“ผมดีใจที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่าเขาก็รวบเธอไว้ทั้งตัว “ขอให้ผมชื่นใจหน่อย” เขาบอกพร้อมจูบพรมไปทั่วใบหน้าของเธอ “คุณภุชงค์เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น ทำอะไรประเจิดประเจ้อ” “จะเป็นอะไรไปเล่า เดี๋ยวเราก็ได้แต่งงานกันแล้ว” เขาประกบริมฝีปากไปปิดปากเธอที่กำลังจะพูดอะไรออกมา “อื้อ..” เสียงเธอร้องครางเหมือนประท้วง เขาหาสนใจไม่ สอดลิ้นที่รุ่มร้อนเข้าไปควานหาความหวาน ศิริพักตร์ตัวอ่อนระทวย กอดโอบรอบคอเขาแบบเคลิ้ม ดูดดื่มนิ่งนาน ก่อนที่จะถอนริมฝีปากออก และพูดเย้าเธอเบา ๆ “คุณพักตร์ก็ชอบไม่ใช่หรือครับ” เธอทุบไปที่หน้าอกเขาบ่อย ๆ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยจุ๊บไปที่ปากร้อน ๆ นั้นอีกครั้งเป็นการเชิญชวน เขาเปิดปากรับจุมพิตที่ศิริพักตร์เป็นฝ่ายเริ่ม ก่อนที่จะกดตัวเธอให้นอนลงไปบนศาลา เริ่มแลกเปลี่ยนความรักและจริงใจที่นุ่มนวลนั้นอีกครั้ง บรรยากาศตกลงเรื่องสินสอดทองหมั้นผ่านไปด้วยดี ทุกคนนั่งร่วมรับประทานอาหารกันก่อนที่จะเดินทางกลับ ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง… เสียงเตือนแสดงว่ามีข้อความใหม่เข้าทางไลน์ ชายหนุ่มเปิดเข้าไปดูข้อความที่ส่งเข้ามา กฤษนั่งกึ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะกระจกด้านข้างพีคดังขึ้น สองคนผละตัวออกจากกัน เห็นมีมี่ยืนยิ้มอยู่ข้างรถ ชายหนุ่มกดกระจกลง ยิ้มส่งไปให้ “รีบเลยค่ะ มีมี่ไม่อยากพูดนะคะ ว่าเรามีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะเลย รีบเร็วเข้ามีที่นั่งว่างแล้ว” เธอพูดแหย่พี่สาวกับชายหนุ่ม “จ้า” พีคตอบออกไป ก่อนจะเปิดประตูรถ รีบอ้อมมาอีกด้าน เปิดประตูให้หลินลงมา แทบจะประคองกันเลยก็ว่าได้ “อุ้ย... แบบนี้ จะหวานไปไหมคะ มี่ว่าไม่ต้องกินแล้วแหละ อิ่ม” เธอพูดประชดประชันนิด ๆ แกมล้อเล่น แล้วเดินนำทั้งสองออกไป พีคเดินจับมือหลินตามมีมี่เดินไปที่ร้านอาหาร สองคนสบตากันและกันอย่างสุขใจ กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือของศิริพักตร์ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ คุณภุชงค์” เธอตอบรับสาย น้ำเสียงดูสดใส “ที่รักผมใกล้ถึงแล้วนะครับ กำลังเลี้ยวเข้าซอยมาแล้วครับ” เสียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมา “ค่ะ เดี๋ยวพักตร์ให้พุฒิเปิดประตูไว้รอเลยค่ะ” เมื่อวานนี้พอชายหนุ่มกลับไปแล้ว เธอกับแม่ก็จัดการทำความสะอาดบ้านเสียยกใหญ่ ให้ดูดีและงามตาขึ้น วันนี้ก็เช่นกัน เธอและแม่ก็ลุกขึ้นมา
“บ้าเหรอ เดี๋ยวก็เป็น กขค. นะกะ รอสักกำก่อน” เธอตอบเขา “มี่ คนดูกันเต็มแล้ว ไปปาสองคนนั้นมาเร็ว” เขาออกความคิดเห็น มีมี่กดกระจกรถลงแล้วตะโกนเรียก “เจ้หลิน” ลีโอรีบดึงเธอให้เอาหน้ากลับเข้ามาในรถ “โธ่ ...มี่ อย่างนี้ น่าอายกว่าอีก...” มีมี่ส่งยิ้มตอบกลับมาให้เขา แบบช่างมันฉันไม่แคร์ ลีโอส่ายหัวแต่ก็ยิ้มกว้างมากออกมาให้เธอ ทั้งสองคนที่กอดกันกลมอยู่บนฟุตบาท ได้ยินเสียงมีมี่ตะโกนเรียก พีคคลายวงแขนออกแบบหลวม ๆ “เสียงมีมี่นี่คะ” เธอเอ่ยประโยคแรกออกมา เขาดันตัวเธอออก เชยคางมนขึ้น ประคองดวงหน้าด้วยสองมือ ก่อนที่จะบรรจงกรีดนิ้วเช็ดน้ำตาให้กับเธอ มีมี่โผหน้าออกมาจากกระจกรถอีกครั้ง ก่อนจะโบกมือให้พี่สาวยิ้มร่า แล้วตะโกนเรียกเธออีกครั้ง “เจ้หลิน... วู้...” พีคและหลินหันมามองมีมี่ ก่อนที่เขาจะก้มลงไปหยิบกระเป๋าของหลินที่อยู่กับพื้น แล้วใช้มืออีกข้างจับมือเธอให้เดินมาที่รถ พีคเปิดประตูหน้าให้หลินเข้าไปนั่งก่อน เขาเดินอ้อมไปด้านหลัง เปิดกระโปรงรถก่อนที่จะหย่อนกระเป๋าของหลินลงไป หลินเมื่อเข้ามานั่ง
“ยินดีด้วยนะครับ คุณหลิน” เขาพูดแสดงความยินดีให้กับหลิน “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน “แต่ถ้าคุณหลินอยากให้ชัวร์ก็ไปตรวจเพิ่มที่คลินิก หรือว่าที่โรงพยาบาลเพิ่มเติมก็ได้ครับ จะได้ทำการฝากครรภ์ด้วย” เขาให้คำแนะนำ “คะ เอ่อ ... คุณหมอคะ คือ ... หลินต้องกินยา หรืออะไรไหมคะ เพราะอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้” เธอหันไปถามเขาเพราะอยากรู้จริง ๆ เขาตอบแบบรู้ทัน “ไม่ต้องหรอกครับ แต่อยากแนะนำว่า อย่ามาเที่ยวเดินแบบนี้ลำพังในระยะนี้ และก็ควรพักผ่อนให้มาก ๆ และทำจิตใจให้ผ่องใสครับ” เขาตอบและให้คำแนะนำสมกับที่เป็นคุณหมอจริง ๆ “เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมจัดยาบำรุงให้ คุณหลินจะได้สบายใจ” หลินยกมือไหว้ขอบคุณเขา แพทย์หนุ่มหันไปจัดยาในร้านให้ หลินเดินเข้ามายืนที่หน้าเคาน์เตอร์ หลังจากที่คุณหมอหนุ่มอธิบายการกินให้เธอแล้ว หลินหันไปถามเรื่องค่าต่าง ๆ กับจั่น “ห้าร้อยหกสิบบาทคะ คุณหลิน” เธอบอกราคาทั้งหมดไป หลินหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาจ่ายเงิน ก่อนที่จะยกมือไหว้ขอบคุณสองคนนั้นอีกครั้ง “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงจั่นก็ได้ลูกค้าเพิ่ม แต่คุณหลินหากสะดวก
เธอบอกกับตัวเอง แล้วเริ่มลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่ออิ่มแล้วเธอลุกขึ้นไปจ่ายตังค์ แล้วเดินหาของอะไรที่แปลก และที่ไม่ได้กินมานานแล้ว หลังกลับมาจากกรุงเทพฯ เธอก็ไม่ได้ไปไหนเลย ทำแต่งาน ไร่ชา บ้าน ปั๊มน้ำมัน ในตลาดท่าขี้เหล็กก็ยังไม่ได้กลับไปเดินเลย มีแต่บางเช้าที่ไปตลาดสดแม่สาย ซื้อของใส่บาตรตอนเช้าเท่านั้น เธอเดินเลือกดูสิ่งของต่าง ๆ ในตลาดอย่างมีความสุข จนเหนื่อย แต่ก็ยังไม่ถูกใจอะไรสักอย่าง เพราะไม่อยากหิ้วของพะรุงพะรัง ลำพังกระเป๋าที่แบกอยู่ก็หนักพอดูแล้ว เพราะในตลาดมีทางออกได้หลายทาง หลินรีบออกไปอีกทางหนึ่ง ที่สามารถทะลุไปยังร้านขายยาที่ติดอยู่กับธนาคารฝั่งโน้น เพราะเธอรู้สึกมึนหัว และหน้ามืดวิงเวียน อีกไม่ถึงสองก้าวจะถึงประตูร้านขายยาอยู่แล้ว แต่เธอก็หน้ามืดลงเหมือนจะล้ม แล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้นถนน มีมือใหญ่เข้ามาคว้าแขนเอาไว้ เธอได้ยินเสียงโวยวาย แต่ความรู้สึกตอนนี้มันดับวูบไปแล้ว มีเหมือนกลิ่นอะไรมาจ่ออยู่ที่จมูก หลินรู้สึกฉุนกึก ก่อนที่จะรู้สึกตัว เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เห็นเพียงมือใหญ่ และสีขาว ๆ ตรงหน้า “คุณครับรู้สึกตัวแล้วหรือครับ” มีเส
“มีมี่ไปไหนกันกับอ้ายเปิ้น” เสียงเตี่ยถามมา “ไปแอ่วในเมืองเจียงฮายเตี่ย เดี๋ยวแลง ๆ ปิ๊กเจ้า” เธอบอกเตี่ยไปตามสาย “เอ่อ... เตี่ย ปี่หลิน” เธอกำลังจะถามหาพี่สาวของเธอ “อ๋อ... หลิน เจ้บอกว่าไปแอ่วเจียงฮายสักสองสามวัน มะรืนก็กลับมาล่ะ” เสียงเตี่ยตอบมาแบบรู้ทัน “แล้วอ้ายศักดิ์มาบอกว่า ไอ้ลีโอลูกไอ้เล้งในกาด มันมามั่วที่บ้านเฮากะ ได้ข่าวมาตีอ้ายพีคเปิ้นต๋วยนิถึงในบ้านเฮา ถ้าอ้ายพีคเปิ้นจะเอาเรื่องมันนะ เตี่ยเนี่ยจะจัดการมันหื้อ ระวังตัวไว้เน้อ หันมอเตอร์ไซค์มันจอดอยู่ปากตาง มันไปตางใดเหี่ย เดี๋ยวเตี่ยจะไปอู้กับป้อมันก่อน” เสียงเตี่ยขู่มีมี่มาตามสาย เพราะเคยห้ามไม่ให้ทั้งสองคบกัน เพราะว่ายังเด็กทั้งคู่ “บ่มียังละเตี่ย บ่ต้องไปอู้กับน้าเล้งเปิ้นน่าป้อ เต้าอี้ก่อนเน้อ” เธอรีบตัดบทเพราะไม่งั้น เตี่ยจะสาธยายยาวกว่านี้แน่ ๆ “เห้อ...” เธอพ่นลมหายใจออกมาแบบโล่งอก “เป็นอะหยัง” “ใครโทรมา” เสียงพีคและลีโอถามคนละประโยคแต่ดังขึ้นมาพร้อมกัน ลีโอถามเพราะได้ยินเธอเอ่ยถึงชื่อพ่อของเขา พีคถามเพราะได้ยินเธอเอ่ยถึงหลิน เธอ