มนันย์โอเมก้าน้อยนอนหลับตาพริ้มข้างมารดา ที่ตอนนี้มีแต่สายระโยงระยางเพื่อต่อลมหายใจให้เจ้าของร่างที่อยู่ปากปล่องหุบเหวแห่งความตาย ‘มานัส’ เป็นโอเมก้าชายรุ่นน้อง เป็นน้องรหัสโอเมก้าเพียงคนเดียวของเจ้าสัวพิสิฐชัย สมัยตอนเรียนมหา’ ลัยทั้งสองเป็นพี่น้องสายรหัสที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอมา ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเลยจนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อน พิสิฐชัยได้รับสายจากเบอร์แปลกที่เขาไม่คุ้นเคย ก่อนจะกดรับสายเผื่อว่าเป็นคู่ค้าแต่ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อปลายสายเอ่ยแนะนำตัวพร้อมเอ่ยขอร้องเสียงกระท่อนกระแท่นขาดหายแทบฟังไม่ได้ศัพท์
เมื่อเจ้าสัวพิสิฐชัยเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็ต้องพบกับความอดสูร่างกายโอเมก้าที่เคยเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลบัดนี้เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกผมที่เคยดกดำนิ่มสลวยไม่กี่ปีก่อนหน้าเหลือเพียงไม่กี่หย่อมดวงหน้าตอบตาลึกโบ๋หายใจอ่อนแรงใกล้ร่วงโรยเต็มทีพิสิฐชัยจำได้ว่าน้องรหัสมาจากครอบครัวคนชั้นกลางแต่หลังจากเรียนจบก็ไม่ได้ติดต่อไปมาหาสู่กันอีกไม่คิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเขาจึงตัดสินใจรับเด็กทารกที่ลืมตาดูโลกเพียงไม่กี่วันมาอุปการะ
“ฝะ…ฝากดูแลมนันย์ด้วยนะครับ” ลำคอตีบตันเปล่งเสียงยากลำบากแต่เจ้าตัวก็ฮึดแรงเฮือกสุดท้ายเอื้อนเอ่ยคำขอจากอัลฟ่าตรงหน้าหากไม่ใช่คนนี้แล้วมานัสเองก็ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครที่ไหนอีกน้ำตาไหลเป็นสายจนหมอนเปียกชุ่มก่อนสัญญาณการเต้นของหัวใจจะแผ่วเบาจนหยุดเต้นไปในที่สุดหัวใจดวงนี้ฮึดเต้นอดทนรอจนวินาทีสุดท้ายที่ผู้เป็นมารดาได้เอ่ยฝากฝังลูกชายกับใครสักคนและเป็นคนเดียวที่มานัสไว้ใจฝากฝังให้อุ้มชูดูแลแทนเขาที่ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่นั้น
พิสิฐชัยสืบสาวราวเรื่องทั้งหมดจากคนรอบตัวและพยาบาลที่คอยดูแลมานัสตลอดการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ครอบครัวของมานัสตกอับธุรกิจล้มละลายเลยทำให้โอเมก้าที่เกิดมาสุขสบายต้องผันตัวมาขายตัวอยู่หลายปีจนพลาดท่าท้องไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กซ้ำร้ายไปกว่านั้นตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 3 คุณหมอแนะนำให้มานัสเอาเด็กออกเพื่อที่จะได้ทำการรักษาและบำบัดด้วยคีโมแต่โอเมก้าหนุ่มกลับปฏิเสธเพราะลึกๆแล้วมานัสก็ตัดใจฆ่าเด็กคนนี้ไม่ลง
มานัสพร่ำบอกตัวเองว่าชีวิตที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นเพื่อนฝูงที่เคยคบค้าสมาคมต่างก็หมางเมินไหนจะหนี้ที่พ่อกับแม่ต่างก็ทิ้งไว้ให้หลังจากธุรกิจล้มละลายพวกเขาทั้งสองเลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัวคิดว่าเงินประกันชีวิตจะพอต่อลมหายใจให้บุตรชายเพียงคนเดียวแต่ทว่าทั้งคู่คิดผิดมหันต์นอกจากมานัสจะไม่ได้รับเงินประกันชีวิตแล้วยังได้รับมรดกหนี้ที่เหลืออีกด้วยสมบัติทุกชิ้นต่างทยอยขายออกไปเพื่อต่อลมหายใจให้กับลูกหนี้โอเมก้าที่จนตรอกขายจนสิ้นเนื้อประดาตัวก็ยังไม่พอชดใช้จึงหันมาขายตัวในที่สุด
ร่างกายที่สวยสดสมวัยกลับร่วงโรยก่อนวัยอันควรเขาทนรับแขกหลายคนบางคืนตั้งแต่เที่ยงวันจนฟ้าสางหวังเพียงอยากหลุดพ้นวงจรนี้อยากจะเก็บเงินเริ่มต้นชีวิตใหม่ชีวิตที่ไม่มีหนี้ความฟุ้งเฟ้อที่มีเหลือเพียงกินอะไรก็ได้ให้อิ่มท้องอยู่ที่ไหนก็ได้ขอแค่หลบแดดหลบฝนพ้นเป็นใช้ได้กล้ำกลืนฝืนทนขายเรือนร่างที่เป็นสมบัติติดตัวเพียงชิ้นสุดท้าย
โชคดีมักมาพร้อมกับความโชคร้ายมานัสได้คบหากับลูกค้าคนหนึ่งหลังจากนั้นจึงกลายมาเป็นแม่บ้านแต่ทว่าความรักของเขาไม่ได้ราบรื่นมากนักเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเข้าพิธีหมั้นถูกผู้ใหญ่ทางบ้านจับคลุมถุงชนโอเมก้าที่คว้ามาจากซ่องจะเหมาะสมกับอัลฟ่าผู้เพียบพร้อมได้อย่างไรมานัสรู้ตัวดีจึงจำใจตัดรอนความสัมพันธ์นั้นเพื่อให้คนรักได้เจอคนที่ดีกว่าเหมาะสมมากกว่าหากพบเจอใครต่อใครจะเอ่ยแนะนำตัวภรรยาอย่างภาคภูมิก็คงไม่ได้ไม่ว่าจะภูมิหลังของครอบครัวอาชีพที่เคยทำล้วนไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมโลกถล่มต่อหน้าเมื่อพบว่าตัวเองตั้งครรภ์อดีตของเขาคงไม่คู่ควรกับรักแท้ผู้ชายที่วาดหวังจะฝากชีวิตไว้สุดท้ายจำใจต้องเลิกราพอรู้ว่าร่างกายมีอีกหนึ่งชีวิตกำเนิดใหม่ขึ้นมาความคิดมากมายก็ผุดขึ้นมาในสมองลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดจะให้เด็กน้อยบริสุทธิ์มาตกระกำลำบากด้วยอย่างไรแต่เพราะพระเจ้าคงอยากให้เด็กคนหนึ่งได้ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้กระมังจึงทำให้มานัสจำใจเก็บเด็กคนนี้เอาไว้จนคลอดจะฆ่าให้ตายก็ทำไม่ลงเพราะเด็กคนนี้เกิดจากความรักของพวกเขาทั้งคู่แต่แค่ผิดเวลาก็เท่านั้นมานัสได้แต่เอ่ยพร่ำคำขอโทษและอวยพรให้บุตรชายอยู่ในใจ
“ขอให้เขาเป็นที่รัก” ลูกชายของเธอเปรียบเสมือนดอกพีโอนีที่เมื่อเด็ดออกจากต้นแล้วจะเหี่ยวเฉาลงไปในไม่ช้าแต่ความหอมของมันก็รู้สึกคุ้มค่าที่ได้เด็ดออกมาดอมดม
ขอเพียงมีพื้นที่เล็กๆของโลกใบนี้ให้ดอกพีโอนีดอกนี้ได้เบ่งบานและเติบโตหวังว่าตัวเองไม่ได้ขอมากไปขอให้พระผู้เป็นเจ้าเห็นใจและได้ยินคำร้องขอสุดท้ายนี้ด้วยเถิด
แม้ร่างกายจะไม่มีเรี่ยวแรงแต่มานัสก็อยากจะอุ้มลูกชายโอเมก้ามาแนบอกป้อนน้ำนมอุ่นให้อย่างแม่คนอื่นๆแต่มานัสทำได้เพียงมองดูลูกน้อยที่นอนหลับตาพริ้มเหมือนทารกน้อยไม่อยากจะสร้างความลำบากให้มารดาที่กำลังนอนรักษาตัวเจ้าตัวกินนอนเป็นเวลาเลี้ยงง่ายกินอิ่มก็หลับจนเป็นขวัญใจหมอและพยาบาลในวอร์ดกันเป็นแถวกลิ่นกายของลูกชายที่หลับสนิทข้างกายกลับให้มานัสรู้สึกสดชื่นรู้จักปล่อยวางเมื่อร่างกายเปลี่ยนไปตามวัฏสงสารดอกพีโอนีดอกนี้ของเธอเบ่งบานเพื่อเยียวยาร่างกายและหัวใจที่บอบช้ำได้เป็นอย่างดีมานัสทำได้เพียงสูดกลิ่นหอมนี้กักเก็บไว้เต็มปอดเพราะรู้ตัวดีว่าเวลาแห่งความสุขช่วงสุดท้ายของชีวิตได้เดินทางมาถึงแล้ว
เพราะอายุห่างกันเกือบ 15 ปีทำให้นับนิรันดร์นับอนันต์แทบจะกลายมาเป็นพ่อของนับกัลป์อีกคนพ่ออย่างพิรชัชกลับกลายเป็นสปอยลูกสาวแต่ความเด็ดขาดกลับตกอยู่ที่สองแฝดพวกเขาต่างก็สรรหาสิ่งของดีๆมาให้แถมยังหวงน้องสาวมากๆด้วยนับกัลป์ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบแล้วหน้าตาสะสวยแต่เด็กเลยเชียวผมสีน้ำตาลอ่อนกว่าของสองแฝดอีกเมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียนสองแฝดก็ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเทียวรับเทียวส่งเพราะว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันสองแฝดเป็นรุ่นพี่ม. 6 เด็กๆห้องอนุบาลหมีน้อยต่างก็รู้ดีว่าพี่ชายของนับกัลป์ดุเหมือนยักษ์หากมีคนแกล้งให้เด็กน้อยร้องไห้ละก็จะต้องถูกดุแน่ๆสองแฝดนั้นน่ากลัวกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเสียอีก ส่วนนับกัลป์นั้นได้แต่ทำหน้าเซ็งเพราะสองแฝดทำตัวแบบนี้เลยไม่มีใครอยากเล่นกับเขาเลยสักคน“แม่คะหนูไม่อยากให้พี่ๆไปรับที่โรงเรียนเลย” เมื่ออยู่พร้อมหน้ามื้อเช้าของวันเด็กน้อยก็รายงานพ่อแม่ทันที“ทำไมละคะ” มนันย์เอ่ยถามส่วนพิรชัชที่สวมชุดกันเปื้อนจัดแจงข้าวเช้าให้ลูกๆอดส่งสายตาไปปรามสองแฝดไม่ได้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นบกัลป์บ่นเรื่องความขี้หวงของสองแฝด“ก็ไม่มีใครอยากเล่นกับหนู”“ไม่เห็นต้องแคร์เลยเด็กน้อยเธออย่าลืมว่ามีพวกเ
มนันย์ยิ้มให้กับสามีของตัวเองไม่คาดคิดว่าคุณชัชจะมีมุมที่น่ารักขี้อ้อนอย่างนี้อยู่ด้วยโอเมก้ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลมคล้ายกับว่ามีสายลมอุ่นๆห้อมล้อมสองแม่ลูกเอาไว้ตั้งครรภ์ที่สองนี้มนันย์ไม่ได้ทำรังจนกองเสื้อผ้าสุมกันเป็นกองใหญ่เหมือนท้องแรกไม่รู้เพราะมีคู่อยู่ข้างกายหรือเปล่าเขาติดกลิ่นของอีกฝ่ายมากกว่าแม้ไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนแต่ติดกลิ่นกายอีกทั้งอ้อมกอดนี้ก็เหมือนปราการใหญ่ที่ให้เขาได้ซุกตัวคุณแม่โอเมก้ารู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่นนี้“คิดถึงสองแฝดจังครับไม่โทรมาเลย” พิรชัชอดหัวเราะไม่ได้“จะเอาเวลาที่ไหนมาโทรคุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณปู่คุณย่าสปอยสองแสบนั้นแค่ไหนกว่าจะกลับมาก็เดือนหน้านู้นแหละอีกอย่างช่วงนี้คุณก็จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย”“คุณมากกว่าน่ะซิครับที่ได้พักผ่อนผมรู้นะว่าคุณกับสองแฝดทะเลาะกันตลอด”“เอ้า…ผมไม่ผิดนะสองแสบนั่นติดคุณแจแถมอยากจะนอนกล่อมน้องทั้งคืนคุณเอาผมไปไว้ที่ไหน”มนันย์ส่ายหน้าให้สามีอัลฟ่าอย่างอ่อนใจ “นั่นก็ลูกคุณนะ” “ไม่เกี่ยวคุณน่ะเมียผมสองแฝดนั้นกีดกันผมกับคุณชัดๆ” มนันย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายสองแฝดน
เสียงโอ๊กอ๊ากยามเช้าภายในห้องน้ำทำเอาพิรชัชรู้สึกกระวนกระวายไปหมดหลายวันมาแล้วที่มนันย์ทำตัวแปลกไปก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนตัวติดกันแทบทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามนันย์ไม่เหมือนเดิมหรือว่าเพราะเขายังทำตัวไม่ดีพออัลฟ่าอย่างพิรชัชได้แต่เกาะหน้าประตูห้องน้ำได้แต่ตะโกนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าให้ผมเข้าไปไหม”“ไม่—เป็นไรครับ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงอัลฟ่าหางลู่หูตกได้แต่เดินวนเวียนอยู่ภายในห้องนอนด้วยความวิตกกังวลต่างๆนานาๆพวกเขาเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวสมบูรณ์พร้อมหน้าได้ไม่นานอย่าให้มีเรื่องราวร้ายๆเกิดขึ้นในตอนนี้เลยก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดประคองให้นั่งลงบนเตียงกว้างอย่างช้าๆ “ไปหาหมอไหมหืมเป็นอะไรไปอย่าเก็บไว้คนเดียวคุณยังมีผมและลูกๆนะ” มนันย์เห็นสามีตัวเองในเวย์นี้ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ไม่พูดเปล่าแถมยังเกลี่ยแก้มใสนั้นอย่างเบามือ “ช่วงนี้โหมงานหนักไปหรือเปล่าเหมือนว่าคุณจะเบื่ออาหารนะออกไปทานนอกบ้านกันไหมจะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย” มนันย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาก
สองร่างเปลือยเปล่าต่างกกกอดนัวเนียกันด้วยความกระหายและต้องการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ช่องทางหลังโอเมก้าหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่นเนื่องจากช่วงฮีท การเตรียมพร้อมช่องทางหลังที่ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทำให้การสอดใส่ไม่ติดขัด ส่วนปลายตอกลึกเข้าไปจนถึงปากถุงครรภ์ “อ๊ะอื้อ” โอเมก้าแหงนหน้าไปทางข้างหลังพร้อมร่างกายที่บิดพริ้วไปด้วยความกระสันจังหวะเนิบนาบก่อนหน้าหยุดลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาคนใต้ร่าง“คุณเจ็บเหรอถ้าเจ็บก็ให้บอก…อย่าทน” พิรชัชพูดพร้อมกับแช่แกนกายไว้อยู่อย่างนั้นสักพักมันอึดอัดพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างจนทำเอาคุณแม่โอเมก้าทนแทบไม่ไหว“คะคุณขยับสักทีมันทรมาน” อัลฟ่าเองก็กัดฟันกรอดเช่นกันช่องทางคล้ายกำลังดูดกลืนท่อนลำของเขาอย่างหื่นกระหาย“ซี้ด… ผมขยับแทบไม่ได้” มันทั้งคับทั้งบีบแน่นแบบนี้ไม่รู้เพราะอารมณ์ที่พุ่งกระฉุดหรือเพราะความปราถนาลึกๆเรื่องตั้งครรภ์ของโอเมก้ากันแน่ที่ทำให้คนที่ไม่ประสีประสาและอับอายเรื่องอย่างว่ากลายมาเป็นผู้ควบขี่อยู่ตอนนี้“อื้ออะ” จังหวะและแรงกระแทกลงมาทำเอาอัลฟ่าแทบจะถึงปลายทางอยู่ร่อมร่อพิรชัชปล่อยให้คุณแม่ได้ควบขี่เขาตามอำเภอใจภาพที่เห็นทำเอาอัลฟ่าแทบลืมหายใจใ
“ขอบคุณมากครับ”“คุณเก่งมากหากเป็นผมไม่รู้ว่าจะผ่านคืนวันที่ยากลำบากเหล่านั้นไปได้ไหมที่ผ่านมาผมมองไม่เห็นถึงความลำบากที่คุณเคยได้รับมาก่อนเลย”“อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับเรื่องราวมันผ่านมาแล้วแถมต้องขอบคุณเรื่องราวเหล่านั้นที่ทำให้ผมได้เติบโตและเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้”“ยินดีด้วยนะครับแม่แม่เก่งที่สุดเลย” สองแฝดแม้จะอายุ 10 ขวบแต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดต่างก็เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนันย์ได้ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวของตัวเองรวมไปถึงโอเมก้าในปกครองข้างหลังที่ต่างก็ได้รับโอกาสการสนับสนุนทุกการศึกษาจนได้มีหน้าที่การงานมั่นคงส่งต่อความฝันและอนาคตให้กับโอเมก้าที่ขาดโอกาสต่อไปมนันย์ยิ้มทั้งน้ำตาภาพที่เขาได้วาดฝันไว้กลายเป็นจริงเสียทีความหมายของชื่อมนันย์ควรค่าแก่การสรรเสริญและมานัสที่ล่วงลับไปนั้นตัดสินใจไม่ผิดที่ให้บุตรชายได้ใช้ชื่อนี้เพราะโอเมก้าคนนี้กลายเป็นผู้ให้กลายเป็นที่รักของผู้คนมากหน้าหลายตาและควรค่าต่อการสรรเสริญอย่างแท้จริงหลังจากจัดงานแต่งงานมนันย์และพิรชัชก็ได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วที่พวกเขาต่างก็เข้านอน
มนันย์และครอบครัวกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ก่อนหน้านั้นโอเมก้าเองคิดว่าไม่มีที่ให้เขาได้กลับไป อีกทั้งไม่มีใครที่เขาจะต้องอาลัยอาวรณ์อีก แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีคนรักมากมายถึงเพียงนี้ มนันย์เองไม่เคยคิดคาดฝันมาก่อนเช่นกัน การเป็นที่รักและถูกรักมันคือความรู้สึกอย่างนี้เองเพราะเป็นโอเมก้าอีกทั้งยังกำพร้าแต่เด็กด้วยโอกาสต่างๆในชีวิตหากเขาไม่รักดีและไขว่คว้ามาด้วยตัวเองก็คงไม่ได้เห็นตัวเองในอย่างตอนนี้ตอนนี้มนันย์กลายเป็นหนึ่งในโอเมก้า 100 ลำดับที่มีอิทธิพลของโลกที่ขึ้นนิตยสารชื่อดังการกระทำของเขาส่งผลต่อการขับเคลื่อนของสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเรื่องการออกมาเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายและเพิ่มบทลงโทษแก่อัลฟ่าที่คุกคามโอเมก้าสวัสดิการปัจจัย 4 ที่โอเมก้าถูกกีดกัดก่อนหน้าและการมายืนอยู่จุดนี้ก็เพื่ออยากให้ทุกคนตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเพศรองไหนก็ไม่ควรจะถูกกีดกันและเหยียดหยามเราต่างก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมนันย์เป็นเจ้าของมูลนิธิถึง 3 แห่งเพราะเขาตระหนักดีถึงเรื่องการศึกษา ‘การศึกษาเปลี่ยนชีวิต’การศึกษามันเปลี่ยนอนาคตได้จริงๆไม่ว่าคุณจะเกิดมายา