Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-15 20:11:35

1 อาทิตย์ผ่านไป

นับว่าโชคยังดีที่การัณย์ยังไม่ได้ติดต่อมากวนใจเธอเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่เข้ามากดไลก์ , Comment โพสต์ใน I* เธอทันทีที่ลงรูป เรียกได้ว่าเขาแสดงได้สมบทบาทมากทีเดียว เพราะกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยเป็นข่าวกับเขานั้นไม่มีใครเคยได้รับการแสดงออกแบบนี้เลย

แต่เขาก็คงทำ ๆ ไปงั้น เพราะความเกรงใจที่มีต่อครอบครัวเธอด้วยแหละมั้ง ยังไงก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก

จริง ๆ เธอก็ไม่น่าอกหักจนไปทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นเลย แต่หลังจากวันที่แยกจากกันที่บริษัท เธอก็กลับมาสำรวจร่างกายตัวเองแล้วแหละ ว่ามันน่าจะจบที่ท่อนบนจริง ๆ เพราะเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าตัวเองเสียตัวไปหรือยัง

แล้วก็ขอโทษได้ไหมล่ะที่เสี้ยวหนึ่งแอบไปคิดว่าเพราะของเขาเล็กน่ะ อันที่จริงขนาดอาจจะใหญ่มากก็ได้ ก็เขามีเชื้อตะวันตกนี่นะ เดี๋ยวนะ! เธอจะไปคิดเรื่องขนาดของเขาทำไมเนี่ย! ลืมไปเดี๋ยวนี้เลย

“เฮ้อ…” แต่ถ้าจะพูดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ที่คลับ ก็คงจะนับเป็นเรื่องดีเพราะตั้งแต่มีเรื่องของพี่กายเข้ามา เธอก็ไม่ได้นึกถึงผู้ชายหลอกลวงคนนั้นเลย แม้ว่าเขาจะส่งข้อความมาถามไถ่ผ่าน Line แต่เธอก็หาได้แคร์

อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอมีแฟน (ปลอม) เป็นตัวเป็นตนแล้ว แถมหล่อ รวย และแซ่บกว่าคนใจหมาเป็นล้านเท่า

ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไอ้การ ‘ทำให้เขาพอใจ’ เนี่ย คำตอบมันคืออะไรกันแน่

‘อยากเจอต้องได้เจอ อยากคุยต้องได้คุย อยากทำอะไรต้องได้ทำ’ แล้วทำที่ว่านี่มันหมายถึง ‘ทำ’ อะไรและถึงขั้นไหนกันล่ะ กรี๊ดดด ไม่อยากจะคิด!

ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะทำใจมาในระดับหนึ่งแล้วว่าต้องเจอกับอะไร แต่มันก็ยังหวั่น ๆ อยู่ดีว่าโทรศัพท์จะดังเมื่อไหร่

Rrrr Rrrr

วรัญชิตากลอกตาขึ้นด้านบนอย่างเบื่อหน่าย…โอเคเลยชีวิต จะบ้าตายรายวัน พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ก็ดังแล้ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่าใคร

“ค่ะ”

[รับสายเย็นชาจังครับ]

“มีอะไรคะ”

[วันนี้พี่น่าจะอยู่ออฟฟิศจนดึก ทำข้าวกล่องมาให้หน่อยสิครับ]

“แต่ไวน์ทำไม่เป็น สั่งมาไม่ได้เหรอคะ”

แค่ไข่เจียวง่าย ๆ เธอยังไม่เคยลงมือทำสักครั้ง อย่าฝันถึงข้าวกล่องที่มีเมนูและเครื่องเคียงหลากหลายเลย

[ลืมข้อตกลงของเราแล้วเหรอ]

นั่นไง! นึกไว้แล้วเชียวว่าต้องมาไม้นี้ แล้วจะให้เธอทำอย่างไรได้นอกจากตอบตกลง

“ค่ะ เดี๋ยวทำให้ค่ะ”

[ดีมากเด็กดี ถ้าอย่างนั้นอีก 2 ชั่วโมงเจอกัน แล้วอย่าให้รู้ว่าให้คนอื่นทำให้นะ ไม่งั้นโดนดีแน่]

“อะไรนะคะ!2 ชั่วโมงเหรอ เดี๋ยวสิ ฮัลโหล!”

-Beep-

บ้าเอ๊ย! แค่ 2 ชั่วโมงมันจะไปพออะไรกันเล่า แค่เตรียมของก็กินเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ไหนจะคิดเมนูอีก แล้วเธอก็ทราบดีว่าการจราจรช่วงเย็นน่ะรถติดแน่นขนัดสาหัสสุด ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงในการทำข้าวกล่องบ้าบอนี้

“บ้าอำนาจ!” หญิงสาวบ่นอุบอิบและรีบวิ่งลงจากห้องนอนตรงมาที่ห้องครัวใหญ่ โดยมีพี่อิ่มนั่งอยู่ข้างในนั้นพอดี

“พี่อิ่มคะ ไวน์มีเวลาสองชั่วโมงในการทำข้าวกล่องไปให้พี่กายค่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”

“เดี๋ยวพี่ช่วยค่ะคุณหนู”

“แค่คอยบอกวิธีข้าง ๆ ก็พอค่ะ ขืนพี่อิ่มช่วยทำพี่กายได้รู้พอดีว่าไวน์ไม่ได้ทำเอง”

“ได้ค่ะ งั้นเริ่มจากรีบหุงข้าวก่อนเลยค่ะเดี๋ยวไม่ทัน”

หลังจากนั้นวรัญชิตาและพี่เลี้ยงก็รีบกุลีกุจอเริ่มต้นทำข้าวกล่องเบนโตะทันที โดยเริ่มจากการหุงข้าวหอมมะลิให้นุ่มฟูน่ารับประทาน

คนตัวเล็กจัดการเปิดตู้เย็นและหยิบวัตถุดิบอย่าง ไข่ ผัก และอกไก่ ออกมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว

เมนูที่วรัญชิตานึกออกมันก็มีแค่ ไก่ทอด ไข่ดาว และผักเครื่องเคียง และแน่นอนว่าเธอไม่เคยทำแม้กระทั่งการทอดไข่ ก็คนมันถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนู 100% จะทำไงได้

50 นาทีผ่านไป

ไม่น่าเชื่อว่าข้าวกล่องจะออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้ ไก่ทอดที่ควรจะกรอบนอกนุ่มในแต่กลับไหม้เป็นส่วนมาก ข้าวหอมมะลิที่ตั้งใจให้นุ่มฟูแต่แฉะอย่าบอกใคร ที่พอจะรอดก็มีแค่ไข่ดาวที่พอไปวัดไปวาได้

ถึงแม้ว่าระหว่างที่ทำจะมีแต่เสียงกรี๊ดประกอบเนื่องจากกลัวน้ำมันกระเด็น บวกกับโดนมีดบาดตอนหั่นไก่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมใส่กล่องเก็บอาหารจำเป็นที่หาได้จากในบ้านเรียบร้อย

ดูไปดูมาก็ภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย…

เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ คนตัวเล็กจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องและอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปออฟฟิศของการัณย์

เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์แขนสั้นสีงาช้างของ Dior กับกางเกงขายาวทรงกระบอกสีดำ ผมที่ยุ่งเหยิงจากการทำครัวเมื่อกี้ ถูกหวีจนยาวสลวย ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มบาง ๆ ด้วยเครื่องสำอาง

ถึงแม้จะแค่เอาข้าวไปส่งแต่ก็ต้องสวยพริ้งเพราะเราคือไฮโซสาวค่ะ!

หญิงสาวลงมาจากชั้นบน และพาตัวเองเข้ามาอยู่ในรถตู้สีขาวเรียบร้อย โดยไม่ลืมที่จะหยิบถุงข้าวกล่องของคนพี่มาด้วย

ในระหว่างการเดินทางเธอก็ไถหน้าฟีตบน F******k ไปเรื่อย อันที่จริงข่าวของเขากับเธอก็ยังคงเป็นประเด็นร้อนอยู่

พอหลังจากที่เขาลงสตอรี่เปิดตัวไป I*******m ของเธอก็แทบแตก มีคนเข้ามา Follow เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ถึงจากเดิมเธอก็เป็นที่รู้จักมีคนฟอลหลักแสนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หญิงสาวกลายเป็นที่น่าจับตาของสังคมมากขึ้น

เพราะสองทายาทตระกูลมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ของประเทศประกาศคบหากันนั้นย่อมสร้างแรงกระเพื่อมทางธุรกิจโดยตรง

ลองอ่านทิศทาง Comment หน่อยแล้วกัน…

‘อยากเม้าธ์นะแต่เงินในบัญชีมีน้อย 5555’

‘วงในเม้าธ์มาว่านางเป็นมือที่สามไม่ใช่เหรอ’

‘รู้มาสักพัก แต่พูดไม่ได้จริง ๆ ’ แล้วพูดหาญาติเธอหรือไง ยิ่งอ่านยิ่งฉุน!

จะบ้าตายกับแต่ละคอมเมนต์ ชาวเน็ตนี่มันมโนกันไปเรื่อยจริง ๆ เธอก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นมือที่สามสี่ห้าของการัณย์หรือเปล่า เพราะปกติเธอก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะออกเดตกับใคร แต่เท่าที่รู้มาคือเขาโสดมาตั้งหลายเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ จะไปเป็นมือที่สามได้ยังไง

นังพวกชาวเน็ตและสะใภ้มโนก็คงจับแพะชนแกะไปเรื่อย อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าฟ้องเรียกค่าเสียหายสักคนละ 10 ล้านยังจะกล้าเห่าอยู่ไหม

คิดแล้วก็โมโหจริง ๆ คนอย่างวรัญชิตาไม่เคยปล่อยให้ใครด่าแล้วลอยนวลไปได้ง่าย ๆ แต่ต้องมานั่งอดทนเพราะความเป็นผู้บริหารของบริษัทและห้างที่ยังต้องพึ่งกำลังซื้อของประชาชนอยู่นี่แหละ

“เซ็ง!” หญิงสาวพ่นลมหายใจฮึดฮัด ก่อนจะเอนตัวแนบกระจกและดูรถติดไปเรื่อย และหลังจากการเดินทางอันยาวนานร่วม 40 นาที ในที่สุดรถตู้สีขาวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าตึกใหญ่โตที่เป็นที่ทำงานของการัณย์ได้ทันเวลา มือเรียวถือถุงข้าวกล่องไว้แน่น พลางกดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 18 ด้วยอาการตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเธอเคยมาที่นี่เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วแค่ครั้งเดียวแต่ก็ทราบดีว่าบ้านนี้เขาทำงานกันคนละชั้น

ลิฟต์ใหญ่เคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ จนหยุดเปิดรับคนที่ชั้น 7

“อ้าว น้องไวน์”

“พี่เก้า! สวัสดีค่ะ” คนตัวเล็กยกมือไหว้เก้ากวินทร์ด้วยความเคยตัว เพราะเขาอายุมากกว่าเธอถึง 7 ปี แล้วที่สำคัญเธอกับเขาก็เคยเจอกันในงานเลี้ยงสังคมเหมือนกับการัณย์อยู่แล้ว

จะต่างกันก็ตรงความรู้สึก… กับคนบ้าคนนั้นเธอจะรู้สึกไม่อยากเจอและคอยหลบหน้าตลอดเพราะเขาเอาแต่แกล้งเธอ แต่กับเก้ากวินทร์นั้นต่างออกไป เพราะเธอมักจะมองเขาอย่างชื่นชมจากความใจดี สุภาพ และดูเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยรุ่น

“สวัสดีครับ มาหากายเหรอ” เขาเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ

“เอ่อ…ค่ะ”

เธอตอบเขาไปอย่างอึดอัด ใช่อยู่ว่าตอนนี้ทุกคนในครอบครัวเขาน่าจะรู้ว่าเธอกำลังคบกับการัณย์แบบแกล้ง ๆ แต่ถ้าตอบว่า “ใช่ค่ะ ไวน์ทำข้าวกล่องมาให้พี่กาย” มันก็จะดูยังไง ๆ อยู่นะ

“เป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม”

“สบายดีค่า พี่เก้าล่ะคะ”

“สบายดีครับ”

เขาตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ คนตัวเล็กได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายนั้นเงียบ ๆ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ออร่าความอบอุ่นใจดีของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อลิฟต์เดินทางมาหยุดที่ชั้น 18 เก้ากวินทร์ก็ผายมือให้ร่างบางเดินออกไปก่อน โดยที่เขาเดินตามออกมา

“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งครับ”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมเดินเคียงคู่ไปกับเก้ากวินทร์ เธอเคยมาตึกนี้ก็เมื่อหลายปีมาแล้ว แถมตึกก็ใหญ่โตโอ่อ่า มีคนเดินเป็นเพื่อนนำทางไปห้องทำงานของการัณย์ก็ดีเหมือนกัน

“อ้อ! จริงสิ อาทิตย์หน้าพี่จะจัดงานเลี้ยงหน้ากาก น้องไวน์ก็มาด้วยกันสิครับ” เก้ากวินทร์เอ่ยชวนระหว่างทาง

“โห อาทิตย์หน้าเองเหรอคะ ไวน์จะลดพุงทันไหมเนี่ย”

เขาถึงกับหลุดขำให้กับความน่าเอ็นดูของวรัญชิตา ตัวบางแค่นี้จะมีพุงที่ไหนกัน

“พี่ก็ไม่มั่นใจว่าสิวจะหายทันไหมเหมือนกัน ฮ่า ๆ ”

สิว?หน้าหล่อเนียนกริบขนาดนี้จะเอาสิวมาจากไหนคะคุณพี่! รู้อยู่หรอกว่าเล่นมุกตามมารยาท

สองหนุ่มสาวเดินคุยกันมาตามทางอย่างอารมณ์ดี จนเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าบริเวณห้องทำงานของการัณย์ และได้พบกับสาวิตรีเลขาหน้าห้องของเขา

“สวัสดีค่ะคุณเก้า, คุณไวน์”

“ครับพี่ส้ม เลี้ยงเจ้ากายเหนื่อยหน่อยนะครับ”

เก้ากวินทร์เอ่ยแซว เพราะสาวิตรีเคยเป็นเลขามากประสบการณ์ที่ทำงานกับคุณพ่อเขามากว่า 20 ปี

ด้วยความที่น้องคนเล็กอย่างการัณย์เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทได้ไม่นานนัก เจ้าสัวกรรชัยเลยต้องส่งเลขามืออาชีพมาประกบ

“อย่าเอ็ดไปค่ะ เดี๋ยวโดนดุนะ!” สาวิตรีกระซิบอย่างอารมณ์ดี

วรัญชิตาได้แต่หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะเธอก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าการัณย์เป็นลูกชายคนเล็ก ย่อมต้องมีมุมเด็ก มุมเอาแต่ใจบ้างเป็นธรรมดา

และในระหว่างที่ทั้ง 3 คนนั้นกำลังหัวเราะกัน ประตูห้องทำงานของการัณย์ก็เปิดออกมา

ทันทีที่ร่างสูงปรากฏตัวพร้อมใบหน้าบึ้งตึง ทุกคนก็เงียบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“มาด้วยกันได้ยังไง”

คนตัวสูงเอ่ยถามเสียงดุจนแม้แต่วรัญชิตาเองก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่น่าสะพรึงกลัวจากตัวเขา

“เจอกันในลิฟต์เมื่อกี้ กูแค่เดินมาส่งน้อง”

“ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงรับหน้าที่เป็นไกด์นำทางด้วย”

เก้ากวินทร์เลือกจะไม่ตอบโต้ เพราะไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น จึงทำเพียงหันไปยิ้มอ่อนให้คนตัวเล็กข้าง ๆ และโบกมือลา พร้อมทั้งสาวิตรีก็เดินปลีกตัวออกไปอย่างรู้งาน

สถานการณ์ตึงเครียดตกอยู่ที่หญิงสาวเต็ม ๆ เพราะตอนนี้เหลือแค่เธอกับเขาสองคนแล้ว

“เข้ามา!”

เธอทำได้เพียงเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานโดยที่มือน้อยบีบถุงข้าวกล่องไว้แน่น

ตอนนี้ในห้องทำงานของเขาเงียบสงัดจนได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศและการพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ราวกับต้องการจะสบถ

อันที่จริงเธอก็พอจะรู้อยู่ว่าเขาเป็นพี่น้องที่ต่างกันสุดขั้วและดูไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าการเมืองภายในของทั้งสองคนจะตึงเครียดขนาดนี้

หญิงสาวพยามคิดหาสาเหตุที่พวกเขาบาดหมางกันพลางลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้สันกรามคมคายขบกันจนเกิดสันนูน

บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ทำให้วรัญชิตาเองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้…น้ำเสียงตอนที่เขาโทรมาหาเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุม

“เอ่อ…นี่ค่ะ”

คนตัวเล็กตัดสินใจทำลายความเงียบด้วยการวางกล่องข้าวไว้บนโต๊ะกระจกตรงกลางโซฟาสีดำ

ตอนนี้ทำใจดีสู้เสือไปก่อนแล้วกัน…

“กลับไปก่อนเถอะ”

“คะ?”

“พี่จะทำงานต่อ ขอบคุณมากสำหรับข้าว” ว่าจบคนตัวสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานพลางหมุนไปทางวิวตึกผ่านหน้าต่างกระจกโดยไม่แม้แต่จะชายตามามองกล่องข้าวที่วางไว้เลย

ก็คิดอยู่แล้วว่าเขาน่าจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะไม่ใยดีข้าวกล่องของเธอขนาดนี้…

ถึงแม้มันอาจจะดูห่วย แต่เมื่อเขาบอกให้ทำเธอก็ตั้งใจและพยายามอย่างสุดฝีมือจนออกมาเป็นข้าวกล่องที่เธอภูมิใจ

ต่อให้อยากถามแทบตายว่าเขาเป็นอะไร แต่ด้วยนิสัยไม่ชอบเซ้าซี้ใครเธอเลยทำได้แค่ต้องหยิบกระเป๋าและลุกออกไปจากห้องเงียบ ๆ

ในจังหวะที่กำลังจะเปิดประตู เสียงทุ้มที่แสดงความคุกรุ่นก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“ถ้ายังอยากจะเล่นบทแฟนพี่อยู่…ก็อย่าไปยุ่งกับไอ้เก้าให้พี่เห็นอีก”

“พี่ไม่ชอบ”

แม้ว่าเขาจะยังไม่หันเก้าอี้กลับมาสบตากับเธอ แต่หญิงสาวก็พอเดาได้ว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้ต้องโกรธาราวกับมีลาวาประทุอยู่ในใจแน่นอน

หญิงสาวตัดสินใจไม่ตอบอะไรกลับไป ถึงแม้อยากจะตะโกนด่าคืนแค่ไหนแต่เธอก็เลือกที่จะปิดประตูและเดินออกมาเงียบ ๆ …

บอกตรง ๆ ว่าเธอเองก็โคตรไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิดนักหนา เขาถึงได้เย็นชาใส่กันขนาดนั้น

เรื่องที่เขาสองคนไม่ถูกกันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ประโยค “ถ้าอยากจะเล่นบทแฟนพี่อยู่” มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างไรชอบกล

เธอรู้ตัวดีว่าเรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเธอเองนั่นแหละที่สร้างปัญหาจนเขาต้องมาเสียเวลารับผิดชอบการกู้ภาพลักษณ์ของเธอ

แต่การพูดย้ำเตือนแสดงจุดยืนว่าเราสองคนเป็นแค่แฟนจอมปลอมก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอจะได้นับเวลาถอยหลังรอวันที่จะเป็นอิสระต่อกันเสียที…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 53

    และในที่สุดพิธีแต่งงานก็จบลงอย่างสมบูรณ์ สามีภรรยาป้ายแดงยืนส่งแขกอยู่ครู่หนึ่งก็พากันขึ้นไปบนห้องหอที่มีพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่ายรออยู่แล้วภายในห้องประกอบไปด้วย วรเวช และนุชนาท พ่อกับแม่ของวรัญชิตา และกรรชัยกับอาเมเลียแม่ของการัณย์ที่ถึงแม้จะเลิกรากับพ่อไปตั้งแต่เขายังเด็ก แต่วันนี้เป็นวันสำคัญของลู

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 52

    ความหวานของคู่รักมหาเศรษฐีทำเอาทีมงานที่คอยจัดเตรียมความเรียบร้อยของงานแต่งสุดอลังการแถวนั้นอดยิ้มตามไม่ได้กลายเป็นว่าหลังจากผ่านเรื่องร้าย ๆ มาทั้งหมด วรัญชิตากับการัณย์ก็ขึ้นแท่นคู่รักสุดฮอตขวัญใจชาวเน็ตไปโดยปริยาย เพราะการแสดงออกอย่างคลั่งรักของเขาทำให้สาว ๆ หลายคนแต่งตั้งให้เขาเป็นแฟนหนุ่มในฝัน

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 51

    “แต่งค่ะ” หลังจากคำตอบแสนหวานจากคนที่เขารักที่สุดออกมา การัณย์ก็ไม่รอช้ารีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที เขาลุกขึ้นมากอดหญิงสาวบนเตียงด้วยความรักใคร่เป็นที่สุด“พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องไวน์กับลูกของเราให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะครับ” “ค่ะ” วรัญชิตาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอไปเต็มเบ้าตา มันเป็นหย

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 50

    “อ๊า อื้อ…” คนตัวเล็กครางเสียงสั่น เธอรู้สึกถึงการหวิวในท้องน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่การัณย์ก็ยังคงมอบความเสียวซ่านจนสมองขาวโพลนไปหมด และในที่สุดหญิงสาวก็ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างมีความสุข“อ๊า…” เธอปลดปล่อยหยาดธาราสีใสออกมาจนมันอาบย้อมแก่นกายที่ยังคงกระแทกเข้าออกอย่างไม่ลดละจนฉ่ำวาวไปหมดการัณย

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 49

    โพรงปากน้อยดูดดุนแท่งร้อนราวกับกำลังกินไอศกรีมแท่งโปรด แม้ว่าจะเป็นการจูบความเป็นชายของเขาครั้งแรก แต่เธอก็ทำทุกอย่างได้ดีเพราะสัญชาตญาณนำพา ยิ่งยามที่เธอใช้ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียกายแกร่งและออกแรงดูดเม้มจนเกิดเสียงลามกขึ้น คนใต้ร่างยิ่งร้องครางออกมาอย่างเสียวซ่านความกระสันที่เมียตัวน้อยปรนเปรอให้ ทำเ

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 48

    “อยากกอดเมีย…” “แต่พี่เพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะคะ เมื่อกี้ยังจะตายอยู่เลย…” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา เพราะเธอไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชิดกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว“ก็คิดถึง อยากกอด อยากจูบ รู้ไหมว่าสองอาทิตย์ที่เราห่างกันพี่ทรมานแค่ไหน ใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่ไ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status