“หยุดเลย! รู้นะจะพูดอะไร…พี่ติดแค่กับเราคนเดียว” คนตัวเล็กหุบปากแทบไม่ทันเพราะเธอกำลังจะพูดคำนั้นออกมาจริง ๆ
พูดมาได้ไม่อายปาก! เขาแตะตัวผู้หญิงมาตั้งกี่คนแล้ว…จะมาบอกว่าติดสกินชิพแค่กับเธอคนเดียวมันออกจะปากหวานโอเว่อร์ไปหน่อยนะ
แล้ววันนี้เป็นอะไรของเขาก็ไม่รู้ พร่ำบอกแต่ว่าทำกับเธอแค่คนเดียวอยู่ได้ทั้งวัน เขาลืมไปแล้วเหรอว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเป็นแค่เรื่องจอมปลอม แค่เกือบ ๆ นอนด้วยกันคืนเดียว อย่ามาทำเป็นเยอะหน่อยเลย
แต่ถามว่าเขินไหม…ตอบจากใจเลยว่าเขินค่ะ! เขินจนตัวจะละลายลงไปรวมกับเบาะรถอยู่แล้ว ทั้งสัมผัสอุ่นที่ต้นขาทั้งคำพูดคำจาแสนเอาใจ บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้อันตรายสุด ๆ
30 นาทีผ่านไป
Lamborghini คันงามแล่นมาจอดที่บริเวณล็อบบี้ของคอนโดหรูใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่พักของณิณีเพื่อนสาวคนสนิทของวรัญชิตาโดยมีริษาอยู่รอด้วย
“ขอบคุณค่ะ” คนตัวเล็กก้าวลงจากรถด้วยความรวดเร็วด้วยความเขินอาย…ขืนอยู่บนรถด้วยกันนานกว่านี้มีหวังเธอได้ละลายติดกับเบาะจริง ๆ แน่
เพราะตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถเขาไม่ปล่อยมือออกจากต้นขาขาวนวลเลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่รู้ว่าพ่อคุณไปฝึกวิชาขับรถมือเดียวมาจากไหนถึงได้ปราดเปรียวขนาดนี้
“แหม เดี๋ยวนี้มีหนุ่มหล่อมาส่งเหรอจ๊ะ” ณิณีเอ่ยแซวทันทีที่วรัญชิตาเดินเข้าไปถึงล็อบบี้
“พอเลย!” หญิงสาวตีแขนเพื่อนสาวเบา ๆ พร้อมใบหน้าแดงระเรื่อ
สองไฮโซสาวเดินเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวและแตะคีย์การ์ดเพื่อขึ้นไปยังชั้น 40 ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอนโดสุดหรูที่ณิณีอาศัยอยู่ เพียงไม่กี่วินาทีลิฟต์ก็เปิดออกให้เห็นประตูก่อนเข้าไปในตัวที่พักเพื่อความปลอดภัยเต็มระบบที่วรัญชิตาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เมื่อเปิดเข้าไปจะพบห้องโถงที่มีชั้นเก็บรองเท้าและที่แขวนเสื้อแจ็กเกตติดกับผนังกระจกบานใหญ่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย
ถัดเข้ามาอีกนิดจะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่เธอกับเพื่อน ๆ มักนั่งสังสรรค์กันประจำ แต่ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยดีไซน์เนอร์และแบบชุดราตรีที่วางเรียงเป็นสิบ ๆ ชุดราวกับมีการจัดงานแฟชั่นขนาดย่อม
แน่นอนว่ามหาเศรษฐีที่เปรียบดั่งลูกค้า Super VVIP อย่างพวกเธอไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านให้เสียเวลา เพราะดีไซน์เนอร์แต่ละแบรนด์ล้วนต้องการนำแบบชุดต่าง ๆ มาเสนอและตัดเป็นพิเศษให้อยู่แล้ว
“คุณไวน์มาวัดตัวได้เลยค่ะ” ดีไซน์เนอร์หญิงผู้มากด้วยประสบการณ์อย่าง ‘แพรว’ เดินเข้ามาพร้อมสายวัดและสมุดบันทึก
หญิงสาวเดินเข้าไปถอดรองเท้าและวางกระเป๋า ก่อนจะยืนนิ่ง ๆ เพื่อให้คุณดีไซน์เนอร์วัดตัวได้ถนัด
เธอทำการวัดรูปร่างของวรัญชิตาอย่างพิถีพิถัน ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความละเอียดและความแม่นยำเพื่อให้ได้ชุดที่พอดีกับหุ่นของหญิงสาวที่สุด
“สัดส่วนสวยมากค่ะคุณไวน์ ชุดที่ออกมาต้องปังสุด ๆ แน่นอนค่ะ”
แม้ว่าจะเคยวัดสรีระนางแบบมาแล้วมากมาย แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าสัดส่วนนาฬิกาทรายที่พอดีราวกับถูกสร้างขึ้นอย่าง 37-23-37 นั้นหาไม่ได้ง่าย ๆ สำหรับผู้หญิง
“ขอบคุณค่ะ รบกวนด้วยนะคะ พอดีไวน์เพิ่งได้บัตรเชิญมา” วรัญชิตาตอบกลับเสียงนุ่มพร้อมทั้งอมยิ้มน้อย ๆ
ปกติงานแบบนี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวกันหลายเดือน แต่เธอเพิ่งได้รับเชิญจากเก้ากวินทร์เมื่อวาน อาจเป็นเพราะว่าเธอบินไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยแถมไปทีเป็นเดือน ๆ เลขาของเก้ากวินทร์ผู้ซึ่งคอยจัดการเรื่องเชิญแขกมางานอาจจะไม่แน่ใจว่าวรัญชิตาจะเข้าร่วมหรือไม่
ซึ่งการได้รับเชิญแบบกระชั้นชิดนี้เท่ากับว่าหญิงสาวเหลือเวลาเตรียมตัวแค่ 6 วันเท่านั้น
“ไม่เป็นไรเลยค่า สำหรับคุณไวน์และเพื่อน ๆ ตัดชุด 3 วันก็ทันค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวกล่าวอย่างเอาใจ
“...”
“นี่เป็นแบบชุดราตรีคอลเลกชันใหม่ที่ยังไม่วางขายค่ะ แต่วันนี้แพรวเอาตัวอย่างชุดที่อยู่ในภาพสเก๊ตช์มาด้วย…คุณไวน์สามารถเลือกดูเป็นตัวอย่างได้เลยค่ะ”
หญิงสาวหยิบแฟ้มสีดำขึ้นมาเปิดดูด้วยความใจเย็น…ภายในแฟ้มเต็มไปด้วยภาพสเก๊ตช์ของชุดราตรีหลากหลายแบบที่ดีไซน์เนอร์ชื่อดังรังสรรค์ขึ้นมา ซึ่งแต่ละชุดจะมีสไตล์แตกต่างกัน มีทั้งแบบเรียบหรูดูแพง แบบอลังการปักตาแตก หรือจะแบบแฟนซีไปเลยก็มี
เมื่อเลื่อนไปเรื่อย ๆ เธอก็เจอกับชุดที่ถูกใจและจึงเริ่มต้นบรีฟแบบที่ต้องการเพิ่มเติมในทันที
การพูดคุยเรื่องชุดราตรีที่จะต้องเสร็จภายใน 6 วัน ดำเนินไปกว่า 4 ชั่วโมง เพราะความมืออาชีพของห้องเสื้อนั้นได้มีการนำชุดทรงเดียวกันความยาวเท่า ๆ กันมาให้สามสาวไฮโซได้ลองสวมเดิน และวัดปรับขนาดความยาวของผ้าให้เหมาะสม
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็ล่อไป 1 ทุ่มกว่า ตอนนี้เหล่าดีไซน์เนอร์และผู้ช่วยต่างพากันเก็บของกลับไปจนหมดแล้ว ทำให้ห้องนั่งเล่นของคอนโดหรูจึงเหลือเพียง 3 สาวนั่งอยู่
“ไหน ๆ ก็เหลือแค่พวกเราละ มาเม้าธ์เรื่องยัยไวน์ดีกว่า” ณิณีชวนคุยไปเรื่อยตามประสาคนช่างพูด พร้อมทั้งรินแชมเปญราคาแพงใส่แก้วและยื่นให้เพื่อนทั้งสองคน
“หือ…เม้าธ์อะไรไม่มีเรื่องให้เม้าธ์หรอก” วรัญชิตาตอบเฉไฉก่อนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นมาจิบ สำหรับพวกเธอแล้วการดื่มแชมเปญก็เหมือนดื่มชาที่ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น
“ก็วันนี้เห็นเดินจับมือกันกระหนุงกระหนิงเลยนี่นา” มือเรียวบางของเพื่อนสาวโชว์รูปเธอกับเขาจับมือกันเด่นหราอยู่ในเพจ Gossip ถ้าจะให้เดาคงมีใครสักคนในห้างแอบถ่ายแล้วเอาไปลงในเพจแหง ๆ ก็คนเต็มห้างเสียขนาดนั้น…
“จับมือสร้างภาพไปงั้นแหละ”
“อย่างกับคู่รักจริง ๆ แหนะ”
“ก็เป็นจริง ๆ นี่นา” ริษาเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดอะไรพร้อมทั้งมองตาแป๋วราวกับลูกหมาน้อยไร้เดียงสา
เพี๊ยะ!
วรัญชิตาฟาดเข้าไปที่แขนเล็กหนึ่งทีโทษฐานไร้เดียงสาไม่รู้เรื่อง! เธอก็พอจะรู้อยู่ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนมองโลกในแง่ดีแถมยังบ๊อง ๆ ขัดกับภาพลักษณ์ที่ดูเซ็กซี่ไม่แพ้เธอเลย แต่การมาแซวไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้มันสมควรโดนสักป้าบ
“ตีแบบนี้แปลว่าเขินแน่ ๆ ” ณิณีเสริมทัพช่วยแซวอีกแรงทำเอาคนที่ทำเป็นโมโหหน้าแดงขึ้นมา
“เขินบ้าอะไรล่ะ! ตีเพราะริษาแซวไม่เข้าเรื่องมากกว่า” เธอกลบเกลื่อนเสียงแข็งแต่เพื่อน ๆ ก็เอาแต่หรี่ตามองอย่างรู้ทันเพราะฉะนั้นก็ต้องเม้าท์ไปเลยแล้วกัน ไหน ๆ ก็ปิดไม่มิดแล้ว
“แต่มีเรื่องนึงที่กวนใจฉันมาก ไม่อยากจะเล่าเลย”
“เล่า/เล่า!” สองสาวประสานเสียงกันโดยอัตโนมัติ ถ้าณิณีกับริษามีหางตอนนี้มันคงสั่นระริกด้วยความอยากรู้อยากเห็นแน่ ๆ
“วันนี้พี่เขากอดฉันตอนอยู่ในโรงหนัง…กอดนานด้วยเป็นชั่วโมงได้ แถมชอบเอาตัวมาแตะกันตลอด เขาบอกว่าติดสกินชิพกับฉัน เขาว่างั้นนะไม่รู้เชื่อได้ไหม”
“แต่ที่ฉันตกใจสุด ๆ คือเขาใส่รองเท้าให้ฉัน”
“หา! ใส่รองเท้าเลยเหรอ” ทั้งสองสาวเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“ใช่”
“ไอ้เรื่องกอดฉันไม่ตกใจเท่าไหร่นะ แต่ใส่รองเท้านี่เหนือความคาดหมายสุด ๆ ” น้ำเสียงของณิณีเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือจะเชื่อกับการกระทำของการัณย์ จะเรียกได้ว่าถ้าวรัญชิตาไปเล่าให้ใครฟังก็น่าจะมีรีแอกชันเหมือนกันหมด เพราะขนาดตัวเธอเองยังตกใจมากเลย
“ฉันก็ตกใจ! ตอนนั้นแทบทำอะไรไม่ถูกเลย แต่ฉันไม่ได้รู้สึกกลัวหรืออะไรเขานะ…แต่กลับรู้สึกใจเต้นแรงแปลก ๆ”
“โอ๊ย ใครก็ใจเต้นแรงกับเขาทั้งนั้นแหละ หล่อฟ้าประทานแถมทรีตเธออย่างกับเจ้าหญิงขนาดนั้น”
“ไม่ใช่! มันไม่ได้เต้นแรงแบบเห็นคนหล่อ มันเต้นแรงเหมือน-”
“เหมือนคนมีความรัก” ริษาพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่วรัญชิตาจะพูดจบ ซึ่งประโยคที่ยัยเพื่อนแทรกขึ้นมานั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ไล่จากแก้มไปถึงใบหู
“บ้า! ความรักอะไรกัน ฉันเพิ่งเจอเขาได้แปปเดียวเองนะ”
“แต่ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิตแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่แต่…”
“เจอกันอาทิตย์กว่าได้ทั้งกอด จับมือ จูบ ครบสูตรคู่รักเลยนะเนี่ย ถ้านานกว่านี้ไม่แต่งงานกันเลยเหรอ ฮ่า ๆ ”
เพี๊ยะ!
อีกหนึ่งป้าบแรง ๆ สำหรับยัยริษาผู้พูดจาไม่รู้เรื่อง (ทุกที) แค่นี้ก็อายตัวเองจะแย่อยู่แล้วที่ใจเต้นแรงกับเขาโดยที่เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้ามีรางวัลยอดนักชงดีเด่นล่ะก็…ยัยเพื่อนคนนี้คงนอนมงมาแต่ไกลไร้คู่แข่งเพราะนางชงเก่งจริงอะไรจริง!
จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่กอด จับมือ จูบ แต่เธอยังเสียซิงท่อนบนให้เขาอีกด้วย ฮือ ๆ ถ้ายัยพวกนี้รู้นะ ได้ล้อเลียนไปตลอดชีวิตแน่!
“โอ๊ยยยยย! ช้ำหมดแล้วค่ะแม่” คนโดนตีทำเป็นโอดโอยแต่ยังคงหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจเหมือนเดิม
“เธอนี่ตลอดเลยนะ ชอบพูดอะไรไม่รู้!”
“รู้สึกอะไรกับพี่เขาแล้วล่ะสิถึงเขินขนาดนี้” ณิณีที่นั่งหัวเราะท่าทางของเพื่อนทั้งสองอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวด้วยอีกคน
“ฉันจะไปรู้สึกอะไรกับเขาได้เล่า! อย่าคิดว่าฉันลืมไปแล้วนะว่าใครที่ทำให้ฉันต้องตกมาอยู่ในสถานะแบบนี้น่ะ” หญิงสาวส่งสายตาดุ ๆ ใส่ณิณีผู้เป็นต้นเหตุหลักในการคบหาแบบเฟค ๆ ครั้งนี้
“ขอโทษจ้าาา…จะไม่ทำอีกแล้วสัญญา” คนถูกดุโน้มตัวมากอดวรัญชิตาอย่างออดอ้อน…เวลาเห็นสายตาสำนึกผิดของเพื่อนทีไรเธอก็อดสงสารไม่ได้ทุกที
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว มาคุยเรื่องตอนนี้กันดีกว่า” ริษาเอ่ยขึ้นมาเสียงนิ่งซึ่งนาน ๆ ทีจะเห็นยัยเพื่อนสาวในโหมดนี้ ปกติจะบ๊อง ๆ ตลอด
“แล้วไวน์รู้สึกยังไงล่ะเวลาอยู่กับพี่เขา”
“เอาตรง ๆ ก็อย่างที่บอกไปแหละ รู้สึกใจเต้นแรงแล้วก็เขินแปลก ๆ บอกไม่ถูก”
“มันก็ไม่แปลกนะ ถ้าให้เดาพี่เขาคงแพรวพราวตอนอยู่กับไวน์มาก”
“แพรวพราวจนบางทีฉันก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแพทเทิร์นเวลาอยู่กับผู้หญิงของเขาหรือเปล่า นี่เมื่อคืนเขาก็พาไปกินบะหมี่ข้างทางมา เหมือนเขาคิดไว้หมดแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง”
“จะคิดอย่างนั้นมันก็ได้แหละ แต่จากประวัติที่ผ่าน ๆ มา ฉันว่าเขาน่าจะไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปกินบะหมี่นะ”
“แล้วไปร้านบะหมี่ข้างทางนี่มันพิเศษตรงไหน”
“พิเศษสิ! เพราะถ้าเป็นแพทเทิร์นเขาก็ต้องพาสาว ๆ ไปเดตที่หรู ๆ ถูกมั้ยล่ะ แต่นี่เหมือนเขาจะโชว์ให้เห็นอีกด้านที่น้อยคนจะรู้กับเธอไง”
เมื่อฟังริษาในโหมดจริงจังที่พูดอย่างตั้งใจหญิงสาวก็รู้สึกคล้อยตามไปด้วย…มันก็จริงนะ เพราะผู้หญิงที่ผ่าน ๆ มาของเขาคงไม่น่าจะมีใครเคยได้สัมผัสตัวตนอีกด้านแบบนี้
แต่ถ้ามันเป็นเพราะว่ารู้จักกันมาแต่เด็กล่ะ? บางทีที่เขาทำเช่นนี้อาจเป็นเพราะความคุ้นเคยไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนสำคัญอะไรต่อเขาก็ได้
“ฉันไม่อยากคิดอะไรแล้ว” วรัญชิตาจับแก้วแชมเปญไว้แน่นและถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ให้ตายสิ! เธอไม่ชอบความรู้สึกไม่มั่นคงและสับสนแบบนี้เลย ยิ่งพอหน้าหล่อ ๆ ลอยเข้ามาในความคิดมันยิ่งอดนึกถึงสัมผัสของเขาไม่ได้
สุดท้ายคำตอบมันก็มีแค่ว่าเธอใจเต้นแรงเพราะมันคือเรื่องปกติของหญิงสาวที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับชายหนุ่มคนไหนมาก่อนเท่านั้นแหละ
“แล้วถ้าที่พี่เขาทำเพราะอยากจะจีบไวน์จริง ๆ ล่ะ?” ริษายังคงเติมเชื้อไฟไม่เลิก บอกแล้วไงว่ายัยนี่ชงเก่งจริง!
“เรื่องจีบนี่ตัดไปได้เลย ที่ผ่านมาเคยเห็นเขาลงเอยกับใครไหมล่ะ”
“ไวน์อาจจะเป็นคนแรกที่พี่เขารู้สึกแบบนี้ก็ได้”
“ฝันอยู่หรือไง” หญิงสาวถอนใจออกมาน้อย ๆ เบื่อยัยเพื่อนรักนักชงคนนี้จริง ๆ
แต่พอมาย้อนคิดถึงคำพูดของตัวเองแล้วก็เหมือนเตือนสติตัวเองไปในตัวเหมือนกัน…อย่างน้อยก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงก่อนว่า ‘เขาไม่มีทางลงเอยกับใคร’ แน่นอน
ถ้าไม่อยากมีตอนจบเหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตของเขา เธอเองก็ต้องอย่าเอาใจลงไปเล่นในเกมนี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะกลายเป็นคนรวยที่เป็นของเล่นของคนรวยอีกทีตามที่พวกชาวเน็ตได้กล่าวไว้จริง ๆ แน่
-Line-
Rrrr Rrrr
เมื่อเสียงโทรเข้าจากโทรศัพท์ของวรัญชิตาดังขึ้น ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของอีกสองสาวก็ถูกกระตุ้นทันที
“พี่กายโทรมาใช่ไหม นี่ไงฉันว่าแล้วว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ พูดถึงปุ๊บก็โทรมาปั๊บเลย”
“โอ๊ยยยยยยย! หยุดชงได้แล้ว” วรัญชิตากลอกตาใส่ยัยริษาอีกครั้งก่อนเดินออกมาบริเวณระเบียงและกดรับสายจากคนตัวสูง
[เลือกชุดเสร็จหรือยังครับ]
“เสร็จแล้วค่ะ”
[จะกลับเลยไหมหรือจะทำอะไรต่อ]
“ว่าจะกลับแล้วค่ะ”
[โอเคครับงั้นลงมาเลย]
“อะไรนะคะ?”
[พี่ไม่มีอะไรทำก็เลยมานั่งเล่นรอเราอยู่ที่ล็อบบี้]
บ้าไปแล้ว! นี่มันผิดวิสัยคนอย่างเขาสุด ๆ ปกติเขาไม่เคยต้องรอใครเลย แต่ตอนนี้กลับมานั่งรอแฟนปลอม ๆ ที่ก็ไม่รู้ว่านั่งรอมาตั้งแต่กี่โมงแล้ว เขาทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร?นี่กะจะไม่ให้เธอได้พักหัวใจเลยใช่ไหม อุตส่าห์จะอยู่กับความเป็นจริงแล้วเนี่ย!
“แต่งค่ะ” หลังจากคำตอบแสนหวานจากคนที่เขารักที่สุดออกมา การัณย์ก็ไม่รอช้ารีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที เขาลุกขึ้นมากอดหญิงสาวบนเตียงด้วยความรักใคร่เป็นที่สุด“พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องไวน์กับลูกของเราให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะครับ” “ค่ะ” วรัญชิตาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอไปเต็มเบ้าตา มันเป็นหยาดธาราที่มาจากความปลื้มปิติใจ ถึงแม้ว่าการถูกขอแต่งงานมันออกจะล่อแหลมไปนิด เพราะเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ท่ามกลางหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก แต่ก็สมกับเป็นคู่เธอจริง ๆเพราะจุดเริ่มต้นก็มาจากการเกือบจะ One Night Stand กัน แต่วันนี้ดันกลายมาเป็นสามีภรรยากันเสียอย่างนั้น!“พี่ขออะไรได้ไหม…” “ได้สิคะ” เธอหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของคนรัก อ้อมกอดที่อบอุ่นกว่าสิ่งใด อ้อมกอดที่จะคอยปกป้องเธอได้อย่างปลอดภัย“ขอจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่สมฐานะหน่อยนะครับ ไม่อยากให้น้องไวน์น้อยหน้าใคร จะจัดที่ประเทศไหน กี่วัน แขกกี่พันคนก็ได้ แต่ขอแบบยิ่งใหญ่ จะใช้เงินกี่ร้อยล้านก็พร้อมทุ่ม” “ฮ่า ๆ ได้สิคะ เอาจริง ๆ ไวน์ก็แอบอยากจัดเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวนะ แต่ในเมื่อ ‘สามี’ ขอมาแบบนี้ก็จัดให้ค่ะ” การัณย์หัวใจพองโตเมื่อได้ยินคุณภร
“อยากกอดเมีย…” “แต่พี่เพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะคะ เมื่อกี้ยังจะตายอยู่เลย…” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา เพราะเธอไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชิดกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว“ก็คิดถึง อยากกอด อยากจูบ รู้ไหมว่าสองอาทิตย์ที่เราห่างกันพี่ทรมานแค่ไหน ใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่ได้เหรอ…” เขาถามเสียงออดอ้อน พลางใช้จมูกโด่งเป็นสันจรดลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างไปมาด้วยความคิดถึง“เปล่าค่ะ แค่…” “คิดถึงเมีย…อยากกอดเมีย” หญิงสาวได้แต่นอนใจเต้นแรงกับสรรพนามใหม่ที่เขาใช้ คำก็เมียสองคำก็เมีย เธอเขินจนแทบจะละลายติดกับโซฟาอยู่แล้ว! ฟื้นขึ้นมาก็หื่นเลย ไม่ไหวจะเคลียร์กับคุณชายเขาจริง ๆ“ไม่ให้ปฏิเสธหรอกนะ” ว่าจบริมฝีปากร้อนก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากอวบอิ่มของเธอด้วยความโหยหา…เขากดริมฝีปากลงมาอย่างล้ำลึก บดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาลิ้มชิมความหวานละมุนที่คิดถึงมาเนิ่นนานริมฝีปากของทั้งคู่สอดประสานแลกเปลี่ยนรสจูบให้แก่กันและกันอย่างเป็นจังหวะ ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดโรมรันอย่างไม่มีใครยอมใครเพราะต่างคนก็ต่างคิดถึง…ต่างคนก็ต่างโหยหาจูบครั้งนี้เป็นเหมือนการระบายความอัดอั้นตันใจในเวลาที่ห
บ้านพักตากอากาศของวรัญชิตาเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนแรกก็ยังมีความไม่ชินกับอากาศที่หนาวเหน็บเพราะหิมะตกทุกวันบ้างแต่เธอก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว แถมยังหากิจกรรมใหม่ ๆ มาทำไม่ให้ตัวเองเหงาอยู่เสมอ เช่นเรียนทำอาหารจากป้ามาร์ลีน ขับรถไปเดินเล่นที่ตลาดแถวบ้าน และการไม่เสพข่าวอะไรก็ทำให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะยังร้องไห้บ้างเพราะแผลมันยังสดมาก แต่เธอก็พยายามจะไม่คิดถึงคน ๆ นั้นจะว่าไปแล้ว…การได้มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ไม่แย่อย่างที่คิด เพราะปกติในชีวิตจะมีแต่คนห้อมล้อมมาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่การได้อยู่กับตัวเองในบรรยากาศธรรมชาติปราศจากรถติดและความวุ่นวายนั้นเป็นเหมือนยาที่คอยบรรเทาให้จิตใจเธอสงบขึ้นในแต่ละวันเธอใช้เวลาไปกับการตกแต่งบ้าน ทำอาหาร นอนอ่านหนังสือท่ามกลางวิวหิมะตกสวย ๆ แม้ว่าในแต่ละคืนเธอจะยังสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บปวดยังเกาะกินอยู่ในใจ แต่เธอก็ให้กำลังใจตัวเองในกระจกทุกวันว่ามันจะผ่านไป และเธอต้องดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดเสียงกริ่งดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน…วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอนัดกับป้ามาร์ลีนว่าจะออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินรับลมหนาว แต่ดูเหมือนว่
หลังจากได้รับข้อมูลที่อยู่ของวรัญชิตาจากวรเวชเขาก็รีบติดต่อเลขาให้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้เรียบร้อย แม้ว่าเขาไม่อาจจะรอช้าได้เพียงวินาทีที่จะต้องไปขอโทษดวงใจของเขาให้ได้ แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนไป…คือจัดการกับสิ่งเลวทรามที่เอมี่ทำไว้สำนักงานใหญ่ SK-Airwaysการัณย์กลับมาที่สำนักงานใหญ่เพื่อเตรียมตัวคุยกับทีมทนายฝีมือฉกาจประจำตระกูล ทีมไอที และทีมภาพลักษณ์ของบริษัท เขาเดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานเพื่อนั่งรอคนเหล่านั้นและสูบบุหรี่เงียบ ๆ แต่เสียงโวยวายที่หน้าห้องทำให้เขาต้องเปิดประตูไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เข้าไปไม่ได้นะคะ!” “ปล่อยฉันนะ!” ชายหนุ่มเปิดประตูมาเจอภาพการยื้อยุดระหว่างเลขาส้มและเจ้าของชุดเดรสสีแดง โดยที่ตอนนี้คุณส้มดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบจากพละกำลังของเอมี่ การัณย์เลยเดินเข้าไปห้ามสถานการณ์ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ“อยากเข้าก็เข้ามา ไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะกับคุณส้ม” หลังจากได้ยินคำนั้น เอมี่ก็สะบัดมือออกจากเลขาส้มและมองจิกเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม“เป็นแค่เลขาอย่าสะเออะมาสอดเรื่องเจ้านาย!” เธอเอ่ยสั้น ๆ ก่อนเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูใส่หน้าเลขาดัง ๆปัง!“ไง เซอร์ไ
ปัง ปัง ปัง!เสียงเคาะประตูดังลั่นห้อง ปลุกการัณย์ให้ตื่นจากการหลับใหล เขาเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบากจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซัดไปหลายแก้วเมื่อคืนแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องนอนแสนหม่นหมองใครกันที่เข้ามาในเพนต์เฮาส์ของเขาได้…คนที่มีคีย์การ์ดของที่นี่ก็มีแต่วรัญชิตากับเอมี่นี่นา ไม่สิ ยังมีอีกคนคือเก้ากวินทร์พี่ชายเขาแต่เขาภาวนาให้คนที่มาเคาะประตูเป็นวรัญชิตาได้ไหม…เขาคิดถึงเธอจนใจจะขาดแล้วปัง ปัง ปัง!การัณย์รีบขยี้ตาและลุกจากเตียงไปเปิดประตูห้องนอนด้วยความรีบร้อน แต่คนที่มาเคาะประตูโครมครามดันเป็นเก้ากวินทร์เสียอย่างนั้น ร้อยวันพันปีพี่ชายตัวดีของเขาไม่เคยมาที่นี่ วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น…“มึงอ่านข่าวเดี๋ยวนี้เลย” เขารับมาจากพี่ชายด้วยหัวใจที่กระตุกวูบอย่างรุนแรง…ขออย่าให้เป็นข่าวที่ทำร้ายจิตใจของคนที่เขารักเลย แค่นี้เธอก็เจ็บมากพออยู่แล้ว‘ข่าวลือแซ่บซู๊ดปากส่งท้ายปีมาแล้วพวกเธอ…วงในว่ากันว่าไฮโซ ว. เป็นมือที่สามในความสัมพันธ์สุดร้อนฉ่า แถมตอนนี้เธอยังท้องป่องโดยที่ฝ่ายชายไม่รับเป็นผิดชอบอีกด้วย’ ‘นัวชั้นสูงที่แท้จริง! ชาวเน็ตตาดีส่องสตอรี่ IG ของไฮโซสาวอีกคนที่เป็นเจ้าของฉายานางฟ้าแมวจรจัด
ในที่สุดการเดินทางหลายชั่วโมงก็ผ่านพ้นไป ตอนนี้วรัญชิตาได้เดินทางถึงบ้านพักที่ครอบครัวซื้อไว้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว“คุณไวน์…” คริสและมาร์ลีนรีบเดินมากอดต้อนรับอย่างอบอุ่น“คิดถึงจังเลยค่ะ” ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ดีเลิศจากการเรียนโรงเรียนนานาชาติมาทั้งชีวิต เธอจึงสามารถสื่อสารได้คล่องแคล่วมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เริ่มสนิทกับคริสและมาร์ลีนตั้งแต่เจอกันแรก ๆ“ปีนี้หนาวหน่อยนะคะคุณไวน์ แต่ป้าเตรียมเตาผิงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ” เธอเห็นด้วยว่าปีนี้หนาวจริง ๆ ปกติที่เคยมาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วอากาศไม่หนาวขนาดนี้ หรือเป็นเพราะช่วงนี้มันปลายเดือนพฤศจิกาแล้วด้วยอุณหภูมิจึงลดลงต้อนรับฤดูหนาววรัญชิตาถอดเสื้อคลุมออกและนั่งลงบนโซฟาหนังตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น ความอบอุ่นจากเตาผิงที่ถูกจุดไว้ทำให้ใส่แค่เสื้อไหมพรมตัวเดียวก็เอาอยู่โดยไม่ต้องเปิดเครื่องทำความร้อนเพียงไม่นานมาร์ลีนก็นำแก้วโกโก้อุ่น ๆ มาเสิร์ฟ เธอยกดื่มและนั่งคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กับมาร์ลีนและคริสไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินลืมความเศร้าไปชั่วขณะคุณแม่ของเธอคิดถูกจริง ๆ ที่ส่งเธอมาพักใจอยู่ที่นี่ เพราะกา