กามเทพแสนกลช่างล้อเล่นกับความรักของสามคู่หนุ่มสาว ให้เกิดความรักที่มีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ปะปนกันไป พรหมลิขิต หรือว่า เนื้อคู่ ใครนะที่จะมีด้ายสีแดงผูกกันไว้ หากสองเราเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันจริงหรือ หลิน สาวน้อยจากเชียงรายผิวขาวเนียนสวย สะอาดสะอ้าน ปากนิด จมูกหน่อย ยิ้มเก่ง ขยันทำงาน และตั้งใจเรียน ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง จะมาเสียเอาตอนสุดท้าย กับชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย หลินจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพี่พีค นายพีระ หรือว่า พี่พีค ซีอีโอหนุ่ม เจ้าของโรงแรมใหญ่กลางกรุง หน้าตาดีหล่อเหลา ฐานะร่ำรวย ร่างกายกำยำ หุ่นกระชากใจ เป็นที่หมายปองของสาว และเขาได้ชื่อเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ ถ้าเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน เขาจะให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ความสัมพันธ์นั้นที่มันเกิดขึ้น คือ ความผิดพลาด หรือความตั้งใจกันแน่ ‘พี่พีคคงเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของใหม่ เขาคงยังไม่เบื่อ แล้วถ้าเขาเบื่อเราล่ะ ไม่... ฉันจะไม่รอให้เขามาบอกลา หรือทิ้งฉันก่อนแน่ ๆ’
View Moreณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในย่านโรงเรียนดังในกรุงเทพฯ เจ้าของร้านแต่งเอาใจวัยทีนด้วยสไตล์โมเดิร์นสไตล์สดใส ตกแต่งร้านน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม มุ้งมิ้ง แบบชิค ๆ ชิลล์ ๆ แต่ชื่อร้านสุดติ่ง "ร้านคุณบังอร"
ที่นี่มีเค้กมะพร้าวอ่อนรสชาติอร่อยมาก ๆ อาหารไทยที่หากินที่อื่นได้ยาก และขนมไทยหน้าตาแปลก ๆ ชื่อเป็นมงคลมีทั้งที่ทำออกมาใหม่ ๆ สด ๆ และขนมบางอย่างที่สามารถเก็บไว้กินยาว ๆ มากมายหลากเมนู อีกทั้งอาหารรสชาติก็ดี ราคาย่อมเยาไม่แพงอย่างที่คิด
"Hi หลิน ยังไม่กลับอีกเหรอ" เสียงใส ๆ ของ แพรวาสาวสวย ตากลมโตหุ่นกะทัดรัดสมวัย ผมดำขลับ และยาวสลวยถึงเอว แพรวาเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ใจดี และเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหลิน ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยกันเสมอ
เธอเพิ่งจะกลับมาทำงานวันแรก หลังจากลาพักไปเที่ยวกับแฟนและกลุ่มเพื่อน ของเขาที่จังหวัดภูเก็ต รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในร้านเพื่อแลกเปลี่ยนกะสลับกันกับหลิน
"จะรีบไปไหนได้ล่ะ แฟนก็ไม่มี" หลินพูดปนเสียงหัวเราะเบา ๆ
"ที่ฉันรอนี่นะ ไหนละของฝากจากภูเก็ตคะคุณแพรวา อิจฉาเธอจัง ได้ไปเที่ยวกับแฟน ลงรูปอัปสเตตัส ฉันนิ...กดไลก์จนมือหงิกแล้ว" หลินแกล้งทำหน้าเง้า แบมือเพื่อทวงถามของฝาก
"พรุ่งนี้นะคะ หลินคนสวย แพรยังไม่ได้รื้อกระเป๋าเลย ลงเครื่องปุ๊บก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่เลยอะ" แพรวายิ้มหวานส่งมาให้แทน
"แพร เห็นในเฟซบุ๊กของแพรนะ เพื่อนพี่กฤษไปด้วยเหรอ แม้น่าอิจฉาเนอะ ท่าทางน่าสนุกจัง สามคู่สวีตตี" หลินพูดถามไปเพราะความอยากรู้ พลางถอนหายใจ บ่นพึมพำคนเดียว
"เมื่อไรหนอ ฉันจะมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ แบบนี้มั่ง"
"ตื่น ๆ ฝันกลางวันอยู่หรือไง กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเธอต้องไปทำงานที่สถานีวิทยุต่ออีกนี่ ใช่ไหมจ๊ะ" แพรวากระเซ้า ตบหลังเพื่อนเบา ๆ พร้อมทั้งเตือนเรื่องที่ต้องไปทำงานต่ออีกที่หนึ่ง
หลินตกใจรีบวิ่งเข้าไปตอกบัตรหลังเคาน์เตอร์ ปากก็ยังบ่นไม่เลิก
"อดเมาท์เลย พรุ่งนี้เจอกันนะ คืนนี้เลิกงานแล้วไลน์คุยกันนะจ๊ะ บาย ๆ”
หลินลงจากสถานีรถไฟฟ้า ก็วิ่งตรงดิ่งขึ้นตึกของสถานี เพื่อไปยังออฟฟิศของคลื่นวิทยุ 99.95 MHz Clean Radio
"ไอ้หลินวิ่งเป็นควายเลยนะมึง มาทำงานสายได้เกือบจะทุกวัน" เสียงพี่โก้หัวหน้างานในฝ่ายเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องเสียง ส่งเสียงแว้ดมาแต่ไกล
"นี่ฉันจะเบาใจให้แกทำคนเดียวได้ยังไง มันเป็นซะยังงี้ ตรู...อดพักร้อนอีกปีนี้ นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีอยู่แล้ว ยังไม่ได้ลางานเลย"
"เฮีย บ่น บ่น บ่น ระวังนะ! จะได้เมียแก่" หลินเย้าหยอก พร้อมยกมือไหว้ วางกระเป๋าไว้บนชั้น แล้วไปนั่งข้างเฮียโก้อย่างเอาใจ ปากก็อ้อน
"หลินทำเป็นหมดแล้ว วันนี้เฮียนั่งให้สบายใจเลย จะเฟซฯ จะไลน์ จะแชทสาว ตามสบาย" ว่าแล้วก็จัดแจงเลือกเพลงตามที่ดีเจส่งลิสต์มาให้ พร้อมกับปรินต์ข่าวและสปอร์ตตัวใหม่ ที่ทางออฟฟิศใหญ่ส่งมาให้ดีเจ ส่งให้ดีเจทันก่อนออนแอร์ แบบรู้งาน
หลิน ชื่อจริง ศุภมาศ ลิ่มเจริญทรัพย์ อายุเท่ากันกับแพรวา คือ ย่างเข้ายี่สิบสามปี เด็กสาวจากเชียงราย ผิวขาวเนียน รูปร่างดี สูงโปร่ง ผมยาวประบ่า พอรวบได้ ทำสีน้ำตาลปนทองแบบวัยรุ่นทั่วไปเขาฮิตกัน
ส่งผลให้เธอดูเด่น และน่ารัก รับกับใบหน้าที่สวย หน้าตาคล้ายดาราฮ่องกง ซึ่งเพื่อน ๆ จะล้อเลียนเสมอ เพราะว่าเธอได้เชื้อสายจีนจากคุณพ่อนั่นเอง
เธอต้องทำงานพาสไทม์สองที่ เพื่อหาเงินในการส่งเสียตัวเองเรียน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ
ตอนเช้า หลินทำงานร้านคุณบังอร และหลังเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา เธอทำที่สถานีวิทยุ คลื่น 99.95 MHz Clean Radio อยู่ฝ่ายเครื่องเสียง และทำงานทั่วไป
ที่นี่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า ‘เจเนรัลเบ๊’ ดี ๆ นี่แหละ โดยพี่ ๆ ที่สถานีเรียกใช้ ตั้งแต่ซื้อข้าว ขนม น้ำ และจิปาถะ
ที่หลินต้องทำงานสองที่ เพราะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากทางบ้าน อยากวิ่งตามความฝันก่อนที่จะหมดอิสรภาพ รวมถึงเธออยากมาใช้ชีวิตในบางกอกเมืองศิวิไลซ์ จึงดื้อดึงไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เชียงราย ครอบครัวจึงตัดเงินเดือนที่เคยได้รับทั้งหมด
ครอบครัวตระกูลลิ่มเจริญทรัพย์ที่มีทั้งรีสอร์ตและไร่ชาที่อำเภอแม่สาย ในจังหวัดเชียงราย เหนือสุดยอดแดนสยาม รวมถึงมีกิจการปั๊มน้ำมันหลายสาขา คุณขจร ลิ่มเจริญทรัพย์มีลูกสาวสองคน หลินเป็นคนกลาง และเธอยังมีน้องสาวคนเล็กอีกคนชื่อ ‘มีมี่’ และลูกชายคนโตที่รับช่วงกิจการทั้งหมด ชื่อว่า ‘เฉิน’
เนื่องจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้หลินต้องรับฟังคุณพ่อ และพี่ชายที่ทำตัวเป็นเผด็จการมากที่สุดในบ้าน และนี่คือการปฏิวัติครั้งแรกของหลิน ที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวลำพังนั่นเอง แต่พี่ชายและคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องถ้าคิดว่าอยู่เองได้ แต่ได้ยื่นคำขาดแล้วว่า หากเรียนจบแล้ว ไม่กลับมาช่วยทำงานที่บ้าน หลินจะไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว
แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่รบกวนใจเธอที่สุดและหนักใจเป็นที่สุด ก็คือว่าที่เจ้าบ่าวที่ทางครอบครัวจัดเตรียมจัดหาเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วนั่นเองโดยที่เธอไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริง ๆ
ติ๊ง ๆ เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟแวบ
(นอนหรือยัง) แพรวาทักมา
(อาบน้ำเพิ่งเสร็จ กำลังว่าจะทักไป) หลินตอบ พร้อมส่งจูบจุ๊บ ๆ ไปให้แพรวา
(เหลืออีกวิชาเดียวแล้วสิ ถ้าส่งวิทยานิพนธ์ สอบสัมภาษณ์ เธอก็จบเลยใช่ไหม) แพรถาม
(อือ...) หลินส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปด้วย
(อ้าวเธอ ไม่ดีใจรึ) แพรทักกลับ เมื่อเห็นรูปสติกเกอร์ที่เธอส่งมา
(ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่เราหนักใจมากเลยนะ เรื่องที่ต้องได้กลับบ้านจริง ๆ เราก็คิดถึงเตี่ยมาก มาอยู่ที่นี่สี่ปี ยังไม่ได้กลับบ้านเลย) T-T
(เออนะ...เราเข้าใจ) แพรวาปลอบ
(เปลี่ยนเรื่องดีกว่านะ นี่หลินฉันซื้อผ้านุ่งพันตัวชายหาดมาฝากเธอด้วย เธอจะเอาสีไหน) แพรวาถามพร้อมส่งรูปถ่ายมาให้ดู
(สวย ๆ ทั้งนั้นเลย แพรก็รู้เราชอบสีชมพู งั้นฉันขอสีชมพูเลยนะ หวานเหมาะกับฉันดี 555++) หลินตอบ
(จ้าแม่คุณ พรุ่งนี้เจอกันนะ ฉันจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วเราค่อยเมาท์กัน นอนละนะง่วงจัง) พร้อมส่งสติกเกอร์กู๊ดไนต์
(Good Night) หลินตอบกลับด้วยสติกเกอร์เช่นกัน
"พี่พีคค่ะ เร็ว ๆ สิคะ" หลินเรียกสามียกใหญ่"จ้ะ ๆ ที่รัก" พี่พีคกลายเป็นสามีที่น่ารักกลัวภรรยาเอามาก ๆ หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาเต็มสองมือหลินเข็นรถเข็นของลูกน้อยทั้งสองคนที่ห่างกันหัวปีท้ายปี ซึ่งนอนคู่กันอยู่ในรถเข็นเหมือนของฝาแฝด"โอ๊ย ๆ... พ่อลูกอ่อน" พี่กฤษเดินเข้ามารับเอาข้าวของในมือของเพื่อนชาย"ก็พวกแกมันไร้น้ำยานี่นา ไม่เก่งเหมือน...""หยุดพูดเลยนาย" กฤษดักคอ"ทางนี้ครับ มาทางนี้ครับ" เสียงภุชงค์ดังลั่น กวักไม้กวักมือเรียกเพื่อน ๆแพรวาและคุณศิริพักตร์กำลังง่วนอยู่กับการย่างของทะเลบนเตา"ให้แพรช่วยนะคะพี่กฤษ" แพรวาตรงเข้าไปหาสามี"ไม่เอาน่าแพร ไปนั่งดีกว่า ยิ่งท้องอ่อน ๆ อยู่" กฤษรีบวางถุงแล้วเข้าไปโอ๋ภรรยา"แพร...." หลินรีบเข้ามาหาเพื่อนรัก สองคนกอดกันแน่น"แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า"“ไม่เลย ชนะทุกอย่าง แต่พี่กฤษเนี่ยสิ ไม่ให้แพรทำอะไรเลยนะ ตอนอยู่ที่บ้านเฉย ๆ เบื่อจะแย่แล้ว""ก็พี่เป็นห่วงทั้งแพร และก็ลูกนี่นา" กฤษทำโอดครวญ"คุณพักตร์ครับ คืนนี้ผมขอกระแทกคุณหนัก ๆ นะ back to basic 69" ภุชงค์ทำกระซิบกระซาบกับภรรยาให้ได้ยินกันแค่สองคนปึก... เธอเอาศอกใส่ไปที่ท้องของสามีเบา ๆ ทำ
คุณหญิงหันไปหยิบเครื่องเพชรที่เตรียมไว้ยื่นให้หญิงสาว ภุชงค์ยื่นมือมารับแทนแล้วเปิดออกดู ศิริพักตร์ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณคุณแม่ของสามี "โอ้สวยมากครับคุณแม่ เข้ากับชุดของพักตร์เลยนะครับนี่" ภุชงค์ร้องออกมาเมื่อเห็นเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่คุณหญิงสั่งทำเป็นพิเศษสำหรับลูกสะใภ้ "ชอบไหมลูก" เธอหันไปถามหญิงสาวยิ้มพราวด้วยความภูมิใจ ศิริพักตร์ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหญิงอีกครั้งหนึ่ง "เอ่อ อีกเรื่อง ถือว่าแม่ขอร้องนะ แต่งปุ๊บแม่ขอหลานเลย บ้านเราไม่มีเด็ก ๆ มาวิ่งเพ่นพ่านเลย เอาหญิงชายคุณแม่ไม่เกี่ยง แต่ขอสักสามคนนะ" คุณหญิงพูดแบบหน้าตาจริงจัง ส่งยิ้มมาให้คนทั้งคู่ "ได้สิครับแม่ ผมจัดให้" ภุชงค์รับปากทำหน้าตาทะเล้น โผเข้ากอดศิริพักตร์และหอมแก้มไปฟอดใหญ่ เธอตีแขนเขาเบา ๆ หน้าแดงระเรื่อ "คุณภุชงค์ต่อหน้าคุณแม่" เธอเอียงอายที่เขาทำห่ามต่อหน้าคุณหญิง "อ้าวจะไปไหนก็ไป แม่มีนัดต่อจะออกไปข้างนอก" คุณหญิงออกปากไล่ ทำไม้ทำมือโบกให้ภุชงค์ แต่สีหน้ายังยิ้มอย่างมีความสุข สองคนจึงขอตัว ภุชงค์ฉวยข้อมือเธอให้ลุกตามอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมคว้ากล่องเครื่องเพชรติดมือมาด้วย คุณหญิงมองตา
เธอยิ้มตอบก่อนจะใช้ริมฝีปากปิดปากผู้ใหญ่ใจร้ายตรงหน้า เขารั้งท้ายทอยเธอเอาไว้ สางสยายผมให้เธอเบา ๆ น้องหนิงเริ่มขยับสะโพกบดโหนกไปมา "เมียเฮียทั้งเก่งทั้งน่าฮัก เอาใจผัวก็เป็น ผัวบ่ฮักเมียจะอี้ จะไล่ผัวไปฮักไผ" เขาทั้งชมและต่อว่าเธอแบบหยอกเย้า สองมือโอบเอวบางหลวม ๆ ลูบไล้ไปทั้งสะโพกกลม ฝังจมูกไปในร่องอก และไล้ลิ้นดูดกินไปทั้งเต้า ทำร่องรอยสัญญาณความรักเป็นจ้ำแดง ๆ ไว้ทั้งสองเต้า ก่อนจะจับสะโพกกลมแน่น บีบเบา ๆ ให้สัญญาณเธอขยับโยกให้เร็วขึ้น เด็กสาวทำตามอย่างว่าง่าย เขาซี้ดปาก เด้งลำรับแรงกระแทกจากร่องหวาน เด็กสาวแหงนหน้าซี้ดปากขยับรัวเร็วขึ้น แหงนหน้าร้องกับความสุขสมตรงหน้า "อ๊าย...”ก่อนร่างบางจะกระตุก และซบหน้าลงกับไหล่กว้าง เขาใช้มือดันหน้าเธอขึ้น ใช้มือรั้งท้ายทอยรั้งใบหน้างามให้จุมพิตกับเขาร่างบางเหนื่อยและหอบตัวโยน เขาผลักร่างเธอเบา ๆ ให้นอนหงาย ก่อนจะขยับสะโพกกระแทกหาความสำราญให้กับน้องชายตัวเองบ้าง เธอได้แต่ขยุ้มมือกับผ้าปูที่นอนแน่น เม้มปากเป็นเส้นตรง แต่ก็แอ่นกายรับร่างเขาอย่างไม่ย่อท้อ ชายหนุ่มดึงท่อนร้อน ๆ ออกอย่างรวดเร็ว ช้อนร
"เป็นเมียเฮียแล้ว ไผจะปล่อยไปลำบาก แล้วเมียน่าฮักจะอี้จะไปหาตี่ไหน" พูดกระซิบเธอที่ใบหน้า พรมจูบซับน้ำตาให้ "ปากนี่กะตี่ว่าเฮียบ่ฮักนิ... ปากนี่กะตี่ไล่ผัวหื้อไปหาเมียใหม่... ปากนี้กะชอบว่าผัวเป็นผีบ้านี่" พูดทุกประโยคก็ฉกจูบลงไป แล้วเงยหน้าขึ้นมาว่าเธออีก ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ "น้องหนิงฮักเฮียก่อ บอกมาก่อน" เขาถามเธอข้างหูเบา ๆ และใช้ฟันขบเม้มติ่งหูเธอ และซุกหน้าไปที่ซอกคอขาว ๆ ของเด็กสาว เธอสยิวขนลุกเกรียวตามริมฝีปากและปลายจมูกที่จรดไปทั่ว น้องหนิงหยุดร้องไห้และโกยลมหายใจเข้าปอดพลางบิดตัวเร่า ๆ ตามรอยสัมผัส "ไหนบอกก่อนว่าฮักเฮียก่อ" เขาถามย้ำดังขึ้น มือสอดเข้าไปใต้เสื้อปลดตะขอบราและเริ่มถอดมันออกพร้อมกับเสื้อตัวนอก "น้องหนิงบ่ฮักลุง" เธอพูดโดยไม่มองหน้า เขาขบไปที่ยอดถันก่อนจะดูดเม้มแบบเมามัน "บ่ฮักก่อบ่ฮัก" เขาพูดตรงร่องอก ก่อนจะฝังจมูกลงไปกลางร่องอก หายใจรดแรง ๆ และลากวนลิ้นตรงไปรอบ ๆ สะดือ และลากไล้ขึ้นมาบนตรงกลางร่องนมอีกครั้ง มือของเขาไล้นิ้วมือบนขอบกางเกง และสอดนิ้วรวบทั้งกางเกงในกางเกงนอก รูดลงปลายเท้าเด็กสาวอย่างรวดเร็ว
"จอดรถเลย น้องหนิงบ่ไห้ละ" เธอบอกเขาแต่เสียงก็ยังขาดเป็นช่วง สะอึกสะอื้นอยู่ในอก "แล้วเฮาใจเย็นลงละก๋ะตอนนี้" เขาถามเธอขึ้นมาอีก ยกหาเหตุ "ใจเย็นกะ เขาบ่ได้ใจฮ้อนเหมือนลุงนิ" เธอว่าเขาน้ำเสียงตัดพ้อ เขาจึงไม่พูดต่อเงียบเสียง และขับรถต่อไปเรื่อย ๆ น้องหนิงเบาใจ และถอนลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นเขาขับรถผ่านปากทางขึ้นไร่ชาและรีสอร์ต "จะพาน้องหนิงไปไหนนิ" เด็กสาวเริ่มใจเสีย เพราะเฉินคงเอาเธอไปส่งที่บ้านจริง ๆ เพราะเชียงแสนขับไปทางแม่สายเลาะแม่น้ำไปก็ได้ "ก็ใครอยากจะปิ๊กบ้าน จะพาไปส่ง" เขาพูดส่ง ๆ ไปลองดูกิริยาของเธอ เห็นน้องหนิงขยับตัวนั่งตรง หน้าเชิด จึงแอบอมยิ้ม ก่อนจะหันหน้ามองไปที่ถนน น้องหนิงแอบหยิกขาตัวเองให้เจ็บ เพราะเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาอีก ในใจตอนนี้มันเจ็บปวดร้าวไปหมด เธอจึงตัดสินใจนั่งนิ่งเงียบ พยายามไม่คิดมาก เฉินเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงที่น้องหนิงชอบ และร้องคลอตามเบา ๆ เธอหันมองออกไปนอกหน้าต่าง "เพลงนี้จื่อเพลงอะหยังเกาะ" เขาเอ่ยถาม เธอหน้าตึงไม่ยอมคุยด้วย ก่อนจะหันหน้ากลับไปที่เครื่องเสียง และเอานิ้วไปจิ้ม
ส่วนเฉินตะห้อเหยียบรถมาจากดอยด้วยความเร็วกว่าปกติ มาถึงทางปากทางแม่จัน จอดรถวิ่งลงไปที่ท่ารถโดยสารสองแถวประจำทาง "อ๋ออีน้องคนนั้นกะ หันลงรถ แล้วเดินไปตางเซเว่นปู้นครับ" เขาได้รับคำตอบจากคนแถวนั้น ก่อนจะรีบวิ่งไปถามพนักงานในเซเว่น "อ๋อขึ้นรถไปลงแม่จัน มาถามตางจะไปเจียงแสนครับ เมินก็บ่เมินเต่าได แต่น่าจะขึ้นรถไปถึงแม่จันปู้นละครับ" เขาได้รับคำตอบ แล้วระบายยิ้มออกมาได้ รีบห้อเหยียบรถมุ่งหน้าไปแม่จันทันที ซึ่งก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของเฉินดังขึ้น "ครับผมอ้ายบุญชู" เขารีบกดรับ ("บ่ใจ้เจ้าเฮียเฉิน น้องหนิงโทรมาตะกี้ว่าอยู่ที่ศาลาไทยแถว ๆ แม่จัน รอรถอยู่จะปิ๊กมาเจียงแสน รบกวนเฮียไปผ่อหื้อปี่กำเน้อ เป็นห่วงน้องหนิงมัน บ่เกยไปตางใดคนเดียวสักเตี้ย แล้วก็ขี้เมารถต๋วย ไปผ่อหื้อกำเน้อ") เสียงบานชื่นส่งมาตามสาย น้ำเสียงเป็นห่วงลูกสาวจริง ๆ เฉินถอนใจออกมารู้สึกผิด ก่อนจะรับปากออกไป "ครับ ถ้าเจอแล้วผมจะโทรหา" เขาบอกก่อนวางสาย เมื่อมาถึงทางแยกก็ชะลอรถเพื่อมองหาศาลาไทยที่อยู่ฝั่งถนนตรงกันข้าม แล้วสายตาก็ไปเจอกับร่างบางที่ยังคงใ
Comments