Share

Episode – 4

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-11 15:21:34

3 วันต่อมา

มาเวอริคลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าวทั้งร่างกาย และภาพเพดานที่คุ้นเคยมันก็ทำให้เขารู้ตัวว่า ตัวเขาเข้ามาอยู่ห้องขังใต้ดินเป็นเวลาสามวันแล้ว มันทั้งอับทั้งชื้นและมีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย มาเวอริคค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจแล้วพยุงตัวขึ้นลุกนั่ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยามความเจ็บแปล๊บวิ่งไปทั่วร่างทันทีที่ขยับตัว แต่พอลุกนั่งได้แล้วก็ค่อย ๆ เอนหลังพิงผนังห้องเย็น ๆ

“เจ็บชะมัด” บ่นกับตัวเองแล้วเงยหน้ามองเพดานห้อง ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ ตอนนี้มาเวอริคไม่รู้สึกถึงน้ำหนักที่ข้อเท้าแล้วนั่นหมายความว่า โซ่ตรวนที่ถูกตัดถูกนำออกไปแล้วเรียบร้อย ทว่า สภาพของเขาในตอนนี้มันก็น่าเวทนาเหลือเกิน มาเวอริคเริ่มคิดว่าเขาจะรับมือกับอเล็กซานเดอร์ที่ลงมาหายังไงดี เพราะสามวันที่ผ่านมามันเต็มไปด้วยการทรมานที่แสนสาหัส เพียงแค่ต้องการรู้คำตอบในสิ่งที่มาเวอริคบอกกับโรนัลเดล บวกกับความเกลียดชังที่อเล็กซานเดอร์มีต่อมาเวอริค ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเลยกลายเป็นบาดแผลที่ยังไม่หายดีบนร่างกายมาเวอริค และมาเวอริคก็มีเรื่องมากมายที่อยากเอ่ยถามกับอเล็กซานเดอร์

หากอเล็กซานเดอร์ลงมาหาเขาอีกครั้ง เขาจะเอ่ยถามทุกสิ่งทุกอย่างออกไปให้หมด ต้องรีบเคลียร์รีบสะสางทุกอย่างก่อนการโต้กลับจะเริ่มขึ้น โรนัลเดลเองก็คงไม่อยู่เฉยและต้องเคลื่อนไหวเป็นแน่ การเจรจาถูกตัดจบไปแบบนั้นยังไงมันก็ต้องเกิดการปะทะขึ้นระหว่างขั้วอำนาจแม้จะอยู่คนละประเทศก็ตาม มาเวอริคหลับตาลงเล็กน้อยแล้วผ่อนลมหายใจ ชีวิตที่ต้องคอยเดินตามการชักใยนั้น เห็นทีมันจะจบในชีวิตปีที่ 38 ของเขาล่ะนะ

“ถึงเวลาที่แกกับฉันต้องคุยกันหน่อยแล้วมาเวอริค” และแล้วเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้นมานอกห้องขัง มาเวอริคหันหน้ามองไปทางลูกกรงที่กั้นกลางระหว่างตัวเขากับอเล็กซานเดอร์

“ให้ผมพักหน่อยไม่ได้หรือไง?” เอ่ยถามยิ้ม ๆ คำถามเดิม ๆ ของอเล็กซานเดอร์จะถูกเอ่ยถามอีกครั้ง

“สิ่งที่แกพูดไปมันหมายถึงอะไร” อเล็กซานเดอร์เอ่ยถามคนในห้องขัง มาเวอริคแค่นยิ้มแล้วปรายตามองอเล็กซานเดอร์ “ฉันพูดภาษาคนกับแกอยู่ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง?” พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหงุดหงิดเมื่อมาเวอริคยังคงเงียบ

“แล้วคุณอยากได้คำตอบแบบไหน? ไม่สิ ถ้าคุณตอบคำถามของผม ผมจะยอมบอกคุณ” มาเวอริคเอ่ยขึ้นแล้วกัดฟันลุกยืน ก่อนเดินมาเผชิญหน้ากับอเล็กซานเดอร์ สภาพของมาเวอริคย่ำแย่ลงทุกวันจริง ๆ เพราะนอกจากของกินที่เขาได้รับมีเพียงขนมปังหนึ่งชิ้นกับซาวครีมถ้วยเล็ก น้ำเปล่าหนึ่งขวด มาเวอริคยังถูกอเล็กซานเดอร์ทรมานวันละสองชั่วโมงเพื่อรีดเค้นความจริงจากปาก แต่น่าเสียดายที่เอดิสันกับอเล็กซานเดอร์เลี้ยงมาเวอริคมาอึดเกินไป มาเวอริคเลยยังทนได้และไม่หลุดความจริงออกไปแม้แต่นิดเดียว

“แกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”

“แล้วคุณมีสิทธิ์นั้นหรือไง?” มาเวอริคสวนกลับทันที

หมับ!

อเล็กซานเดอร์สอดแขนเข้ามาในช่องว่างของลูกกรงด้วยความเร็ว แล้วคว้าคอมาเวอริคก่อนออกแรงบีบจนแขนของอเล็กซานเดอร์เต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมา มาเวอริคไม่ตกใจเพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดน

“...เศษขยะอย่างแกอย่ามาปากดีใส่ฉัน” กดเสียงลงต่ำพลางกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน

“หึ” มาเวอริคหัวเราะใส่ก่อนอเล็กซานเดอร์จะออกแรงกระชากให้เขาเข้าใกล้ ใบหน้าของมาเวอริคแนบไปกับลูกกรง สายตาของทั้งคู่จ้องกันในระยะประชิด

“หากเรื่องที่แกบอกโรนัลเดลมันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับเอดิสัน ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้เลย” อเล็กซานเดอร์ปล่อยมือออกจากคอมาเวอริคทันทีที่พูดจบ มาเวอริคยกมือลูบคอเบา ๆ ก่อนหัวเราะเรียกให้อเล็กมองมาที่เขา

“ผมแค่อยากรู้ว่าในบรรดาลูกของพ่อ มีใครที่เกิดจากคุณบ้างไหม” มาเวอริคเอ่ยถามออกไปแล้วมองหน้าอเล็กซานเดอร์ ใบหน้านั้นไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมา มาเวอริคเลยคาดเดาไม่ออกว่าตอนนี้อเล็กซานเดอร์รู้สึกยังไง มาเวอริคจึงตัดสินใจโยนคำถามที่คิดมาสด ๆ ร้อน ๆ ในเมื่อไม่ยอมตอบคำถามแรก ก็ขอถามคำถามที่สองเลยแล้วกัน

“พ่อน่ะ ไม่สิ เอดิสัน คาร์ลอฟ ความจริงแล้วก็ท้องได้เหมือนกันใช่ไหม?” นับแต่รับรู้ว่าน้องชายเพียงคนเดียวแตกต่างจากผู้ชายปกติทั่วไป มาเวอริคเลยพยายามหาคำตอบของความแตกต่างนั้นมาเสมอ แต่ไม่ว่าจะหาข้อมูลจากไหนมันก็ไม่มีให้เขานำมาอ้างอิง ยกเว้นผู้ชายข้ามเพศหรือทรานเจนเดอร์จากหญิงสู่ชายที่ยังคงมดลูกเอาไว้ แต่กับเมอร์ลินที่เกิดมาเป็นผู้ชายนั้นมันต้องมีคำตอบที่ลึกกว่านี้

จนกระทั่งมาเวอริคหันมามองคนใกล้ตัวอย่างผู้ให้กำเนิด เอดิสัน คาร์ลอฟ หรือนี่มันจะเป็นกรรมพันธุ์? แต่ทำไมตนหรือลูกชายคนอื่น ๆ ของเอดิสันถึงไม่มีเรื่องแบบนี้กัน ทว่า ด้วยระยะเวลาที่เฝ้าสังเกตเอดิสันและอเล็กซานเดอร์มาอย่างยาวนานหลายปี มาเวอริคก็เริ่มเข้าใจเพราะบางครั้งบางเวลา สายตาของอเล็กซานเดอร์ก็หลุดความรู้สึกยามมองเอดิสัน แน่นอนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากมาเวอริคที่อยู่กับอเล็กซานเดอร์มากกว่าใคร เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ของแววตา มาเวอริคย่อมรู้ทัน

“....” อเล็กซานเดอร์ตกใจพอสมควร ความเยือนเย็นที่มีถูกสั่นคลอนเล็กน้อย

“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น ผมแค่สันนิษฐานเอง... อยู่ ๆ เมอร์ลินจะมาท้องได้เลยก็คงแปลกแต่หากเป็นกรรมพันธุ์มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน แต่มันก็จะมีคำถามที่สามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม” มาเวอริคมองเข้าไปในแววตาอเล็กซานเดอร์

“...” อเล็กซานเดอร์กำมือแน่น สายตาที่จ้องมองมาเวอริคมีแต่ความเกลียดชังและความอยากจะฆ่าให้ตายคามือ

“ถ้าพ่อท้องได้จริง ๆ แล้วไหนล่ะลูกของคุณกับพ่อ?” สิ้นประโยคคำถาม ความเงียบก็เริ่มคืบคลานเข้ามา บรรยากาศภายในห้องใต้ดินนั้นอับชื้นและทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นทุนเดินอยู่แล้ว พอถูกความเงียบเข้าครอบงำจึงทำให้บรรยากาศอึดอัดยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกที่หนักอึ้งกดทับพวกเขาทั้งคู่เอาไว้

“ผมอยากรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด” เป็นมาเวอริคที่ทำลายความเงียบและความน่าอึดอัดนี้ “ผมรู้ว่าคุณเกลียดผมยิ่งกว่าใครเพราะผมเป็นลูกคนแรกที่เกิดจากคนที่คุณรัก แต่ผมก็มีสิทธิ์รู้เรื่องและรู้เหตุผลของความเกลียดชังที่พวกเราทุกคนได้รับจากคุณและเอดิสันไม่ใช่หรือไง?” น้ำเสียงของมาเวอริคอ่อนลง เหตุผลที่ว่าเขาเป็นลูกคนแรกที่เกิดจากเอดิสันมันฟังขึ้นก็จริง แต่มาเวอริคก็เชื่อว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น อเล็กซานเดอร์มองหน้ามาเวอริคที่คล้ายคลึงกับเอดิสันในวัยหนุ่มก่อนเขาจะพูดขึ้นมา

“ถ้าแกอยากรู้มากนักก็หาคำตอบด้วยตัวของแกเอง แต่ฉันจะตอบคำถามแรกของแกแล้วกัน”

“...”

“ฉันเป็นหมัน” พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที มาเวอริคถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินกลับมานั่งที่เตียง ความจริงแล้วสิ่งเดียวที่มาเวอริคกลัวที่สุดคือความจริงที่ว่าเมอร์ลินไม่ใช่น้องแท้ ๆ ของเขาแต่ต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็จะรักเมอร์ลินเหมือนเดิม ทว่า พระเจ้าก็ยังไม่เกลียดเขาไปมากกว่านี้

เมอร์ลินเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวของเขา

เมอร์ลินเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา

เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้ว

เอ็มมานูเอล คาร์ลอฟ บุตรชายคนที่สองของเอดิสัน ในยามนี้กำลังใช้ความคิดและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเจรจาระหว่างคาร์ลอฟและโรนัลเดล สองแขนที่ยกกอดยามนี้กำลังกระชับแน่นขึ้น ปลายนิ้วชี้เคาะลงบนต้นแขนเบา ๆ ก่อนริมฝีปากหนาจะค่อย ๆ ฉีกยิ้มเมื่อตัดสินใจกับอะไรบางอย่าง ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่แพ้มาเวอริคหันมองน้องชายอย่าง อิการาชิ คาร์ลอฟ ถึงจะต่างมารดาแต่สายเลือดที่ไหวเวียนครึ่งหนึ่งคือคาร์ลอฟเหมือนกัน

“ท่านพี่มีเรื่องอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ?” อิการาชิเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

“แกมีความเห็นยังไงกับเรื่องในตอนนี้” ไม่ตอบแต่ถามกลับพร้อมมองหน้าน้องชายเพื่อรอฟังคำตอบ

“อืม... ก็น่าจะสนุกอยู่นะครับในเมื่อท่านพี่มาเวอริคลุกขึ้นมาต่อต้านขนาดนี้ แต่มันเป็นผลดีกับตัวท่านพี่ด้วยไม่ใช่หรือไงครับ?” อิการาชิเอียงศีรษะเล็กน้อย มือที่จับด้ามดาบกำลังเคาะปลายนิ้วชี้เบา ๆ ราวกับตัวเขาเองก็กำลังใช้ความคิดอยู่เหมือนกัน

“ที่แกว่ามาก็อาจจะใช่ แต่อิการาชิ... แกเชื่อไหมล่ะว่าคนที่จะชนะคือมาเวอริค”

“...ทำไมท่านพี่ถึงคิดเช่นนั้น?” รอยยิ้มบนใบหน้าอิการาชิหายไป

“ไม่รู้สิแต่มันเป็นลางสังหรณ์ของฉัน”

“...”

“เพราะฉะนั้นแกมาร่วมมือกับฉันเสียสิน้องชาย” เอ็มมานูเอลยิ้มกว้างแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าอิการาชิ “แกเองก็เกลียดไม่ใช่หรือไง ไอ้พ่อเฮงซวยแบบนี้น่ะ?” เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจยามนัยน์ตาของอิการาชิเผยมาให้เห็น

"หมายความว่าท่านพี่ชวนผมทรยศท่านพ่อใช่ไหม?"

“ใช่ ฉันรับรองว่าแกจะไม่เสียใจ ว่าไง?” ยื่นมือออกมาด้านหน้าเพื่อยืนยันการเป็นพันธมิตรชั่วคราว แต่เดิมทีทั้งสองคนก็แทบจะไม่ได้สนใจกันอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายจริง ๆ นอกจากบิดาอย่างเอดิสันแล้ว ก็คือพี่ชายคนโตอย่างมาเวอริค อิการาชิใช้ความคิดอยู่หลายนาทีก่อนตัดสินใจยื่นมือมาจับมือพี่ชายแล้วบีบแน่น

“ผมเอาด้วยและผมหวังว่าการตัดสินใจของท่านพี่จะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะครับ”

“เชื่อมือฉันเถอะน่า” เมื่อตกลงที่จะหักหลังบิดาด้วยกัน ทั้งสองก็พูดคุยถึงแผนการและความเป็นไปได้ของสถานการณ์ในตอนนี้

ด้านอเล็กซานเดอร์

อเล็กซานเดอร์เดินกลับขึ้นมาข้างบนด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งเสียจนเขาแทบลากเท้าไม่ออก ขาทั้งสองข้างมันหนักไปหมด แต่ส่วนหนึ่งมันเป็นความผิดของเขา ทุกครั้งที่เอดิสันให้อเล็กซานเดอร์ฝึกมาเวอริค เขามักจะโกรธเกรี้ยวและอาฆาตมาเวอริคเสียจนหนักมือไปทุกครั้ง รวมถึงระบายความอัดอั้นที่อเล็กซานเดอร์แบกมาตลอดหรือจะพูดให้เข้าใจกันโดยง่าย คนที่พูดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเอดิสันก็คือตัวอเล็กซานเดอร์เอง เพราะความโกรธแค้นที่พอกพูน ทำให้มือหนึ่งของคาร์ลอฟขาดสติและสูญเสียความเยือกเย็นไปในที่สุด

“ท่านอเล็กครับ ท่านเอดิสันเรียกให้ไปพบที่ห้องนอนครับ”

“อืม” อเล็กซานเดอร์ตอบรับก่อนเปลี่ยนเส้นทางเดินไปยังห้องนอนของเอดิสัน ระหว่างทางเขาเจอกับเนวิตา ภรรยาคนที่สี่ของเอดิสันและยังเป็นผู้หญิงที่สวยจนครั้งหนึ่ง เอดิสันเคยลุ่มหลง ซ้ำยังเคยเป็นเป้าหมายที่อเล็กซานเดอร์อยากฆ่ารองลงมาจากมาเวอริค เนวิตาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในบรรดาภรรยาของเอดิสัน ถึงตอนนี้จะอายุ 55 ปี แล้วแต่เธอก็ยังสวยที่สุดอยู่ดีและเขาเกลียดความสวยนั้น ความสวยที่พรากคนรักของเขาไปแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม

“เอ่อ...” และเนวิตายังเป็นเพียงคนเดียวที่หาหนทางหลุดพ้นจากตระกูลนี้ เธอทักอเล็กซานเดอร์อย่างหวาดกลัวแต่ก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป “เห็นอูรีเอลหรือเปล่าคะ?” เนวิตาถามถึงลูกชายของเธอแล้วหลบตาคู่คมที่มองมาอย่างไม่ชอบใจ

“ลูกเธอไม่ใช่หรือไง จะมาถามหากับฉันทำไม”

“ขอโทษค่ะ”

“น่ารำคาญ” เดินผ่านเนวิตาไปทันที เธอถอนหายใจแล้วออกตามหาลูกชายที่หายไป อเล็กซานเดอร์เดินมาถึงห้องนอนของเอดิสัน เขาเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปก่อนจะปิดล็อกประตูให้สนิท เอดิสันกำลังระบายความโกรธลงกับข้าวของในห้อง นัยน์ตาสีน้ำตาลทองกวาดมองสภาพของห้องนอนแล้วหยุดที่เอดิสัน แม้จะผ่านมาสามวันแล้วแต่ความโกรธของเอดิสันก็ยังไม่จางหาย

“เอดดี้” อเล็กซานเดอร์เรียกคนรักก่อนก้าวข้ามเศษของที่แตกกระจายแล้วตรงไปหาเอดิสัน เอดิสันหันมองคนเรียกก่อนก้าวเข้ามาหาคนรัก สองมือคว้าหมับเข้าที่เสื้อแล้วกำแน่น

“มันบอกหรือเปล่า! มาเวอริคมันยอมพูดออกมาหรือยัง?” เอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าอเล็กซานเดอร์ แววตาของเอดิสันมีแต่ความขุ่นเคืองและความกังวล อเล็กซานเดอร์ส่ายหน้าก่อนโอบกอดคนรักแล้วลูบหลังแผ่วเบา

“มาเวอริคไม่ยอมบอกแต่ผมพอจะรู้ว่ามันบอกเรื่องอะไรกับโรนัลเดล” พูดจบก็พาเอดิสันมานั่งลงบนเตียง ส่วนอเล็กซานเดอร์คุกเข่าลงตรงหน้า ฝ่ามือหยาบที่มีแต่รอยแผลเป็นกุมมือคนรักไว้แน่น “เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับคุณคงเป็นหนึ่งในนั้น” บอกไปตามที่คาดเดาไว้ในใจ

“ว่ายังไงนะ?” เอดิสันถามอย่างไม่เชื่อหู “ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นเรื่องนั้น”

“วันนี้มาเวอริคถามผมว่าหนึ่งในลูกของคุณมีใครที่เกิดจากผมบ้าง” อเล็กซานเดอร์กดจูบลงบนหลังมือคนรักแล้วแช่จูบไว้แบบนั้นราวสามนาทีก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับเอดิสันที่มองลงมา “และมันยังคาดเดาเรื่องที่คุณท้องได้ขึ้นมาอย่างถูกต้อง” ประโยคที่ออกมาจากปากอเล็กซานเดอร์ทำเอดิสันนั่งไม่ติด

“แล้วนายตอบมันไปว่ายังไง”

“ผมตอบแค่คำถามแรกน่ะ ว่าผมเป็นหมันนั่นหมายถึงไม่มีใครคนไหนที่เป็นลูกของผม”

“เจ้าเด็กนั่น... มันจะฉลาดมากเกินไปแล้ว เกินกว่าที่ฉันต้องการ” เอดิสันกัดฟันพูดก่อนผ่อนลมหายใจแล้วระงับความโกรธของตน นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองลงมาที่คนรักก่อนเอื้อนเอ่ยประโยคหนึ่งที่เรียกรอยยิ้มจากอเล็กซานเดอร์ “จูบฉันเดี๋ยวนี้” ริมฝีปากของเอดิสันถูกอเล็กซานเดอร์ครอบครองทันทีพร้อมร่างกายที่เอนลงบนเตียง ก่อนอเล็กซานเดอร์จะมอบความรักที่เขามีให้กับเอดิสัน เอดิสันก็พร้อมรับและพร้อมมอบความรักนั้นกลับคืน

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ความเงียบสงบของตระกูลคาร์ลอฟก็ต้องหายไปเมื่อได้รับรายงานมาว่า ‘เครื่องบินส่วนตัวของโรนัลเดลลงจอดที่สนามบินอิงเกรเซียนเรียบร้อย’ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่เอดิสันและคาร์ลอฟจะเคลื่อนไหว

เริ่มการปะทะ

“ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลการเข้าพักของสมาชิกหลักตระกูลโรนัลเดลครับ” กระดาษเพียงไม่กี่แผ่นที่ระบุข้อมูลการเข้าพักถูกยื่นให้กับเอดิสัน เอดิสันมองดูคร่าว ๆ แล้วออกคำสั่งในทันที

“ส่งคนระดับล่างไปก่อกวนเพื่อประเมินความพร้อมของพวกมัน”

“รับทราบครับ” เอดิสันมองคนที่เดินออกไปก่อนหันกลับมาแล้วเริ่มแจกแจงคำสั่งอื่นต่อ อเล็กซานเดอร์เพียงแค่ยืนมองคนรักด้วยสายตาภาคภูมิแต่เพียงครู่เดียว ก็ต้องปรับสายตาให้กลับมาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม จนกระทั่งทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน

“พักหน่อยนะครับ วันนี้คุณใช้ความคิดหนักเกินไปแล้ว” อเล็กซานเดอร์เอ่ยบอกพลางแตะไหล่แผ่วเบา

“ฉันยังพักไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่ได้รับรายงานใหม่” เอดิสันเอ่ยตอบก่อนชะงักแล้วหมุนเก้าอี้หันมาหาคนด้านหลัง อเล็กซานเดอร์ยิ้มบางแล้วคุกเข่าลงทันที “นายจะอยู่กับฉันใช่ไหมอเล็ก?” เอ่ยถามเสียงเรียบแต่สายตากลับบ่งบอกทุกอย่างออกไป

“ครับ ผมจะอยู่ข้างกายเอดดี้เสมอ” จับมือคนรักขึ้นมาแล้วกดจูบลงบนหลังมือแผ่วเบา เอดิสันโน้มกายลงกอดก่อนผละมองใบหน้าคนรักแล้วแนบริมฝีปากเข้าหากัน ไม่ว่าจะกี่สิบปีที่อยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน อเล็กซานเดอร์ก็ยังคงเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ตนรู้สึกปลอดภัย และเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้คนอย่างเอดิสันมอบความรักทั้งหมดที่มีให้ ริมฝีปากที่แนบแน่นสลับบดเบียดและเคล้าคลึงกันไปมาแผ่วเบา ยามนี้ค่อย ๆ ผละออกอย่างอ้อยอิ่ง

“เอดดี้ยังคงหวานเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“นี่ อายุขนาดนี้แล้วเลิกปากหวานใส่ฉันได้แล้ว” เอดิสันเอ่ยบอกก่อนถอนหายใจออกมาเบา ๆ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ลึก ๆ ในใจก็ชอบที่อเล็กซานเดอร์พูดแบบนี้อยู่ดี

ก๊อก ๆ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักเสียงเคาะประตูดังขึ้น เอดิสันกับอเล็กซานเดอร์จึงกลับมาเป็นเจ้านายและลูกน้องดังเดิม เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้เป็นนาย ประตูห้องจึงเปิดออกและตามด้วยคนของเอดิสันที่เดินเข้ามา

“มีรายงานจากคนของท่านเอ็มมานูเอลที่รอดมาได้ครับ” เอดิสันมองคนที่เข้ามารายงานก่อนพยักหน้าให้พูดได้ “ท่านเอ็มมานูเอลส่งคนไปโรงแรมที่เอเวอร์เร็ตต์กับลูกสาวเข้าพัก คนของเราถูกจัดการเรียบครับ” และความเป็นจริงที่ได้รับรายงานนี้ มันก็พลันทำให้อารมณ์ของเอดิสันเปลี่ยนในพริบตา

“อ่อนแอ อ่อนแอเกินไปแล้ว! ไอ้พวกขยะ!” เอดิสันตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว อยู่ในถิ่นของตัวเองแท้ ๆ แต่กลับแพ้ยิ่งกว่าหมา! คาร์ลอฟเสียศักดิ์ศรีจนได้! แต่เอดิสันก็ลืมไปว่าตนเองบอกให้ส่งคนระดับล่างไปป่วนพวกโรนัลเดล นั่นหมายความว่าคนที่ตายไปเป็นเพียงคนไร้ฝีมือเท่านั้น ขณะนั้นเองที่มีอีกคนเข้ามาเพื่อรายงาน

“คนของท่านอิการาชิที่ส่งไปโรงแรมที่ พอร์ช โรนัลเดล ลูกชายคนที่สามเข้าพักได้รายงานว่าเราจัดการคนของโรนัลเดลได้สองคนครับ ส่วนทางเราเสียยี่สิบคน รอดกลับมาได้สามคนครับ”

“เจ้าพวกบ้านั่น...! พวกแกควรจะฆ่ามันได้มากกว่าสองไม่ใช่หรือไง!” เอดิสันกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ อเล็กซานเดอร์อยากบอกให้ใจเย็นเพราะกลุ่มคนที่ส่งไปล้วนเป็นพวกระดับล่างที่มีฝีมือแค่พอใช้ได้ แต่จะให้พูดหักหน้าคนรักมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

“ทางคุณหนูแวนด้ามีรายงานมาว่าคนที่ส่งไปทาง โจไซอาห์ โรนัลเดล บุตรชายคนที่สี่ถูกจัดการเช่นกันครับ ไม่เหลือรอดกลับมาแม้แต่คนเดียว”

“คนของแวนด้าไม่เหมาะกับงานแบบนี้ ทำไมถึงยังส่งไป?” อเล็กซานเดอร์เป็นคนเอ่ยถาม

“คุณหนูอยากโละชุดนี้ทิ้งครับ”

“อีกแล้ว?” คำตอบที่ออกมาทำอเล็กซานเดอร์หงุดหงิดเล็กน้อย เพราะแวนด้าเป็นคนที่เบื่อง่าย ลูกน้องของเธอจึงมักถูกโละทิ้งเพื่อเปลี่ยนใหม่บ่อยครั้ง

“ขออภัยครับ มีรายงานจากคนของท่านอูรีเอล ท่านอูรีเอลได้ส่งคนในสังกัดไปทาง รามิเอล โรนัลเดล ลูกชายคนแรกเข้าพัก มีรอดกลับมาเพียงคนเดียวครับและตอนนี้อยู่ในอาการหวาดผวา”

“ฆ่าทิ้งซะ มันหมดประโยชน์แล้ว” เอดิสันออกคำสั่ง

“ครับท่าน”

“นายท่านเอดิสันครับ คนของท่านมาเวอริคที่ถูกส่งไปยังที่พักของ เจฟรีย์ โรนัลเดล ทำการหักหลังคาร์ลอฟและเข้าร่วมกับโรนัลเดลครับ”

“มาเวอริค!” เอดิสันรู้ได้ทันทีว่านั่นต้องเป็นคำสั่งของมาเวอริคเป็นแน่ แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าที่จริงแล้วมาเวอริคอยู่ห้องใต้ดินคงไม่มีทางออกคำสั่งได้ง่าย ๆ แต่อเล็กซานเดอร์กลับรีบก้าวเท้าออกไปยังห้องใต้ดินทันที หากลองคิดอย่างใจเย็น ในวันที่เจรจาแล้วโผล่พรวดเข้ามาพูดกับโรนัลเดลแบบนั้น ไม่ใช่ว่ามันเป็นแผนหรอกหรือ? หรือไม่มาเวอริคก็คิดหักหลังคาร์ลอฟมาแต่แรก? นั่นสินะ คำตอบมันก็ชัดเจนตั้งแต่ที่ได้รับรายงานแล้วนี่

สัตว์ที่เลี้ยงไม่เชื่อง เห็นทีคงต้องกำจัดแล้วสิ

พออเล็กซานเดอร์ออกไปแล้ว เอดิสันก็ทำใจให้เย็นลงก่อนนั่งลงบนเก้าอี้แล้วออกคำสั่ง “ฝั่ง พอร์ช โรนัลเดล เสียคนมากสุดงั้นเหรอ... ส่งคนฝีมือดีไปที่นั่น จัดการคนของมันให้เท่ากับที่คนของคาร์ลอฟตายไป”

“รับทราบครับนายท่าน!” เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้นำ ทุกคนต่างเร่งรีบกระจายคำสั่งและเลือกคนมีฝีมือระดับกลางค่อนไปทางสูงเล็กน้อยส่งไปยังสถานที่ที่ พอร์ช โรนัลเดล พักอยู่ทันที

ห้องใต้ดิน

ห้องใต้ดินที่อับชื้นตอนนี้มีเสียงของมาเวอริคและอเล็กซานเดอร์ที่ปะทะกันอย่างดุเดือด มาเวอริคได้พักจนพอมีแรงแล้วและทันทีที่เห็นอเล็กซานเดอร์เดินลงมาหาเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ มาเวอริคก็รู้ได้ทันทีว่าคนของเขาเข้าร่วมกับโรนัลเดลสำเร็จ ส่วนตอนนี้มาเวอริคกำลังสกัดอเล็กซานเดอร์ได้บางส่วน จริงอยู่ที่อเล็กซานเดอร์เก่งแต่มาเวอริคที่โดนอเล็กจัดการมาตลอด เขาได้เรียนรู้และจดจำแพทเทิร์นการต่อสู้ของอเล็กซานเดอร์ไว้หมดแล้ว

ผัวะ!

ท่อนขาแข็งแรงเกินวัยเตะเข้าที่ท้องของมาเวอริคเต็มแรง มาเวอริคกระเด็นลงบนเตียงนอนเก่า ๆ พร้อมกับความจุกที่โถมเข้าหา ใช่ เขาจำได้หมดก็จริง แต่มันก็ยากที่จะสวนกลับไปตรง ๆ หรือหลบให้พ้นโดยไม่โดนแม้แต่รอยขีดข่วน ถ้าหากเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมกว่าที่เป็นก็อาจจะรับมือไหว

หมับ!

อเล็กซานเดอร์คว้าคอของมาเวอริคแล้วออกแรงบีบก่อนตวาดถามอย่างโกรธเกรี้ยว

“มันเป็นแผนของแกใช่ไหม! ทั้งหมดนี่มันมาจากแกใช่ไหมมาเวอริค!” อเล็กซานเดอร์หอบหายใจหลังจากตวาดจบ เขาปล่อยมือออกจากคอของมาเวอริคแล้วยกมือขึ้นเสยผมลวก ๆ ก่อนยกเท้าเหยียบหน้าอกกว้างแล้วกดขยี้ลงไป “ตอบฉันมา!” เมื่อเห็นมาเวอริคเงียบ อเล็กก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่ม

“คุณไม่รู้สึกเบื่อหรือไงกับการหลบซ่อนความสัมพันธ์ของคุณกับพ่อน่ะ?” มาเวอริคทำเป็นไม่ได้ยินคำถามของอเล็กซานเดอร์ เขาแค่พูดไปตามที่คิดและแม้จะเจ็บหน้าอก แต่เขาจะไม่แสดงออกมาเด็ดขาด ตอนนี้มาเวอริคคิดว่าเขายังมีโอกาส โอกาสที่จะพูดให้อลเกซานเดอร์เปลี่ยนใจหรือใจอ่อนลงบ้าง ยังไงความปรารถนาเดียวกับคนตรงหน้าก็คงมีแค่ ได้รักกับพ่อของเขาอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องหลบซ่อนใด ๆ อีกต่อไป

“พล่ามอะไรของแก”

“ก็แค่คิดว่าคุณไม่เบื่อหรือไงที่ต้องหลบซ่อนทั้งที่คุณอยากกอดอยากหอมเขาข้างนอกบ้างน่ะ ทำแต่ในห้องในที่แคบ ๆ แบบนั้นมันดีแล้วเหรอ? คนรักกันจริงหรือเปล่า?” ตั้งใจยั่วยุโดยแท้และหวังว่าการยั่วยุของเขาจะส่งผล

“หุบปาก” อเล็กซานเดอร์กัดฟัน เขาลงแรงที่เท้าจนมาเวอริคต้องกัดฟันแต่อย่าคิดว่ามาเวอริคจะยอมแพ้เด็ดขาด

“ผมช่วยคุณได้ แค่บอกความจริงมา อึก ผมจะช่วยให้คุณกับพ่อไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป”

“...” ยอมรับว่าอเล็กซานเดอร์หวั่นไหว มาเวอริคเห็นทีจึงพูดต่อ

“ผมแค่ต้องการความจริงของทุก ๆ เรื่อง ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณกับพ่อได้รักกันอย่างเปิดเผยเพราะผมเองก็ต้องการแบบนั้น ...ผมไม่ต้องการฆ่าคุณ”

“ฆ่าฉัน? คนอย่างนายฆ่าฉันไม่ได้หรอก” ได้ยินว่าเด็กน้อยอย่างมาเวอริคไม่ต้องการฆ่าตน อเล็กซานเดอร์ก็นึกสมเพชขึ้นมาในทันที

“ใช่ครับ ผมฆ่าไม่ได้และคนฆ่าก็ไม่ใช่ผม” มาเวอริคยิ้ม อเล็กซานเดอร์จึงรู้ทันทีว่าโรนัลเดลที่มาที่นี่คงเป็นคนฆ่าเขา “ผมอยากรู้ว่าพ่อท้องได้จริงไหม ผมอยากรู้ว่าถ้าท้องได้แล้วลูกของคุณกับเขาไปไหน? แล้วมีอะไรที่พ่อปิดบังพวกผมอีก ผมอยากรู้แค่นี้คุณบอกผมได้หรือเปล่าครับ”

“...”

“คุณควรได้แสดงความรักกับเขามากกว่านี้ ขอร้องล่ะครับ อย่ายืนข้างเขาแล้วทำเป็นไม่เป็นอะไรทั้งที่ใจคุณมันต้องการมากกว่ารักกันแค่ในห้อง” มาเวอริคอาจจะไม่รู้ว่าความรักที่อเล็กซานเดอร์มีให้บิดาของตนมันมากมายและยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่เขาก็อยากให้ทั้งสองได้รักกันโดยที่ไม่ต้องหลบซ่อนแบบนี้อีก อเล็กซานเดอร์ที่สบกับสายตาจริงจังไร้ซึ่งความโกหกของมาเวอริค มันทำให้เขาใจเย็นลงและรู้สึกเชื่อใจมาเวอริคขึ้นมาเล็กน้อย

“เพราะแกหน้าเหมือนเอดดี้สินะ ฉันถึงหวั่นไหวกับคำพูดของแก” พอได้ลองมองหน้ามาเวอริคเต็มตา มองโดยไร้ซึ่งความเกลียดชังและอคติที่มี มันก็ทำให้เขาเห็นว่ามาเวอริคเหมือนเอดิสันขนาดไหน เหมือนเสียจนใจเขาเริ่มอ่อนลงอย่างน่าสมเพช อเล็กซานเดอร์ถอนหายใจแล้วผละออกจากมาเวอริค เขาถอดเสื้อของตัวเองแล้วโยนให้คนที่นอนอยู่ก่อนปลดโซ่อะไรออกให้หมด

“หนีไปซะ ทางนั้นมีประตูที่เชื่อมกับด้านนอก ถ้าแกออกไปได้แกจะโผล่ที่ข้างกำแพงทางทิศตะวันตกที่ติดกับถนนใหญ่” การตัดสินใจนี้อาจเป็นความผิดพลาดที่นำมาสู่การล่มสลายของคาร์ลอฟ แต่อเล็กซานเดอร์ก็จะลองดูและเขาก็อยากจะเห็นว่าเด็กที่เขาเลี้ยงมาด้วยลำแข้ง มันจะเติบโตขึ้นมากขนาดไหนกัน

“...” มาเวอริคไม่เข้าใจการกระทำของอเล็กซานเดอร์แต่เขาก็ไม่คิดจะเอ่ยถามใด ๆ

“และถ้าแกอยากรู้ฉันจะบอกให้แล้วกัน” อเล็กซานเดอร์มองหน้ามาเวอริคแล้วบอกความจริงที่เขากับเอดิสันเก็บมาอย่างยาวนาน “เอดิสันพ่อของนายน่ะท้องได้จริงและท้องกับฉันเมื่อสมัยที่ยังเป็นเพียงสมาชิก” อเล็กซานเดอร์หยุดพูดก่อนถอนหายใจ เพราะความจริงต่อไปนี้มันเป็นความจริงที่เขาไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่

“แต่ลูกฉันกับพ่อแกตายแล้ว เอดิสันครรภ์เป็นพิษตอนเจ็ดเดือนและเด็กอ่อนแอเกินจะอยู่ไหว หมอยื้อสุดชีวิตแต่ฉันต้องตัดสินใจยอมปล่อยไป เพราะการเห็นลูกทรมานน่ะมันไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้ทั้งนั้น” การขุดอดีตขึ้นมาเล่าให้กับลูกชายของคนรักฟัง มันเจ็บปวดพอสมควร

“แล้วเรื่องที่คุณเป็นหมัน...”

“ฉันทำหมันก็เพราะเอดิสันตัดสินใจจะผ่ามดลูกออกทั้งที่เสี่ยงต่อชีวิต ฉันสูญเสียคนที่ฉันรักไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันถึงตัดสินใจทำหมันแทนและฝากบอกน้องชายแกด้วย ถ้ามีลูกชายเมื่อไหร่ก็ให้ระวังว่าจะท้องได้เช่นกัน เพราะเรื่องที่แกเดาว่ามันเป็นกรรมพันธุ์น่ะ แกเดาถูกจนฉันขนลุกเลยล่ะ” เหยียดยิ้มเล็กน้อยแล้วมองออกไปนอกห้องขัง

“...ทำไมคุณถึงยอมพ่อขนาดนี้ครับ”

“ถ้าแกได้รักใครสักคนแกจะเข้าใจ รีบไปได้แล้ว” มาเวอริคหยิบเสื้อที่อเล็กซานเดอร์โยนให้มาสวมแล้วเดินออกจากห้องขังก่อนเท้าเขาจะชะงักเพราะประโยคถัดมาของอเล็กซานเดอร์ “เรื่องฆ่าฉันน่ะอย่าลังเลเด็ดขาดเพราะต่อจากนี้ไปฉันคือศัตรูของแกและน้องชายแก มีโอกาสเมื่อไหร่รีบฆ่าฉันซะ” พูดจบอเล็กซานเดอร์ก็เดินกลับขึ้นไป มาเวอริคมองตามหลังด้วยความรู้สึกหลากหลายก่อนจะหลบหนีไปตามเส้นทางที่อเล็กซานเดอร์บอก

คฤหาสน์คาร์ลอฟในช่วงเวลา 2 A.M. มีคนเดินตรวจตราราว 20 คนขึ้นไป พวกเขาได้รับหน้าที่ให้ดูแลความปลอดภัยของคฤหาสน์ แต่พวกเขากลับไม่รู้ตัวถึงมาเวอริคที่ออกจากเขตคฤหาสน์ไป แน่นอนว่ามาเวอริคลำบากพอสมควรหลังจากโผล่ออกจากห้องใต้ดิน สถานที่ที่เขามาถึงคือข้างกำแพงที่รายล้อมคฤหาสน์ ระยะทางจากจุดที่เขาอยู่จนถึงถนนใหญ่ค่อนข้างไกลพอสมควรแต่มาเวอริคเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนออกมาถึงถนนใหญ่

ตอนนี้ในใจของเขากำลังเกิดความสับสนอย่างหนักว่าควรจะจัดการกับเรื่องของอเล็กซานเดอร์ยังไงดี มาเวอริคเดินไปตามทางข้างกำแพง เขาเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่คิดหยุดพักแต่เพราะสภาพร่างกายเลยทำให้เขาเดินช้ากว่าที่คิด และมาเวอริคไม่รู้ว่าโรนัลเดลพักอยู่ที่ไหน มีแต่ต้องใช้สมองลองคิดดู เป้าหมายคือต่อกรกับคาร์ลอฟและหากมองภาพรวม จุดที่โจมตีคาร์ลอฟได้ดีที่สุดคือโรงแรมที่ตั้งรายล้อมคฤหาสน์คาร์ลอฟ แน่นอนว่ามันคือธุรกิจที่บิดาเขาเทคมาได้และคิดว่าโรนัลเดลคงไม่ได้เข้าพักอย่างสงบแน่นอน ทว่า ในธุรกิจของบิดามันไม่ได้มีแค่โรงแรมเดียวน่ะสิ

“คิดสิว่าที่ไหน” มาเวอริคพูดขึ้นแล้วหันกลับไปมองคฤหาสน์คาร์ลอฟโดยหวังมองภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น

‘เห้ย! เราถูกลอบโจมตี!’

‘แจ้งท่านเอดิสันกับท่านอเล็กเดี๋ยวนี้!’

‘ทิศกระสุนมาจากทางตะวันออกและตะวันตก!’

‘อ๊ากกกก แขน อึก แขนฉัน!’

ยังไม่ทันที่มาเวอริคจะออกห่างจากคฤหาสน์ได้ไกล เสียงเอะอะโวยวายของคนด้านในมันก็ดังออกมาและดังพอให้คนที่อยู่ข้างนอกแบบเขาได้ยิน

‘ตะวันตก...’ มาเวอริคอยู่ทางทิศตะวันตกพอดี เขาจึงไม่รีรอรีบก้าวยาว ๆ ไปทางโรงแรมที่อยู่ทิศตะวันตกหรือก็คือมาเวอริคกำลังไปหาเจฟรีย์และคนของเขาก็รออยู่ที่นั่น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • One day, you'll kneel for me.   Episode – 20 [ END ]

    ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาอันร่มเย็นในเวลาช่วงบ่ายของวัน มีรถวีลแชร์ที่มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่พร้อมด้วยลูกเขยที่ยืนสูบบุหรี่อยู่เงียบ ๆ อังเดรได้เอ่ยขอเวลามาเวอริคเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุย ซึ่งมาเวอริคเองก็ยินดีและเดินตามมาจนมาถึงใต้ต้นไม้นี้ เบื้องหน้าคือทุ่งข้าวสาลีสีเหลืองทองดูงดงาม ขยับพลิ้วตามแรงลมที่พัดผ่านและอีกไม่นานคงถึงเวลาเก็บเกี่ยวมันแล้ว“ที่มันง่ายขึ้นเพราะคุณใช่ไหม?” มาเวอริคเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาสองคน แม้มาเวอริคจะยังมองตรงไปยังทุ่งข้างสาลีตรงหน้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหรือใส่ใจมันมากนัก ตอนนี้มาเวอริคสนใจพ่อเลี้ยงของฟินน์มากกว่า ดูเป็นคนมีความสามารถพอสมควรแต่น่าเสียดายที่ดันกลายเป็นคนพิการ“คิดว่าคนแก่ ๆ อย่างผมจะทำอะไรได้กัน” อังเดรหัวเราะเบา ๆ ก่อนยิ้มแล้วมองทุ่งข้าวสาลี ยามมันพลิ้วไปตามแรงลมในทิศทางเดียวกัน “ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ สักสองสามคำถาม”“ว่ามาสิ”“ก่อนอื่นผมขอบุหรี่สักมวนสิ” อังเดรเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกาย มาเวอริหันมามองพ่อตาที่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนส่งซองบุหรี่ราคาแพงพร้อมไฟแช็คซิปโป้ให้ อังเดรรับมาแล้วเคาะบุหรี่มาคาบไว้หนึ่งมวน จุดไฟสูบที่ปลายพลางมองควันส

  • One day, you'll kneel for me.   Episode - 19

    “นายยังไม่บอกฉันเรื่องแม่นาย” มาเวอริคเอ่ยบอกคนข้างกายที่ยังดูเพลียอยู่ ทางฟินน์ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่ามาเวอริคจะออกเดินทางตอนตีสาม ไม่มีบอกอะไรกันเลยสักนิดแต่เล่นกอดเขาจนตีสองครึ่ง เวลาที่ฟินน์ได้นอนพักเอาแรงจึงมีเพียงแค่สามสิบนาทีเท่านั้น“พ่อกับแม่ผมหย่ากันตอนผมอายุราวสิบปีน่ะครับ แม่ย้ายมาจามิลก็หลังจากผมอายุสิบสอง แม่ทิ้งไว้เพียงเบอร์ติดต่อและผมเก็บติดตัวมาตลอด ก็แอบกังวลบ้างครับว่าแม่จะเปลี่ยนเบอร์แต่โชคดีที่เหมือนจะยัง ผมอยู่กับพ่อได้ประมาณห้าปี ถึงหนีออกจากบ้านแล้วเร่ร่อนอยู่ร่วมหนึ่งปี คาร์ลอฟถึงเก็บผมมาเลี้ยงและฝึกสอนอะไรต่าง ๆ ให้น่ะครับ” ฟินน์เล่าเรื่องราวของตนเองให้กับมาเวอริคฟัง แม้จะเพลียและอยากนอนพักสักหน่อยก็ตาม แต่ถ้าคนข้างกายอย่างรู้เรื่องของเขา ฟินน์ก็จะบอกให้หมดทุกเรื่อง“นายรู้ไหมว่าทำไมแม่นายถึงย้ายมาไกลถึงจามิล”“ถ้าผมเดาไม่ผิดก็คงหนีจากพ่อที่ช่วงแรกตามรังควานแม่ครับ ส่วนเหตุผลที่สองก็คงอยากเริ่มต้นใหม่ด้วยน่ะครับ” ฟินน์ยิ้มบางยามนึกถึงมารดา แต่พอนึกถึงหน้าแม่แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นกับมาเวอริคมันก็ฉายซ้ำอีกครั้ง “ผมขอถามคุณบ้าง คุณสะดวกใจจะพบแม่ผมหรือเปล่าครับ” ร

  • One day, you'll kneel for me.   Episode - 18

    ยิมต่อยมวยคือสถานที่ที่ฟินน์เลือกมารอในระหว่างที่มาเวอริคหลับ แต่ฟินน์ไม่ได้มาคนเดียวเพราะพ่วงด้วยบาโน่ โกร์และเกร์มาด้วย ทั้งสามไม่เข้าใจว่าฟินน์พามาทำไมแต่เมื่อเห็นอดีตหัวหน้าขึ้นบนสังเวียนมวยพร้อมผ้าสีขาวที่พันฝ่ามือ สายตาที่มองมายังพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ บนริมฝีปากนั้น“ใครจะไปก่อน” บาโร่กัดฟันถามเสียงเบา สายตาไม่กล้าละจากอดีตหัวหน้าเพราะเกรงว่า ทันทีที่หลบสายตาจะกลายเป็นแรกที่ถูกเรียก“แกไปก่อนสิ เกลียดหัวหน้าไม่ใช่หรือไง” โกร์ใช้ศอกกระทุ้งข้างเอวน้องชาย“นี่ผมเป็นน้องพี่นะเว้ย!” เกร์ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน“มาสุภาพอะไรตอนนี้ ฉันไม่สงสารแกหรอกน้องชาย”“เป็นพี่ที่ดีจริง ๆ !” เกร์ใช้ศอกกระทุ้งกลับแล้วมองไปบนสังเวียน ตอนนี้ฟินน์พันผ้าที่ฝ่ามือสองข้าวเรียบร้อยแล้วและกำลังมองลงมาพร้อมกับฝ่ามือที่กวักเรียก ไม่เจาะจงว่าเป็นใครแต่อยู่ที่ใครจะยอมสละชีวิตขึ้นไปก่อน เกร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ยามเห็นร่างกายของฟินน์ที่สวมเพียงเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงวอร์มขนาดพอดีตัวสีเดียวกัน ทั้งที่ลาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดไปหลายเดือนแต่ร่างกายยังคงดูกำยำอยู่เหมือนเดิม เกร์เกลียดนะแต่ตอนนี้ชักอิจฉา

  • One day, you'll kneel for me.   Episode - 17

    มาเวอริคเดินกลับมาที่รถพร้อมปรับสีหน้าให้นิ่งลง นิ่งมากจนใครที่เห็นต่างพากันหลบสายตา บอกตามตรงว่าแม่ฟินน์คือตัวแปรที่มาเวอริคไม่คาดคิด ความจริงแล้วในวินาทีที่ฟินน์บอกจะไม่กลับมา มาเวอริคคิดจะใช้กำลังบังคับลากกลับรันเซียโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถึงจะยอมรับเรื่องที่ตกใจมากก็ตามในจังหวะที่ฟินน์ไม่ยอมกลับ ทว่าในเมื่อยอมทำตามที่ต้องการขนาดนี้แล้วยังไม่ยอม ก็ได้เวลาที่เขาควรทำตามที่ตนเองต้องการบ้างสิถูกไหม? แต่แค่นึกถึงตอนที่ฟินน์เรียกเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้น มาเวอริคก็พลันไม่ชอบขึ้นมาเพราะดูเหมือนว่าฟินน์จะให้ความสำคัญกับแม่มาก“แม่งั้นเหรอ เหอะ!” ยกมือเสยผมลวก ๆ อย่างหงุดหงิดใจพลางเดาะลิ้นสบถคำหยาบมากมายออกมา ในตอนที่กำลังจะเปิดประตูรถเพื่อกลับขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์ หางตามาเวอริคเห็นว่าลูกน้องของเขากำลังวิ่งกลับมาทางนี้ ถึงจะแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรนอกจากเปิดประตูแล้วขึ้นมานั่ง บาโน่ โกร์และเกร์รู้สึกผิดมากที่ละเลยหน้าที่ของตนเอง แต่ที่ตามไปก็เพราะอยากจะเห็นว่าข้างในนั้นเป็นแบบไหนภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นนั้นมันไม่เหมาะกับพวกเขาเลย ส่วนเอียนนั้นเหมาะสมแล้วเพราะหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น นี่เ

  • One day, you'll kneel for me.   Episode – 16

    การตามหาฟินน์ยังคงดำเนินต่อไปแม้จะยากลำบากและดูริบหรี่ แต่มาเวอริคก็ไม่คิดจะยอมแพ้แต่อย่างใดแต่กลับสร้างเครือข่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสัปดาห์ที่เอียนลาพักงานไป มาเวอริคก็ได้ออกตามหาฟินน์ด้วยการขับรถและใช้รูปถ่ายของฟินน์ทั่วเมืองคลานู ปรากฏว่าที่สนามของสกายไดร์ฟมีข้อมูลของฟินน์ มีพนักงานเคยเห็นหน้าฟินน์ว่าฟินน์มาร่วมเล่นสกายไดร์ฟเช่นกัน แต่หลังจากนั้นมาเวอริคก็หาข้อมูลของฟินน์จากเมืองนี้ไม่ได้อีกเลย ราวกับว่าอยู่ ๆ ก็หายตัวไปยังไงอย่างนั้น“นายนี่มัน... ไหวตัวได้เร็วจริง ๆ” มาเวอริคบ่นกับภาพถ่ายแล้วถอนหายใจออกมา ภาพถ่ายนี้ก็เป็นภาพที่ได้จากอิการาชิโดยให้อิการาชิ เข้าหาในเครือข่ายของคาร์ลอฟเผื่อจะมีข้อมูลของบอดี้การ์ดครบทุกคน ทั้งที่ตายและยังอยู่ ทั้งที่ลาออกและยังทำงาน ผลของมันคืออิการาชิเอารูปถ่ายของฟินน์มาให้ได้ ปกติแล้วมาเวอริคไม่ได้ขับรถออกมาตามหาเองแบบนี้ เขาจะใช้เส้นสายและเครือข่ายที่เขาสร้างขึ้นมาตามหาฟินน์แบบสบาย ๆ เพียงแค่ออกปากก็นั่งรอรับข้อมูลได้เลยทว่ามาเวอริคอยากออกมารับอากาศภายนอกบ้างและอยากให้การตามหาฟินน์เป็นการเที่ยวไปในตัว มาเวอริคจะเข้าใจฟินน์ว่าทำไมถึงดูชอบในการท่อ

  • One day, you'll kneel for me.   Episode – 15

    เมืองคลานูเป็นเมืองใหญ่รองลงมาจากเมืองหลวงจามิล การท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองคลานูคือการปีนเขาเพื่อชมทิวทัศน์อันแสนงดงามของเมืองคลานู การเดินป่าตั้งแคมป์แบบหมู่คณะ และยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์อื่น ๆ อีกมากให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ฟินน์เองก็เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่กระหายในกิจกรรมเหล่านี้เช่นกัน“น่าเล่นทั้งนั้นเลยแฮะ” ฟินน์ยืนอ่านรายละเอียดของกิจกรรมแอดแวนเจอร์อย่างสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดร่ม การปีนผาจำลอง ขับรถ ATV ล่องแก่งและอีกมากมาย แต่ที่ฟินน์สนใจมากที่สุดคือการกระโดดร่มและขับรถ ATV หลังจากยืนตัดสินใจอยู่นาน ฟินน์เลือกที่จะไปกระโดดร่มก่อนและตามต่อด้วยขับรถ ATV แม้ใจจริงจะอยากทำทุกอย่างแต่เวลามันไม่มากขนาดนั้นวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฟินน์จะเที่ยวในเมืองคลานู สถานที่ต่อไปคือเมืองรัมเปลที่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมต่าง ๆ เรียกว่าเป็นเมืองที่รวบรวมวัฒนธรรมจามิลนับแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ฟินน์สนใจและฟินน์อยากจะไปเชยชมเร็ว ๆ ดังนั้น การเที่ยวเมืองคลานูจึงจะจบลงในวันนี้ เมื่อตัดสินใจว่าจะเริ่มกระโดดร่มก่อน ฟินน์ก็เดินไปจองที่หน้างานในทันที ปกติแล้วต้องจองล่วงหน้าผ่านเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status