บทที่ 2
บุคคลอันตราย
“อ้าวป่าน เป็นอะไรน่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
ขาเล็กก้าวตึง ๆ เข้ามาในตัวร้านด้วยความกรุ่นโกรธและแรงโทสะที่อยู่เต็มอก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเรียกรั้งจากผู้จัดการของร้าน น้อยครั้งนักที่จะเห็นหญิงสาวอยู่ในอิริยาบถแบบนี้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เอ็ม ป่านขึ้นไปข้างบนก่อนนะ เมื่อกี้นี้แอบอู้งานอะ คุณเวย์บ่นแล้วมั้งเนี่ย” สายป่านเอ่ยก่อนจะเดินแยกไปยังชั้นบนซึ่งมีโต๊ะเจ้าของร้านที่เธอรับหน้าที่ดูแลอยู่ เนื่องจากเมื่อครู่นี้เธอใช้เวลาทำงานในการระงับความเดือดดาลของตัวเองไปไม่น้อยถึงจะเดินกลับเข้ามา
ขาเล็กก้าวฉับ ๆ อย่างทะมัดทะแมง ซึ่งจุดหมายก็คือโต๊ะเวย์คินที่กำลังนั่งดื่มสังสรรค์ ระดับสายตาปราดเห็นว่าตอนนี้ที่โต๊ะนั้นมีคนมานั่งเพิ่มหนึ่งคนจากเดิมที่มีเพียงสอง ถัดไปไม่ไกลก็มีชายชุดดำหยัดยืนอยู่
สายป่านหรี่สายตาเพื่อปรับให้มองเห็นบุคคลที่มาใหม่ให้ชัดเจน เธอมองไปยังชายชุดดำก็พบว่าท่าทางของเขาแทบไม่ต่างจากลูกน้องมาเฟียที่เคยเห็นในละคร ท่าทางเรียบนิ่ง ขึงขัง สายตากวาดมองพื้นที่รอบข้างราวกับสำรวจความเรียบร้อยและความปลอดภัย
แต่ทั้งหมดทั้งมวลกลับทำให้เธอเลิกคิดสนใจก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะที่ตัวเองรับผิดชอบ มือเล็กจัดวางของในมือลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ จัดแจงบริการเครื่องดื่มให้กับทุกคนในโต๊ะเมื่อเห็นว่าแก้วทรงเตี้ยพร่องไปจนเกือบหมดแล้ว
ทว่าจังหวะที่เงยหน้าขึ้น สายตาของเธอดันปะทะกับความคมเข้มของคนคนหนึ่ง เขาจดจ้องมองเธอด้วยความเรียบนิ่ง ทว่ากลับรู้สึกถึงกระแสร้อน ๆ ที่แผ่ซ่านออกมาราวกับมันกำลังมอดไหม้จนอยู่ไม่สุข
สายป่านเบิกตากว้าง ขณะที่ร่างกายก็สะดุ้งโหยงรีบถอยหลังหนีออกมา เธอรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับตามอง และเพียงเชยใบหน้าขึ้นก็พบกับต้นตอว่าผู้ชายหน้าโหดที่นั่งใกล้กับเจ้าของร้านนั้นกำลังใช้สายตาขู่ฆ่าก็ไม่ปาน
“อะ...ไอ้เลว!”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในโต๊ะต่างก็หันมองเด็กเสิร์ฟสาวเป็นทิศทางเดียว
“อะไรเหรอป่าน”
“คุณเวย์ เขาลวนลามป่าน ไอ้เลวนี่ลวนลามป่านค่ะ!” สายป่านตั้งสติและรีบฟ้องออกไปดัง ๆ ซึ่งประโยคนั้นเรียกความสนใจจากคนโต๊ะอื่นให้หันมองมาที่จุดเธอได้เกือบทั้งหมด
“ฮะ! พี่ไตรเหรอ? ผู้ชายคนนี้เหรอ?”
“ใช่ค่ะ! คนนี้เลย” หญิงสาวพยักหน้ารับรัวเร็ว หากแต่สายตากลับกดมองด้วยความแข็งขืนดุดัน บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจอย่างถึงที่สุด
“อ้อ...ไอ้รอยแดงที่แก้มก็โดนตบมาสินะไอ้ไตร” อีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้นปนเสียงขำหลังจากที่นั่งเงียบมานาน
รอยแดงที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของไตรพัฒน์เด่นชัด พลันความจริงกระจ่างแบบนี้จึงเดาได้ไม่ยากว่ามันคงเกิดจากการถูกตบด้วยฝีมือของเด็กเสิร์ฟคนนี้เป็นแน่
“ไอ้ติน หุบปากมึง! ผู้หญิงธรรมดาแบบนั้นกูไม่แตะให้เสียเวลาหรอก!”
นอกจากจะไม่ได้รับคำขอโทษแล้ว เธอยังได้รับคำถากถางตอกหน้ากลับมาอีกด้วย
หญิงสาวกำมือสองข้างแน่น ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนของเวย์คินจะมีกิริยาต่ำทรามได้แบบนี้
“เฮ้ย ใจเย็นดิพี่ไตร เอ่อ...ใจเย็นก่อนนะป่าน มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ เลย”
“นายครับ! แย่แล้วครับ!” ทว่าก่อนที่จะมีการพูดคุยใด ๆ กลับมีเสียงของร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เอ่ยแทรกขึ้นมา
ชายชุดดำโน้มตัวและป้องปากกระซิบบางอย่าง หลังจากนั้นสีหน้าเดือดดาลและความร้อนใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตามมาด้วยอาการผลุนผลันรีบวิ่งออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
สายป่านหันมองไปตามร่างสูงของคนสองคนที่เดินเร่งรีบออกไป จากความโกรธก็เปลี่ยนเป็นความตกใจเพราะนอกจากท่าทางรีบร้อนนั้นแล้ว สายตาของเธอยังปะทะเข้ากับกระบอกปืนสีดำขลับพอดิบพอดี
คราวนี้เธอมั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนั้นนอกจากจะเป็นไอ้เลวที่ลวนลามเธอ เขายังเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้อีกด้วย!
“เอ่อ...ฉันขอโทษแทนพี่ไตรด้วยแล้วกันนะ น่าจะเมาแหละ ขอโทษจริง ๆ” เวย์คินเอ่ยทำลายความเงียบหลังจากที่คนรุ่นพี่รีบวิ่งออกไปพร้อมปืนพกร่วมกับลูกน้อง
“ไตรเหรอ...” เสียงเล็กทวนสิ่งที่ได้ยินซึ่งชื่อนั้นก็น่าจะหมายถึงชื่อของไอ้เลวคนนั้นนั่นแหละ
“ความจริงป่านเองก็ตบหน้าเขาสั่งสอนไปแล้วล่ะค่ะ ก็ถือว่า...”
ปัง!
ปัง!
ปัง!
“กรี๊ด!!!”
ไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยค เสียงปืนสามนัดก็แผดลั่นขึ้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนภายในร้านที่ดังเป็นลำดับถัดมา
และเพียงเสี้ยววินาทีความโกลาหลวุ่นวายก็เกิดขึ้น คนในงานต่างวิ่งวุ่นหนีตายเจ้าละหวั่น เนื่องจากเสียงปืนเมื่อครู่นี้นั้นอยู่ใกล้เคียงอาณาบริเวณนี้มาก ระดับเสียงที่ได้ยินก็ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งบ่งบอกได้ว่ากระสุนปืนที่ลั่นไกนั้นดังกระหน่ำอยู่ใกล้กับร้านสังสรรค์เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
“ทุกคนอยู่ในความสงบ! ไอ้เอ็มมึงปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็บอกให้ลูกค้าและพนักงานอยู่แต่ในร้านด้วย เร็ว!”
สิ้นคำสั่งตวาดกร้าวของเวย์คินก็ทำให้สติเริ่มกู่กลับ พร้อมกับการตระหนักได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในฐานะพนักงานของร้านที่จะต้องดูแลและอำนวยความสะดวก
สายป่านรีบวิ่งลงไปยังด้านล่างเพื่อดูแลความเรียบร้อยเช่นเดียวกับผู้จัดการ ตอนนี้ประตูด้านหน้าและหลังปิดสนิททั้งหมดแล้ว นั่นจึงทำให้พอมั่นใจได้ว่าหากมีเหตุอันตรายใด ๆ ก็คงยากที่จะเกิดขึ้นในร้านแห่งนี้พอสมควร
“ป่านไปดูในครัวให้พี่ที ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”
คำสั่งที่ได้รับทำให้สายป่านรีบวิ่งเข้าไปยังโซนครัวทันที เธอเห็นว่าตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างก็อยู่ในอาการหวาดหวั่น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะป่าน เสียงปืนมาจากไหน ทำไมเสียงมันใกล้แบบนี้ เหมือนอยู่แถวหลังร้านเราเลยนะ”
“ป่านเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าแต่พวกพี่โอเคนะคะ อยู่ในนี้กันครบทุกคนใช่ไหม” สายป่านส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะให้คำตอบยังไง สายตาหวานสั่นไหวแต่ก็กวาดมองดูพนักงานในครัวเพื่อตรวจสอบจำนวน
“ครบทุกคน แต่พี่ว่าจะออกไปดูหลังร้านสักหน่อย พี่บอกให้น้องชายมาเจอกันที่หลังร้าน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอันตรายหรือเปล่า พี่ได้ยินเสียงปืนดังตั้งสามนัด” หนึ่งในพนักงานครัวเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ซึ่งนั่นก็ทำให้สายป่านอยู่ในอาการวิตกไม่ต่างกัน
หญิงสาวหันมองไปยังประตูด้านหลังร้านที่ปิดสนิทและลงกลอนเรียบร้อย เธอไม่ได้ยินเสียงปืนหรือเสียงแปลกประหลาดใด ๆ อีก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอกล้ายืนยันว่าเหตุการณ์เลวร้ายจะจบสิ้นลงแล้ว
“พี่เจอย่าเพิ่งออกไปเลย รออยู่ในนี้ก่อนดีกว่าค่ะ ตอนนี้ตำรวจน่าจะลงพื้นที่แล้วล่ะ เสียงปืนดังขนาดนั้น ทุกคนเองก็อยู่ในนี้กันก่อนนะคะ รอฟังคำสั่งจากคุณเวย์หรือไม่ก็พี่เอ็มก่อนนะ” เอ่ยไปแบบนั้นแต่ขาสองข้างกลับก้าวตรงไปยังประตูหลังร้านพลางแนบใบหน้าชิดใกล้เพื่อหวังได้ยินเสียงภายนอกให้ได้มากที่สุด
ตอนนี้เธอก็ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดจะจบสิ้นโดยเร็ว การยิงกันอย่างอุกอาจแบบนี้นับว่าท้าทายอำนาจยุติธรรมเกินไป
“คนยกพวกตีกันหรือเปล่านะ” เสียงเล็กบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ในขณะที่หูก็เงี่ยฟังผ่านประตูไม้ที่ถูกปิดกั้น
สิ่งที่ได้รับมีเพียงความเงียบงันเท่านั้น ความอยากรู้อยากเห็นทำให้สายป่านตัดสินใจเปิดประตูและชะโงกใบหน้าออกไป หวังกวาดมองบรรยากาศรอบนอกที่คนในครัวต่างบอกว่ามันเกิดขึ้นจากบริเวณด้านหลังร้านแห่งนี้
แต่ทว่า...
จังหวะที่เธอกำลังจะหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน หางตากลับเหลือบไปเห็นร่างสูงของผู้ชายที่เธอนิยามว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายกำลังหลบซ่อนอยู่ใกล้ ๆ โดยในมือก็มีอาวุธปืนที่พร้อมลั่นไกได้ทุกเมื่อ
เธอพายามตั้งสติเพื่อไม่ให้กรีดร้อง หากแต่ระดับสายตาที่มองลอดผ่านไปไม่ไกล บริเวณด้านหลังของเขานั้นกลับเป็นร่างไร้วิญญาณที่นอนจมกองเลือดมากกว่าสามศพ!
“นะ...นี่มันอะไรกัน กรี๊ด!!!” สายป่านส่งเสียงกรี๊ดออกมาเมื่อเห็นคนนอนตายต่อหน้าต่อตา
หมับ!
“หุบปาก! อยากตายหรือไง!”
ตอนพิเศษใส่ไข่[ มารุต & เส้นด้าย ]งานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองปีใหม่ถูกจัดขึ้นที่ร้านอาหารสุดหรูริมแม่น้ำ โดยผู้สนับสนุนหลักก็คือไตรพัฒน์ผู้บริหารสูงสุดเนื่องจากต้องการให้เหล่าพนักงานภายใต้การปกครองได้พักผ่อนจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมามารุตและเส้นด้ายก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้เหมือนกัน มารุตเองก็ทำงานให้ไตรพัฒน์ไม่ต่างจากเลขาคนหนึ่ง นอกจากเขาจะเก่งกาจเรื่องการต่อสู้แล้ว เรื่องเอกสารและงานบริหารเขาก็ไม่เป็นสองรองใครเลย ส่วนเส้นด้ายเองแม้ว่าจะเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่ความสามารถของเธอก็สร้างผลงานและรายได้เข้าบริษัทมหาศาล เธอเก่งในเรื่องภาษา แถมยังมีแนวคิดใหม่ ๆ มานำเสนออยู่ตลอด ไอเดียการตลาดและการบริหารย่อมเกิดจากการตัดสินใจของเธอทั้งนั้นการทำงานอย่างดีเยี่ยมส่งผลให้บริษัทไทรอัมพ์ที่ไตรพัฒน์ถือครองนั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ในวงการธุรกิจต่างก็จับตามองและให้ความสนใจ อีกทั้งผู้ร่วมลงทุนใหม่ ๆ ก็ต่อแถวรอคอยด้วยกันทั้งนั้นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในวันนี้ไม่สามารถตอบแทนสิ่งที่ทุกคนลงมือลงแรงช่วยกันได้เลย หากแต่มันเป็นความตั้งใจเล็กน้อยของไตรพัฒน
ตอนพิเศษส่งท้ายที่แรกช่วงเข้าฤดูหนาวไตรพัฒน์ก็พาสายป่านและเด็กชายเตชน์มาเที่ยวที่ฮ่องกงเพื่อพักผ่อน หลังจากที่ช่วงก่อนหน้านั้นเขาเอาแต่โหมทำงานเนื่องจากต้องการหาวันหยุดยาวให้ครอบครัวถึงแม้จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ซ้ำยังมีเงินมหาศาลที่ใช้ทั้งปีทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด หากแต่คนที่เคยลำบากมาก่อนอย่างเขาย่อมเกลียดขยาดความรู้สึกนั้น นั่งจึงทำให้ไตรพัฒน์เลือกที่จะทำงานอยู่ตลอด เหตุผลก็เพื่อความสุขสบายของครอบครัวอันเป็นที่รักไตรพัฒน์เลือกมาที่ฮ่องกงอีกครั้งเพราะเป็นที่ที่ตัวเองคุ้นชิน เขามีภาพความทรงจำมากมายกับที่แห่งนี้ อีกทั้งตัวภรรยาอย่างสายป่านเองก็เห็นพ้องต้องกันว่าเธออยากมาที่นี่อีกครั้งเพราะตั้งใจจะมาไหว้เทพเจ้าแชกงเช่นเมื่อตั้งท้องเจ้าเตชน์ตอนนี้เด็กชายเตชน์เองก็อายุครบสองปีแล้ว อยู่ในช่วงกำลังซนกำลังมึน พูดจาฉอเลาะร่าเริง บ้างก็เผลอทำตัวเกินวัยจนคนเป็นพ่อและแม่แอบกุมขมับ“เอ...มันน่าจะอยู่แถวนี้สิ” ไตรพัฒน์เอ่ยในลำคอพลางกวาดสายตามองหาร้านอาหารที่ตั้งใจจะพาลูกเมียมากินโดยเฉพาะหลังจากออกจากโรงแรมที่พัก สถานที่แรกที่เขาอยากพาเมียและลูกมาก็คือร้านอาหารร้านเด็ดของฮ่องกง จากการเซิร์ซดูแผนที
ตอนพิเศษ 7น้องเตชน์จะเอาของเล่นหนึ่งปีผ่านไปเด็กชายเตชน์อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือนก็เริ่มวิ่งไล่จับกับคนในบ้านแล้ว โดยผู้ถูกไล่ก็คงไม่พ้นเหล่าลูกชายหน้าโหดของไตรพัฒน์ที่มีหน้าที่เสริมก็คือการเป็นเพื่อนเล่นของนายน้อยไปโดยปริยายเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วทั้งตัวบ้าน เช่นเดียวกับเสียงฝีเท้าหนักที่วิ่งสลับขวักไขว่เพื่อหาพื้นที่หนีจากการจับกุมจากเจ้าตัวน้อย“นายน้อยทางนั้นค่ะ วิ่งเร็ว ไปจับโจรให้ได้” เสียงของแม่บ้านวัยกลางคนออกปากเชียร์พลางหัวเราะยกใหญ่ที่ได้เห็นภาพนายน้อยตัวจิ๋วของบ้านที่กำลังวิ่งไล่จับชายชุดดำหน้าโหด“จับ ๆ หยุดนะ พ้มจะจับ” เด็กชายเตชน์สับเท้าและพูดเสียงขึงขัง ตั้งหน้าวิ่งหมายไปจับโจรผู้ร้ายที่สวมบทบาท แม้คำพูดจะเจือจางไม่ชัดอยู่บ้างแต่พอจับใจความได้ว่าเจ้านายตัวน้อยนั้นกำลังพูดคำว่าอะไร“เอ้า นายน้อยจะจับพวกเอ็งแล้วนะโว้ย วิ่งหนีเร็ว” เป็นเสียงแม่บ้านอาวุโสที่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งแรงขำขันมันเป็นกิจกรรมเพียงอย่างเดียวที่เห็นมาตลอดหลายเดือน หากแต่มันกลับไม่ได้ทำให้เบื่อหน่ายเลยสักนิด หนำซ้ำยังเรียกเสียงหัวเราะและสร้างความสุขให้บ้านหลังใหญ่ได้มากขึ้นเป็นกอง“น้องเตชน์ทางนี้ครั
ตอนพิเศษ 6คุณพ่อมือโปรเวลาเพียรผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรอบตัวและเปลี่ยนแปลง รวมถึงหนึ่งชีวิตอย่างลูกตัวน้อยของไตรพัฒน์และสายป่านก็ได้ถือกำเนิดขึ้น กลายเป็นสีสันและความรักที่เติมเต็มบ้านหลังใหญ่ให้มีความสุขมากยิ่งขึ้นก่อนที่สายป่านจะคลอดเหล่าลูกน้องและแม่บ้านต่างก็ลงพนันแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันยกใหญ่ถึงเพศเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่ลืมตาดูโลก แบ่งสัดส่วนแล้วเพศชายสี่สิบเปอร์เซ็นต์และเพศหญิงหกสิบเปอร์เซ็นต์ การคาดการณ์เกิดขึ้นกับความต้องการทางจิตใจล้วน ๆ ไม่ได้อ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ฝ่ายที่ลงพนันลูกชายให้เหตุผลว่าหากมีนายน้อยตัวจ้อยเป็นทายาทคนแรกก็คงมีผู้สืบตระกูล และแน่นอนว่าบ้านที่เต็มไปด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ย่อมมีวิธีเล่นมากมายกับเด็กชายมากกว่าผู้หญิงในส่วนฝ่ายที่ลงเพศหญิงก็ให้เหตุผลตามมาว่าหากทายาทคนแรกเป็นผู้หญิงก็คงทำให้บ้านหลังใหญ่อ่อนหวานและสดใสขึ้น ได้ยินเสียงพูดคะพูดขา ได้รับยิ้มหวาน ๆ ที่น่าจะมาจากทางคนเป็นแม่เกินร้อย หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็คงได้เห็นภาพมาเฟียหนุ่มผู้โหดเหี้ยมอ่อนระทวยให้กับลูกสาวเป็นครั้งแรกแน่นอนว่าหลังจากที่ไตรพัฒน์และสายป่านรับรู้ว่าคนใ
ตอนพิเศษ 5เจอลูก“อะ...อื้อ! ฮื่อ...คุณไตร เดี๋ยว...อื้อ!” คำพูดขาดห้วงก่อนที่มันจะหายลับกลืนกลับลงสู่ลำคอ เมื่อริมฝีปากร้ายฉกฉวยลงมาอย่างเอาแต่ใจหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องแล้วจัดการล็อกประตูลงกลอนเสร็จสรรพไตรพัฒน์และสายป่านใช้เวลาในการเดินเล่นข้างนอกและทานอาหารร้านดังไม่กี่ชั่วโมงก็พากันกลับมาที่โรงแรม ครั้นเมื่อขาก้าวเข้ามาในห้องและประตูปิดสนิท คนที่รอคอยเวลานี้ก็รีบดันร่างกายเล็กของคนรักให้ชิดติดกับกำแพงเพื่อทวงคำสัญญาในทันทีอาจจะเรียกคำสัญญาไม่ได้เพราะสายป่านไม่ได้ตกลงกับเขา...“อ๊ะ...คุณไตรใจเย็นก่อน อะ...” เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระก็ทำให้สายป่านพยายามเอ่ยห้ามคนเอาแต่ใจที่ตอนนี้แทบแปลงร่างเปลี่ยนเป็นคนละคนต้นคอขาวถูกลากไล้ด้วยลิ้นจากนั้นก็รู้สึกถึงแรงดูดดึงเบา ๆ ที่เธอมั่นใจว่าผิวกายของเธอจะต้องเกิดรอยแดงเด่นชัดแน่นอนรอยเก่ายังไม่ทันหายเลย...ไตรพัฒน์คลอเคลียกับต้นคอขาวก่อนจะเคลื่อนต่ำลงมายังเนินอก เขาเปิดเสื้อไหมพรมแขนยาวของสายป่านขึ้น เผยให้เห็นอกอวบขาวเนียนใต้บราเซียจนอดที่จะก้มเข้ามาขบงับและครอบครองด้วยปากไม่ได้“อื้อ...อะ...คุณไตรอย่าดูดแรง” สายป่านพยายามยกมือปิดปากตัวเองเ
ตอนพิเศษ 4ขอพรต่อเทพเจ้าณ เมืองฮ่องกงหลังจากผ่านพ้นงานวิวาห์ไปได้สองเดือน ไตรพัฒน์ก็พาสายป่านมาฮันนีมูนโดยเลือกสถานที่ใกล้ ๆ ใช้เวลาในการเดินทางไม่กี่ชั่วโมงอย่างเมืองฮ่องกง เนื่องจากตอนนี้เธอกำลังตั้งท้อง เขาอยากพาเธอมาเปิดหูเปิดตา อีกทั้งก็ยังกังวลถึงความปลอดภัย ท้ายที่สุดจึงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่แรกสำหรับการฮันนีมูนของคู่รักเมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมที่จองล่วงหน้า ไตรพัฒน์ก็จัดการเก็บข้าวของและรวมถึงจัดการสั่งอาหารที่ฟร้อนท์มาทานเพราะข้างนอกฝนกำลังตกหนัก จึงไม่สามารถออกไปเดินเล่นหรือแวะร้านอาหารได้ ในส่วนคุณแม่มือใหม่เองก็นอนพักเอาแรงในระหว่างที่สามีกำลังดูแลความเรียบร้อยแม้จะเป็นทริปที่เดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง และตัวเธอแทบจะไม่ได้ย่ำเดินเพราะไตรพัฒน์เรียกใช้บริการรถเข็นจากสนามบินตลอดทั้งทาง หากแต่ความเหนื่อยล้าก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนกำลังได้เหมือนกัน“ป่าน...อาหารมาแล้ว จะกินเลยหรือเปล่าหืม” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยแนบชิดอย่างอ่อนโยนพานทำให้คนที่เพิ่งหลับใหลรู้สึกตัว ก่อนจะได้รับจูบหวาน ๆ ที่ประทับอยู่บนเรือนผม ทำเอาเธอแทบไม่อยากจะลืมตาหรือขยับเขยื้อนเลยสักนิด“คนดี...ตื่นแล้วแต่ทำไมไ