LOGIN“ผมบอกไม่ได้หรอกนะ รู้แค่ว่าสาวๆ หลายคนเข้าด้านหน้าไม่ได้ ก็มาเข้าด้านหลังอย่างพี่นี่แหละ ทุกคนพูดกันเป็นเสียงเดียว เข้าไปได้...ยิ่งได้เป็นสาวถูกเลือกละก็...รวยโดยไม่รู้ตัวเชียวแหละพี่ มัวแต่ชวนคุยอยู่ได้ ตกลงจะเข้าไปข้างในหรือเปล่า ถ้าไม่ผมจะได้กลับเข้าไปทำงานต่อ”
ได้ยินน้ำเสียงออกรำคาญและเห็นท่าทางไม่ชอบใจของพ่อหนุ่มพนักงานห้องครัว อีกทั้งตอนนี้หนุ่มยักษ์ใหญ่ผู้เฝ้าประตูด้านหน้า ที่คงเป็นพวกหูผีจมูกมดเดินมาไวๆ จะหลบซ่อนตัวก็ทำไม่ได้ เมื่อรอบข้างนอกจากถังขยะแล้วก็มีกระถางต้นไม้พุ่มเตี้ยๆ ไม่ถึงสะเอวเธอด้วยซ้ำก็ให้รีบตัดสินใจเร็วไว
“คือพี่พกเงินมาไม่เยอะหรอก ที่น้องเรียกมันเยอะอยู่ เอาเป็นเราเจอกันครึ่งทางได้ไหม พี่มัดจำให้พันหนึ่งก่อน ถ้าพี่ได้เงินเยอะอย่างน้องว่า พี่จะกลับมาจ่ายให้หมื่นหนึ่งเลย”
ทำเป็นใจป้ำ แต่ไม่เชื่อหรอก เธอจะหาเงินครึ่งแสนได้ในเวลารวดเร็วปานพายุขนาดนั้นได้ยังไงกันเล่า ไม่ใช่ค้าของผิดกฎหมายสักหน่อย“ว่าไงละ พันหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยนะ จะเอาหรือเปล่า”
เร่งให้อีกฝ่ายรีบตัดสินใจ ด้วยการปรายสายตาไปมองร่างหนาใหญ่ที่เดินมาใกล้ถึงและดึงเอาเงินขึ้นมายื่นให้หนุ่มพ่อครัวอย่างเสียดายสุดๆ ตั้ง...พัน เธอซื้อหนังสืออ่านได้ตั้งหลายเล่มอยู่นะนี่ชมบุหลันทุ่มความไม่พอใจและหันใบหน้าหงิกงอใส่ชายหนุ่มที่ทำให้เธอแปลกใจเป็นล้นพ้น ด้วยรอบกายเต็มไปด้วยแสงสีละลานตาชวนเวียนศีรษะ แต่เธอกลับมองเห็นเขาราวกับรอบกายสว่างไสวไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่อง ถึงได้เห็นอย่างชัดเจน เห็นแม้กระทั่งรอยยิ้มบนมุมปากหนาและ...
โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรไปนี่ ทำไมหัวใจถึงได้เต้นอย่างกับมีคนมาตีกลองสะบัดชัยอยู่ภายในอย่างนี้ด้วย
“อยากทำอะไรก็ทำซิ ชีวิตของคุณนะ ให้ฉันไปตัดสินใจให้ได้ยังไงกันละ นึกว่าฉันมีสัมผัสที่หกหรือไง ถึงได้ตรัสรู้คุณคิดอะไรอยู่น่ะ ประสาท” กระแทกเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด เมื่อคิดว่าตัวเองมาเสียเที่ยวเสียเวลาและที่สำคัญคือ...เสียเงินเปล่า! เสียดายจริงโว้ย!
“นั่นสินะ” โต้กลับเปรยๆ มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อยใส่ตากลมโต “ฉันอยากทำอะไรก็ได้ใช่ไหม”
น้ำคำที่เอื้อนเอ่ยคล้ายซุกซ่อนความนัย กระแสเสียงทุ้มห้าวแล่นลิ่วไปกระทบหัวใจคนฟัง
นัยน์ตากลมใสเพ่งมองซ้ำ ด้วยรู้สึกแปลกๆ คล้ายปากหนาไม่ได้ขยับเคลื่อน แต่กลับดังสอดแทรกสรรพเสียงที่ดังกระหึ่มอยู่มาแตะโสตประสาทหู ให้เธอได้ยินราวกับเขาคนนั้นมายืนกระซิบพูดอยู่ข้างหู
“ว้าย!! ตายแล้ว...คุณคีธ ยายอ้วน!” พิมพ์มาดาหวีดร้องแหลมอย่างกับนกหวีด จนขี้ในหูคนได้ยินถึงกับเต้นเร่า
“เธอทำอะไรยะยายตุ้ยนุ้ย คิดยั่วคุณคีธแต่ทำไมถึงไม่ดูสารรูปตัวเองเลยยะนังบ้า ถอยออกมาเลยนะยายตัวดี”
ชมบุหลันเห็นชัดๆ ยายเสียงแปดหลอด เต้นงิ้วหลงโรงให้ดู กางนิ้วจิกปลายเล็บแหลมยาวถลาวิ่งมาที่เธอ แต่...ทำไมถึงได้เซถลากระเด็นกระดอนอย่างกับลูกบอลอย่างกับถูกใครจับเหวี่ยงเขวี้ยงไปอย่างนั้นแหละ หรือว่าเธอตาฝาดไป แต่ไม่นะ...เมื่อกี้เห็นอยู่ชัดๆ ทำไมถึง...ทว่าสิ่งที่เห็นคงไม่สู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก้มมองร่างตุ้ยนุ้ยค่อนไปทางเจ้าเนื้อที่กลายเป็นขนนกเบาหวิวลอยละลิ่วนั่งบนตักกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวขัดขืน
ใบหน้านวลผ่องหันไปหาเจ้าของท่อนแขนกำยำที่โอบรัดรอบกายกลมกลึง แต่คงไม่ทันใจ เขาถึงได้ยื่นมือมาจับปลายคางมนให้หันไปหาและ...
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นระทึกราวแผ่นดินไหวกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ลามเลียเผาไหม้ไปทั่ว จากหน้าผากไล่ไปถึงแก้มนุ่มหอม ไต่เรื่อยไปหยุดบนมุมปากนุ่ม
“เธออนุญาตแล้วนะ...ฉันอยากทำอะไรก็ทำได้” เอ่ยเสียงทุ้มห้าวก่อนแนบปากลงไป เริ่มต้นจากแผ่วเบาคล้ายผีเสื้อโบยบิน เน้นย้ำดูดซับความหวานของกลีบกุหลาบนุ่มละมุน
ชมบุหลันรู้สึกเหมือนรอบกายหยุดเคลื่อนไหว รอบกายคล้ายมีผีเสื้อหลากสีสันนับสิบกระพือปีกบิน พร้อมความหวานที่อบอวลแปรเปลี่ยนเป็นอุ่นระอุขึ้นมาทีละน้อย
คมเขี้ยวแหลมคมลากไล้ไปบนเปลือกปากบาง ก่อนกดลงไปเพื่อจะลิ้มชิมเลือดรสหวาน...กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งในอุ้งปาก
เมื่อแรกลิ้นสัมผัสชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก เหมือนถูกลาวาเดือดระอุไหลไปตามกระแสเลือดที่หมุนเวียน ภายในกายร้อนราวถูกเผาจนไหม้เกรียม ก่อนความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนเกินต้านทานความปรารถนาอันแรงกล้าได้
มือใหญ่วาดไล้ไปทั่วกายกลมกลึง ขบเม้มจุมพิตอย่างหนักหน่วงเว้าวอนให้คนตัวเล็กสนองตอบ เรียวลิ้นอุ่นชื้นตวัดลากไล้ไปบนกลีบกุหลาบนุ่มนิ่มสลับขบกัดฟันและเขี้ยวแหลมคมกระเซ้าเย้าแหย่บางเบาสลับเน้นหนักหยอกล้อกับธารอารมณ์สาวไม่ประสา
ความเจ็บจี๊ดที่ริมฝีปากคล้ายถูกกัดจางหายไปจนไม่เห็นฝุ่น ทว่าชมบุหลันยังรับรู้ถึงรสเลือดปะแล่มๆ และกลิ่นคาวคละคลุ้งในอุ้งปาก ที่มาพร้อมลมอันรุนแรงหอบร่างอวบอ้วนลอยละลิ่วไปตกที่บางแห่ง...
ลึกไปในไพรกว้าง คฤหาสน์หลังงามกินเนื้อที่กว้างขวางฝังตัวซุกซ่อนอยู่ ตัวด้านหน้าปราสาทอันวิจิตรตระการละลานตาเต็มไปด้วยท้องทุ่งบุหงาหลากสีสัน ชูช่ออวดความงามของดอกตระการตา ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้หลงใหลรีบยื่นมือไปไขว่คว้ามาดมดอม
ฟากฝั่งขวามือคือเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่เป็นสีเขียวชุ่มขจี ฟากซ้ายถัดมามองเห็นอยู่ไกลๆ คือภูผากว้างยื่นล้ำไปในทะเล ตรงปลายยอดแหลมดูน่ากลัวทว่ามั่นคง มีเตียงนอนใหญ่และกว้าง มุมแต่ละด้านมีม่านมุ้งสีขาวห้อยระย้าลงมารวบไว้ปลายโคนเสา กึ่งกลางผ้าปูเตียงสีพื้นปักรูปสัตว์ปีกในตำนานกำลังโผบินกึ่งกลาง ลายเส้นอ่อนช้อยงดงาม เหมือนไหมแต่ละเส้นโดดเด่นราวกับเคลื่อนไหวกวักมือเรียกเธอไปทรุดตัวลงนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา รอเจ้าชายผู้กล้าหาญขึ้นไปจุมพิตปลุกให้ตื่น
มันคือดินแดนที่เธอเคยฝันถึงบ่อยครั้งนับตั้งแต่เปิดอ่านนิยายเกี่ยวกับ...แวมไพร์!
ม่านภาพในตาชมบุหลันเริ่มเลือนรางไปอย่างเร็ว เมื่อแรงจุมพิตที่เว้าวอนอยู่เริ่มหนักหน่วงขึ้น จนเลือดในกายสูบฉีดอย่างแรง ลิ้นอุ่นชื้นเปิดแยกกลีบปากอิ่มสอดแทรกเข้าไปกระเซ้าหยอกทั่วโพรงปากอุ่น พานให้ท้องไส้ปั่นป่วน อยากขัดขืนแต่เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับอาการแปรปรวนในร่างกาย ที่เดี๋ยวก็หนาวราวกับยืนอยู่ปลายหน้าผาที่สายลมพัดโบกโบยอย่างรุนแรง เดี๋ยวก็ร้อนราวกับขึ้นไปยืนอยู่บนตะแลงแกงตามฝ่ามือหนาอุ่นที่เคลื่อนไหวไปทั่วร่าง
“ใครรังแกให้เจ็บช้ำน้ำใจบอกมาเลยนะเอมมี่ พวกเราทุกคนพร้อมกระทืบมันให้จมดิน” คีธที่ละจากชมบุหลันเดินมาสมทบเป็นคนสุดท้ายเอ่ยขึ้น“มีค่ะ...มากๆ ด้วย คนที่แกล้งขอให้เอมมี่ไปซื้อของกลางแดดร้อนๆ คนนั้นไง” เอมมิเลียฟ้องคนที่ทำให้เธอดีใจจนน้ำตาไหล“อย่างอนคุณดินเลยเอมมี่ เราทุกคนเพียงแค่อยากทำให้ประหลาดใจเท่านั้นเอง” โรมผู้เป็นพี่ใหญ่กว่าเอ่ยขึ้น พลางยกมือกดซับน้ำตาบนพวงแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยน“นั่นสิ เราอยากมาดูว่าคุณดินเขาเลี้ยงดูเอมมี่ดีแค่ไหน รังแกให้เจ็บกายและเจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า” ไลอ้อนรับคำก่อนยอมปล่อยถอยจากเอมมิเลียไปทรุดกายลงนั่งโอบกอดปาวรินทร์ซึ่งมองมาใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เชื่อเถอะเอมมี่ ทางนี้คุณคีธก็บ่นไม่เว้นแต่ละวัน” ชมบุหลันละจากการสนทนาถามไถ่ทุกข์สุขพี่สาวที่เคยร่วมอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันมาก่อนอย่างปาว รินทร์เอ่ยขึ้นบ้าง“บ่นว่าคิดถึงแต่ไม่เห็นมีใครโทรมาหาเอมมี่บ้างเลย” พ้อเสียงใสและส่งยิ้มให้กับอมรินทร์ที่เดินมายื่นนิ้วเกี่ยวก้อยพาเดินไปนั่งบนมุมหนึ่งของสวนดอกไม้บานสะพรั่งกายแกร่งทรุดลงก่อนและให้เธอนั่งบนตักกว้าง แขนหนึ่งโอบรัดรอบกายเพรียว อีกมือยกขึ้นมาทาบบนผิวหน้านวลนุ่ม มองเอ
“นอนไม่หลับเพราะไม่ได้กอดเอมมี่นะสิ” “ทีเมื่อก่อนตอนไม่เจอกันยังอยู่มาได้ ตอนนี้มาทำปากหวาน” ถึงเอ่ยอย่างนั้นเอมมิเลียก็ยินยอมให้อมรินทร์ช้อนกายเพรียวไปนอนบนเตียง สองแขนเรียวยาวยกขึ้นพาดบนบ่ากว้าง กลีบปากอิ่มนุ่มคลี่ยิ้มหวาน นัยน์ตากลมใสเปล่งประกายเชิญชวน“เอมมี่เป็นยาเสพติดที่ต้องเสพทุกคราวที่มีโอกาส”“ขอให้เป็นอย่างที่ปากพูดแล้วกัน ไม่งั้นคุณถูกทุกๆ คนกลับมารุมสกรัมแน่” นิ้วยาวยกขึ้นจับปลายจมูกขยับไปมาอย่างมันเขี้ยว เลยถูกอมรินทร์แก้คืนด้วยการทาบฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วกายนุ่มนิ่มพร้อมปลดเปลื้องอาภรณ์คลุมร่างอรชรทิ้งไปและแนบจูบบนกลีบปากอิ่มนุ่มอย่างหนักหน่วงจนคนถูกจูบหายใจหายคอไม่ทัน“ผมน่ารักออก เพื่อนๆ และพี่ชายเอมมี่ไม่มีทางทำอะไรอย่างที่ว่าหรอก” อมรินทร์เอ่ยอย่างมั่นใจ ตวัดสายตาวามวาวเป็นประกายมองไล่ไปทั่วร่างนวลเนียนนุ่ม“อย่างนี้นะหรือน่ารัก เห็นมีแต่จะรังแกกันตลอดเลย” กลีบปากอิ่มนุ่มขบเม้มเข้าหากัน มือเล็กรีบขยุ้มผ้าปูเตียงดึงทึ้งด้วยความกระสันซ่านเสียวจากฤทธิ์ฝ่ามือเพชฌฆาตที่ปลุกปั่นเพลิงเสน่หาโถมเข้าใส่ราวกับเขาไม่เหน็ดเหนื่อยในการจะมอบสัมผัสปรารถนาเลยแม้แต่น้อย“เอมมี่อยากน่าร
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกจากปอด นับตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น หนังตาอ่อนนุ่มหลุบลงด้วยความอึดอัดระคนปวดร้าวทรวงใน แม้เร่งรีบทำทุกอย่างและเดินทางไปช่วยทุกคนอย่างเร็วที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่ทันกาลอยู่ดี“ฉันขอโทษนะที่ช่วยน้องและแม่คุณไม่ได้” มือนุ่มนิ่มพลิกกลับและลูบไล้มือใหญ่อย่างอ่อนโยนปลอบประโลมหัวใจที่ปวดร้าวให้คลายลงด้วยความรักเต็มล้นอก“ไม่เป็นไรหรอก คงเป็นเวรเป็นกรรมของเอื้อมกับแม่” แม้บอกอย่างนั้นอมรินทร์ก็อดใจหายและปวดร้าวไม่ได้ เขาไปทันได้เห็นเอื้อมดาวถูกโทมัสซึ่งต่อสู้จนเหนื่อยล้าจับตัวเอาไว้“ยอมแพ้และปล่อยตัวเอื้อมดีกว่านะโทมัส เราทุกคนล้อมไว้แล้ว ยังไงนายก็หนีไม่รอดหรอก” หว่านล้อมพร้อมเหลียวมองไปยังคนอื่นๆ ที่มีอาการเหนื่อยหอบหลังจากจัดการเหล่าสมุนของโทมัสจนสิ้นลายไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อกรได้อีกแล้วและต่างก็ยืนคุมเชิงเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือเอื้อมดาวซึ่งอ่อนระโหยโรยแรงจนแม้กระทั่งจะเอ่ยปากพูดก็ไม่มีเสียงออกมาแล้ว“ข้าไม่เชื่อจะแพ้พวกเจ้า” โทมัสคำรามลั่น ตัวเขามีจุดเหมือนเอมมิเลียคือดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แต่ต่างที่สามารถมีชีวิตอยู่กลางวันได้ด้วยอำนาจจากคัมภีร์เวทและตอนนี้เขาจำต้อ
“ข้าเอมมิเลีย โฮเดการ์ด ขอรับอมรินทร์ จิอาฟองโซติด้วยกายและใจ” พูดไม่ทันขาดคำดีกายก็รับเอาความอึดอัดคับแน่นสอดแทรกเข้ามาจนน้ำตาหยดไหล ปากอิ่มสั่นระริกพร้อมเสียงร้องผะแผ่วของความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วกายาราวกับถูกฉีกทึ้ง จนต้องรีบผงกศีรษะพร้อมแยกเขี้ยวแหลมคมและคำรามลั่นก่อนกดฝังลงบนลำคอแกร่งเจ็บจี๊ดมาพร้อมความรวดร้าวจากเพลิงไฟพิศวาสที่แล่นลิ่วไปทั่วกายา กายสาวคับแน่นและบีบกระชับจนอดเปล่งเสียงคำรามออกมาไม่ได้“อดทนอีกนิดนะเอมมี่” เอ่ยปลอบประโลมเอมมิเลีย มือหนาลูบไล้นวดเคล้นกายเพรียวบางจากบั้นท้ายงามงอน ไต่เรื่อยขึ้นไปกดคลึงพฤกษาสวาทเพื่อผ่อนคลายความปวดร้าวให้กับเอมมิเลียและหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ แต่กว่าภมรใหญ่จะชอนไชบุหงาแรกแย้มลึกล้ำก็ทำเอาเหงื่อกาฬไหลอาบกายสองแขนกลมกลึงโอบกระชับรอบกายแกร่ง “ฉันไม่เป็นไร” โต้กลับเสียงอู้อี้ด้วยหิวกระหายในเลือดรสหวานที่แตะปลายลิ้น จิกเล็บลากบนแผ่นหลังกว้างผ่อนคลายความเจ็บร้าวจากการขยับกายของอมรินทร์ยังทำให้เธอนั้นมีความเจ็บปวดเสียดแทรกมาพร้อมความกระสันรัญจวนใจ จนต้องอัดสูดลมหายใจเข้าปอดจนปทุมถันไหวกระเพื่อมเสียดสีกับอกกว้างกำยำเพ
“อืม...” เอมมิเลียร้องครางเสียงหวานเมื่อถูกจูบเป็นพายุบุแคม เหมือนอมรินทร์ปลุกเร้าเลือดที่แข็งตัวให้ไหลเวียนทั่วร่างดึงเอาวิญญาณที่หายไปกลับคืนมา ก่อกองไฟกึ่งกลางกายสาวให้สะบัดส่ายไหวด้วยปั่นป่วนจนทนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ มือเล็กเคลื่อนไหวไปบนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งอย่างสะเปะสะปะ ด้วยความสยิวซ่านจากฝ่ามือหนาที่นวดคลึงบัวตูมอวบอัด ขณะเขานั้นเคลื่อนปากอุ่นทาบทับไปบนผิวเนื้อนวลนุ่มหอม คลอเคลียขบกัดซอกคอขาวนวลเอมมิเลียหายใจติดขัด ยามฝ่ามือหนานวดเฟ้นทรวงอกกลมกลึงอย่างหนักหน่วง ขณะปากอุ่นเคลื่อนลงไปหา สองบัวตูมไหวระริก ขนตามเรือนกายลุกขึ้นทีละน้อยจนตั้งชันพอๆ กับปลายยอดทับทิมที่แข็งตัวตั้งชันยั่วยุให้อมรินทร์เร่งรีบจรดปากลงไปหาและทาบทับอย่างรวดเร็วด้วยอดใจไม่ไหวฟันขาวสะอาดขบกัดสลับใช้ปลายลิ้นลากไล้เวียนวนบนปลายจะงอยถันอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล พร้อมส่งอีกมือบีบเคล้นจากฐานอวบอิ่มหนักเบาสลับกันถึงปลายยอดบัวชูช่อนูนเด่นปลุกเร้าอารมณ์จนเอมมิเลียเริ่มร้องครางครวญหาบางสิ่งบางอย่าง สองเท้าบอบบางถูไถพลางสะบัดกายส่ายไปมาเป็นระวิงจากเพลิงไฟร้อนที่ลามเลียทั่วร่างจากอารมณ์ซึ่งปะทุเหมือนลาวาใต้พื้นดินเมื่อเพลิงเ
ปากบอกไม่ว่าเธอเลือกตัดสินใจอย่างไรทุกคนก็รับได้ทั้งนั้น แต่เอมมิเลียก็รู้ดีทุกคนรอวันได้เดินคลอเคลียกับคนรักท่ามกลางแสงแดดด้วยรอยยิ้มและความสุข! ซึ่งถ้าหากเธอเลือก...ไม่! ก็จะกลายเป็นเธอนั้นเห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงใจคนที่เอ่ยว่าเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวแค่มองตาอมรินทร์ก็รู้แล้วเอมมิเลียคิดอะไร “ต้องเป็นที่สูงและมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงหรือเปล่า” เอ่ยถามขณะสถานที่หนึ่งแวบเข้ามาในสมอง“คิดว่าไม่” เพราะครั้งก่อนก็เป็น...หุบเหวมีบริเวณลานกว้างด้านบนเปิดโล่งให้เห็นดวงจันทร์ คราวนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน “ที่ยังไงก็ได้แต่ต้องเห็นจันทร์เต็มดวง”โรมบอกกล่าวขณะรับมือกับไอ้พวกที่ไม่กลัวตาย จนเขาอยากรู้นักโทมัสเลี้ยงด้วยอะไรถึงได้จงรักภักดีขนาดยอมตายถวายหัวแบบนี้หรือจะถูกเวทมนตร์ก็ไม่รู้ได้“ฝากแม่กับน้องผมด้วย” อมรินทร์เอ่ยขึ้นโดยไม่เจาะจง ก่อนดันตัวน้องสาวที่ยังไม่ละลดความพยายามจัดการกับเอมมิเลียและหันไปแย่งอาวุธจากมารดา แต่ถูกขัดขวางจากโทมัสจนเกือบเพลี่ยงพล้ำ ดีว่าโรมมาช่วยได้ทันท่วงทีและยังแย่งเอากริชมาส่งให้เขาโดยที่ผู้เป็นมารดายังพยายามแย่งเอาคืนไป“ฝากเอมมี่ด้วย ถ้าหากคุณทำร้ายเธอแม้เพียงนิดเดียว ผม







