นหยาดธาราที่มาจากความปลื้มปิติใจ ถึงแม้ว่าการถูกขอแต่งงานมันออกจะล่อแหลมไปนิด เพราะเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ท่ามกลางหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก แต่ก็สมกับเป็นคู่เธอจริง ๆเพราะจุดเริ่มต้นก็มาจากการเกือบจะ One Night Stand กัน แต่วันนี้ดันกลายมาเป็นสามีภรรยากันเสียอย่างนั้น!“พี่ขออะไรได้ไหม…” “ได้สิคะ” เธอหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของคนรัก อ้อมกอดที่อบอุ่นกว่าสิ่งใด อ้อมกอดที่จะคอยปกป้องเธอได้อย่างปลอดภัย“ขอจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่สมฐานะหน่อยนะครับ ไม่อยากให้น้องไวน์น้อยหน้าใคร จะจัดที่ประเทศไหน กี่วัน แขกกี่พันคนก็ได้ แต่ขอแบบยิ่งใหญ่ จะใช้เงินกี่ร้อยล้านก็พร้อมทุ่ม” “ฮ่า ๆ ได้สิคะ เอาจริง ๆ ไวน์ก็แอบอยากจัดเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวนะ แต่ในเมื่อ ‘สามี’ ขอมาแบบนี้ก็จัดให้ค่ะ” การัณย์หัวใจพองโตเมื่อได้ยินคุณภร
“อยากกอดเมีย…” “แต่พี่เพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะคะ เมื่อกี้ยังจะตายอยู่เลย…” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา เพราะเธอไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชิดกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว“ก็คิดถึง อยากกอด อยากจูบ รู้ไหมว่าสองอาทิตย์ที่เราห่างกันพี่ทรมานแค่ไหน ใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่ได้เหรอ…” เขาถามเสียงออดอ้อน พลางใช้จมูกโด่งเป็นสันจรดลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างไปมาด้วยความคิดถึง“เปล่าค่ะ แค่…” “คิดถึงเมีย…อยากกอดเมีย” หญิงสาวได้แต่นอนใจเต้นแรงกับสรรพนามใหม่ที่เขาใช้ คำก็เมียสองคำก็เมีย เธอเขินจนแทบจะละลายติดกับโซฟาอยู่แล้ว! ฟื้นขึ้นมาก็หื่นเลย ไม่ไหวจะเคลียร์กับคุณชายเขาจริง ๆ“ไม่ให้ปฏิเสธหรอกนะ” ว่าจบริมฝีปากร้อนก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากอวบอิ่มของเธอด้วยความโหยหา…เขากดริมฝีปากลงมาอย่างล้ำลึก บดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาลิ้มชิมความหวานละมุนที่คิดถึงมาเนิ่นนานริมฝีปากของทั้งคู่สอดประสานแลกเปลี่ยนรสจูบให้แก่กันและกันอย่างเป็นจังหวะ ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดโรมรันอย่างไม่มีใครยอมใครเพราะต่างคนก็ต่างคิดถึง…ต่างคนก็ต่างโหยหาจูบครั้งนี้เป็นเหมือนการระบายความอัดอั้นตันใจในเวลาที่ห
บ้านพักตากอากาศของวรัญชิตาเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนแรกก็ยังมีความไม่ชินกับอากาศที่หนาวเหน็บเพราะหิมะตกทุกวันบ้างแต่เธอก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว แถมยังหากิจกรรมใหม่ ๆ มาทำไม่ให้ตัวเองเหงาอยู่เสมอ เช่นเรียนทำอาหารจากป้ามาร์ลีน ขับรถไปเดินเล่นที่ตลาดแถวบ้าน และการไม่เสพข่าวอะไรก็ทำให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะยังร้องไห้บ้างเพราะแผลมันยังสดมาก แต่เธอก็พยายามจะไม่คิดถึงคน ๆ นั้นจะว่าไปแล้ว…การได้มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ไม่แย่อย่างที่คิด เพราะปกติในชีวิตจะมีแต่คนห้อมล้อมมาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่การได้อยู่กับตัวเองในบรรยากาศธรรมชาติปราศจากรถติดและความวุ่นวายนั้นเป็นเหมือนยาที่คอยบรรเทาให้จิตใจเธอสงบขึ้นในแต่ละวันเธอใช้เวลาไปกับการตกแต่งบ้าน ทำอาหาร นอนอ่านหนังสือท่ามกลางวิวหิมะตกสวย ๆ แม้ว่าในแต่ละคืนเธอจะยังสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บปวดยังเกาะกินอยู่ในใจ แต่เธอก็ให้กำลังใจตัวเองในกระจกทุกวันว่ามันจะผ่านไป และเธอต้องดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดเสียงกริ่งดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน…วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอนัดกับป้ามาร์ลีนว่าจะออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินรับลมหนาว แต่ดูเหมือนว่
หลังจากได้รับข้อมูลที่อยู่ของวรัญชิตาจากวรเวชเขาก็รีบติดต่อเลขาให้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้เรียบร้อย แม้ว่าเขาไม่อาจจะรอช้าได้เพียงวินาทีที่จะต้องไปขอโทษดวงใจของเขาให้ได้ แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนไป…คือจัดการกับสิ่งเลวทรามที่เอมี่ทำไว้สำนักงานใหญ่ SK-Airwaysการัณย์กลับมาที่สำนักงานใหญ่เพื่อเตรียมตัวคุยกับทีมทนายฝีมือฉกาจประจำตระกูล ทีมไอที และทีมภาพลักษณ์ของบริษัท เขาเดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานเพื่อนั่งรอคนเหล่านั้นและสูบบุหรี่เงียบ ๆ แต่เสียงโวยวายที่หน้าห้องทำให้เขาต้องเปิดประตูไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เข้าไปไม่ได้นะคะ!” “ปล่อยฉันนะ!” ชายหนุ่มเปิดประตูมาเจอภาพการยื้อยุดระหว่างเลขาส้มและเจ้าของชุดเดรสสีแดง โดยที่ตอนนี้คุณส้มดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบจากพละกำลังของเอมี่ การัณย์เลยเดินเข้าไปห้ามสถานการณ์ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ“อยากเข้าก็เข้ามา ไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกับคุณส้ม” หลังจากได้ยินคำนั้น เอมี่ก็สะบัดมือออกจากเลขาส้มและมองจิกเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม“เป็นแค่เลขาอย่าสะเออะมาสอดเรื่องเจ้านาย!” เธอเอ่ยสั้น ๆ ก่อนเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูใส่หน้าเลขาดัง ๆปัง!“ไง เซอร์ไ
ปัง ปัง ปัง!เสียงเคาะประตูดังลั่นห้อง ปลุกการัณย์ให้ตื่นจากการหลับใหล เขาเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบากจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซัดไปหลายแก้วเมื่อคืนแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องนอนแสนหม่นหมองใครกันที่เข้ามาในเพนต์เฮาส์ของเขาได้…คนที่มีคีย์การ์ดของที่นี่ก็มีแต่วรัญชิตากับเอมี่นี่นา ไม่สิ ยังมีอีกคนคือเก้ากวินทร์พี่ชายเขาแต่เขาภาวนาให้คนที่มาเคาะประตูเป็นวรัญชิตาได้ไหม…เขาคิดถึงเธอจนใจจะขาดแล้วปัง ปัง ปัง!การัณย์รีบขยี้ตาและลุกจากเตียงไปเปิดประตูห้องนอนด้วยความรีบร้อน แต่คนที่มาเคาะประตูโครมครามดันเป็นเก้ากวินทร์เสียอย่างนั้น ร้อยวันพันปีพี่ชายตัวดีของเขาไม่เคยมาที่นี่ วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น…“มึงอ่านข่าวเดี๋ยวนี้เลย” เขารับมาจากพี่ชายด้วยหัวใจที่กระตุกวูบอย่างรุนแรง…ขออย่าให้เป็นข่าวที่ทำร้ายจิตใจของคนที่เขารักเลย แค่นี้เธอก็เจ็บมากพออยู่แล้ว‘ข่าวลือแซ่บซู๊ดปากส่งท้ายปีมาแล้วพวกเธอ…วงในว่ากันว่าไฮโซ ว. เป็นมือที่สามในความสัมพันธ์สุดร้อนฉ่า แถมตอนนี้เธอยังท้องป่องโดยที่ฝ่ายชายไม่รับเป็นผิดชอบอีกด้วย’ ‘นัวชั้นสูงที่แท้จริง! ชาวเน็ตตาดีส่องสตอรี่ IG ของไฮโซสาวอีกคนที่เป็นเจ้าของฉายานางฟ้าแมวจรจัด
ในที่สุดการเดินทางหลายชั่วโมงก็ผ่านพ้นไป ตอนนี้วรัญชิตาได้เดินทางถึงบ้านพักที่ครอบครัวซื้อไว้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว“คุณไวน์…” คริสและมาร์ลีนรีบเดินมากอดต้อนรับอย่างอบอุ่น“คิดถึงจังเลยค่ะ” ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ดีเลิศจากการเรียนโรงเรียนนานาชาติมาทั้งชีวิต เธอจึงสามารถสื่อสารได้คล่องแคล่วมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เริ่มสนิทกับคริสและมาร์ลีนตั้งแต่เจอกันแรก ๆ“ปีนี้หนาวหน่อยนะคะคุณไวน์ แต่ป้าเตรียมเตาผิงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ” เธอเห็นด้วยว่าปีนี้หนาวจริง ๆ ปกติที่เคยมาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วอากาศไม่หนาวขนาดนี้ หรือเป็นเพราะช่วงนี้มันปลายเดือนพฤศจิกาแล้วด้วยอุณหภูมิจึงลดลงต้อนรับฤดูหนาววรัญชิตาถอดเสื้อคลุมออกและนั่งลงบนโซฟาหนังตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น ความอบอุ่นจากเตาผิงที่ถูกจุดไว้ทำให้ใส่แค่เสื้อไหมพรมตัวเดียวก็เอาอยู่โดยไม่ต้องเปิดเครื่องทำความร้อนเพียงไม่นานมาร์ลีนก็นำแก้วโกโก้อุ่น ๆ มาเสิร์ฟ เธอยกดื่มและนั่งคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กับมาร์ลีนและคริสไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินลืมความเศร้าไปชั่วขณะคุณแม่ของเธอคิดถูกจริง ๆ ที่ส่งเธอมาพักใจอยู่ที่นี่ เพราะกา