อาร์มันโด้คือผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลายคน แต่สำหรับนารีเขาคือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เมื่อการแต่งงานที่เกิดจากตัวแปรทางธุรกิจบังหน้า ความรู้สึกของเขาและเธอเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแทรกกลาง
View Moreบ้านกสิเทพพาณิชย์
ธุรกิจที่ตระกูลนี้ได้ทำสืบทอดกันมา คือการส่งออกเพชรพลอย โดยมีนายศรเทพผู้เป็นบิดาคอยควบคุมดูแล ด้วยนิสัยที่เขาไม่ค่อยไว้ใจใคร เมื่อครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยได้ทำในสิ่งที่น่าละอายต่อวงศ์ตระกูล ด้วยการทุจริตทางการค้า หวังให้ตระกูลได้หลุดพ้นจากการล้มละลายมาได้ เพราะการบริหารที่ผิดพลาดของเขาเอง จนทำให้บริษัทของเพื่อนสนิทได้ล้มละลายแทน เพราะกลโกงของเขา แม้จะรู้สึกผิดบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนย้ายไปอยู่ที่ไหน นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
วันนี้ทุกคนในบ้านกำลังวุ่นวาย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของลูกสาวคนรอง ซึ่งบ้านกะสิเทพพาณิชย์ มีลูกทั้งหมดสามคน พี่ชายคนโตชื่อคาวีอายุสามสิบปี เรียนจบปริญญาโทจากเมืองนอก ลูกสาวคนรองชื่อรวีอายุยี่สิบแปดปี เรียนจบปริญญาตรีจากเมืองนอกเช่นกัน ทั้งสองโพรไฟล์ดีมีหน้ามีตาทางสังคม ซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงไฮโซ ส่วนน้องคนสุดท้องชื่อนารีอายุยี่สิบหกปี เรียนจบปริญญาตรีด้วยเกรดนิยมอันดับอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน เธอเป็นที่รู้จักในบรรดาคนรับใช้ ที่ใครๆ ต่างคิดว่านารีนั้นถูกเก็บมาเลี้ยง
ซึ่งลูกทั้งสามคนดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันในทุกด้าน คาวีใจร้อนไม่ค่อยยอมคน มีเรื่องชกต่อยบ่อยครั้ง ส่วนลูกสาวคนรอง ชอบเที่ยวเตร่ไม่เอาการเอางาน ใช้เรือนร่างกับผู้ชายแปลกหน้าตามอำเภอใจ โดยที่หล่อนนั้นไม่ได้สนใจว่าจะทำให้เสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล เธอรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน นั่นคือสโลแกนของรวี ส่วนลูกสาวคนเล็กเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เธอมีนิสัยชอบยอมคน ถูกโขกสับราวกับว่าไม่ใช่ทายาทของบ้านนี้ แม้แต่บิดามารดา และพี่ๆ ทั้งสอง ยังไม่เคยคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว
สิ่งสำคัญนารีนั้น ได้เกิดมาท่ามกลางความเกลียดชัง ของผู้เป็นบิดาและมารดา เมื่อมีหมอดูทำนายทายทักเอาไว้ เด็กคนนี้จะนำความวิบัติมาสู่ครอบครัว เธอคือเจ้ากรรมนายเวรที่นายศรเทพต้องชดใช้กับสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้กับใครบางคน ใครเล่าจะรู้แค่คำบอกเล่าของหมอดูจะทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดารังเกียจเธอได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของหญิงสาว หากจะโทษใครสักคนควรจะเป็นนายศรเทพบิดาของเธอมากกว่า แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนที่รับกรรมคือนารี เด็กสาวที่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมแทนบิดา
"นี่ยัยนารี ฉันบอกให้จัดดอกไม้ดีๆ แล้วนี่อะไร" ผู้เป็นมารดาพูดตำหนิออกมา ในขณะที่นารีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น และดอกไม้ในแจกันนั่นเธอก็จัดมันออกมาได้สวยดี แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของสตรีสูงวัยเฉกเช่นมารดาของเธอ
"เดี๋ยวนาจะจัดให้ใหม่ค่ะแม่" นารีพูดออกไป พร้อมกับก้มใบหน้าลงต่ำ เมื่อเธอนั้นพยายามจนสุดฝีมือ แต่มารดาก็ยังคงไม่พอใจ
"โอ๊ย! นั่งเกะกะอยู่ได้หลบไปหน่อยซิ" รวีใช้เท้าเขี่ยไปที่แจกัน ที่นารีกำลังจัดขึ้นใหม่อีกครั้ง จนมันพังไม่เหลือชิ้นดี
"พี่รวีก็รู้ว่านากำลังจัดดอกไม้ใส่แจกัน แล้วทำไมต้องใช้เท้าเขี่ยมาตรงนี้ด้วย" เวลานี้หญิงสาวพูดออกมาอย่างเหลืออด เมื่อเธอเตรียมงานทั้งวัน จนแทบไม่มีเวลาทานข้าว มิหนำซ้ำมารดาและพี่สาวยังมาทำเรื่องให้เจ็บช้ำน้ำใจอีก
"นี่แกขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอนารี นังกาลกิณี" รวีพูดพร้อมกับใช้มือผลักลงไปที่ศีรษะของนารีอย่างแรง จนเธอนั้นตัวเอนล้มลงไปกองกับพื้น ผู้เป็นมารดากลับไม่ห้ามปรามสักคำ ปล่อยให้รวีกระทำกับเธอราวกับว่าไม่ใช่ลูกอีกคน
"นาแค่บอกพี่ดีๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วย แม่ค่ะ นาใช่ลูกของแม่หรือเปล่า ทำไมทุกคนถึงทำเหมือนกับว่านาไม่ใช่คนในครอบครัว ถ้าต้องการให้นาออกไปจากที่นี่ ก็บอกกันดีๆ ก็ได้ นาจะไป ถ้ามันทำให้ทุกคนสบายใจขึ้น" นารีร้องไห้ฟูมฟายพูดออกมาทั้งน้ำตา เมื่อเวลานี้เธอนั้นรู้สึกไร้ค่า แม้แต่บ่าวรับใช้ในบ้านผู้เป็นมารดายังพูดจาดีด้วย มากกว่าเธอที่เป็นลูกในไส้ด้วยซ้ำไป
"โตขึ้นปีกกล้าขาแข็ง ก็คิดจะออกไปจากบ้าน แกไม่สำนึกในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของฉัน ที่เลี้ยงแกมาเลยเหรอนังนารี หรือว่าหล่อนอยากจะออกไปจากที่นี่ เพียงเพราะว่าขี้เกียจทำงาน หรือไม่คงอยากมีผัวจนตัวสั่น เขาคงหาเลี้ยงดูหล่อนได้ดีเท่าฉันหรอกนะ" คำพูดของผู้เป็นมารดาเหมือนมีดกรีดลงมากลางใจ นอกจากเธอจะไม่ได้ยินคำปลอบโยนปลอบใจ มิหนำซ้ำคำพูดเหล่านั้นมันกลับทิ่มแทงให้เธอรู้สึกเจ็บมากกว่าเดิม
"แค่จัดดอกไม้ เป็นชั่วโมงก็ยังไม่เสร็จ นี่ก็ใกล้เวลาที่คุณพ่อได้นัดคุณอาร์มันโด้ไว้แล้ว รวีเคยเห็นแต่ในรูปหากได้เจอตัวเป็นๆ จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเลย คุณแม่รีบจัดการให้นังนี่จัดดอกไม้ให้เสร็จก่อนที่แขกของคุณพ่อจะมา รวีขอไปเปลี่ยนชุดสวยๆ ก่อนนะคะ"
รวีพูดพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เมื่อนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อโพรไฟล์ดี แถมดีกรียังโสด กำลังจะมาเยือนบ้านหลังนี้ ในขณะที่บรรดาสาวๆ ค่อนประเทศต่างชอบและหวังที่จะได้เขามาแนบกาย รวีจึงหวังจะใช้โอกาสครั้งนี้มัดใจชาย ด้วยการแต่งตัวเซ็กซี่และเย้ายวน ที่ผ่านมาไม่มีผู้ชายคนไหนละสายตาจากเธอไปได้ และคราวนี้รวีก็หวังว่าอาร์มันโด้จะตกตะลึงในความงามและเซ็กซี่ของเธอ หล่อนจะทำให้เขาหลงจนหัวปักหัวปำ จนอยากจะสานสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและตรึงใจ
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร
Comments