ในเมืองที่ศิวิไลแสงไฟส่องระยิบระยับสมกับเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคนเมืองที่พรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีและความสะดวกสบายตามประสาเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครเมืองที่ไม่เคยหลับใหลไปตามกาลเวลาแต่ทว่าผู้คนต่างแบ่งแยกความเป็นมนุษย์เพียงแค่ชนชั้นอัลฟ่าเบต้าและโอเมก้า
หนึ่งในตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ‘นันท์เดชภาคย์’ ที่ผู้คนต่างใฝ่ฝันได้รับการตอบรับเข้าทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับเอเชียที่แตกบริษัทย่อยออกไปหลายสิบสาขารวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดเป็นหนึ่งในตระกูลอันมั่งคั่งระดับล้านล้านบาทควบกิจการทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำแม้แต่รัฐบาลกลางยังต้องเกรงใจอยู่หลายส่วนหากคุณเกิดมาเป็นอัลฟ่าหรือเบต้าบริษัทพวกนี้จะอ้าแขนตอบรับคุณได้ไม่ยากไม่เหมือนกับโอเมก้า
ชนชั้นโอเมก้านั้นเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยที่สุดในห่วงโซ่อาหารของเพศรองพวกเขามีร่างกายที่พิเศษเป็นเพศชายที่สามารถท้องได้มีอาการฮีทหรือเรียกว่า ‘ฤดูผสมพันธุ์’ มีกลิ่นฟีโรโมนดึงดูดหลอกล่ออัลฟ่าให้ติดกับมัวเมาในกามาหากพลาดท่าอาจถูกตีตราเป็นเจ้าของโดยไม่เต็มใจ
เพราะฟีโรโมนยั่วเย้านั้นต่างก็ทำให้อัลฟ่าชั้นสูงไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วยสักเท่าไหร่อัลฟ่าหลายคู่ต่างก็ต้องพ่ายให้กับกิเลสตัณหาและหลงละเลิงไปกับโอเมก้าไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่อให้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะส่งกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ไปหลอกล่อใครกลิ่นฟีโรโมนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของร่างกายและสัญชาตญาณเท่านั้นแต่ก็ไม่พ้นคำครหาถูกด้อยค่าเป็นแค่อีตัวบนเตียงหรือชนชั้นที่สร้างความร้าวฉานให้กับคู่ชีวิตอื่นอยู่ดี
หลายคนเพียรอ้อนวอนขอพรกับพระเจ้าหากเลือกเกิดได้ก็อย่าให้พวกเขาโชคร้ายเกิดมาเป็นโอเมก้าเลยเช่นเดียวกับ ‘มนันย์’ โอเมก้าหนุ่มที่ถูกเลี้ยงในรั้วตระกูลนันท์เดชภาคย์ที่ต้องคอยปิดบังซ่อนเร้นเพศสภาพให้เติบโตมาเป็นเบต้าเป็นชายทั่วไปที่ไม่มีฟีโรโมนหรืออาการฮีทใครๆต่างก็อิจฉาในความร่ำรวยและมั่งคั่งของคนในตระกูลนี้กันทั้งนั้นยกเว้นมนันย์ความโชคดีมีเพียงอย่างเดียวคือมีปัจจัย 4 พื้นฐานคือที่อยู่อาศัยอาหารเครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคที่ได้รับความกรุณาจากประมุขของบ้านอย่างคุณ ‘พิสิฐชัย’ หรือ ‘เจ้าสัวชัย’ ที่ช่วยเหลือเจือจุนโอเมก้ากำพร้ามาตั้งแต่แบเบาะ
เจ้าสัวอุ้มร่างทารกน้อยแนบอกก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ต่างก็สร้างความตกตะลึงให้แก่ภรรยาอัลฟ่าบุตรสาวคนโตของหัวหน้ารัฐบาลในยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่ภรรยารวมไปถึงบุตรชายทั้งสองอย่าง ‘พิรชัช’ และ ‘พิรภพ’ สองพี่น้องอายุ 7 ปีและ 3 ปีตามลำดับเด็กๆต่างงงงวยที่พวกเขามีน้องเล็กอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ส่วนภรรยาอย่าง ‘พรรำไพ’ เต้นเร่าๆอย่างเดือดดาลครอบครัวแสนสุขมีอันต้องแตกหักสามีภรรยาที่เคยหวานชื่นต่างก็ห่างเหินหันหน้าเข้าหากันแทบไม่ติดความน้อยเนื้อต่ำใจของพรรำไพทำให้เธอหลีกเลี่ยงที่จะหันหน้าเปิดอกเข้ามาคุยกับสามีพาลคิดไปต่างๆนาๆว่าเธอผิดพลาดบกพร่องจากหน้าที่หรืออย่างไรสามีถึงปันใจให้ใครอื่นจนมีพยานรักออกมาอีกหนึ่งคนด้วยสาเหตุนี้ทำให้พรรำไพจากแม่บ้านที่ดูแลลูกๆเป็นอย่างดีมีแต่ความรักความอบอุ่นให้กับเด็กน้อยทั้งสองบัดนี้มีแต่ความเฉยชาปิดกั้นตัวเองอยู่แต่ในห้องนอนซมอยู่หลายวันจนลูกชายทั้งสองก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เด็กน้อยสองคนจากเมื่อก่อนร่าเริงแจ่มใสบัดนี้กลับเงียบขรึมโดยเฉพาะคนโตอย่างพิรชัชเขาอายุ 7 ขวบพอจะรู้และเข้าใจอะไรบ้างแล้วเขารู้ว่าพ่ออุ้มเด็กน้อยทารกคนหนึ่งเข้ามาในบ้านและเด็กคนนี้ก็ทำให้ครอบครัวแสนสุขของเขาพังทลายลงไปมารดาผู้โอบอ้อมอารีมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าเสมอบัดนี้มีแต่คราบน้ำตาดวงตาคู่สวยบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักและยาวนาน
เขาเกลียดเด็กนั่นเกลียดที่เด็กคนนั้นเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวต้องแตกแยกเกลียดจนอยากจะให้เด็กนั่นหายไป
กว่าสองสามีภรรยาจะเปิดอกคุยกันความเกลียดชังที่พิรชัชมีต่อมนันย์ก็เพิ่มทวีคูณ
เพราะอายุห่างกันเกือบ 15 ปีทำให้นับนิรันดร์นับอนันต์แทบจะกลายมาเป็นพ่อของนับกัลป์อีกคนพ่ออย่างพิรชัชกลับกลายเป็นสปอยลูกสาวแต่ความเด็ดขาดกลับตกอยู่ที่สองแฝดพวกเขาต่างก็สรรหาสิ่งของดีๆมาให้แถมยังหวงน้องสาวมากๆด้วยนับกัลป์ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบแล้วหน้าตาสะสวยแต่เด็กเลยเชียวผมสีน้ำตาลอ่อนกว่าของสองแฝดอีกเมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียนสองแฝดก็ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเทียวรับเทียวส่งเพราะว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันสองแฝดเป็นรุ่นพี่ม. 6 เด็กๆห้องอนุบาลหมีน้อยต่างก็รู้ดีว่าพี่ชายของนับกัลป์ดุเหมือนยักษ์หากมีคนแกล้งให้เด็กน้อยร้องไห้ละก็จะต้องถูกดุแน่ๆสองแฝดนั้นน่ากลัวกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเสียอีก ส่วนนับกัลป์นั้นได้แต่ทำหน้าเซ็งเพราะสองแฝดทำตัวแบบนี้เลยไม่มีใครอยากเล่นกับเขาเลยสักคน“แม่คะหนูไม่อยากให้พี่ๆไปรับที่โรงเรียนเลย” เมื่ออยู่พร้อมหน้ามื้อเช้าของวันเด็กน้อยก็รายงานพ่อแม่ทันที“ทำไมละคะ” มนันย์เอ่ยถามส่วนพิรชัชที่สวมชุดกันเปื้อนจัดแจงข้าวเช้าให้ลูกๆอดส่งสายตาไปปรามสองแฝดไม่ได้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นบกัลป์บ่นเรื่องความขี้หวงของสองแฝด“ก็ไม่มีใครอยากเล่นกับหนู”“ไม่เห็นต้องแคร์เลยเด็กน้อยเธออย่าลืมว่ามีพวกเ
มนันย์ยิ้มให้กับสามีของตัวเองไม่คาดคิดว่าคุณชัชจะมีมุมที่น่ารักขี้อ้อนอย่างนี้อยู่ด้วยโอเมก้ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลมคล้ายกับว่ามีสายลมอุ่นๆห้อมล้อมสองแม่ลูกเอาไว้ตั้งครรภ์ที่สองนี้มนันย์ไม่ได้ทำรังจนกองเสื้อผ้าสุมกันเป็นกองใหญ่เหมือนท้องแรกไม่รู้เพราะมีคู่อยู่ข้างกายหรือเปล่าเขาติดกลิ่นของอีกฝ่ายมากกว่าแม้ไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนแต่ติดกลิ่นกายอีกทั้งอ้อมกอดนี้ก็เหมือนปราการใหญ่ที่ให้เขาได้ซุกตัวคุณแม่โอเมก้ารู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่นนี้“คิดถึงสองแฝดจังครับไม่โทรมาเลย” พิรชัชอดหัวเราะไม่ได้“จะเอาเวลาที่ไหนมาโทรคุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณปู่คุณย่าสปอยสองแสบนั้นแค่ไหนกว่าจะกลับมาก็เดือนหน้านู้นแหละอีกอย่างช่วงนี้คุณก็จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย”“คุณมากกว่าน่ะซิครับที่ได้พักผ่อนผมรู้นะว่าคุณกับสองแฝดทะเลาะกันตลอด”“เอ้า…ผมไม่ผิดนะสองแสบนั่นติดคุณแจแถมอยากจะนอนกล่อมน้องทั้งคืนคุณเอาผมไปไว้ที่ไหน”มนันย์ส่ายหน้าให้สามีอัลฟ่าอย่างอ่อนใจ “นั่นก็ลูกคุณนะ” “ไม่เกี่ยวคุณน่ะเมียผมสองแฝดนั้นกีดกันผมกับคุณชัดๆ” มนันย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายสองแฝดน
เสียงโอ๊กอ๊ากยามเช้าภายในห้องน้ำทำเอาพิรชัชรู้สึกกระวนกระวายไปหมดหลายวันมาแล้วที่มนันย์ทำตัวแปลกไปก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนตัวติดกันแทบทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามนันย์ไม่เหมือนเดิมหรือว่าเพราะเขายังทำตัวไม่ดีพออัลฟ่าอย่างพิรชัชได้แต่เกาะหน้าประตูห้องน้ำได้แต่ตะโกนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าให้ผมเข้าไปไหม”“ไม่—เป็นไรครับ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงอัลฟ่าหางลู่หูตกได้แต่เดินวนเวียนอยู่ภายในห้องนอนด้วยความวิตกกังวลต่างๆนานาๆพวกเขาเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวสมบูรณ์พร้อมหน้าได้ไม่นานอย่าให้มีเรื่องราวร้ายๆเกิดขึ้นในตอนนี้เลยก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดประคองให้นั่งลงบนเตียงกว้างอย่างช้าๆ “ไปหาหมอไหมหืมเป็นอะไรไปอย่าเก็บไว้คนเดียวคุณยังมีผมและลูกๆนะ” มนันย์เห็นสามีตัวเองในเวย์นี้ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ไม่พูดเปล่าแถมยังเกลี่ยแก้มใสนั้นอย่างเบามือ “ช่วงนี้โหมงานหนักไปหรือเปล่าเหมือนว่าคุณจะเบื่ออาหารนะออกไปทานนอกบ้านกันไหมจะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย” มนันย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาก
สองร่างเปลือยเปล่าต่างกกกอดนัวเนียกันด้วยความกระหายและต้องการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ช่องทางหลังโอเมก้าหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่นเนื่องจากช่วงฮีท การเตรียมพร้อมช่องทางหลังที่ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทำให้การสอดใส่ไม่ติดขัด ส่วนปลายตอกลึกเข้าไปจนถึงปากถุงครรภ์ “อ๊ะอื้อ” โอเมก้าแหงนหน้าไปทางข้างหลังพร้อมร่างกายที่บิดพริ้วไปด้วยความกระสันจังหวะเนิบนาบก่อนหน้าหยุดลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาคนใต้ร่าง“คุณเจ็บเหรอถ้าเจ็บก็ให้บอก…อย่าทน” พิรชัชพูดพร้อมกับแช่แกนกายไว้อยู่อย่างนั้นสักพักมันอึดอัดพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างจนทำเอาคุณแม่โอเมก้าทนแทบไม่ไหว“คะคุณขยับสักทีมันทรมาน” อัลฟ่าเองก็กัดฟันกรอดเช่นกันช่องทางคล้ายกำลังดูดกลืนท่อนลำของเขาอย่างหื่นกระหาย“ซี้ด… ผมขยับแทบไม่ได้” มันทั้งคับทั้งบีบแน่นแบบนี้ไม่รู้เพราะอารมณ์ที่พุ่งกระฉุดหรือเพราะความปราถนาลึกๆเรื่องตั้งครรภ์ของโอเมก้ากันแน่ที่ทำให้คนที่ไม่ประสีประสาและอับอายเรื่องอย่างว่ากลายมาเป็นผู้ควบขี่อยู่ตอนนี้“อื้ออะ” จังหวะและแรงกระแทกลงมาทำเอาอัลฟ่าแทบจะถึงปลายทางอยู่ร่อมร่อพิรชัชปล่อยให้คุณแม่ได้ควบขี่เขาตามอำเภอใจภาพที่เห็นทำเอาอัลฟ่าแทบลืมหายใจใ
“ขอบคุณมากครับ”“คุณเก่งมากหากเป็นผมไม่รู้ว่าจะผ่านคืนวันที่ยากลำบากเหล่านั้นไปได้ไหมที่ผ่านมาผมมองไม่เห็นถึงความลำบากที่คุณเคยได้รับมาก่อนเลย”“อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับเรื่องราวมันผ่านมาแล้วแถมต้องขอบคุณเรื่องราวเหล่านั้นที่ทำให้ผมได้เติบโตและเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้”“ยินดีด้วยนะครับแม่แม่เก่งที่สุดเลย” สองแฝดแม้จะอายุ 10 ขวบแต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดต่างก็เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนันย์ได้ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวของตัวเองรวมไปถึงโอเมก้าในปกครองข้างหลังที่ต่างก็ได้รับโอกาสการสนับสนุนทุกการศึกษาจนได้มีหน้าที่การงานมั่นคงส่งต่อความฝันและอนาคตให้กับโอเมก้าที่ขาดโอกาสต่อไปมนันย์ยิ้มทั้งน้ำตาภาพที่เขาได้วาดฝันไว้กลายเป็นจริงเสียทีความหมายของชื่อมนันย์ควรค่าแก่การสรรเสริญและมานัสที่ล่วงลับไปนั้นตัดสินใจไม่ผิดที่ให้บุตรชายได้ใช้ชื่อนี้เพราะโอเมก้าคนนี้กลายเป็นผู้ให้กลายเป็นที่รักของผู้คนมากหน้าหลายตาและควรค่าต่อการสรรเสริญอย่างแท้จริงหลังจากจัดงานแต่งงานมนันย์และพิรชัชก็ได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วที่พวกเขาต่างก็เข้านอน
มนันย์และครอบครัวกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ก่อนหน้านั้นโอเมก้าเองคิดว่าไม่มีที่ให้เขาได้กลับไป อีกทั้งไม่มีใครที่เขาจะต้องอาลัยอาวรณ์อีก แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีคนรักมากมายถึงเพียงนี้ มนันย์เองไม่เคยคิดคาดฝันมาก่อนเช่นกัน การเป็นที่รักและถูกรักมันคือความรู้สึกอย่างนี้เองเพราะเป็นโอเมก้าอีกทั้งยังกำพร้าแต่เด็กด้วยโอกาสต่างๆในชีวิตหากเขาไม่รักดีและไขว่คว้ามาด้วยตัวเองก็คงไม่ได้เห็นตัวเองในอย่างตอนนี้ตอนนี้มนันย์กลายเป็นหนึ่งในโอเมก้า 100 ลำดับที่มีอิทธิพลของโลกที่ขึ้นนิตยสารชื่อดังการกระทำของเขาส่งผลต่อการขับเคลื่อนของสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเรื่องการออกมาเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายและเพิ่มบทลงโทษแก่อัลฟ่าที่คุกคามโอเมก้าสวัสดิการปัจจัย 4 ที่โอเมก้าถูกกีดกัดก่อนหน้าและการมายืนอยู่จุดนี้ก็เพื่ออยากให้ทุกคนตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเพศรองไหนก็ไม่ควรจะถูกกีดกันและเหยียดหยามเราต่างก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมนันย์เป็นเจ้าของมูลนิธิถึง 3 แห่งเพราะเขาตระหนักดีถึงเรื่องการศึกษา ‘การศึกษาเปลี่ยนชีวิต’การศึกษามันเปลี่ยนอนาคตได้จริงๆไม่ว่าคุณจะเกิดมายา