ปั้นตุ๊กตาหิมะมั้ย 1/2
- 6 -
“ทำไมพี่ภูมาอยู่ที่นี่ได้คะ?”
ถึงแม้ในใจจะเต้นระรัว ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวั่นไหว แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่ภูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือพี่ภูเองก็ขึ้นมาแขวนกุญแจเหมือนกัน
“อ๊ะ! พี่ภูคะ พี่ภูเห็นน้ำขิงไหมคะ หยีหลงกับน้ำขิงตั้งแต่อยู่ด้านบนแล้วค่ะ”
“น้ำขิง ไอ้วินน่าจะกำลังไปตามหา พี่แยกกับมันตอนมาถึงที่นี่”
พี่ภูดูจะไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ ทั้งน้ำเสียง แววตา ดูน่ากลัวไปหมด
ติ๊ง!
พี่ภูเปิดโทรศัพท์อ่านข้อความสักพักก็ยื่นหน้าจอมาให้ฉันอ่าน เป็นข้อความของพี่วินที่ส่งมามีใจความว่า ‘กูเจอขิงแล้ว มึงเจอหยีรึยัง ถ้าเจอแล้วงั้นไว้เจอกันที่โรงแรมเลยนะ’ ฉันอ่านจบก็พยักหน้าเบา ๆ ให้พี่ภู พี่ภูพิมพ์ข้อความอีกนิดหน่อยแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะหันมามองหน้าฉันนิ่ง ๆ มันช่างดู … อึดอัด แอ๊!
“คือว่า ตอนนี้เรากลับโรงแรมกันไหมคะ เอาหยีลงก็ได้ หยีเดินไหวค่ะ”
งื้อออ ถึงแม้จะเสียดายแต่บอกตรง ๆ ว่าใจมันเต้น หัวใจมันฟูมากอ้อมแขนพี่ภูเป็นอะไรที่อบอุ๊นอบอุ่น กลิ่นตัวหอม ๆ ที่ลอยทะลุเสื้อโค้ตออกมา เป็นกลิ่นผู้ชายที่เคยใกล้ชิดขนาดนี้เป็นครั้งแรก หิมะที่ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มแสบตา ร่างกายเริ่มเปียกชื้น พี่ภูแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยละอองสีขาวสักพัก และก้มลงมองหน้าฉันนิ่ง ๆ ฉันได้ยินพี่ภูถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มละมุนให้ฉันราวกับว่าเป็นคนละคนกับคนเมื่อกี้ ฉันอยากจะกรีดร้องให้ดังไปสามบ้านเจ็ดบ้าน รอยยิ้มพี่ภูเป็นอะไรที่ดีต่อใจยาหยีคนนี้มาก ๆ งื้อ พระเจ้าขาลูกอยากได้ผู้ชายคนนี้!
“ตากหิมะสมใจรึยัง?”
“เอ๊ะ?”
“ก็เราชอบไม่ใช่เหรอ อยากลองปั้นตุ๊กตาหิมะดูมั้ย?”
“ได้เหรอคะ?”
พี่ภูอุ้มฉันเดินลงมาด้านล่างของโซลทาวเวอร์ พื้นที่เต็มไปด้วยหิมะที่ขาวโพลน ฉันกอดคอพี่ภูแล้วก้มลงมองที่พื้นก็เห็นว่าเท้าของพี่ภูจมลงไปในหิมะค่อนข้างเยอะ แสดงว่าต้องตกหนักมากแน่ ๆ พี่ภูอุ้มพาฉันมาที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ ซึ่งไม่มีใบไม้เลยก็ว่าได้ พี่ภูใช้มือค่อย ๆ ปัดหิมะลงจากเก้าอี้ แล้วค่อย ๆ วางฉันลง แง่! โรแมนติก ดีต่อใจของยาหยีเป็นอย่างมาก
“เรานั่งรอพี่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะ”
พี่ภูพูดจบแล้วเดินออกไปที่ใต้ต้นไม้อีกต้น แล้วเขี่ย ๆ หาอะไรสักอย่าง ฉันแหงนหน้ามองฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะ หลับตาพริ้มกางมือออกให้หิมะโปรยลงมาโดนใบหน้า ฉันรู้สึกว่าหิมะตกหนักขึ้นอีกหรือเปล่านะ แต่ตอนนี้ฉันกลับไม่รู้สึกกลัวที่จะจมไปในกองหิมะเลย ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นมากอบอุ่นในใจ ถึงแม้ว่าร่างกายจะเหน็บหนาวก็เถอะนะ ย้อนแย้งเหมือนกันแฮะ
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
พี่ภูกลับมาพร้อมดึงฮูดที่หลุดออกไปกลับมาใส่ให้ ก่อนจะยืนกิ่งไม้หน้าตาประหลาด ๆ เล็ก ๆ มาให้ฉันสองกิ่ง
“คืออะไรคะ พี่เอากิ่งไม้มาให้หยีมาทำไม?”
“แขนตุ๊กตาหิมะ”
พี่ภูพูดนิ่ง ๆ แล้วยื่นกิ่งไม้มาให้ฉันอีกรอบ ฉันอดยิ้มไม่ได้ผู้ชายอะไรน่ารักขนาดนี้ พระเจ้าคะ! ถ้าไม่ยกคนนี้ให้ยาหยี ยาหยีจะร้องแล้วนะ ฉันพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปรับกิ่งไม้มาวางไว้ที่เก้าอี้ แล้วค่อยๆ ยันเท้าข้างที่ถนัดลงมาจากเก้าอี้ แต่พี่ภูก็จับฉันกลับไปนั่งเหมือนเดิม ฉันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วมองหน้าพี่ภู ถ้าพี่ภูไม่ให้ฉันลงไปแล้วจะปั้นตุ๊กตาหิมะยังไง
“ปั้นบนเก้าอี้นี่แหละ เดี๋ยวพี่เอาหิมะมาให้ เราจะได้ไม่ต้องขยับขามาก”
พี่ภูพูดจบพร้อมกับก้มลงข้างเก้าอี้ย่อตัวลงไปโกยหิมะขึ้นมาฉัน ฉันที่ยังมึน ๆ งง ๆ ก็ได้แต่อ้าปากหวอ จนพี่ภูชี้นิ้วไปที่กองหิมะสีขาว ฉันเลยงับปากลงและพยักหน้ารับ แล้วทำการละเลงปั้นก้อนกลม ๆ ย้ำว่าปั้นก้อนกลม ๆ จริง ๆ ทำไมดูในซีรีส์เกาหลีเขาปั้นง่ายจัง แต่ของจริงมันไม่ง่ายเลย ฉันพยายามปั้นก้อนกลม ๆ พี่ภูก็ขยันโกยหิมะมาให้ จนในที่สุดฉันก็ได้ก้อนกลม ๆ มาหนึ่งก้อนถ้วน!
“พี่ภู ดูสิ นี่คือตัวตุ๊กตาแหละสวยมั้ยคะ?”
สุดท้าย..ก็เป็นเธอ- 21 -“พี่ภูคะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ” ฉันหยุดเท้าที่กำลังเดินตามพี่ภูลง ทำให้ผู้ชายด้านหน้าเองก็หยุดชะงักพร้อมกันนั้นพี่ภูเองก็หันหน้ามามองฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากคนขี้เล่น เป็นสายตาที่ดูจริงจังละกังวล“ทำไมยาหยีถึงถามเรื่องนี้กับพี่อีกแล้วคะ หรือไปรู้อะไรมาเหรอ” พี่ภูยืนนิ่งอยู่ที่เดิมถามฉันด้วยน้ำเสียงกังวล“ทุกครั้งที่ยาหยีถาม พี่ภูจะกังวลเรื่องนี้ทุกครั้ง พี่ภูดูมีพิรุธนะคะ มีอะไรอยากเล่าให้หยีฟังไหม” ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่า ไอ้ความฝันที่ผ่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรือภาพที่เห็นมันคือเรื่องจริงหรือสิ่งที่ฉันมโนขึ้น จะบอกว่าเป็นเพราะความฝัน มันก็ดูจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไม่มีเค้าโครงความจริงอะไร ทำไมพี่ภูไม่เคยปฏิเสธ“ยาหยีจะเป็นเจ้าสาวของพี่ภูคนเดียวเท่านั้น..คำนี้คุ้นไหมคะ”“...” ฉันเงียบฟังคำที่พี่ภูเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่งงเหมือนไก่ตาแตก และฉันมั่นใจว่านั่นมันคือความฝันที่ฉันฝันเห็นและได้ยินบ่อย ๆ แล้วทำไมพี่ภูเองถึงรู้ความฝันนั้นฉันได้ละ“ถ้ายาหยีโตขึ้น ยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของพี่คนเดียว ยาหยีสัญญาเลยค่ะ..คำนี้คุ้นไหมคะ”“...”“หนูตอบพี่สิ
ตัดสินใจยุติข้อห้าม- 20 -“พี่ภูคะ..พี่ภูกับหยี เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ” ฉันสังเกตเห็นแววตาของพี่ภูที่สั่นไหวแบบแปลกไป แต่ก็เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น พี่ภูก็ปรับอารมณ์กลับมาได้ปกติ“หนูเป็นอะไรคะ เมื่อกี้พี่ตกใจมากรู้ไหม นั่งตัวแข็งทื่อ พี่เรียกก็ไม่หือไม่อือ จนพวกพี่จะโทรเรียกรถพยาบาลแล้วนะคะ” พี่ภูยังคงเอ่ยถามฉันด้วยท่าทางกังวล“น้องตกใจมากนะภู พาไปโรงพยาบาลก่อนไหม” พี่ปันหยาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเรียบเฉย แต่น้ำเสียงแสดงออกถึงอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดในน้ำเสียง“ทำไมพี่ ๆ มาอยู่ที่นี่กันได้คะ” ฉันที่พอจะรู้สึกตัวเองดีแล้ว หันมองพี่ ๆ ทุกคนหลังจากเอ่ยถามไปด้วยความไม่เข้าใจ เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายคือฉันไม่ได้ลุกขึ้นไปเปิดประตู และพี่ภูเองก็นอนหลับอยู่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย“เรื่องนี้พี่ก็อยากรู้ค่ะ ว่าทำไมภูผากับยาหยีถึงมาอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง..หวังว่าแกจะจำสิ่งที่แกรับปากพวกฉันได้นะภูผา” พี่ปันหยาเอ่ยย้ำในสิ่งที่ทุกคนในห้องนี้รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร ด้วยสายตาที่จริงจัง จนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู
ความทรงจำที่หายไป- 19 -กว่าที่ฉันจะแกะมือปลาหมึกของพี่ภูออกมาได้ ก็เล่นเอาหอบเหนื่อยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพี่ภูนั้นเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา แต่พอฉันรวบรวมความกล้าที่มีตวาดลั่นดุพี่ภูอย่างจริงจัง ผู้ชายคนนี้ก็หน้าหงิกเป็นเด็กน้อยแล้วหันหลังใส่ฉันพร้อมกับนอนหลับไปเสียอย่างนั้นครืด!ฉันลุกขึ้นไปหยิบมือถือของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะกระจกขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นพี่มาวินที่โทรเข้ามาหลายสายแล้ว แต่เวลานั้นฉันกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย“ค่ะพี่มาวิน” ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างรีบร้อน เพราะไม่รู้เลยว่าพี่มาวินมีธุระอะไรหรือไม่“น้องหยี ไอ้ภูอยู่ห้องน้องไหม มันเมาแล้วบอกจะกลับห้อง แล้วออกไปเลย พี่หามันไม่เจอ” ฉันฟังเสียงที่ตื่นตกใจของพี่มาวิน พร้อมกับมองบุคคลที่ถามถึงก่อนจะกดเปิดวิดีโอคอล แล้วชูหน้าจอไปที่คนที่หลับไม่ได้สติ“ไอ้ภู! พี่ก็วิ่งหามันทั่วคอนโด ไม่คิดว่ามันจะเมาแล้วเรื้อนขนาดนี้ งั้นพี่ฝากน้องหยีดูมันด้วยนะ พี่ลงมาข้างล่างแล้วคงไม่กลับขึ้นไปแล้ว” พี่มาวินร่ายยาว ใบหน้าแสดงอาการทั้งดมโห ทั้งขำ ปนเปกันไปหมด ฉันพยักหน้าให้เป็นการรับปากแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้กดวางมือถือ เสียงของผู้หญิงที่แทร
สิบห้าปี..ยังหนีไม่พ้น- 18 -“ไอ้ภู! มึงกับน้อง..” พี่มาวินตาโต นิ้วชี้ค้างกลางอากาศ แต่มีหรือพี่ภูจะสนใจ ฉันเองได้แต่นั่งนิ่ง หยิบขนมมาเคี้ยว “ไอ้ภูเอ๊ย”“เลิกเรียกกูได้แล้ว จะกินมั้ยเหล้าอะ” พี่ภูเดินมาทิ้งตัวลงข้างฉัน ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปหยิบแก้วใสมาวางให้สองใบ พร้อมกันนั้นก็หยิบหอบข้าวของไปแกะใส่จานมาวางไว้ให้ทั้งคู่“งั้นหนูกลับห้องก่อนนะคะ” ฉันเอื้อมมือไปหยิบขนมอีกชิ้นในซองมาเคี้ยวก่อนจะทำท่าจะเดินออกจากห้อง “อ่อ..พี่ภูพรุ่งนี้ไปดูทำเลร้านพร้อมหนูไหมคะ ถ้าไปก็อย่าดื่มมากนะคะ”“ครับ” ผมยิ้มหวานให้เด็กสาว เธอเองก็ยิ้มตอบก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป“เล่า!” ทันทีที่ในห้องเหลือเพียงผมกับไอ้วิน วิญญาณนักข่าวก็เข้าสิงมันทันที“ก็อย่างที่มึงเห็น กูคบกับน้อง” ผมพูดจบพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากอย่างสบายอารมณ์“แล้วเรื่องกฎของร้านมึงจะทำไง” ไอ้วินเองก็ถามคำ กินเหล้าคำพอ ๆ กับผม แต่จากสายตาของผม มันเองก็ดูเหมือนจะมีอะไรในใจเหมือนกัน“ก็ไม่ทำไง เดิมทีกูก็จะปรึกษาพวกมึงเรื่องนี้”“แล้วทำไมไม่ปรึกษา”“ยาหยีอยากออกจากที่ร้าน”“ทำไมวะ เพราะกฎนี้นะเหรอ เฮ้ย! มันต้องมีทางออกอื่น”“น้องอยากทำธุรกิจ
คนนี้ของยาหยี 2/2- 17 -เธอใช้สองมือลูบแก้มตัวเองป้อย ๆ แก้เขิน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากแกล้งเธอมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก“ไม่ชอบจริงเหรอ” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนผู้หญิงด้านหน้า จนเธอหันมามองหน้าผมชัด ๆในจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะเปิดออก เธอเลือกที่จะหอมแก้มหนัก ๆ ของผมฟอดใหญ่ด้วยความเร็วและรีบวิ่งออกจากลิฟต์กลับไปทางห้องของตัวเองแบบไม่หันกลับมามองผมเลยสักนิด ผมยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์เพียงชั่วครู่ก่อนจะเดินออกมายืนมองเธอที่รีบกดรหัสผ่านเข้าห้องไปด้วยความเอ็นดูติ๊ง!‘พี่ภูเป็นแฟนกับยาหยีนะคะ’ ผมเปิดอ่านข้อความที่มาจากคนตัวเล็กส่งมาหลังจากที่ผมทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มในห้องนอนของตัวเอง‘พี่ต้องเป็นคนขอไม่ใช่เหรอ’‘รอพี่ภูขอ หยีแก่ตายพอดี’'ยาหยี..เป็นแฟนพี่นะครับ’‘ตกลงค่ะ!’ผมได้แต่นอนยิ้มให้กับหน้าจอมือถือราวกับคนบ้า เราเริ่มสนทนากันมากขึ้น เริ่มศึกษานิสัยและความชอบของกันและกันมากขึ้น เวลาผ่านไปหลายเดือนที่เราใช้ชีวิตด้วยกันแบบไม่ได้บอกผู้ใหญ่หรือครอบครัว โดยเฉพาะกับคนที่ร้าน“พี่ว่าจะบอกไอ้วินกับปันหยา เรื่องของเรา” พี่ภูวางหนังสือที่กำลังอ่านลงบนหน้าอกพูดขึ้นในขณะที่ยังนอนหนุนตักของฉันที
คนนี้ของยาหยี 1/2- 17 -“คืออะไรกันคะ ทำไม..” ฉันได้แต่ยืนมองหน้าป้านภาสลับกับมองหน้าพี่ภู โดยที่ไม่รู้เลยว่าฉันจะต้องพูดหรือรู้สึกอย่างไร ป้านภาเป็นคนแนะนำให้ฉันมาสมัครที่ร้านนี้แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นร้านของใคร และพี่ภูคือลูกชายของป้านภาแต่ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้จักมาก่อนทั้งที่บ้านเราทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่ฉันจำความได้“ป้าก็อยากรู้ว่าทำไมเจ้าของรองเท้าเบอร์สามสิบแปดที่จอดหน้าห้องเจ้าภูถึงเป็นของหนูยาหยี” ป้านภามองหน้าฉันสลับกับพี่ภูอย่างต้องการหาคำตอบ แต่ยังเป็นแววตาที่เอ็นดูฉันเหมือนเดิม“มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดแน่นอนครับ พอดีผมขอให้น้องมาทายาให้เฉย ๆ”“ยา..ทายาอะไรลูกเป็นอะไร” ป้านภาตรงดิ่งเข้ามาหาพี่ภู จับลูกชายของเขาหมุนซ้ายหมุนขวา โดยที่ใบหน้าของพี่ภูยังคงดุตกใจเหลอหลาอย่างเห็นได้ชัด “ไหน”“แม่ครับ แม่ใจเย็น ๆ ก่อน ภูไม่ได้เป็นอะไรมาก” พี่ภูจับไหล่ของป้านภาก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มฟอดใหญ่“คุณ พาหนูหยีกลับเข้าไปในห้องก่อนเลยค่ะ” เสียงของหญิงสูงวัยหันไปเอ่ยกับผู้เป็นสามีที่ยืนเงียบ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร “หนูยาหยีเข้าห้องไปก่อนนะจ๊ะ ป้ามีเรื่องอยากคุยกับเราสองคน”ฉันนึกขึ้นได้จึงยกมือไหว้ป