/ วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 33 ร้านสักที่ตามหา

공유

ตอนที่ 33 ร้านสักที่ตามหา

작가: Glita
last update 최신 업데이트: 2025-01-10 19:12:14

          “เอานี่ไป”

          ชายหนุ่มในชุดสูทเบาสบายยื่นกาแฟหอมกรุ่นให้เด็กหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าที่ดูหนุ่มกว่าวัยของเขามองทอดไปยังอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู

          ไม่มีใครรู้อายุที่แน่ชัดของเป็นเอกเท่าไหร่นัก เขาเริ่มงานวันแรกตั้งแต่อมอร์ติดป้ายชื่อร้านตรงหน้าทางเข้า ทำให้ที่นี่ไม่มีใครเก่าแก่กว่าชายผู้นี้อีกแล้ว

          พนักงานในอมอร์ต่างพูดคุยกันว่าผู้จัดการร้านจอมขรึมน่าจะอายุยี่สิบปลายๆ ไม่น่าเกินสามสิบต้นๆ แต่หลายคนก็แย้งว่าน่าจะเยอะกว่านี้มาก เพราะเคยได้ยินพี่พนักงานบัญชีอายุห้าสิบหกเรียกเป็นเอกว่าพี่ แต่ท้ายที่สุดคำค้านนี้ก็ตกไปเนื่องจากพนักงานบัญชีผู้นั้นก็เรียกใครว่าพี่หมด ด้วยความอยากเป็นเด็กเทียบเท่าหนุ่มๆทุกคนในร้าน

           การถกเถียงอย่างลับๆนี้หาข้อสรุปไม่ได้ ไม่มีใครกล้าถามกับเจ้าตัวสักคน จึงทำได้เพียงคาดเดาจากผิวอ่อนเยาว์ไร้รอยตำหนิบนใบหน้า

          ควันและกลิ่นหอมกรุ่นลอยห้อมล้อมห้องแต่งตัว เครื่องดื่มแก้เมาหลากหลายชนิดในนี้ถูกแช่และจัดเรียงไว้เป็นอย่างดี ถือเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งของเหล่าแองเจิ้ล มันถูกตั้งไว้ที่มุมห้องให้ทั้งสามเลือกดื่มได้ตามใจชอบ มีบ้างที่แม่บ้านทำความสะอาดแอบเข้ามาหยิบใส่ถุงกลับบ้าน ทว่าทั้งสามหนุ่มมองเป็นเรื่องตลกมากกว่า

          ชายผู้มีฉากหน้าขึงขังเป็นเสือยิ้มยาก ใช้ลมจากริมฝีปากเป่าลดอุณหภูมิของเครื่องดื่มในมือ ก่อนยื่นให้เด็กหนุ่มอีกคนรับไป นี่เป็นความพิเศษที่อาร์เต้ได้รับแต่เพียงผู้เดียว ถึงจะมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการร้านต้องคอยดูแลพนักงานทุกคนในร้าน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้รับมันอย่างเสมอภาค

          “กาแฟดำ” เป็นเอกประคองเครื่องดื่มอุ่นร้อนส่งต่อให้เด็กหนุ่มสภาพเมามายด้วยความระมัดระวัง เขากังวลว่าหากคลาดสายตาแม้เพียงนิดเดียว อาร์เต้คงได้ทำลวกมือตัวเองก่อนลวกปาก “แก้แฮงค์”

          “ฮิ… ฮิ…” อาร์เต้โปรยโรยยิ้มเรี่ยราด กลั้วหัวเราะแม้เพียงเรื่องเล็กน้อยในหัว

          อาการตอนเมาของอาร์เต้นั้นเรียกความหฤหรรษ์ให้คนรอบข้างเสมอ เมื่อเด็กหนุ่มถึงจุดที่สติแตกต่างจากเดิม เขาจะอารมณ์ดีกับทุกสิ่งรอบตัว ตรงกันข้ามกับเจษที่ค่อนข้างเงียบและค่อนไปทางซึม

          “วันนี้ให้พี่ไปส่งไหม?” เป็นเอกนั่งลงบนเก้าอี้ของมิวที่วางอยู่

          “อือ” อาร์เต้ค่อยๆจิบเครื่องดื่มเข้มข้น พลางกวาดข้าวของบนโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองลงกระเป๋าใบเล็ก “รบกวนด้วยนะครับ”

          เสร็จสรรพกับธุระบนโต๊ะเครื่องแป้ง อาร์เต้ก็โยนเสื้อผ้าใส่แล้วใส่ในตะกร้า นี่เป็นสวัสดิการอีกหนึ่งอย่างของเหล่าทรินิตี้ พวกเขาจะมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดชุดทำงานให้ และเมื่อซักจนหอมสะอาดเรียบร้อยแล้วจะถูกนำกลับมาใส่ในตู้ล็อกเกอร์เพื่อรอการใช้งานในรอบถัดไป

          อาร์เต้กลับไปใส่ชุดลำลองเบาสบาย เขาเปลือยต่อหน้าเป็นเอกโดยเคอะเขิน อันที่จริงก็แทบทุกคนนั่นแหละที่อาร์เต้กล้าแก้ผ้าโชว์ และเพราะไอ้ความกล้าได้ใจถึงแบบนี้ เด็กหนุ่มหน้าตาไร้เดียงสาเลยได้ใจลูกค้าสายฮาร์ดคอร์เป็นส่วนใหญ่

          เป็นเอกจำประโยคหนึ่งของอาร์เต้ได้ขึ้นใจแล้วชอบมาก… ‘พอแก่แล้วเสียเงินจ้างใครเขาก็อยากดูแล้ว’

          มันเป็นตอนที่เป็นเอกเห็นร่างเปลือยเปล่าของอาร์เต้เป็นครั้งแรก เขาตะลึงงันในรูปร่างสมส่วนและผิวพรรณสะอาดตาจนไม่อาจหันเหไปทางอื่นได้ เมื่ออาร์เต้รู้ตัวเลยพูดประโยคดังกล่าวขึ้นมา

          ทว่าตอนนี้รูปร่างของเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิม กลับดีขึ้นเล็กน้อยด้วยซ้ำจากลอนท้องลูกเล็ก และแผงอกที่นุ่มฟูขึ้นนิดหน่อย

          “ไปครับ” อาร์เต้สะพายกระเป๋าสะกิดเป็นเอกที่จิตใจเตลิดย้อนหลังไปไกล

          ระหว่างเดินไปยังลานจอดรถเฉพาะพนักงานระดับสูง เป็นเอกพยยามเว้นระยะห่างจากอาร์เต้เพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป เขารู้อยู่บ้างเรื่องที่คนอื่นพูดกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กของผู้จัดการร้านกับพนักงานหน้าหวานหยดย้อย 

          ตราบเท่าที่มันเป็นเพียงข่าวลือเป็นเอกก็ยังพอรับได้ เขารู้ดีว่าเรื่องซุบซิบบางครั้งคนเราก็สามารถหาประโยชน์จากมันได้ หากรู้จักวิธีสร้างและวิธีหยุด

          ด้านหลังเจ้าหนุ่มน้อยเดินคดเคี้ยวไม่เป็นเส้นตรง ขาอ่อนเปลี้ยทำเอาร่างบางนั้นโซซัดโซเซจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ ทว่าเป็นเอกก็จ้องฝืนใจแข็งไม่ให้เอิกเกริกเมื่อก้าวสู่พื้นที่ที่มีสายตาจับจ้องมอง

          ระยะทางแสนสั้นแต่ชายทั้งคู่กลับใช้เวลานานกว่าปกติห้าเท่า เดินไปได้สักครู่หนึ่งอาร์เต้ก็บ่นลืมของ ต้องเสียเวลากลับไปเอา ก้าวไปได้อีกไม่กี่ก้าวอาร์เต้ก็ขอเข้าห้องน้ำ

          กว่าจะขึ้นรถก็เล่นเอาเด็กหนุ่มเหงื่อไหลไคลย้อยเกือบสร่างเมาพอดี

          “ลืมอะไรอีกไหม?” เป็นเอกประเปิดประตูส่งเด็กหนุ่มขึ้นรถ

          “คีย์การ์ด กระเป๋าตัง มือถือ” อาร์เต้เปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบ พลางไล่ของทีละชิ้น “ไม่ลืมแล้วล่ะครับ”

          “ถ้าออกไปแล้วพี่ไม่ขับกลับมาแล้วนะ”

          เด็กหนุ่มหลับตายิ้มอวดฟันขาว กลิ่นเหล้าลอยหึ่งแม้ห่างกันช่วงแขน

          มือเนียนนุ่มเผลอลูบหัวของเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะปิดประตูและอ้อมไปยังอีกฝั่งของรถ

          อาร์เต้ปล่อยความอึดอัดทิ้งลงเบาะหนัง ทันทีที่แผ่นหลังชุ่มเหงื่อเอนจนสุด ทั้งร่างก็แทบจมหายลงไปเป็นหนึ่งเดียวกับรถหรู

          ไม่พ้นเป็นหน้าที่ของเป็นเอกที่ต้องดูแลจนสุดทาง ชายผู้มีอายุมากกว่าเอื้อมตัวดึงเข็มขัดนิรภัยของอีกฝ่ายมาคาดให้จนเรียบร้อย

          “ไปกันเลย” อาร์เต้ชูแขนข้างหนึ่งขึ้นกลางอากาศ กู่ร้องตะโกนก้องราวกับอยากเป็นราชาโจรสลัด

          ทันทีที่ปลายเท้าเหยียบคันเร่งเพียงแผ่วเบา รถยนต์คันหรูก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าออกนอกตัวอาคาร ลัดเลาะไปตามพื้นถนนหยาบๆ

          “พี่ไม่เบื่อบ้างเหรอ” อาร์เต้เอียงคอถามเป็นเอกอย่างสงสัย “ทำงานที่นี่ กินนอนที่นี่ ถามจริง… เงินเดือนถึงล้านหรือเปล่า?”

          “เวอร์”

          “ผมไม่เคยเห็นพี่หยุดงานไปไหนกับใครเขาเลย เหมือนพี่มิวเปี๊ยบ” อาร์เต้พล่ามอย่างอารมณ์ดี “พูดถึงพี่มิวแล้ว… พี่ว่าพี่มิวกับพี่เจษเขาจะหยุมหัวกันไหม?”

          “ไม่หรอก! มิวไม่ใช่เด็กประเภทปีนเกลียวเหมือนกับนาย”

          “ผมเปล่า” อาร์เต้หน้ามุ่ย “ผมเคารพพี่ๆทุกคนไม่เคยลบหลู่ดูหมิ่นใครเลยสักครั้ง”

          “หึ!หึ!” เป็นเอกเเติมเสียงหัวเราะให้กับสีเทาบนรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี

          “แต่เท่าที่รู้พี่เจษอยากหยุมหัวผมอยู่” อาร์เต้สีหน้ากังวล “ผมไม่ได้กลัวพี่เขาหรอกนะ แต่ผมไม่อยากทำให้ใครเสียใจ”

          “เขาไม่กล้าทำอะไรนายหรอก”

          “เพราะพี่คอยถือหางผมอยู่ใช่ไหม… หยุดทำแบบนี้สักทีเถอะครับ”

          “นายกำลังปีนเกลียวฉันอยู่นะอาร์ต” เสียงเคร่งขรึมของอาร์เต้ทำให้ผู้จัดการร้านตกใจเล็กน้อย เขาพยายามเฉไฉเพื่อปิดบังจุดประสงค์แท้จริงของตัวเอง

          “ผมจริงจังนะพี่เอก” อาร์เต้อารมณ์สั่นแกว่างไปมาเมื่อความในจพรั่งพรู “ที่ผมเข้ามาอยู่กับพี่มิวกับพี่เจษในห้องพิเศษของอมอร์ได้ เพราะพี่คอยจัดการอยู่ใช่ไหมล่ะ ผม… ผมไม่ได้ขอให้พี่ทำเลยสักนิด”

          “แล้วยังไง… ต่อให้ฉันเสนอนายให้ลูกค้าคนอื่น ถ้าเขาไม่เลือกฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

          “อย่าโกหกเลยครับ พี่รู้ดีว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง”

          เป็นเอกนิ่งเงียบ เขารู้ว่าสักวันอาร์เต้ต้องรู้เรื่องที่เขาคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทั้งกีดกันเด็กคนอื่นและยัดอาร์เต้เข้าไปให้ลูกค้ารายใหญ่ทุกครั้งที่มีโอกาส

          “ผมละอายนะที่ตัวเองไปขโมยโอกาสของคนอื่นมา” อาร์เต้โอดครวญต่อ

          “นายเมาเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ลดการดื่มลงหน่อยนะ” เป็นเอกพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ช่วงหลังสภาพนายดูโทรมอยู่ด้วย”

          อาร์เต้มองลอดผ่านหน้าต่างรถจับจ้องไปยังแสงไฟข้างท้องถนน เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนไหวเกินเหตุจริงๆ แต่มันมักเกิดขึ้นเมื่ออยู่กับเป็นเอก ชายผู้ซึ่งเขาไว้ใจมากที่สุดเท่านั้น

          “พี่เอก… ถ้าพี่อยากช่วยผมจริงๆ ผมมีอยู่อย่างหนึ่งที่อยากร้องขอ” อาร์เต้เปลี่ยนอารมณ์ง่ายดายราวแผ่นกระดาษหมุนเคว้งในพายุหมุน “พี่ช่วยพาผมไปพบเจ้าของบาร์โฮสต์หน่อยได้ไหม?”

          ดวงตาของเป็นเอกเบิกโพลง ความเร็วของรถช้าลงแทบจะในทันที “นายจะอยากเจอไปทำไม?”

          “ผมได้ยินว่าเจ้าของบาร์โฮสต์ใจดี ชอบให้เงินพนักงานที่ท่านเรียกไปพบ”

          “ไร้สาระ” เป็นเอกบอกปัดและไม่ยอมบอกเหตุผล

          “อันที่จริงผมตั้งใจจะเลิกทำอาชีพนี้แล้ว เผื่อได้เงินสักก้อนไปต่อยอดทำธุรกิจของตัวเอง”

          “จะเอาเท่าไหร่บอกฉันก็ได้ ไม่ต้องไปรบกวนท่านหรอก”

          อาร์เต้เหลือบตามองด้านข้างเป็นเอกด้วยความสงสัย เขารู้ว่าเป็นเอกเป็นคนจัดหาพนักงานในร้านส่งไปให้เจ้าของบาร์โฮสต์ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด

          เด็กหนุ่มได้รับการอุปถัมภ์มามากมาย กระนั้นอาร์เต้ก็อยากลองท้าทายตัวเองด้วยการยืนบนขาของตัวเองดูบ้าง เขาอยากล้มในช่วงเวลาที่ยังเหลือแรงอีกเยอะให้ลุกขึ้น และเรียนรู้ที่จะเติบโตในเส้นทางที่ตัวเองเป็นฝ่ายเลือก

          “เอาไว้ฉันจะลองคุยกับท่านให้ดู” เป็นเอกพูดต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ

          เมื่อการขับรถวกไปวนมาสิ้นสุด เป็นเอกก็เลี้ยวเข้าไปยังซอยเล็กแห่งหนึ่ง ข้างในสว่างไสวด้วยไฟข้างทาง ทว่าความนิ่งเงียบของทุกสิ่งในนั้น ทำให้ดูวังเวงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

          รถยนต์สองประตูคันงามลดความเร็วจนเรียกได้ว่าคนวิ่งก็ยังแซงได้ มันขับเคลื่อนผ่านตึกสองชั้นขาวสะอาดตาที่ด้านหน้าติดป้ายว่าเป็นอาร์ตสเปซ

          เข้าไปเรื่อยๆห่างกันเพียงสามช่วงตึกก็เจอกับร้านเล็กๆที่เขียนป้ายตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มว่า ‘TATTOO’

          “พี่แวะมาทำธุระนิดหน่อยไม่ว่ากันนะ” เป็นเอกเหยียบเบรกหยุดการเคลื่อนไหวของล้อรถ

          “ร้านสักเนี่ยนะ?”

          “ใช่” เป็นเอกปลดเข็มขัดนิรภัย “ลงมาด้วยกันสิ”

          “จะดีเหรอ? ธุระของพี่ส่วนตัวหรือเปล่า ผมไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่ง”

          “มาเถอะ” เป็นเอกคะยั้นคะยอ “คิดเสียว่ามาดูงานศิลปะ ช่วงนี้พี่เห็นนายดูโทรมๆ เหนื่อยๆ เผื่อเสพงานอาร์ตแล้วจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง”

          จุดประสงค์อันประหลาดทำให้อาร์เต้หน้าลังเล แต่ถึงอย่างไรความไว้ใจก็ยังเหนือกว่า เขาคิด… แต่ไม่คิดมากกับทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเป็นเอก

          “เจ้าของร้านใจดี พี่อยากแนะนำให้นายรู้จักกับเขา” เป็นเอกดับเครื่องยนต์ “สัญญาว่าอยู่ไม่เกินสองนาที”

          “พี่ว่าไงผมก็ว่าตาม” อาร์เต้ยักไหล่ การเจอคนแปลกหน้าคืองานถนัดของเขาอยู่แล้ว

          ทันทีที่สองเท้าก้าวขาออกจากรถ เด็กหนุ่มก็ยืนกระจังงังอยู่หน้าร้านที่เปิดไฟจนทั่ว ดูภายนอกเรียบง่ายสะอาดตาผิดจากร้ายสักทั่วไป หากไม่มีป้ายเขียนตัวหนังสือใหญ่ข้างหน้า เขาคิดว่าเป็นร้านขายของวินเทจ

          แสงไฟทอแสงเจิดจ้าราวกับตะเกียงที่ถูกครอบด้วยกระจกแก้ว มันดึงดูดอาร์เต้ด้วยพลังงานบางอย่าง ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมลงเม่าโง่เขลาหลงใหลอันตรายที่ไม่รู้ตัวตรงหน้า

          เป็นเอกก้าวเท้าเดินนำไปก่อน เขาเปิดประตูให้เด็กหนุ่มตามเข้ามาติดๆ พลางผายมือเชื้อเชิญราวกับพนักงานต้อนรับ

          เมื่ออาร์เต้โผล่พ้นขอบประตูสลักลวดลายสวยงาม กลิ่นหอมหวานก็โผล่มาต้อนรับเป็นสิ่งแรก ตามมาด้วยชายอีกคนที่ผมสีอ่อนที่เดินมาจากด้านในของร้าน

          “นายคงเป็นอาร์เต้สินะ” เสียงก้องใสกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร “เป็นเอกเล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังเยอะเลยล่ะ ฉันชอบคนที่เปี่ยมด้วยความรักและความปรารถณาอย่างนายนะ”

          แปลกอยู่หน่อยสำหรับคนที่พึ่งเคยเจอหน้ากัน ทว่าคนคนนั้นกลับรู้จักเรามากกว่าที่เรารู้จักเขา อาร์เต้พยายามไม่คิดมาก เขาทำยิ้มทักทายเหมือนตอนเจอลูกค้าหน้าใหม่เวลาทำงาน

          “ไม่ว่าพี่เป็นเอกจะเล่าอะไรให้คุณฟัง รู้ไว้นะครับว่าเรื่องแย่ๆทั้งหมดของผม ไม่มีสิ่งไหนจริงเลยสักอย่าง” อาร์เต้หัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ

          “ตรงกันข้ามต่างหาก เป็นเอกเอาแต่บอกว่านายดียังไงจนฉันเกือบคิดว่าเขารักนายเสียอีก”

          “ใครๆก็รักผมไม่ใช่แค่พี่เอกหรอกครับ”

          “ฉันเองก็ชักจะ… รักนายแล้วเหมือนกัน”

          กลิ่นหอมหวานชวนมึนเมารายล้อมรอบตัวของอาร์เต้ ชวนให้เปลือกตาของเด็กหนุ่มหนักอึ้ง เขารู้สึกเหมือนฤทธิ์แอลกอฮอล์จะกลับมาเล่นงานอีกครั้ง ถึงจะเริ่มสร่างไปเยอะแล้วก็เถอะ

          มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน… ทุกอย่างตรงหน้าเริ่มเลือนราง สิ่งเดียวที่เด่นชัดคือเส้นผมหยักศกสีทองที่สว่างไสวยามต้องแสงจากหลอดไฟ

          ก่อนร่างเด็กหนุ่มจะทิ้งกองลงบนพื้นหินอ่อน เป็นเอกก็เข้าประคองได้ทันท่วงที ราวกับว่าเขานับจังหวะของการกระทำเอาไว้ในใจ

          “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ลงตราไม่นานก็เสร็จแล้ว” ชายตัวเล็กที่สุดในห้องพูด “นายแทบจะไม่รู้สึกอะไร หรือจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

          “ตราอะไรเหรอครับ” อาร์เต้สั่นหัวพยายามไล่ความมึนตึงตรงแถวขมับให้ออกไป “ผม… ไม่…”

          “ไว้ใจฉันได้… ฉันจะเลือกลวดลายที่สวยที่สุดเพื่อนาย”

          ก่อนที่ดวงตาจะมืดดับลง อาร์เต้จำเค้าลางได้ว่าได้ยินประโยคสุดท้ายออกจากปากของเป็นเอก เสียงของผู้จัดการหนุ่มฟังดูร้อนรนก่อนทุกอย่างจะเงียบงัน

          “เป็นคิวบัสหรือเปล่าครับที่รังควานเด็กคนนี้อยู่?”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status