Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-05-17 20:46:40

สำนักงาน SK - Airways

เวลาประมาณ 21.00

การัณย์นั่งเอนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง และหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากอยู่ท่ามกลางกองเอกสารมาตั้งแต่เช้ายันค่ำ

ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัท แต่ก็ใช่ว่าจะใช้เงินไปวัน ๆ อย่างเดียว เพราะทั้งเขาและเก้ากวินทร์เองต่างต้องเรียนรู้และลงมือทำงานในทุกด้านให้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมตัวขึ้นเป็นทายาทรุ่นต่อไปของอนาจักรหลายหมื่นล้านที่ต้นตระกูลของสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจ

ปกติการัณย์จะเข้าออฟฟิศแค่สัปดาห์ละ 3-4 วัน และไม่ได้ยุ่งขนาดนี้ แต่เพราะสัปดาห์นี้มีเอกสารให้ตรวจสอบรายละเอียดเยอะพอสมควร และด้วยความเป็นคนละเอียดจึงทำให้ล่วงเลยเวลามานานหลายชั่วโมง

แต่เขาก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวให้พนักงานต้องเลิกงานค่ำเหมือนเขา เพราะชายหนุ่มได้แจ้งให้พนักงานและเลขาเลิกงานตามปกติ ทำให้ตอนนี้ชั้น 18 เหลือแค่เขาคนเดียวที่ยังอยู่

จะว่าทำงานระบายความโกรธก็เห็นจะได้…เพราะวันนี้เขารู้สึกไม่พอใจแปลก ๆ ตอนเห็นยัยน้องกับพี่ชายเขาอยู่ด้วยกันแถมยังหัวเราะต่อกระซิกกันอีกต่างหาก

ความจริงคือเขาได้ยินตั้งแต่เลขาเอ่ยทักสองคนนั้นแล้ว แต่มาโกรธจัด ๆ ก็ตอนเปิดประตูออกมาแล้วเห็นใบหน้าสวยหวานนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

ที่แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้รอยยิ้มสดใสนั้นฉายออกมา….

ตั้งแต่รู้จักกันมาหลายปี เขาไม่เคยได้รับรอยยิ้มจากเธอเลยสักครั้ง เพราะเธอมักจะมองเขาด้วยหน้าบูด ๆ สายตาเซ็ง ๆ

ก็ยอมรับแหละว่าเขาชอบไปแหย่เธอ เพราะมันสนุกดีตอนเห็นเธอโกรธ แต่พอมาเห็นเธอยิ้มเพราะคนอื่นที่ไม่ใช่เขาแล้วมันก็รู้สึกอึดอัดเป็นบ้า!

แค่คิดไฟในตาของเขากำลังจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง…แต่ทว่าความโกรธานั้นก็ดับวูบลง เพราะสายตาคมกริบเหลือบไปมองเห็นกล่องข้าวที่วางอยู่

จริงสิ นี่ 3 ทุ่มจะครึ่งแล้ว แต่คนน้องกลับไปตั้งแต่ 5 โมงเย็น เท่ากับว่าข้าวกล่องที่เธอทำมาให้นั้นนอนไร้ค่าอยู่บนโต๊ะมานานกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว

คิดได้เช่นนั้นร่างสูงโปร่งจึงลุกขึ้นไปหยิบถุงข้าวกล่องขึ้นมา เมื่อเปิดออกมาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นหน้าตาอาหารที่ดูก็รู้ว่าเธอทำเองจริง ๆ ไม่โกง

เพราะไก่ก็สีเข้มค่อนไปทางไหม้ ผักก็ชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้าง โชคดียังมีไข่ดาวที่ยังเหลือเอกลักษณ์ความกลมไว้ได้แต่ก็อมน้ำมันชะมัด

ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาถูกประดับด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู…ในตอนแรกก็คิดว่าจะลองใจให้โมโหเล่น ๆ แต่ปรากฏว่าเธอทำมาจริง

ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ข้าวกล่องนี้จะทำให้ความขุ่นเคืองที่มีมลายหายไป

อันที่จริงคนที่ทำให้เขาโกรธจริง ๆ มันคือเก้ากวินทร์ต่างหาก แต่ก็พาลไปไม่พอใจใส่คนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

นี่เขาปล่อยให้ความใจร้อนของตัวเองครอบงำจนเผลอแสดงท่าทีใจร้ายใส่ยัยน้องหรือเปล่าเนี่ย…

“...”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างสูงโปร่งจึงรีบจัดการปิดคอมพิวเตอร์ ปิดไฟ และเดินออกจากห้องทำงานโดยไม่ลืมที่จะหิ้วถุงข้าวกล่องมาด้วย

ระหว่างทางเดินในชั้น 18 นั้นเงียบสงบปราศจากผู้คน ขายาวก้าวเท้าอย่างมั่นคงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงลานจอดรถสำหรับผู้บริหารที่ตอนนี้เหลือเพียง McLaren สีดำเงาราวกับเสือดำในยามราตรีจอดอยู่คันเดียว

มือใหญ่เปิดที่เก็บของและวางกล่องข้าวเข้าไปในนั้น พลางกด Start และพุ่งทะยานออกจากบริษัทด้วยความรวดเร็ว

เสียงเครื่องยนต์แสนทรงพลังดังกระหึ่มราวกับเสียงประกาศกร้าวของราชาแห่งท้องถนน ดีไซน์รถที่หรูหราแต่ทว่าล้ำสมัย ทำให้ไม่ว่าผ่านไปทางไหนทุกสายตาก็ต้องหยุดมอง

ทันทีที่ McLaren คันดุดันแล่นขึ้นสะพานทางด่วนที่ค่อนข้างโล่งเพราะจวนจะ 4 ทุ่มแล้ว เท้าใหญ่ก็เหยียบคันเร่งจนความเร็วขึ้นเป็น 170 km/h

โดยปกติเขาเป็นคนขับรถเร็วมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีความรู้สึกร้อนใจเหมือนจะโดนใครบางคนงอน เลยต้องเร่งสปีดขึ้นไปอีก

ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะยอมออกมาเจอกันนะ…ไม่อย่างนั้นคงต้องใช้ไม้ตายไม้เดิม

คฤหาสน์วงศ์ธารานิพิฐ

“เฮ้อ…”

คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางกดปิดฝักบัวและเดินออกมาแต่งตัวข้างนอกพร้อมเข้านอน

หลังจากสวมชุดนอนแขนยาวผ้าซาตินเนื้อเนียนสีชมพูอ่อนทรงสบาย หญิงสาวพาตัวเองมานั่งหวีผมหน้ากระจกและเตรียมลงสกินแคร์

ในขณะที่มือเรียวกำลังจะหยิบกระปุก Moisturizer ดวงตาคู่งามก็ได้สังเกตเห็นปลายนิ้วชี้เรียวที่ถูกพันด้วย พลาสเตอร์ปิดแผลเนื่องจากถูกมีดบาดตอนหั่นเนื้อไก่

“...”

ลืมไปเสียสนิทเลยว่าเป็นแผล…เพราะตอนที่โดนคนใจร้ายไล่กลับมา เธอก็ตั้งใจว่ากลับถึงบ้านจะมานอนดูซีรีส์สักเรื่องไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน

แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ตอน ความรู้สึกมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาแทรกซึมจนรับชมอะไรไม่รู้เรื่อง จนสุดท้ายต้องปิดทีวี และขึ้นมาขังตัวเองอยู่ในห้องตั้งแต่ 1 ทุ่ม

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องไปน้อยใจคนแบบนั้น ก็รู้อยู่แล้วว่าเขานิสัยแย่ยังไง ยังจะไปคาดหวังอะไรในตัวเขาอีก

“บ้า บ้าที่สุด!”

Rrrr Rrrr

ในขณะที่นั่งทึ้งผมตัวเองอยู่นั้น โทรศัพท์ก็สั่นแจ้งเตือนเบอร์ที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดโทรเข้ามา

-beep-

ก็ตัดสายไปเลยสิคะ! โทรมาหาพระแสงอะไรไม่ทราบ ไม่อยากคุยโว๊ยยย!

Rrrr Rrrr

-beep-

แม้จะถูกตัดสายแต่เขาก็ยังโทรจี้มาไม่หยุด จนหญิงสาวกำลังจะกดปิดโทรศัพท์เท่านั้นแหละ ข้อความโชคร้ายก็เข้ามาทันที

[พี่จอดรถอยู่หน้ารั้ว ถ้าไม่อยากให้เข้าไปก็ออกมา]

[หรืออยากให้พี่ไปสวัสดีคุณลุงกับคุณป้าตอนดึก ๆ ก็ได้นะ :) ]

กรี๊ดดดด! ไอ้คนบ้า! รู้อยู่หรอกว่าถือไพ่เหนือกว่า และตอนนี้เธอยังต้องพึ่งพาเขาอยู่ แต่จะขู่เข็นกันแบบนี้ไปตลอดเลยรึไง!

เป็นคนไล่เธอกลับมาเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับมาบังคับให้เธอออกไปเจอเนี่ยนะ มันไม่เอาแต่ใจไปหน่อยเหรอ!

คิดแล้วก็โมโห! แต่ถึงจะกรีดร้องในใจแค่ไหนแต่ก็ต้องข่มใจแล้วแอบย่องออกไป เพราะรู้ดีว่าต่อให้เธอจะปิดโทรศัพท์ขังตัวเองไว้ในห้องนอน คนหน้าด้านอย่างเขาก็ต้องขับรถเข้ามาในตัวบ้านอยู่แล้ว

สู้ออกไปเจอให้มันจบ ๆ กันไปเลยดีกว่า โชคยังดีนะที่วันนี้พ่อกับแม่ของเธอเข้านอนไว ไม่อย่างนั้นได้มาตอบคำถามอีกแน่ ๆ ว่าจะไปไหนตอนกลางคืน ตอนนี้ยิ่งโดนทัณฑ์บนอยู่ด้วย

“...”

ร่างบางในชุดนอนเดินมาเรื่อย ๆ ตามความกว้างใหญ่ของคฤหาสน์ จนเมื่อพ้นบริเวณสวนจึงมองเห็นรถซูเปอร์คาร์สีดำมันเงาจอดตระหง่านอยู่หน้าบ้าน โดยมีคนตัวสูงยืนพิงรถรออย่างสบายอารมณ์

ครืด…

รั้วขนาดใหญ่ถูกเปิดออกโดยที่รปภ.ส่งยิ้มให้เธออย่างสุภาพ หญิงสาวก้มหัวให้น้อย ๆ แทนคำขอบคุณ ก่อนกลับมามองคนใจร้ายตาเขียวดังเดิม

“ชุดนอนน่ารักจังครับ”

คำเอ่ยแซวนั้นทำให้ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวแต่ต้องพยายามปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งไว้ จะบอกว่านอกจากคนที่บ้านแล้วไม่เคยมีใครเห็นเธอในชุดนอนมาก่อนเลยนะ!

“มาที่นี่ทำไมคะ” วรัญชิตาเอ่ยเสียงต่ำ

“ไปกินข้าวกัน”

“หา?ตอน 4 ทุ่มเนี่ยนะ” หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างฉงน คิดว่าเรือนร่างสวย ๆ ของเธอได้มาเพราะกินข้าวตอน 4 ทุ่มหรือยังไงกัน!

“ใช่ ตอนนี้แหละ”

“ไม่ไปอะ ไวน์จะนอนแล้ว”

“ก็พี่หิวนี่ครับ”

หึ ข้าวกล่องที่เธอทำไปมันคงไปนอนอยู่ในถังขยะแล้วสินะถึงบ่นหิวแบบนี้ แถมยังหน้าด้านมาบังคับให้เธอไปกินข้าวด้วยอีก

“ไม่-ไป” คนตัวเล็กพูดเน้นคำ

“เป็นแฟนกันก็ต้องไปกินข้าวด้วยกันได้สิ เล่นตัวทำไม”

“หรือไม่อยากเป็นแล้ว?” เขาเลิกคิ้วถามเสียงกวน

เบื่อจริงจริ๊ง ไอ้มุกจะบอกเลิกเนี่ย ทำเป็นเด็ก ๆ ไปได้!

“เฮ้อ…” เธอให้คำตอบเป็นการถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้รู้กันไปเลยว่าไม่อยากไปโว๊ยยย!

“แล้วสรุปจะไปไหมครับ”

“ไม่ไปได้ไหมล่ะคะ”

“ไม่ได้”

“งั้นจะถามทำไมเล่า!”

เฮ้อ! ปวดหัวกับผู้ชายคนนี้จริง ๆ นี่เธอต้องอดทนอยู่กับเขาไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย อยากจะบ้า!

“อย่างน้อยก็ขอเปลี่ยนชุดได้ไหมคะ”

“ไม่ได้ครับ”

เผด็จการ! เผด็จการไม่มีใครเกินเลยจริง ๆ นี่เธอต้องไปนั่งกินข้าวข้างนอกด้วยสภาพชุดนอนสีชมพูเนี่ยนะ ฮือ แค่คิดก็อายแล้ว

คนตัวเล็กได้แต่บ่นอุบอิบในลำคอและจำใจเดินอ้อมไปทางที่นั่งฝั่งคนขับ แต่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเดินมาดักและเปิดประตูรถให้หญิงสาวอย่างเอาใจ ถึงแม้ว่าเธอจะทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมเข้าไปนั่งในรถแต่โดยดี

“ก็แค่เนี้ย”

บรื้น!

McLaren คันงามกระชากตัวออกไปด้วยความเร็วจนหญิงสาวกำมือบนเข็มขัดนิรภัยแน่น เสียงเครื่องยนต์ตอนออกตัวน่าจะดังจนพ่อกับแม่เธอตื่นเลยมั้งเนี่ย…

“นี่! ขับช้า ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ”

คนตัวสูงไม่สนใจ มือใหญ่ยังคงกำพวงมาลัยต่อไปด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง นี่เขาใช่คนเดียวกันกับคนที่หน้าบูดเป็นตูดหมาเมื่อตอนเย็นหรือเปล่า!

หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ยิ่งตอนที่ถนนโล่ง ๆ เขายิ่งทวีคูณความเร็วของรถเข้าไปอีก หญิงสาวได้แต่สวดมนต์และหลับตาปี๋ด้วยความกลัว

นี่เขาจะลวงเธอมาฆ่าหรือยังไง!

“โอ๊ยยย! ช้าหน่อยค่ะ ความดันขึ้นหมดแล้วเนี่ย!”

เอี๊ยด!

บทจะเบรกก็เบรกเสียหัวทิ่ม นี่จะพาไปกินข้าวหรือพาไปถ่ายหนัง The fast and furious ภาคใหม่กันแน่!

“เฮ้อ...ขอบคุณค่ะ”

หลังจากเขาลดความเร็วมาอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ หัวใจที่เคยเกือบทะลุออกมาจากร่างก็ค่อย ๆ กลับมาเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังเดิม เกือบกลับบ้านเก่าแล้วไหมล่ะ…

“หึ…”

คนตัวเล็กได้แต่มองค้อนใส่เสี้ยวหน้าฟ้าประทานที่ตอนนี้ดูอารมณ์ดีผิดกับตอนเย็นราวกับคนละคน

นี่ก็ไม่รู้ว่าจะพาเธอไปไหนนะ ชุดอะไรก็ไม่ได้แต่งมา ขืนไปเจอคนรู้จักมีหวังอับอายแหง ๆ

“อีกไกลไหมคะ”

“ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้วครับ” รถยนต์คันสวยเคลื่อนตัวเลียบถนนไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดจอดในซอยเล็ก ๆ ติดถนนใหญ่ซอยหนึ่ง

คนตัวสูงเปิดที่เก็บของและหยิบถุงกล่องข้าวของที่เธอทำให้ออกมา พร้อมทั้งลงไปเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้เธออีกครั้ง

ทันทีที่เห็นมือใหญ่ถือถุงกล่องข้าวของเธอไว้ หัวใจดวงน้อยที่เคยฟีบแบนจากการน้อยใจก็พองโตขึ้นมาราวกับถูกสูบลม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงดีใจขนาดนี้ที่เขาไม่ได้ทิ้งข้าวกล่องเธอลงถังขยะอย่างที่เธอหวั่นกลัว

“ขอบคุณค่ะ”

ไม่รู้ว่าการขอบคุณครั้งนี้คือการ ‘ขอบคุณที่เปิดประตูรถให้ค่ะ’ หรือ ‘ขอบคุณที่ไม่ทิ้งลงขยะนะคะ’ กันแน่

“...”

หลังจากลงมาจากซูเปอร์คาร์สุดหรู หญิงสาวก็กวาดสายตาไปมองบรรยากาศรอบ ๆ ก่อนพบว่าซอยที่เขาพามาจอดเป็นซอยข้างร้านสะดวกซื้อ และเดินออกไปอีกนิดก็จะมีร้านอาหารโต้รุ่งข้างทางตั้งเรียงกันหลายร้าน

ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่ , ก๋วยเตี๋ยว , ผัดไทยหอยทอดและบะหมี่หมูแดง

กลิ่นความหอมของน้ำซุปโชยมาตามลมจนหญิงสาวอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ด้วยความที่ถูกเลี้ยงแบบลูกคุณหนูร้อยเปอร์เซ็นต์ การรับประทานอาหารข้างทางจึงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ถ้าให้นับนี่ก็น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่เธอออกมาข้างนอกตอน 4 ทุ่มโดยที่ไม่ใช่ไนต์คลับหรือห้างสรรพสินค้า

ร่างบางได้แต่เดินตามคนตัวสูงที่ดูคล่องแคล่วราวกับมาที่นี่เป็นประจำ ก่อนจะหยุดยืนที่ร้าน ‘ป้านิ่มบะหมี่เกี๊ยว’ ที่ตอนนี้มีคนนั่งทานเพียงโต๊ะเดียว

“หวัดดีครับป้านิ่ม” คนตัวสูงเอ่ยทักทายคุณป้าเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง

“อ้าวคุณกาย ไม่เจอนานเลยลูก”

“อาทิตย์นี้ยุ่ง ๆ นิดหน่อยครับป้า” เดาจากบทสนทนาเมื่อครู่แสดงว่าเขาต้องเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้แน่นอน

“เอาบะหมี่เกี๊ยวครับ น้องไวน์จะกินอะไร”

“เอาแบบพี่กายก็ได้ค่ะ” เธอตอบไปอย่างเกรงใจ เอาจริง ๆ เลยก็คือเธอไม่รู้จะสั่งอะไรดี ไม่ค่อยได้กินก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่บ่อยเสียด้วยสิ

“งั้นเป็นบะหมี่เกี๊ยวพิเศษสองที่นะครับผม”

“จ้าลูก รอแปปนะจ๊ะ”

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ คนตัวสูงก็จัดการเดินไปตักน้ำแข็งใส่แก้วพร้อมหลอดสำหรับบริการตนเองอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามและรินน้ำให้เธอเสร็จสรรพพร้อมทั้งพันแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นจนเผยให้เห็นลำแขนท่อนล่างทั้งสองข้าง

ด้วยท่าทีสบาย ๆ บนเก้าอี้พลาสติกท่ามกลางเสียงรถที่แล่นไปมาริมถนนและบรรยากาศที่แสนธรรมดาแต่ทว่าดูพิเศษสำหรับเธอเมื่อเป็นเขาคนนี้

อันที่จริงหญิงสาวก็แอบเซอร์ไพรส์อยู่หน่อย ๆ ที่เขามีมุมติดดินแบบนี้ด้วย ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์เขาจะดูเอาแต่ใจ ร้าย ๆ รวย ๆ แต่กลับมีด้านที่นั่งทานข้าวร้านบะหมี่ข้างทางได้ง่าย ๆ จนถึงขั้นดูสนิทกับคุณป้าเจ้าของร้านได้เช่นกัน

สงสัยเธอจะต้องลองมองเขาใหม่แล้ว…ถึงแม้ว่าจะถูกไล่กลับบ้านมาเมื่อตอนเย็นก็เถอะนะ

“มาแล้วจ้า บะหมี่ร้อน ๆ ”

หลังจากนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ เพียงไม่นานบะหมี่เกี๊ยวชามร้อนก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ

“ขอบคุณครับป้านิ่ม”

“วันนี้พาแฟนมาด้วยเหรอจ๊ะ”

“ใช่ครับ สวยไหมครับ” เขาตอบรับยิ้ม ๆ ด้วยความลื่นไหลปราศจากความตกใจในสรรพนามที่คุณป้าใช้เรียกความสัมพันธ์ของเขากับเธอ จะมีแต่คนที่ถูกเรียกว่า ‘แฟน’ นี่แหละที่นั่งหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว

“สวยมากเลยลูกอย่างกับดาราแหนะ” หญิงสูงวัยเอ่ยชมพลางมองมายังวรัญชิตาที่สวยราวกับนางฟ้าในสายตาเธอ

คนถูกชมได้แต่ก้มหัวน้อย ๆ พร้อมทั้งส่งอมยิ้มให้กับคุณป้าเจ้าของร้านก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังหน้าร้านเพื่อเตรียมตัวทำบะหมี่ชามถัดไป

พอได้รับคำชมในฐานะแฟนของใครสักคนทำให้เธอรู้สึกเขินอายอยู่เหมือนกัน แต่หญิงสาวพยายามไม่ใส่ใจอาการหน้าร้อนของตัวเอง และจัดการหยิบตะเกียบกับช้อนออกมาจากกล่อง ก่อนจะลงมือชิมน้ำซุปก่อนเป็นอันดับแรก และพบว่าความหอมหวานของกระดูกหมูที่ถูกเคี่ยวมาอย่างดีนั้นไม่ได้อร่อยด้อยไปกว่าร้านดัง ๆ แพง ๆ ที่เธอเคยทานเลยเผลอ ๆ อร่อยกว่าด้วยซ้ำ

ยิ่งรวมกับเกี๊ยวหมูเด้งตัวยักษ์กับหมูแดงเนื้อนุ่มหอมกลิ่นซอสผสานกับเส้นบะหมี่ที่ลวกมาพอดีไม่แข็งไปไม่เละไป ทำให้บะหมี่ชามนี้อร่อยอย่าบอกใครเลยทีเดียว

จะว่าไปแล้วนี่ก็ถือเป็นการเปิดใจและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ของเธอเหมือนกัน ร้านอาหารบางร้านไม่จำเป็นต้องหรูหราหรือได้มิชลินสตาร์ แต่ก็สามารถทำให้ต่อมรับรสของคนเรารู้สึกอร่อยและอิ่มได้เช่นกัน

“...”

ตัดภาพมาที่คนพี่ที่นั่งมองคนตัวเล็กทำตาโตตั้งแต่คำแรก ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในตอนแรกก็หวั่น ๆ ว่าเธอจะชอบหรือเปล่าเพราะด้วยความที่รู้ดีว่ายัยน้องโตมายังไง แต่เมื่อเห็นแก้มใสพองออกมาจากการเคี้ยวเกี๊ยวหมูตุ่ย ๆ ก็น่าจะเป็นคำตอบได้แล้วล่ะ

“อร่อยไหมครับ”

“...” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ โดยที่ปากน้อยยังคงเคี้ยวบะหมี่เกี๊ยวอย่างเอร็ดอร่อย แต่ในจังหวะที่เธอคีบเส้นบะหมี่ขึ้นมา ร่างสูงคงสังเกตได้ถึงพลาสเตอร์ปิดแผลบนนิ้วชี้เรียว

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะรอจังหวะที่เธอปล่อยมือจากตะเกียบและจับมือบางมาดูใกล้ ๆ

“มีดบาดเหรอ”

“ค่ะ ตอนหั่นไก่น่ะ” วรัญชิตาสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เขาดึงมือไปจับโดยไม่รู้ตัว

“...”

“ทีหลังก็อย่าฝืนตัวเองสิ…” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังจรดริมฝีปากลงบนนิ้วเรียวของเธอเบา ๆ ราวกับต้องการปลอบโยน

“ทะ-ทำอะไรคะ!” ด้วยความตกใจคนตัวเล็กจึงรีบชักมือกลับด้วยความรวดเร็ว

“เอ้า ก็เคยมีคนบอกพี่ว่าถ้าจุ๊บตรงบริเวณที่เจ็บจะทำให้หายเร็วนี่นา”

“ใครบอกคะ มั่วแล้วค่ะ!”

“เชื่อถือได้แล้วกัน”

“พอเลย…ไวน์อิ่มแล้ว” บ้าจริง! ตอนนี้สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากนุ่มยังติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเธออยู่เลย แต่คนตรงหน้ากลับนั่งหน้าตาเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ!

นี่เขาทำเรื่องแบบนี้เป็นประจำจนไม่คิดอะไรแล้วหรือยังไงกัน!

“รีบอิ่มไปไหน พี่ยังไม่ได้กินข้าวกล่องฝีมือเราเลย”

“โอ๊ย! มันคงบูดไปแล้วแหละค่ะ ไม่ต้องกินหรอก”

“ไม่บูดหรอก ถ้าไม่กินน้องไวน์ก็เสียใจแย่สิ”

“บะหมี่ก็ยังกินไม่หมดเลย ยังจะยัดข้าวกล่องเข้ากระเพาะอีกเหรอคะ”

“แน่นอน พี่เก็บท้องไว้กินข้าวที่น้องไวน์ทำให้อยู่แล้ว” เขายังคงปากหวานไม่เลิกในขณะที่เธอเลือกที่จะนั่งเขินอายเงียบ ๆ

“ดูดีอยู่นะ ถึงไก่จะไหม้ไปหน่อยเถอะ” คนตัวสูงเปิดกล่องข้าววางไว้ข้างบะหมี่ชามโต

“อยากกินก็กิน…ท้องเสียขึ้นมาอย่ามาด่าก็แล้วกัน” เจ้าของข้าวกล่องพึมพำในลำคอ แต่นัยน์ตาสุกสกาวฉายแววตื่นเต้นที่คนพี่จะชิมผลงานที่เธอตั้งใจทำ

“ก็อร่อยนะ ใครบอกว่าทำกับข้าวไม่เป็นเนี่ย” การัณย์เอ่ยชมจากใจหลังจากได้ชิมไก่ทอดไปคำแรกเมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าสวยหวานก็เผลอยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ แม้ว่าวันนี้จะเริ่มต้นกันไม่ดีเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ถือว่าจบสวยล่ะมั้งนะ…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 53

    และในที่สุดพิธีแต่งงานก็จบลงอย่างสมบูรณ์ สามีภรรยาป้ายแดงยืนส่งแขกอยู่ครู่หนึ่งก็พากันขึ้นไปบนห้องหอที่มีพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่ายรออยู่แล้วภายในห้องประกอบไปด้วย วรเวช และนุชนาท พ่อกับแม่ของวรัญชิตา และกรรชัยกับอาเมเลียแม่ของการัณย์ที่ถึงแม้จะเลิกรากับพ่อไปตั้งแต่เขายังเด็ก แต่วันนี้เป็นวันสำคัญของลู

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 52

    ความหวานของคู่รักมหาเศรษฐีทำเอาทีมงานที่คอยจัดเตรียมความเรียบร้อยของงานแต่งสุดอลังการแถวนั้นอดยิ้มตามไม่ได้กลายเป็นว่าหลังจากผ่านเรื่องร้าย ๆ มาทั้งหมด วรัญชิตากับการัณย์ก็ขึ้นแท่นคู่รักสุดฮอตขวัญใจชาวเน็ตไปโดยปริยาย เพราะการแสดงออกอย่างคลั่งรักของเขาทำให้สาว ๆ หลายคนแต่งตั้งให้เขาเป็นแฟนหนุ่มในฝัน

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 51

    “แต่งค่ะ” หลังจากคำตอบแสนหวานจากคนที่เขารักที่สุดออกมา การัณย์ก็ไม่รอช้ารีบสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที เขาลุกขึ้นมากอดหญิงสาวบนเตียงด้วยความรักใคร่เป็นที่สุด“พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องไวน์กับลูกของเราให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะครับ” “ค่ะ” วรัญชิตาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอไปเต็มเบ้าตา มันเป็นหย

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 50

    “อ๊า อื้อ…” คนตัวเล็กครางเสียงสั่น เธอรู้สึกถึงการหวิวในท้องน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่การัณย์ก็ยังคงมอบความเสียวซ่านจนสมองขาวโพลนไปหมด และในที่สุดหญิงสาวก็ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างมีความสุข“อ๊า…” เธอปลดปล่อยหยาดธาราสีใสออกมาจนมันอาบย้อมแก่นกายที่ยังคงกระแทกเข้าออกอย่างไม่ลดละจนฉ่ำวาวไปหมดการัณย

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 49

    โพรงปากน้อยดูดดุนแท่งร้อนราวกับกำลังกินไอศกรีมแท่งโปรด แม้ว่าจะเป็นการจูบความเป็นชายของเขาครั้งแรก แต่เธอก็ทำทุกอย่างได้ดีเพราะสัญชาตญาณนำพา ยิ่งยามที่เธอใช้ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียกายแกร่งและออกแรงดูดเม้มจนเกิดเสียงลามกขึ้น คนใต้ร่างยิ่งร้องครางออกมาอย่างเสียวซ่านความกระสันที่เมียตัวน้อยปรนเปรอให้ ทำเ

  • One Night Stand กลายเป็นแฟนได้ไง   บทที่ 48

    “อยากกอดเมีย…” “แต่พี่เพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะคะ เมื่อกี้ยังจะตายอยู่เลย…” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา เพราะเธอไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชิดกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว“ก็คิดถึง อยากกอด อยากจูบ รู้ไหมว่าสองอาทิตย์ที่เราห่างกันพี่ทรมานแค่ไหน ใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่ไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status